ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kakikomi Academy (รับวิจารณ์ทุกอย่าง)

    ลำดับตอนที่ #35 : [ผลตรวจรายงาน | อ.มารุดะ] The Saga Of Drake เพชฌฆาตในป่าอาถรรพ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 71
      0
      29 พ.ย. 57

    สวัสดีครับ ผมอาจารย์มารุดะแห่ง Kakikomi Academy มาตรวจสอบรายงานเรื่อง The Saga Of Drake เพชฌฆาตในป่าอาถรรพ์ ตามที่โรสคุงส่งมอบมาให้แล้วครับ ผมจะตั้งใจวิจารณ์อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมาไม่ให้โรสคุงต้องผิดหวัง ขอบคุณที่ไว้วางใจครับผม

     

     

    บทนำ

    ในท่อนแรก [สายตาของผมจ้องมองชายฉกรรจ์คนหนึ่งอยู่บนต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ] วูบหนึ่งผมเข้าใจว่า ผมในท่อนนี้อยู่บนพื้นและกำลังมองชายฉกรรจ์ที่อยู่บนต้นไม้ครับ หากลองเปลี่ยนมาบรรยายให้เข้าใจง่ายขึ้น เช่น [ผมใช้ต้นไม้สูงเป็นที่กำบังและดักซุ่มรอ สายตาเพ่งเล็งไปที่ชายฉกรรจ์เบื้องล่างอย่างใจจดใจจ่อ] น่าจะดูดีขึ้นครับ พยายามมองภาพรวมที่อยู่ในหัวก่อนแล้วค่อยกลั่นออกมาตามลำดับเหตุการณ์สิ่งที่เคลื่อนไหวในภาพนั้นและอธิบายเป็นตัวอักษรมาทีละช็อตครับ

    จะเห็นได้ว่าตอนแรกโรสคุงลำดับออกมาเป็น สายตาของเดรคที่กำลังจ้องมอง>ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง>อยู่บนต้นไม้ แต่ที่ผมยกตัวอย่างให้ดูนั้นจะเป็น เดรดอยู่บนต้นไม้>เพ่งเล็งชายฉกรรจ์>ที่อยู่ข้างล่าง ครับ

    *เนื้อหาในบทนี้เน้นไปที่ฉากบู๊และจิตใจของเดรคครับ ผมได้รับรู้ถึงจิตใจภักดีอย่างแรงกล้าของเดรค และเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็รับรู้ได้แบบผม ดังนั้นจึงได้ข้อสรุปว่าโรสคุงทำได้ดีแล้วในจุดนี้ แต่มีข้อติติงเล็กน้อยในฉากต่อสู้ที่ทั้งสองคนเข้าปะทะกันครับ

    จะแนะนำแยกแบบทีละช็อตเลยนะครับ

    [ผมพุ่งไปที่เขาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเตะเข้าที่หน้าท้องจนทำให้เขาก้มตัวลง(เห็นภาพปกติดีครับ)... เมื่อได้โอกาสผมจึงยกขวานฟันเข้าที่สันคอของเขา(เห็นภาพปกติดีครับ)... แต่ชายวัยกลางคนกลับจับข้อมือของผมแล้วพลิกไปในสภาพที่บิดเบี้ยว(ตรงนี้เริ่มไม่ชัดเจนแล้วครับ แค่บิดกำข้อมือไว้? ข้อมือถูกบิดหมุนจนหัก? คำว่าสภาพบิดเบี้ยวยังไม่ชัดเจนพอครับ)... ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะโหม่งหัวเข้าที่คางและดันตัวเขาให้กระแทกกับต้นไม้อย่างแรง(ภาพที่ผมคิดตามได้คือ เดรคตัวเตี้ยกว่าชายฉกรรจ์มากขนาดเอาหัวโหม่งคางเขาได้นะครับ แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าผมตัวเตี้ยกว่าศัตรูที่กำลังจับและบิดข้อมือข้างขวาของผมไว้ ผมจะไม่ใช้หัวโขกเพราะแรงสะเทือนจะส่งผลกับแรงบิดข้อมือที่ผมกำลังโดนบีบอยู่ แต่ผมจะใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ต่อยอัปเปอร์คัตเสยคางอีกฝ่ายแทนดีกว่าครับ)... และเมื่อเขาเผลอปล่อยข้อมือผม ผมจึงหมุนตัวกลับแล้วใช้ขวานฟันเข้าที่คออีกครั้ง(ตรงนี้ขัดมากครับ ตามที่ผมเข้าใจคือ เดรคถือขวานด้วยมือขวา และข้อมือข้างที่เขาถือขวานก็ถูกชายฉกรรจ์จับไว้และหมุนจนบิดเบี้ยวไปก่อนหน้านี้แล้วแล้ว แต่ขวานไม่หลุดมือเหรอครับ เดรคต้องมีความอดทนสูงมากเลยนะ)... แต่เขาหลบได้ทันพร้อมกระชากหัวผมให้กระแทกต้นไม้อย่างจัง(เห็นภาพปกติดีครับ)]  

     

    บทที่หนึ่ง : ผมพบชายปริศนา

    ฉีกเนื้อเรื่องออกจากบทนำโดยสิ้นเชิง เหมือนเริ่มเรื่องใหม่ อาจเป็นเพราะพลังของเอสเทรียที่ทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทั้งนิสัยหรือคาแรคเตอร์ของเดรค รวมถึงการบรรยายและอารมณ์ของเรื่องก็พลิกกลับชนิดคนละขั้วเลยครับ

    อันนี้ส่วนตัวนะครับ

    [ปิ้นๆ!

    ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงแตรรถ

    เฮ้อออ ทำลายบรรยากาศหมด]

    ท่อนสุดท้ายที่เดรคเวิ่นทิ้งไว้ ผมรู้สึกว่ามันขัดอารมณ์ธีมเรื่องมากๆ เลยล่ะครับ ถึงในบทนี้เดรคจะดูผิดคาแรคเตอร์ไปจากบทนำมากโข แต่ก็ไม่น่าเปลี่ยนนิสัยจริงจังของเขาให้กลายมาเป็นคาแรคเตอร์ชิลๆ หรือตบมุกแบบนี้เลยครับ อันที่จริงมีอีกหลายจุดที่ผมรู้สึกขัดกับคาแรคเตอร์ของเดรค รวมทั้งขัดกับบรรยากาศของเรื่องด้วย แต่ขอยกตัวอย่างไว้แค่ท่อนนี้นะครับ

    *รู้สึกว่าจะมีข้อผิดพลาดเรื่องการคลุมสีตัวอักษรหรือเปล่าครับ ลองตรวจสอบดูนะครับ

     

    บทที่สอง : เรื่องวุ่นๆ ในคณะละครสัตว์

    บทนี้การย่อหน้าและเว้นช่องไฟดูดีขึ้นมากผิดกับสองบทที่ผ่านมาครับ แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องคำเชื่อมและการใช้สรรพนามเรียกแทนตัวคนอยู่บ้าง เช่น ท่อนที่มีแต่คำว่าตัวตลกติดกันเป็นพรวนนี่ชัดเจนที่สุดเลยครับ อ่านแล้วมึนมากจริงๆ การใช้คำว่าผมบ่อยเกินไปก็รู้สึกขัดเวลาอ่านไม่น้อยเช่นกัน ระวังตรงนี้ด้วยครับ

    ต่อมาเรื่องการลำดับเหตุการณ์กับบทพูดยังไม่ค่อยชัดเจน ไม่ค่อยเห็นภาพสักเท่าไหร่ คาแรคเตอร์ตัวละครค่อนข้างกระจัดกระจาย ไม่มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำมากนัก จากที่สังเกต แจ็คเป็นตัวละครที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ด้วยซ้ำครับ... แอคเนส น่าเป็นน้องสาวจอมซนที่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างบ่อยๆ ส่วนตัวเอกอย่างเดรค คาแรคเตอร์ค่อนข้างเคว้งคว้างทีเดียว บางทีก็ดูชิลๆ สบายๆ บางทีก็ดูติดตลกเล่นมุกตบมุก บางทีก็ช่างประชดประชันบ้าง ขี้กลัวบ้าง กล้าหาญบ้าง ผมอ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยอินกับความคิดของเดรคเลยครับ สำหรับบทที่สองนี้

    มีจุดที่น่าชื่นชมคือ การเรียงลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและนำเสนอออกมาได้ดี การจินตนาการอันหลากหลายของโรสคุงก็ด้วย สองอย่างนี้ทำให้เนื้อหาดูน่าหลงใหล น่าติดตามได้อย่างประหลาด มันทำให้ผมอยากรู้ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ

     

    บทที่สาม : จบกันแค่นี้

    เป็นบทที่เนื้อหาเริ่มกลับมาเข้มข้นหลังจากปูพรมปริศนาและความลึกลับของคณะละครสัตว์อยู่พักใหญ่ ในบทนี้ยังมีการขึ้นย่อหน้าเบี้ยวๆ อยู่ครับ ผมไม่แน่ใจว่าโรสคุงพิมพ์ในโปรแกรมเวิร์ดหรือเปล่า ทำไมถึงไม่จัดย่อหน้าให้สวยงาม รวมถึงเรื่องการเคาะสเปซบาร์เพื่อเว้นคำหรือที่เรียกกันว่า ช่องไฟ โรสคุงเว้นช่องไฟไม่เหมือนกันสักย่อหน้าเลยครับ บางท่อนเคาะหนึ่งครั้ง บางท่อนห่างเหมือนเคาะสาม-สี่ครั้ง มันทำให้คนอ่านอย่างผมรู้สึกขัดใจและจังหวะหายใจก็ผิดเพี้ยนด้วยครับ จุดที่น่าชื่นชมคือ การบรรยายลำดับเหตุการณ์ต่างๆ โรสคุงทำได้ดีมากกว่าบทที่ผ่านๆ มา แสดงถึงความพัฒนาด้านการเรียบเรียงมากเลยครับ รู้สึกอ่านแล้วลื่นขึ้น น่าติดตามยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    จุดที่รู้สึกขัดอารมณ์ในตอนนี้คือ ช่วงที่เดรคโมโหชายสวมหมวกทรงสูงมากๆ ถึงขนาดเกลียดชัง เคียดแค้น แต่เดรคกลับเรียกชายคนที่เขาอยากจะว่า เขาและคุณอยู่เลย ...ผมคิดว่าถ้าให้เดรคเรียกฟอเรียสว่า มันกับแกจะแสดงถึงอารมณ์เดือดดาลได้ดีกว่ามากๆ เลยครับ ไม่หยาบคายเท่าไหร่นักแถมยังสมจริงกว่าด้วย

