คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : เปิดเกมรุก
หมวดศรุตยกถาดน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋วางตรงหน้าหมอสาวที่กำลังเปิดดูเอกสารในแฟ้มอยู่
แล้วก็ได้รับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามกลับมา
“ผมเห็นคุณกินประจำไม่ใช่เหรอ”
หมวดศรุตบอกเสียงเรียบ ก่อนนั่งลงตรงข้ามกับพิมพ์ชนก
“คุณเห็นฉันกินตอนไหนไม่ทราบ”
หมอสาวตอบทั้งที่สายตายังคงจ้องอยู่ที่เอกสารตรงหน้า
“อ้าว
ผมเห็นคุณซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋เกือบทุกวันเลยนี่” เขาแย้งขึ้นมา
เพราะเกือบทุกเช้าเขามักจะเห็นพิมพ์ชนกถือถุงที่เต็มไปด้วยน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋จากตลาดเช้ากลับไปที่โรงพยาบาลประจำ
“ก็ใช่
แต่ฉันไม่ได้กินเอง” คราวนี้พิมพ์ชนกสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า
ที่สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
“ฉันซื้อไปฝากน้องๆ
ที่ห้องฉุกเฉิน กับญาติคนไข้ต่างหากหละ” เป็นคำตอบที่คนฟังถึงกับอึ้งกิมกี่ทีเดียว
นี่หมอพิมพ์ชนกที่เขาชอบปรามาสว่าเป็น ยัยหมอโรคจิต
ก็มีมุมแบบนี้กับเขาด้วยหรือนี่
“ของแบบนี้กินทุกวันก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่หรอกนะคะ
คุณเองก็เตือนผู้กองบ้าง เห็นซื้อไปฝากกันทุกวันเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
พิมพ์ชนกเตือนด้วยความเป็นห่วงอีกคน มีแวววูบไหวในสายตาของผู้หมวดหนุ่มเพียงครู่ซึ่งหมอสาวไม่ทันสังเกต
“ว้าว
น่ากินจังเลย ของนี้ท่านได้แต่ใดมา”
เป็นเสียงของสายสมรที่ตาเป็นมันเมื่อมองเห็นของชอบตรงหน้าหมอสาว
“ข้าแอบฉกมาจากห้องครัวนี่เอง
แม่นางตือโป๊ยก่าย” หมวดศรุตรีบรับมุกกลับไปทันควัน
“โอ้ยหมวด
ชื่ออื่นไม่มีหรือไง เสี่ยวเหลียน เสี่ยวเตี๋ย ก็ว่าไปสิ
อย่าให้พี่หมอนผอมบ้างเหอะ” สายสมรฟึดฟัดกับคำล้อเลียนของหมวดศรุต แล้วทำเนียนหยิบปาท่องโก๋ในถาดยัดใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ
เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากสองหนุ่มสาว
“อ้าวแล้วรูมเมทพี่หมอนไปไหนซะหละ
แผลยังไม่หายดีหรือครับ” หมวดศรุตถามขึ้นหลังจากดึงสติกลับมาแล้ว
สายสมรรีบยกน้ำเต้าหู้ซดโครกๆ ก่อนจะตอบคำถาม
“น้องต่ายเธอปวดเข่าค่ะ
เมื่อวานแอบหนีพี่หมอนไปเล่นซนจนได้แผลกลับมา
ก็เลยให้กินยาที่หมวดเอาไปให้แล้วนอนพักเผื่อดีขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้นช่วงพักกลางวันพิมพ์จะแวะไปดูให้นะคะ”
พิมพ์ชนกขันอาสาและตกลงกันว่าตอนเที่ยงจะแวะไปดูอาการของพัฒนากรสาวด้วยกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ของตน
ผู้กองภวินท์ใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตการณ์ความเป็นไปของคนในค่าย
ซึ่งตอนนี้ข้างล่างกำลังทำกิจกรรมกลางแจ้งกันอยู่โดยมีหมวดศรุตเป็นผู้นำกิจกรรม แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็แน่ใจว่ายังไม่เห็นแม้เงาของปราณปรียา
