ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กานต์รวีสีรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : ใครแฟนคุณ

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 54


    ตอนที่ 2
                    “อะไรนะครับคุณแม่ก็ผมบอกคุณแม่แล้วนี่ครับว่าผมยังไม่พร้อม”
                    “ก็คุณศจีเค้าบอกกับแม่มาอย่างนี้นี่”
                    “คุณแม่ครับแล้วคุณแม่จะไปบ้านนั้นทำไมอีกล่ะครับในเมื่อไอ้วรรธน์มันยังไม่พร้อม”รฐนนท์เอ่ยบอกมารดา
                    “นนท์อย่าเข้าข้างน้องได้ไหมลูก”
                    “ก็มันจริงนี่ครับคุณแม่ อีกอย่างคุณแม่ก็รู้ว่าบ้านนั้นเป็นยังไงคุณแม่ยังจะให้ไอ้วรรธน์ไปแต่งงานอีกแค่หมั้นอย่างเดียวไอ้วรรธน์ก็เหมือนตกนรกแล้ว”
                    “แล้วนนท์จะให้แม่ทำยังไงล่ะลูก”
                    “ไอ้วรรธน์แกอยากแต่งงานกับคุณวริษาหรือเปล่า”รฐนนท์หันมาถามผู้เป็นน้องชายเพื่อขอความคิดเห็น
                    “ผมไม่อยากแต่งงานครับพี่นนท์”
                    “งั้นก็ตามใจแกไม่แต่งก็ไม่แต่ง”
                    “นนท์แล้วแม่ล่ะ”
                    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับผมจัดการเอง”รฐนนท์เอ่ยบอกมารดาที่นั่งเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
                    ด้านกานต์รวีที่คิดหาทางแก้แค้นอดิศวรอยู่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ เพื่อนรักอย่างรเมศก็พาชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในร้านกาแฟพร้อมกัน รเมศและคิมหันต์นั่งที่เก้าอี้โต๊ะเดียวกับกานต์รวี
                    “คนนี้ไงที่ฉันเล่าให้แกฟังอ่ะ”รเมศเอ่ยบอกเพื่อนรักอย่างเขิน ๆ กานต์รวีมองคิมหันต์ทันทีที่เพื่อนรักบอก
                    “คุณนั่นเองมิน่าล่ะวันนั้นถึงได้นั่งมองไอ้เมศตาเป็นมันเชียว”กานต์รวีเอ่ยแซวคิมหันต์ทันที ชายหนุ่มที่ถูกแซวหันมายิ้มให้กับรเมศที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปเสียแล้ว
                    “ผมก็กลัวว่าเค้าจะไม่รับรักผมเหมือนกันครับ เมื่อกี้เพิ่งไปบอกเค้าทำเอาผมหัวใจแทบหยุดเต้นน่ะครับ”
                    “นี่คุณหยุดไปเลยนะพูดมากอยู่ได้เดี๋ยวก็กลับคำซะเลยนี่”รเมศเอ่ยพร้อมกับมองหน้าของคิมหันต์ที่ตอนนี้สี้หน้าได้เป็นสีซีดเสียแล้ว กานต์รวีหันหันไปมองหลังของเพื่อนรักทีหายไปข้างหลังร้านแล้วจึงหันมามองหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับเค้า
                    “คุณก็อย่าไปสนใจคำพูดของเมศมันเลยครับ ปกติมันกเป็นแบบนี้ล่ะครับ เดี๋ยวอีกหน่อยคุณก็จะชินไปเองครับ”กานต์รวีเอ่ยบอกเพื่อเป็นการปลอบใจที่ไม่ให้ชายหนุ่มคิดมากไปกว่านี้ รเมศที่นั่งหน้าแดงอยู่ในห้องทำงานของเค้าพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเขินในคำพูดของคิมหันต์ที่เอ่ยบอกกับกานต์รวีเพื่อนรักของตน
                    แสงสีนวลในยามค่ำคืนของดวงจันทร์ ดวงดาวที่พากันส่องแสงระยิบระยับที่ดูสวยงาม ภายในความมืดนั้นร่างบางของหญิงสาวร่างหนึ่งที่ยืนเปิดดูโทรศัพท์ของตนเอง วริษามองดูเบอร์ของใครคนหนึ่งก่อนจะกดโทรออกไปหา
                    “พี่วรรธน์เหรอค่ะ”
                    (ครับ ริษามีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาหาผม)
                    “คือว่าริษาอยากเจอพี่วรรธน์นะคะ พี่วรรธน์ออกมาหาริษาได้ไหมค่ะ”
                    (ได้ซิ งั้นริษารอพี่แปปนะ แล้วตอนนี้ริษาอยู่ที่ไหนล่ะ”
