ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #21 : กลับบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 59




                    เจ้าเข้มวิ่งเรื่อยๆ อย่างไม่รีบเร่งมาตามถนนที่ตรงไปยังบ้านไม้เรือนไทยที่ปลูกอยู่ภายในบริเวณพื้นที่กว่าสองร้อยไร่ สองข้างทางเต็มไปด้วยแปลงพืชไร่ พืชสวน ทั้งที่ปลูกแบบโล่งและปลูกในโรงเรือน รวมทั้งกิจกรรมประมงน้ำจืด โรงเรือนสาธิตต่างๆ เรื่อยมาตามทาง อีกโซนจัดแบ่งเป็นอาคารสำหรับใช้ประชุมและจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนอีกโซนจัดแบ่งเป็นโรงเรือนสำหรับผู้เข้ารับการอบรม โซนสุดท้ายจัดเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเจ้าของไร่ซึ่งเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน ปกครองชุมชนแห่งนี้

                    นางอรทัยยืนมองผ่านหน้าต่างชั้นสองของบ้าน พลันใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก นางนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายเพียงคนเดียวเสียแล้ว เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตหัวใจที่เริ่มจะชุ่มชื้นก็แห้งผากอีกครั้ง ความน้อยอกน้อยใจก่อร่างเป็นกำแพงปิดกั้นการรับรู้ความรู้สึกทั้งปวง

                    ภวินท์แหงนหน้ามองขึ้นไปเช่นกันจึงทันได้เห็นเงาไหววูบหลังบานหน้าต่างนั้น เขาจมอยู่กับความคิดเพียงชั่วครู่ก่อนจะขับรถเลยผ่านไปยังที่พำนักของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่บ้านหลังนี้ ห่างออกไปประมาณสามร้อยเมตรคือกระท่อมไม้ยกพื้นสูง ข้างล่างกั้นเป็นห้องเก็บของและห้องครัว ส่วนชั้นบนมีห้องนอน ห้องรับแขกอย่างละหนึ่งห้อง และระเบียงโล่งกว้าง กระท่อมตั้งอยู่บนเนินดินสูงในเนื้อที่ประมาณ 3 งาน จากตรงนี้เขาสามารถมองเห็นความเป็นไปของคนที่บ้านใหญ่ได้เกือบทุกมุมมอง และนั่นคือความจงใจอย่างหนึ่ง

     

                    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นเชิงขออนุญาต สักพักบานประตูก็ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่

                    “คุณวินกลับมาแล้วค่ะ” นางสมใจผู้เป็นแม่บ้านทั้งยังเป็นเหมือนญาติผู้พี่ที่สนิทสนมรักใคร่กับเจ้าของบ้านรีบรายงาน

                    “จ้ะ” มีเพียงคำตอบรับสั้นๆ จากสตรีวัยห้าสิบต้นๆ ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายปกครอง

                    “ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะจัดสำรับเพิ่มนะคะ”

                    “จัดที่เดียวก็พอพี่สมใจ วันนี้ฉันมีประชุมที่อำเภอ” เจ้าของบ้านบอก ขณะที่จัดเตรียมสัมภาระที่ต้องใช้

                    “ค่ะ” นางสมใจรับคำสั้นๆ และเดินออกมาอย่างเงียบเชียบ แต่ภายในใจกลับหนักอึ้งด้วยความรู้สึกหลากหลาย

                    “แม่ลูกคู่นี้เมื่อไหร่จะคุยกันดีๆ สักที ทั้งที่ต่างคนต่างก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน” นางได้แต่รำพึงอยู่คนเดียว

     

                    “วันนี้มีอะไรกินครับป้าสมใจ” ชายหนุ่มถามขึ้น ขณะที่เดินมาที่โต๊ะอาหารของบ้านหลังใหญ่ และสังเกตเห็นว่าที่โต๊ะจัดสำรับไว้เพียงชุดเดียว

                    “มีลาบหมู แกงหน่อไม้ ไก่ย่างเกลือค่ะ คุณวินจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ” ป้าสมใจแจกแจงรายการอาหารให้ฟัง

                    “แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้วป้า ขอข้าวเหนียวด้วยครับ” เขาพูดเสียงกร่อยๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มให้ป้าสมใจ นางสมใจเองก็รู้สึกเห็นใจเจ้านายหนุ่มไม่น้อย จะว่าไปนางเองก็รักภวินท์เหมือนลูกเพราะมีโอกาสได้เลี้ยงดูแต่เล็กพร้อมๆ กับสมยศลูกชายของนางเอง