ทำให้รู้สึกเป็นห่วงว่าเธออาจจะเจ็บแผลอย่างที่เขาคิดไว้แต่แรก
“อะแฮ่ม...เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายก็สนใจกิจการของน้าอรด้วย” อรุณสวัสดิ์ทักขึ้น แม้จะได้ยินเรื่องของภวินท์จากจ่าสมยศและหมวดศรุตมาบ้างแต่ไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะเป็นเอามากถึงเพียงนี้
“ฉันก็แค่ดูแลความเรียบร้อยก็เท่านั้น”
ผู้กองหนุ่มรีบเก็บอุปกรณ์ทันที พร้อมกับทำหน้าเหรอหราใส่ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน
ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของเขา
ส่วนอีกคนทำหน้าไม่ชื่อถือคำพูดของผู้กองหนุ่มเอาซะเลย
“เหรอ”
แกล้งลากเสียงยาวให้ดูจงใจ
“แล้วนายมาทำอะไรตรงนี้
ไม่ต้องไปคอยดูแลค่ายหรอกเหรอ” ผู้กองหนุ่มเฉไฉไปเรื่องอื่น
เมื่อเจอสายตาสำรวจของคนตรงหน้า
“อ้าว
ก็เห็นแล้วนี่ว่าข้างล่างเขาทำอะไรกันอยู่ ยังจะมาถามอีก”
อรุณสวัสดิ์ยังไม่เลิกแขวะเจ้าคนปากแข็ง ปากแข็งได้ทุกเรื่องจริงๆ
“นายนี่จะทำตัวเหมือนไอ้ศรุตเข้าไปทุกวันแล้วนะ”
ภวินท์ทำหน้าเหนื่อยหน่าย อรุณสวัสดิ์ถึงกับยิ้มขำเมื่อโดนเอาไปเปรียบเทียบกับหนุ่มจอมทะเล้นอย่างหมวดศรุต
“แล้วตกลงมีอะไรถึงขึ้นมาถึงนี่ได้”
ผู้กองหนุ่มวกกลับมาที่ต้นเหตุการมาของอรุณสวัสดิ์ เพราะปกติจะติดต่อกันทางโทรศัพท์มากกว่า
“วันมะรืนพ่อกับแม่ฉันจะมาตรวจกิจการลูกชาย
แล้วก็จะค้างที่นี่สักสองสามวัน” อรุณสวัสดิ์บอกเล่าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ซึ่งภวินท์เองเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายที่แก่กว่าไม่กี่เดือนคนนี้ดี
“ถึงคุณลุงจะไม่พูด
แต่เค้าก็ภูมิใจในตัวนายนะ” นั่นเป็นคำพูดปลอบใจที่ทั้งคนพูดและคนฟังขมขื่นพอกัน
“น้าอรก็คงคิดเหมือนพ่อฉันนายว่าไหม”
อรุณสวัสดิ์กล่าวเสริม และหัวเราะขื่นๆ
ให้กับโชคชะตาของตัวเองกับผู้กองหนุ่มที่คล้ายๆ กัน
“แล้วตกลงนายชอบคนไหนหมอพิมพ์
หรือคุณกระต่ายแต่ฉันเชียร์หมอพิมพ์นะ” อรุณเอ่ยแซวขึ้นมาอีก
“ฉันกับหมอพิมพ์เป็นเพื่อนกัน
แล้วทำไมนายต้องเชียร์หมอพิมพ์ด้วย” ผู้กองหนุ่มหรี่ตาถามด้วยความสงสัย
“ฉันว่าคุณกระต่ายเธอน่ารักดี
ถ้านายชอบๆ กับหมอพิมพ์ไปฉันจะได้จีบคุณกระต่ายซะเองไง” อรุณเอ่ยทีเล่นทีจริง
พร้อมกับจับสังเกตคนตรงหน้าและก็เป็นอย่างที่คิด
“เหอะ
นายนี่จะหาเรื่องเจ็บตัวให้ได้ใช่ไหม”
ภวินท์ทำเสียงเข่นเขี้ยวเมื่ออรุณยังเล่นไม่เลิก
มีหรือที่คนอย่างอรุณสวัสดิ์จะดูเขาไม่ออกว่าคิดอย่างไร พอๆ
กับที่เขาเองก็รู้จักนิสัยใจคอของญาติคนนี้ดี
ปราณปรียารู้สึกเบื่อกับสภาพของตัวเองในตอนนี้เต็มทน
เมื่อหัวเข่าที่แสดงอาการปวดขึ้นมาในวันนี้ทำให้เจ็บมากเวลาที่เดิน แต่พอมองออกไปข้างนอกเห็นทีมงานทำงานกันอย่างเต็มที่และเด็กๆ
ที่มาเข้าค่ายอบรมก็สนุกสนานกับกิจกรรมนันทนาการของหมวดศรุต ก็ให้นึกอยากออกไปร่วมวงด้วย
ว่าแล้วก็เดินลากขาและสังขารของตัวเองออกมาจากห้องพัก แต่ไปไหนได้ไม่ไกลก็เป็นอันสะดุดล้มเกือบหัวคะมำโชคดีที่มีผู้หวังดีเข้ามาประคองไว้ก่อน