                    “ริษาอยู่ที่...”เมื่อบอกว่าตนอยู่ที่ไหนให้ชายหนุ่มรับรู้แล้วก็วางสายไป ใบหน้าที่ยิ้มออกมาจากมุมปากสีชมพูของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังว่าคืนนี้หล่อนจะทำให้ผู้ชายที่ได้ชื่อคู่หมั้นต้องแต่งงานกับหล่อนให้ได้
                    บ้านอดิศวร วติวรรธน์ที่เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหาชุดใส่ไปพบหญิงสาวที่เพิ่งโทรหาเค้าเมื่อสักครู่ เมื่อไส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องของตนเอง เมื่อเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็เจอกับรฐนนท์ที่เดินขึ้นมาจากชั้นพอดี
                    “ดึกป่านนี้แกจะออกไปไหนหรือวรรธน์”
                    “พอดีว่าริษาเค้าอยากเจอผมนะครับพี่นนท์”
                    “อะไรนะริษาโทรหาแกเหรอ”
                    “ครับพี่ ผมไปก่อนนะครับ”ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเดินลงบันไดเสียงของรฐนนท์ก็เอ่ยขึ้นซะก่อน
                    “เดี๋ยว!”
                    รถคันหรูวิ่งมาจอดสนิทที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่มีหญิงสาวรออยู่ก่อนแล้ว วริษาหันมามองรถที่เพิ่งมาถึงก็ใจอยู่ไม่น้อยว่าคนอย่างรติวรรธน์จกล้ามาหาหล่อน หญิงสาวเดินเข้าไปหารถคันนั้นอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน แต่ทว่าเมื่อประตูรถเปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนทำให้หล่อนตกใจเป็นอย่างมาก
                    “พี่นนท์”เสียงของหญิงสาวอุทานออกมาเมื่อพบว่าเจ้าของที่นั้นไม่ใช่รติวรรธน์ แต่เป็นรฐนนท์พี่ชายของคู่หมั้นหล่อน ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่น้อย แต่วริษากลับถอยหลังออกห่างจากร่างสูงใหญ่นั้น
                    “นัดให้มาแล้วหนีทำไมล่ะวริษา”
                    “ริษานัดพี่วรรธน์ไม่ใช่พี่นนท์”
                    “แต่พอดีไอ้วรรธน์มันไปหาแฟนมันก็เลยให้พี่มาแทน มีอะไรจะพูดจะคุยก็ว่ามาซิจะมัวยืนอยู่เฉยทำไม”
                    “ริษาไม่มีอะไรจะพูดกับพี่นนท์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วริษาขอตัวกลับก่อนนะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านร่างของรฐนนท์เพื่อจะไปที่รถของตนเอง แต่ก็ถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มคว้าไว้ก่อน วริษาหันมามองหน้าของชายหนุ่ม
                    “เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอจะทำอะไรไอ้วรรธน์”
                    “ปล่อยนะคะพี่นนท์ริษาเจ็บ”
                    “ฉันปล่อยเธอแน่ แต่ขอเตือนไว้นะอย่าไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับไอ้วรรธน์ไม่อย่างนั้นเธอได้เห็นดีกับฉัน”รฐนนท์ปล่อนแขนของหญิงสาวจนเซไปนิดหนึ่งพร้อมเดินไปที่รถ แต่ทว่าชายหนุ่มเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
                    “แล้วอีกอย่างอย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอกับแม่ของเธอคิดจะจับไอ้วรรธน์ให้แต่งงานกับเธอ เพราะยังไงฉันก็ไม่ยอมให้น้องชายของฉันติดเสนียดจากเธอเด็ดขาดจำไว้วริษา”รฐนนท์เอ่ยก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป วริษามองตามรถที่ค่อย ๆ หายไปในความมืดสนิท
                    “ได้...ในคิดจะลองดีกับฉันอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกันรฐนนท์”หญิงสาวเอ่ยออกมาเบา ๆ แล้วเดินไปที่รถของตนเองก่อนขับออกไปอย่างเจ็บใจไม่น้อย
    ******************************************************************