                    “วันนี้นายแม่มีประชุมที่อำเภอค่ะ” นางสมใจรายงานถึงเหตุผลในการไม่พบหน้านายหญิงของบ้าน แม้จะเป็นเช่นนี้บ่อยครั้งที่ผู้เป็นมารดาพยายามหลบหน้าบุตรชายของตน แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันเสียที

                    “ครับ” เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะแกล้งสนใจอาหารตรงหน้าแทน

     

                    เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ที่ปราณปรียาไม่ได้พบหน้าผู้กองภวินท์ ทำให้หญิงสาวได้ตระหนักว่าเขาเริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของเธอเพียงใด ทั้งที่เธอยังโกรธเขาอยู่แท้ๆ แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะอธิบายอะไรทั้งนั้น แถมยังหนีหน้าหายไปปล่อยให้เธอรู้เรื่องจากดาวประกายว่าเขากลับบ้าน

                    นั่นคงเป็นสิ่งช่วยยืนยันให้เธอได้รู้ว่าเขามีอิทธิพลกับเธอแค่ฝ่ายเดียว ส่วนเธอเองก็คงไม่ได้มีความสำคัญกับเขาเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอจะต้องรู้สึกแย่ด้วยเมื่อคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนสำคัญ

                    หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้หมดไป ก่อนหันมาสนใจเอกสารตรงหน้า วันนี้เธอมีประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อจัดทำโครงการเข้าค่ายพัฒนาอาชีพสำหรับเยาวชนกลุ่มเสี่ยงต่อการติดยาเสพติด ถือเป็นงานใหญ่งานแรกสำหรับหญิงสาวเลยทีเดียว

                    ปราณปรียากลับมาถึงห้องพักด้วยอาการใจลอย แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปั่นจักรยานกลับมาถึงห้องได้อย่างไร มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ดาวประกายร้องทักขึ้นมา

                    “น้องต่าย ทำไมวันนี้กลับค่ำจังคะ” ดาวประกายเงยหน้าขึ้นมาจากการแปรงขนให้เจ้าลูกหนู

                    “วันนี้มีประชุมงานสำคัญค่ะ แล้วก็เป็นงานด่วนด้วย งานนี้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานทางพัฒนาชุมชนรับผิดชอบเรื่องอบรมอาชีพเลยต้องเตรียมเอกสารโครงการกันเยอะหน่อย” หญิงสาวตอบพร้อมกับเดินไปเกาพุงเจ้าลูกหนูที่นอนหงายท้องอย่างสบายอารมณ์ พอโดนเกาพุงมันก็ทำขาตะกุยดิ้นดุกดิกเหมือนกำลังจั๊กจี้อย่างนั้น

                    “เกิดเป็นลูกหนูนี่ก็สบายนะ กิน เล่น แล้วก็นอน” ปราณปรียายิ้มอย่างเอ็นดูท่าทางของเจ้าลูกหนู

                    “เอ น้องต่ายไม่สบายหรือเปล่าพี่ว่าหน้าตาดูซีดๆ นะ” ดาวประกายถามอย่างห่วงใย

                    “ช่วงนี้งานคงรุมมั้งคะ พอดีหัวหน้าให้ต่ายเป็นคนรับผิดชอบโครงการที่ว่านี่ด้วยเลยต้องหาข้อมูลเยอะหน่อย” ปราณปรียาบ่ายเบี่ยงไปเรื่องงาน ทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่ใช่ซะทีเดียว

                    “อ้อ ต่ายฝากดูห้องด้วยนะคะ วันมะรืนนี้ต้องพากลุ่มเป้าหมายไปเข้าค่ายที่ไร่อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ต่ายจำชื่อไม่ได้ พอดีพี่หมอนแกเป็นคนประสานเรื่องสถานที่”

                    “ไปกี่วันคะ อย่างนี้พี่ก็ไม่มีเพื่อนนะสิ” ดาวประกายทำหน้าหงอย เมื่อคิดว่าคงเหงาปากไม่มีเพื่อนคุย ถึงจะมีเจ้าลูกหนูก็เถอะ ส่วนสามีนะหรือเวลาเธอตื่นเขาก็หลับ จึงไม่ค่อยได้คุยกันนัก