“ขอบคุณค่ะ”
ปราณปรียาเอ่ยขอบคุณเจ้าของมือเรียวยาวที่ช่วยเธอเอาไว้ ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าของผู้หวังดีด้วยซ้ำ
“ระวังหน่อยครับ
ขาเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือครับ” เป็นเสียงของปลัดเอกภพนั่นเอง เพราะเขาตั้งใจจะมาดูอาการของปราณปรียาอยู่แล้วเหมือนกัน
แต่เห็นว่าเธอเดินออกจากห้องมาแล้วจึงเดินตามมาทันได้ช่วยไว้พอดี
“ฉันเบื่อนี่คะ
เห็นพวกคุณทำงานกันแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ซะเลย” ปราณปรียาทำหน้าหงอย
ขณะที่เอกภพประคองมานั่งยังม้านั่งใกล้ๆ และเขาก็นั่งลงข้างกันกับเธอ
“น้องกระต่ายไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ
รักษาตัวเองให้หายไวๆ เรายังอยู่อีกหลายวัน”
ปลัดหนุ่มกล่าวปลอบใจใช้มือเรียวของเขาลูบหลังมือหญิงสาวเบาๆ พร้อมกับสายตาหวานเยิ้มจนปราณปรียาขนลุกไปกับสัมผัสของเขา
แต่หาใช่ด้วยอารมณ์พิศวาสแต่อย่างใดเธอรีบชักมือกลับโดยเร็วและนึกโทษตัวเองที่ออกจากห้องมาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
ครั้นจะลุกหนีก็คงไม่แคล้วต้องให้ชายหนุ่มพยุงเช่นเคยจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ
ส่งให้ขณะที่สมองครุ่นคิดหาวิธีหลุดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้
“แล้วปลัดเอกเตรียมเอกสารสำหรับอบรมเรียบร้อยแล้วหรือคะ”
ปราณปรียาพยายามหาช่องทางเอาตัวรอด
หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วยแต่ดูเหมือนทุกคนกำลังยุ่งกันหมด
“ผมให้น้องธุรการที่มาด้วยจัดการแล้วครับ
ของน้องกระต่ายมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ ผมจะให้น้องเขามาช่วยอีกแรง”
เมื่อปลัดหนุ่มเปิดไฟเขียวให้ปราณปรียาจึงรีบใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ทันที
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนปลัดเอกบอกน้องมาเตรียมเอกสารช่วยหน่อยได้ไหมคะ
พอดีนึกได้ว่ายังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่”
เอกภพลุกขึ้นยืนเพื่อล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงที่แน่นเปรี๊ยะของเขา
พร้อมกับกดโทรศัพท์หาลูกน้องแต่ดูท่าว่าจะไม่มีคนรับ เพราะปราณปรียาสังเกตว่าเขากดต่อสายหลายครั้ง
“สงสัยจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
ว่าแต่เอกสารที่ว่านี่อยู่ไหนครับเดี๋ยวผมช่วยจัดเอง”
เอกภพอาสาช่วยเองเพราะติดต่อลูกน้องไม่ได้ในตอนนี้
ปราณปรียาถึงกับหน้าเสียขึ้นมาทันทีเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด
“แล้วปลัดไม่มีบรรยายหรือคะ”
ความพยายามของเธอยังไม่หมด ด้วยหวังว่าสายสมรหรือใครอาจผ่านมาทางนี้บ้าง
“เสร็จจากกิจกรรมกลางแจ้งเป็นชั่วโมงของหมอพิมพ์ครับ
น้องกระต่ายไม่ต้องเป็นห่วงผมว่างถึงเที่ยงเลย”
ปลัดหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะเป็นโชคดีของเขาที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับสาวน้อยที่เขาเฝ้าเพียรขายขนมจีบมาหลายเดือน
“คือฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ
พอดีรู้สึกเพลียขึ้นมาซะอย่างนั้น” ว่าแล้วก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืน
เข่าที่บวมอยู่แล้วก็เกิดปวดหนึบขึ้นมาทันที
เอกภพทำท่าจะเข้ามาพยุงปราณปรียาเอาไว้แต่ก็ช้ากว่าผู้มาใหม่
นอกจากจะช้ากว่าแล้วปลัดหนุ่มยังต้องอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นอีกด้วย
เมื่อแม่กระต่ายน้อยที่เขากำลังไล่ต้อนอยู่เมื่อครู่ตัวลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนต่อหน้าต่อตา
“ว้าย
! ผะ ผู้กอง”
ปราณปรียาขยำคอเสื้อของผู้กองหนุ่มด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ
เขาก็โผล่มาอุ้มเธอจนตัวลอยแถมยังทำหน้าตาถมึงทึงราวกับว่าโกรธใครมาสักสิบชาติ
“ขอตัวพาคนป่วยไปห้องพยาบาลนะครับ”
ผู้กองหนุ่มพูดเสียงเรียบแต่ดูน่าเกรงขาม
จนปลัดเอกภพเองไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจนัก และภวินท์ก็ไม่ได้อยู่รอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอีกคนเขาสาวเท้าอย่างรวดเร็วตรงไปยังห้องพยาบาลที่อยู่ถัดจากโรงนอน
แม้ว่าเขาจะเดินเร็วแล้วก็ตามแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาหลายคู่กลางสนามที่มองมายังเขาและเธอ
ปราณปรียาไม่รู้จะขอบคุณหรือจะโกรธเขาดีที่อุตส่าห์ช่วยให้พ้นจากปลัดเอกภพ
แต่ต้องมารู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
และคงจะตกเป็นเรื่องเล่าไปอีกหลายวันทีเดียว
นาทีนี้เธอทำได้เพียงก้มหน้าเข้าหาอกกว้างของผู้กองหนุ่มเพื่อลี้ภัยไปก่อน
“ถึงแล้วคุณ
มุดเข้ามาขนาดนี้จะสิงผมหรือไง”
ผู้กองหนุ่มก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็กของคนที่เหมือนตั้งใจจะสิงร่างของเขาจริงๆ ปราณปรียาจึงส่งค้อนวงโตให้เป็นรางวัล
“ก็วางฉันลงสิ
เอะอะก็เอาแต่อุ้มอยู่นั่นแหละ ฉันอายเป็นนะ” ปราณปรียาโวยวาย
พักนี้จะโดนผู้ชายอุ้มบ่อยเกินไปละแถมยังเป็นผู้ชายคนเดิมอีกด้วย
“โดนอุ้มเป็นครั้งที่สองแล้วยังไม่ชินอีกหรือ
สงสัยผมคงต้องอุ้มคุณให้นานขึ้น” ว่าแล้วก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีกเป็นการลงโทษที่หญิงสาวปล่อยให้ปลัดขี้หลีนั่นจับมือถือแขน
นี่ถ้าเขามาไม่ทันคนที่อุ้มปราณปรียาคงเป็นปลัดเอกภพเป็นแน่
“คุณจะบ้าหรือไง
ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปราณปรียาดิ้นรนอยู่ในวงแขนที่รัดแน่น
พร้อมกับระดมกำปั้นทุบรัวไปที่หน้าอกแข็งแกร่งแต่เขาหาได้สะทกสะท้านกับแรงอันน้อยนิดนั้น
จนคนทุบเหนื่อยและหยุดไปเอง
“มีแรงแค่นี้เองเหรอ”
เขายิ้มขำกับสภาพของกระต่ายน้อยในอ้อมแขน
ตอนนี้ผมเผ้าของปราณปรียายุ่งเหยิงไปหมดจนมองไม่เห็นหน้าตาบึ้งตึงของเธอ
“พอใจหรือยัง
ถ้าพอใจแล้วก็กรุณาวางฉันลงด้วยค่ะ” ปราณปรียาพูดเสียงเย็นอย่างข่มอารมณ์เต็มที่
นี่ผู้กองภวินท์เห็นเธอเป็นอะไรกัน นึกอยากแกล้งก็แกล้ง นึกอยากอุ้มก็อุ้มง่ายๆ ทำราวกับว่าเธอเป็นของเล่นแก้เหงาของเขาอย่างนั้น