                    “อะไรนะไอ้นนท์มันกล้าพูดแบบนี้เหรอลูก”ศจีเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อหู เมื่อบุตรสาวเอ่ยบอกเรื่องที่หล่อนนัดเจอกับรติวรรธน์ แต่ทว่าคนที่มาแทนกลับกลายเป็นรฐนนท์ผู้เป็นพี่ชายและยังพูดจาว่าหล่อนต่าง ๆ นานา
                    “ค่ะแม่ ริษาทำอะไรผิดเหรอคะที่จู่ ๆ พี่นนท์ก็มาว่าริษา ริษาเสียใจนะคะ”หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา แต่มารดาไม่รู้เลยสักนิดว่านั้นคือการเสแสร้งปั้นหน้าของหล่อนต่างหาก
                    “คอยดูนะแม่จะเอาเรื่องไอ้นนท์ให้ดู”ศจีเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บใจไม่น้อยไปกว่าบุตรสาว วริษาแสยะยิ้มออกมาที่มุมปากของตนด้วยความสะใจไม่น้อย
                    แสงตะวันสีทองที่สาดส่องในยามเช้า กานต์รวีเดินลงจากชั้นสองของบ้านพร้อมกับได้กลิ่นอาหารอันหอมออกมาจากห้องอาหารของบ้าน นมแจ่มเดินออกมาเพื่อจะไปหาชายหนุ่ม เมือเดินมาถึงประตูร่างสูงโปร่งก็ยืนอยู่แล้ว
                    กานต์รวีเดินเข้าไปสูดกลิ่นอาหารที่หอมอบอวลไปทั่วห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่ยืนไม่ไกลจากโต๊ะอาหารมากนัก ชายหนุ่มก้มลงหอมแก้มที่หย่อนหยานตามวัยของนมแจ่ม
                    “คุณหนูค่ะนมแก่แล้วนะคะแก้มไม่หอมเหมือนแก้มสาว ๆ หรอกค่ะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งจับแขนของกานต์รวีไว้ด้วยความห่วงใยไม่น้อย
                    “ใครบอกล่ะครับแก้มของนมน่าหอมกว่าแก้มสาว ๆ ตั้งเยอะ”ว่าแล้วชายหนุ่มหอมที่แก้มของนมแจ่มอีกครั้ง
                    “พอแล้วค่ะคุณหนูนมว่ามาทานข้าวกันดีกว่า วันนี้นมทำข้าวต้มกุ้งของโปรดของ...”หญิงวัยกลางคนชะงักทันที พร้อมกับมองร่างของกานต์รวีที่นั่งเงียบ
                    “ของคุณแม่”กานต์รวีจึงเอ่ยชื่อมารดาออกมา
                    “นมขอโทษนะคะคุณหนู”
                    “ไม่เป็นไรหรอกนม นมก็มาทานกับผมซิ”
                    “ไม่เอาหรอกค่ะ คุณหนูทานเถอะค่ะ”
    *************************************************
                    “นี่นายมาทำไมแต่เช้าเนี่ยะ”รเมศขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่สมส่วนของคิมหันต์เดินเข้าในร้าน
                    “ก็มาชวนคุณไปทานข้าวไง”
                    “ไม่เอาคุณไปคนเดียวเถอะผมมีงานต้องทำ”หน้าที่ยิ้มแย้มของคิมหันต์เปลี่ยนเป็นทันทีเมื่อรเมศเอ่ยปฏิเสธ
                    “พี่เมศไปเถอะค่ะเดี๋ยวทางนี้แก้วทำเอง”พนักงานสาวอดสงสารชายหนุ่มไม่ได้ เพราะว่าเค้ามีความตั้งใจที่จะมาชวนเจ้านายหนุ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธไป รเมศหันมองหน้าของแก้วทันที
                    “ไปเถอะค่ะพี่เมศ”
                    “ไม่เป็นไรหรอกครับแก้ว ถ้าเค้าไม่ไปก็ปล่อยเค้า”ว่าแล้วคิมหันต์ก็เดินออกไปจากร้านด้วยความเสียใจไม่น้อย แก้วมองตามร่างสูงใหญ่จนหายลับไปก่อนจะกลับมามองเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง
                    “ถ้าพี่เมศไม่ไปแก้วจะลาออกคะ”รเมศอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินคำว่าลาออกจากปากของพนักงานสาวที่ทำงานกับเค้ามาหลายปี แก้วเดินกลับเก็บของ ๆ ตนเองที่ล็อคเกอร์พนักงานเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหารเมศ
                    “แก้วไปก่อนนะคะพี่เมศ”เมื่อว่าลูกจ้างสาวเอาจริงจึงตอบตกลง
                    ร่างใหญ่สมส่วนของคิมหันต์นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นสายตาที่มองแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมา ขณะนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเค้า