                    “9 วัน 8 คืนค่ะพี่ดาว” ปราณปรียาบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

                    “โห มันค่ายอะไรกันคะไปนานขนาดนั้นน้องต่ายจะอยู่ยังไง”

                    “ถึงบอกว่างานช้างไงคะ ต่ายว่าจะไปอ้อนหัวหน้าขอเอาพี่หมอนไปด้วยไม่รู้แกจะว่ายังไง” หญิงสาวคิดว่าหากมีสายสมรไปด้วยคงจะดีไปหลายอย่าง เพราะถึงแม้น้ำหนักเจ้าหล่อนจะมากแต่ก็คล่องแคล่วว่องไวในการติดต่อประสานงาน และคงเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาได้ดีทีเดียว

                    “ก็ดีนะคะ เจ๊หมอนเห็นอย่างนั้นมีแกอยู่ด้วยก็สบายไปแปดอย่าง” ดาวประกายนึกถึงสมัยเมื่อครั้งเธอเป็นนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเคยฝึกงานที่สำนักงานเดียวกับที่ปราณปรียาทำงานอยู่ จึงรู้จักนิสัยใจคอของสายสมรเป็นอย่างดี

                    ปราณปรียาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของดาวประกาย หญิงสาวอยู่คุยกับเพื่อนบ้านสักครู่จึงขอตัวไปพักผ่อน

     

                    ก่อนเดินทางหนึ่งวันปราณปรียาคิดว่าเธอควรจะบอกกล่าวให้หญิงชราที่เธอนับถืออีกหนึ่งคนได้รับรู้ว่าเธออาจจะไม่อยู่หลายวัน และวันหยุดคงไม่ได้มาตักบาตรตอนเช้าด้วย

                    “สวัสดีค่ะคุณยาย วันนี้ต่ายขอฝากท้องที่นี่สักมื้อนะคะ” ปราณปรียาเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกล แม่อวนที่กำลังทำบางอย่างอยู่บนศาลาหกเหลี่ยมละมือจากงานตรงหน้าหันมายิ้มให้กับเจ้าของเสียงนั้น

                    “ทุกมื้อก็ได้ ยายไม่มีเพื่อนทานข้าวมาหลายวันแล้วเหงาจะแย่” คนแก่ช่างพูดจาออดอ้อนดีเหลือเกิน เห็นอย่างนั้นปราณปรียาก็นึกถึงมารดาช่างอ้อนของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน

                    “แหมคุณยายใจดีแบบนี้ ต่ายคงประหยัดค่ากับข้าวไปได้มากโขเลยค่ะ เอแล้วนี่คุณยายทำอะไรอยู่คะ” ปราณปรียาเอ่ยถาม เมื่อเห็นหญิงชรากำลังฉีกใบตองออกเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเท่าๆ กัน

                    “ทำข้าวต้มมัด จะฝากไปให้ตาวินเขา กลับไปอยู่บ้านหลายวันเห็นบ่นว่าอยากกิน ใครทำก็ไม่เหมือนย่าทำ ดูสิหลอกใช้คนแก่ซะอย่างนั้นเจ้าตัวแสบ” ปราณปรียาถึงกับหูผึ่ง เชอะที่แท้ก็อยู่สบายดีกระทั่งมีเวลาคิดเรื่องของกิน คิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองนักที่เอาแต่คิดเรื่องของเขา

                    “มาลองดูหน่อยไหม หนูต่ายเคยทำหรือเปล่า” แม่อวนยิ้มมุมปาก พร้อมกับเอ่ยชวนหญิงสาวให้ช่วยห่อข้าวต้มมัดด้วยกัน ปราณปรียานึกสนุกอยากลองดูจึงรีบนั่งลงข้างแม่อวนทันที

                    “ต้องทำยังไงบ้างคะ” หญิงสาวทำหน้าตาจริงจัง เพราะไม่เคยทำขนมแบบนี้มาก่อน จึงสังเกตทุกท่าทางและคำอธิบายของแม่อวน