ฝ่ายผู้กองหนุ่มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวชักจะโกรธจริงจังจึงวางเธอลงบนเตียงผู้ป่วยในห้องพยาบาลอย่างเบามือ
ด้วยความรู้สึกผิดที่แกล้งเธอมากเกินไป แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อภาพที่เขาเห็นคือปลัดเอกภพถึงเนื้อต้องตัวปราณปรียาจนเขาต้องรีบย้ายตัวเองลงมาจากที่พำนักด้วยอารมณ์คุกรุ่น
และตัดสินใจได้ในนาทีนั้นเองว่าเขาควรแสดงความรู้สึกออกมาให้ชัดเจนเสียที
“ไหนดูซิว่าแผลเป็นยังไงบ้าง”
ผู้กองหนุ่มเฉไฉไปเรื่องอื่นเมื่อปราณปรียานั่งกอดอกแต่เอียงหน้าไปอีกทาง
และพอเขาจับที่ขาเธอก็เบี่ยงขาหลบให้พ้นจากมือของเขา
ภวินท์ลองอีกครั้งคราวนี้ปราณปรียากระเถิบตัวหนีออกไปที่ปลายเตียง เขาเองนึกไม่ถึงว่าคนที่ภายนอกดูอ่อนโยนหัวอ่อนแบบปราณปรียาเวลาดื้อขึ้นมาก็เอาเรื่องพอสมควร
“คุณรู้ไหมว่าตำรวจเขามีวิธีการทำให้ผู้ต้องหายอมรับผิดได้ยังไง”
ผู้กองหนุ่มทำหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับนั่งเบียดลงข้างๆ
ปราณปรียาจนหญิงสาวต้องกระถดถอยหนีไปชิดผนังห้องด้วยท่าทางหน้าตาตื่น
เพราะสีหน้าของผู้กองดูจริงจังจนเธอไม่แน่ใจว่าเขาจะหักคอเธอหรือเปล่า
ภวินท์ใช้มือข้างหนึ่งยันผนังห้องไว้เพื่อกักบริเวณผู้ต้องหาสาวที่กำลังมองการกระทำของเขาด้วยความตระหนกตกใจ
ขณะที่มืออีกข้างกำหมัดยกขึ้นมาจ่ออยู่ที่หน้าของเธอ ปราณปรียาหมดหนทางหนีทำได้เพียงหลับตาปี๋รอคอยชะตากรรม
ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเป็นลมไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไป หนีเสือปะราชสีห์ชัดๆ
ผู้กองหนุ่มยิ้มมุมปากกับท่าทางของปราณปรียา
ก็ดูเถอะไม่ว่าเขาจะแกล้งอะไรไปการตอบสนองของหญิงสาวดูน่ามองสำหรับเขาไปหมด
จมูกเล็กโด่งรั้นที่ชอบพ่นลมฟืดฟาดเวลาโดนแกล้ง ริมฝีปากอมชมพูที่เคยเถียงต่อปากต่อคำกับเขาน่าจะโดนลงโทษให้หลาบจำเสียบ้าง
ขณะที่คิดเขาก็เผลอใช้นิ้วโป้งแตะไล้ไปที่ริมฝีปากสีสวยของคนตรงหน้า
ปราณปรียาแปลกใจกับสัมผัสที่ได้รับจึงค่อยๆ
ลืมตาขึ้นมาดูและเหมือนเธอโดนมนต์สะกดเมื่อสบเข้ากับสายตาคมของผู้กองหนุ่มที่ทำเอาหัวใจเธอแทบหยุดเต้นลงตรงนั้น
“คุณ
จะ ทำ อะไร คะ” ปราณปรียาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ
เหมือนคนคอแห้งกระหายน้ำ ในขณะที่นั่งตัวเกร็งไม่กล้ากระดุกกระดิก
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวนก่อนทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง
“โอ๊ย
! คนบ้าเจ็บนะ”
ปราณปรียารีบกุมหูทั้งสองข้างไว้เมื่อหูข้างหนึ่งโดนผู้กองหนุ่มดีดเข้าให้ ส่วนผู้ก่อเหตุหัวเราะอย่างถูกใจกับท่าทางของเธอก่อนจะถอยห่างออกมา
“วิธีลงโทษคนดื้อไง
ครั้งต่อไปไม่ใช่ตรงนั้น แต่เป็นตรงนี้” เขาบอกด้วยท่าทางอารมณ์ดี พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากเรียวยาวของตัวเอง
ส่งผลให้หญิงสาวรีบเอามือปิดปากโดยอัตโนมัติ
และยอมให้เขากระทำกับแผลบนหัวเข่าได้ตามใจชอบโดยไม่ปริปากสักคำ