                    “มานั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอคะรูปหล่อ”หญิงสาวผู้นั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน แต่ก็ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากของชายหนุ่มสักคำ
                    “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ คิมหันต์ทันที
                    “ว่าแต่คุณชื่ออะไรค่ะ”หญิงสาวที่สวยสง่ายังถามต่อเนื่อง รเมศเข้ามาเห็นว่าคิมหันต์นั่งเคียงข้างหญิงสาวคนหนึ่งจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาทันที
                    “เมศ...”คิมหันต์อุทานออกมา
                    “ผมก็นึกว่าคุณเสียใจกับคำพูดของผม แต่ที่ไหนได้กลับมานั่งมีความสุขกับผู้หญิงอีกคน”
                    “มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ”
                    “เค้าเป็นใครเหรอค่ะ”หญิงสาวจึงเอ่ยถามขึ้น
                    “เค้าเป็นแฟนของผม แล้วกรุณาอย่ามายุ่งกับผมอีก”คิมหันต์เอ่ยบอกไปพร้อมกับจับมือของรเมศให้เดินมาตามเค้า คิมหันต์ขับรถมาจอดที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งทั้งสองเดินเข้าไปข้างในร้าน รเมศเลือกนั่งที่ติดกับหน้าต่าง
                    คิมหันต์มองดูชายหนุ่มที่นั่งตรง แต่สายตาของรเมศมิได้มองมาที่คิมหันต์กลับมองออกไปบริเวณข้างนอก
                    “เมศคุณเป็นไรหรือเปล่าทำไมเงียบไปล่ะ”
                    “เบื่อคนโกหกบางคน”
                    “ผมไม่เคยโกหกคุณเลยนะ คุณอยากรู้อะไรถามผมได้ผมยินดีที่จะตอบ”
                    “ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใคร คุณรู้จักหรือเปล่า”
                    “ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร อยู่ดีดีเค้าก็มาถามผมว่าผมชื่ออะไรแล้วคุณก็มาพอดีก็แค่นั้น”
                    “ที่คุณพูดมาทั้งหมดจริงแน่นะ”
                    “จริงแท้แน่นอนครับ ให้ผมสาบานไหมล่ะครับ แต่คุณพูดแบบนี้แสดงว่าหึงผมใช่ไหม”รเมศหน้าแดงขึ้นมาทันทีพร้อมกับหลบสายตาสีนิลของคิมหันต์ที่จ้องมองเค้าอย่างไม่ล่ะสายตา
                    “มองอยู่ได้สั่งอาหารซิผมหิวแล้วนะ”รเมศเอ่ยกลบความอายเอาไว้แต่ก็ไม่พ้นสายตาคู่คมของคิมหันต์อยู่ดี ชายหนุ่มอดขำกับท่าทางของรเมศไม่ได้
                    ขณะที่กานต์รวีขับรถเพื่อนจะออกไปพบกับลูกค้าพลันสายก็เห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่ง ซึ่งกานต์รวีก็รู้จักเป็นอย่างดี รติวรรธน์ ชื่อที่กานต์รวีเอ่ยเรียกเจ้าของร่างนั้น ด้านรติวรรธน์ที่เดินเข้ามาภายในห้างหรู แต่เค้าไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเค้าอยู่
                    กานต์รวีขับรถมาจอดแล้วเดินเข้าไปภายในห้างนั้นทันที ชายหนุ่มเดินหาร่างสูงใหญ่ของรติวรรธน์ แต่ทว่าหายังไงก็ไม่เจอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ
                    “ว่าไงเดินหาผมอยู่เหรอกานต์รวี”เสียงที่เอ่ยทักที่คุ้นเคยทำให้ร่างสูงโปร่งของกานต์รวีชะงักแล้วหันมาทางต้นเสียงทันที ดวงตาสีนิลของรติวรรธน์ที่จ้องมองร่างที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่ลดละสายตา
                    “ใครบอกว่าผมตามคุณ คุณรติวรรธน์”
                    “ดีใจจังที่คุณยังจำชื่อผมได้”
                    “ใจจริงผมก็ไม่อยากจะจำชื่อของคุณสักเท่าไหร่หรอกนะ ผมอยากจำชื่อของพี่ชายคุณมากกว่า”เมื่อได้ยินคำว่าพี่ชาย รติวรรธน์ก็จับของกานต์รวีอย่างแรงพร้อมมองหน้าของเค้าอย่างดุเดือด เช่นกับกานต์รวีที่ยังมองหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ลดล่ะเช่นกัน