                    แม่อวนหยิบใบตองที่ฉีกเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหงายด้านที่เป็นสีขาวขึ้น แล้วหยิบผ้าขาวบางที่ชุบน้ำมันพืชไว้แล้วเช็ดใบตองจนมัน จากนั้นใช้ช้อนตักข้าวที่แช่น้ำจนเม็ดข้าวอ่อนตัวโรยบนใบตองตามยาว วางกล้วยน้ำว้าสุกที่เฉือนตามยาวลงบนข้าว แล้วพับใบตองทั้งสองข้างเข้าหากันจากนั้นก็พับปิดหัวปิดท้าย เสร็จแล้วก็จับพลิกคว่ำไว้รออีกข้างที่ทำวิธีเดียวกัน พอได้ข้าวต้มคู่หนึ่งแล้ว แม่อวนก็นำมาประกบกันแล้วมัดด้วยตอกไม้ไผ่สองเส้นเป็นอันเสร็จ

                    ปราณปรียาลองทำตามด้วยความสนุกสนาน ข้าวต้มมัดบางคู่ก็ขนาดไม่เท่ากัน บางคู่ก็บิดๆ เบี้ยวๆ แต่ก็เป็นที่พอใจในสายตาคนแก่อย่างแม่อวน พอทำเสร็จแล้วคนงานในร้านก็นำซึ้งมาใส่แล้วยกไปตั้งเตาไฟเพื่อทำให้สุก ระหว่างที่รอข้าวต้มมัดคนงานในร้านก็จัดสำรับข้าวปลาอาหารมาเสริฟเจ้าของร้านและแขกคนพิเศษ พอทานข้าวเสร็จข้าวต้มมัดก็สุกพอดี ปราณปรียาเห็นผลงานตัวเองแล้วก็แอบคิดในใจว่าคงต้องหัดให้ชำนาญกว่านี้

                    “ลองชิมดูสิลูกว่าฝีมือตัวเองอร่อยไหม” แม่อวนชี้ชวนเมื่อเห็นหญิงสาวจ้องมองผลงานไม่วางตา ปราณปรียาจึงแกะทานดูหนึ่งชิ้น

                    “อร่อยดีค่ะคุณยาย แต่แพ็กเกจคงต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย” พูดพร้อมกับทำหน้าหงอย พลอยให้คนแก่นึกเอ็นดู

                    “วันไหนว่างก็มาหัดกับยายได้ ของแบบนี้ต้องทำบ่อยๆ ถึงจะชำนาญ” แม่อวนปลอบใจอีกฝ่าย

                    “เอ่อ...ชิ้นที่ต่ายทำคุณยายอย่าฝากไปให้ผู้กองนะคะ คือ..มันไม่สวยน่ะค่ะ” ปราณปรียารีบบอกหญิงชราไว้ก่อน นอกจากเหตุผลว่าไม่สวยแล้วเธอเองไม่อยากให้ภวินท์คิดไปว่าเธอตั้งใจห่อข้าวต้มมัดฝากมาให้

                    “ไม่เห็นเป็นไรเลย แกะออกมาก็เป็นข้าวต้มมัดเหมือนเดิม” คนแก่ยังแกล้งว่า ทั้งที่ก็พอดูออกว่าหญิงสาวคิดอย่างไร

                    “แต่ว่าเอาอันสวยๆ ที่คุณยายทำดีกว่าค่ะ ถ้าเกิดเอาอันที่ต่ายทำผู้กองก็รู้สิคะว่าไม่ใช่ฝีมือคุณยาย” หญิงสาวช่างหาเหตุผลมาต่อรอง แม่อวนจึงต้องรับคำไปก่อน แต่มีหรือที่จะทำตามก็ในเมื่อสมัครใจจะเป็นแม่สื่อให้คู่นี้แล้ว แผนการย่อมต้องดำเนินต่อไป

                    วันนั้นปราณปรียาจึงได้ข้าวต้มมัดกลับมาฝากดาวประกายด้วยหลายมัด หญิงสาวอยู่คุยกับเพื่อนบ้านพอสมควรแล้วจึงขอตัวเพื่อแยกไปเก็บข้าวของสัมภาระสำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้

    **************************************************

    แฟนคลับน้องกระต่ายกะผู้กองอย่าพลาดตอนหน้าเด้อค่า

    ตอนหน้ามากันยาวๆ แต่แอบฟินฝุด ฝุด 

    เพิ่มดีกรีความฟินกันยาวไปคร่า ขอบคุณแฟนพันธุ์แท้ทุกท่านที่ติดตาม สุธานิโลบล นะคะ

    ช่วงนี้ปั่นมือเป็นระวิงกันเลยค่ะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×