ผู้กองภวินท์เดินออกไปข้างนอกครู่หนึ่งก่อนกลับมาพร้อมกับลูกประคบที่นึ่งพออุ่นๆ
เขาจัดการประคบลงบนรอยบวมช้ำบนหัวเข่าของปราณปรียาอย่างเบามือ
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวรู้สึกถึงความห่วงใยจากผู้ชายคนนี้
เธอรู้สึกถึงกระแสอบอุ่นทั้งที่หัวเข่าและค่อยๆ ลามเลียไปถึงหัวใจ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาทันได้สบตากับหญิงสาวแวบหนึ่งก่อนที่เธอจะแกล้งเบือนหน้าหนี
เขาจึงได้แต่ก้มหน้าลงมาและยิ้มให้กับหัวเข่าบวมช้ำของเธอแทน
“น้องต่ายเป็นยังไงบ้าง
แล้วอะไร ยังไงคะ พี่หมอนงงอย่างแรง”
สาวใหญ่ร่างอวบพูดขึ้นทันทีที่มาถึงหน้าประตูห้องพยาบาลที่เปิดกว้างอยู่แล้ว
พร้อมกับหอบแฮ่กๆ
เพราะเสร็จจากกิจกรรมกลางแจ้งก็รีบหอบสังขารมาเกาะติดสถานการณ์ทันที และอีกคนที่ตามมาติดๆ
ก็คือปลัดเอกภพนั่นเอง
“คือ...เอ่อ...คือ”
ปราณปรียาไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายได้ในเวลานี้
“คือผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้กระต่ายน้อยได้รับบาดเจ็บน่ะครับ” ผู้กองภวินท์ลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์พร้อมกับบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ซึ่งนั่นคงจะไม่ทำให้คนฟังตกใจ เท่าสรรพนามเรียกขานที่เขาใช้เรียกปราณปรียา
“กระต่ายน้อย
! !”
ทั้งสามคนทวนคำพร้อมกัน พร้อมกับทำหน้าเหวอและหันมองปราณปรียาเป็นตาเดียว ส่วนเจ้าตัวทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้
นี่ผู้กองภวินท์จะเอาให้เธออับอายผู้คนจนตายไปเลยใช่ไหม แล้วดูสิยังมีหน้ายิ้มเยาะเย้ยกันอีก
“ครับ
เพราะอย่างนั้นผมเลยอยากจะดูแลอาการของเธออย่างใกล้ชิด” เขาพูดต่อหน้าตาเฉยและไม่สะทกสะท้านใดๆ
แม้ว่าทุกคนในที่นั้นจะหันมามองที่เขารวมทั้งหญิงสาวคู่กรณีด้วย
ผู้กองหนุ่มเปิดเกมรุกเดินหน้าประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ผมจอง
คงมีแต่เด็กประถมเท่านั้นกระมังที่ดูไม่ออก
“อะ..เฮ่อ
ถ้าอย่างนั้นเชิญตามสบายเลยนะคะ พี่หมอนขอตัวไปดูอาหารกลางวันให้เด็กๆ ก่อนละกัน”
สายสมรผู้ไหวพริบดีรีบหลบฉากพร้อมกับขว้าแขนปลัดเอกภพติดมือไปด้วย
ทั้งที่อีกฝ่ายยังคงเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์อย่างสับสน แต่ก็ยอมเดินไปตามแรงฉุดของสายสมรแต่โดยดี
“เดี๋ยวสิคะพี่หมอน
พาต่ายกลับห้องก่อนค่ะ”
ปราณปรียากวักไม้กวักมือตามหลังเพื่อนร่วมห้องที่สละเรือเอาตัวรอดไปก่อน
“ไม่ต้องเรียกหาคนอื่นหรอก
ก็บอกแล้วไงว่าผมจะดูแลคุณเอง” เขาบอกพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ที่ทำเอาคนฟังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ตามไปด้วย
...................................................................................................................................
จัดหนักมาซะขนาดนี้ พี่ก็เขินตายกันพอดีสิคะผู้กอง
เรียกมาได้ "กระต่ายน้อย" คริ คริ
ความคิดเห็น