                    “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะลืมในสิ่งที่ครบครัวของคุณทำไว้กับครอบครัวของผมงั้นเหรอ ไม่มีทางผมจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวของหย่อยยับเหมือนกับผมที่ต้องเจอคุณรติวรรธน์”
                    “งั้นเหรอ แต่ผมว่าคุณไม่มีวันทำแบบนั้นได้หรอกกานต์รวี”
                    “ปล่อยผมนะ คุณจะพาผมไปไหนคุณรติวรรธน์ บอกให้ปล่อยไงเล่า”เสียงของกานต์รวีที่เอ่ยออกมาอย่างดังทำให้คนที่อยู่ภายในบริเวณหันมามอง เช่นเดียวกับวริษาที่เดินเข้าเห็นรติวรรธน์จับแขนของใครบางคนอยู่
                    “พี่วรรธน์นี่มันอะไรกันคะ”หล่อนเอ่ยชายหนุ่มด้วยความสงสัย
                    “ไม่มีอะไรหรอกริษา พอดีแฟนพี่เค้าตามหึงพี่น่ะพี่กะว่าจะเค้ากลับไปคุยกันที่คอนโด”กานต์รวีทำตาโตเมื่อได้ยินคำว่าแฟน
                    “คุณรติวรรธน์คุณให้มันดีดีนะใครแฟนคุณแล้วก็ปล่อยผมได้แล้ว”
                    “อ๋อ....ไม่อยากเป็นแฟนก็ไม่บอก ริษาพี่ขอตัวเอา “เมียพี่” กลับก่อนนะ”เมื่อเอ่ยกับหญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ลากชายหนุ่มมาขึ้นของเค้าที่จอดอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก รติวรรธน์พลักร่างที่เล็กกว่าเข้าไปนั่งในรถของตนเอง
                    “อย่าคิดหนีล่ะ”เมื่อเอ่ยจบชายหนุ่มก็ได้ไปนั่งฝั่งคนขับแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
    *******************************************************************************
                    ด้านวริษาที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคำพูดของชายหนุ่มยิ่งทำให้หล่อนงงเพิ่มมากขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่หล่อนรู้คือ รติวรรธน์ต้องเป็นของเค้าคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะได้เค้าไปครอง สองมือของวริษกำไว้แน่นสายตาเปล่งประกายเลือดภายในกายเริ่มร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความเครียดแค้น ความเกลียดชั่ง เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของเธอที่ละน้อย
                    ณ คอนโดหรูแห่งหนึ่งร่างของกานต์รวีถูกพลัดให้นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่เข้มภายในห้องใหญ่ของรติวรรธน์ ร่างสูใหญของชายหนุ่มยืนมองดูร่างที่เล็กกว่าที่อยู่บนโซฟาตัวใหญ่สายตาที่กานต์รวีมองมายังรติวรรธน์นั้นเป็นสายตาแห่งความเกลียดชัง เครียดแค้น ปนเจ็บใจ ร่างเล็กยืนมองหน้าของร่างใหญ่อยู่ไม่นานก็ถูกรติวรรธน์พาเข้าอีกห้องไป
                    “โอ๊ย...”เสียงของกานต์รวีอุทานออกมาเมื่อร่างนั้นถูกเหวี่ยงมาไปที่เตียงใหญ่
                    “อย่ามาสำออยแถวนี้”
                    “อย่าคิดว่าจะทำอะไรผมได้นะรติวรรธน์”
                    “แล้วคุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณล่ะกานต์รวี”ร่างใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาร่างเล็กที่อยู่บนเตียงอย่างช้า ๆ กานต์รวีขยับถ้อยหลังแต่ก็ไม่พ้นมือใหญ่ที่จับขาของเค้าไว้
                    “คุณปล่อยผมนะคุณรติวรรธน์”ชายหนุ่มไม่พูดอะไรพร้อมกับโน้มตัวเองทาบทับร่างเล็กพร้อมกับซุกไซ้ที่ซอกคอหอมอ่อน ๆ ก่อนจเลื่อนมาหูตามมาด้วยเรียวปากที่อวบอิ่มสีชมพูของกานต์รวี เรียวปากของรติวรรธน์ที่บดขยี้ปากสีชมพูของร่างเล็กอย่างเพลิดเพลินพร้อมกับชิมความหวานจากปากของร่างเล็กพร้อมเลื่อนลงมาตัวของร่างเล็กอย่างไม่รู้จักอิ่ม
     
    *****************************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×