    เขาต้องชดใช้! > มันต้องชดใช้!   ,   ทำไมคุณต้องฆ่าพวกเขา คุณต้องการผมไม่ใช่เหรอ > ทำไมแกต้องฆ่าพวกเขา แกต้องการฉันไม่ใช่เหรอ

    อีกเรื่องคือตอนที่เดรคเห็นภาพพ่อแม่ของตัวเองถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เขาช็อคและสับสนมาก แต่ในบทบรรยายบางช่วงยังคงติดคาแรคเตอร์ก่อนหน้านี้มาด้วย เช่น ตอนที่ฟอเรียสเล่าเรื่องที่พ่อของเดรคแพ้พนันจบ เดรคก็พูดขึ้นมาว่า “พ่อแพ้สินะ” ผมอยากให้โรสคุงลองจินตนาการลงไปถึงความรู้สึกของเดรคในขณะนั้น พ่อแม่ถูกฆ่าในสภาพนั้นกองอยู่ในบ้าน เดรคต้องไม่มีสตินึกคิดพอจะฟังเรื่องที่ฟอเรียสเล่าแล้วตอบรับเขาอย่างใจเย็นแบบนั้นแน่ครับ ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ แต่มันรู้สึกขัดแย้งกับอารมณ์เดรคในขณะนั้นอยู่พอสมควร ถ้าลองใช้บทพูดหรือการบรรยายอื่นเข้าช่วยน่าจะดูลื่นไหลกว่านี้ครับ ลองทบทวนดูนะครับ

    มาถึงฉากต่อสู้ ยังคงใช้การบรรยายที่ชวนงงอยู่เหมือนตอนบทนำครับ โรสคุงชอบใช้คำว่า หมุนในจังหวะปะทะมากทีเดียว ผมนึกภาพตามไม่ออกจริงๆ ครับ เท่าที่ผมจะนึกภาพคำว่าหมุนออก คือ เดรคหมุนตัวแบบคนเต้นบัลเล่ต์อ่ะครับ ถ้าให้เดาผมคิดว่าโรสคุงต้องการจะสื่อถือการเอี้ยวตัวมากกว่าหมุนตัวนะ

    เป็นการจบตอนที่ชวนติดตามต่อมากๆ ครับ ช่วงท้ายของบทนี้โรสคุงเขียนได้ดีมากๆ เข้าถึงอารมณ์ตัวละครได้ดีกว่าช่วงกลางตอนมากทีเดียว ขอชื่นชมเลยครับ

     

    บทพิเศษของแอคเนส

    เป็นบทที่เผยคาแรคเตอร์ที่แท้จริงของแอคเนส รู้สึกผิดคาดเหมือนกันครับ ฉีกบทบาทน้องสาวผู้ร่าเริงที่ขี่ยูนิคอร์นได้แบบไม่มีความกลัวเลยทีเดียว เป็นบทที่บรรยายได้ดีมาก ดีกว่าช่วงนี้ใช้การบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งเยอะเลยครับ และก็เป็นบทที่สั้นกว่าที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน บทนี้ไม่มีคำติครับ โรสคุงทำได้ดี

     

    ปฐมบทเพชฌฆาต

    หลังจากโรสคุงเปลี่ยนมาใช้การบรรยายแบบบุคคลที่สาม ผมรู้สึกได้เลยว่าโรสคุงเขียนได้ดีขึ้นมากๆ ลื่นขึ้นมากๆ ในบทนี้ภาษาสละสลวยกว่าบทอื่นๆ ที่ผ่านมา การบรรยายสถานที่ ฉาก บรรยากาศ ทำได้ดีขึ้นผิดหูผิดตามาก แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการตั้งย่ออหน้าที่ไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ครับ และผลจากการเขียนที่พัฒนาขึ้นมากทำให้คนอ่านอย่างผมมีอารมณ์ร่วมไปกับสถานการณ์ในบทนี้มากเลยครับ ประกอบกับจุดเด่นของโรสคุงที่เน้นเรื่องความแฟนตาซีของสถานที่ ฉาก สัตว์หรือตัวประกอบต่างๆ ทำให้เนื้อเรื่องดูมีชีวิตชีวาจริงๆ

    บทนี้มีจุดแปลกปลอมอย่างหนึ่งคือ ศพของชายที่ถูกรถชนตายซึ่งนานจนผิวหนังเน่าเปื่อยแล้ว โดยปกติศพที่เน่าแล้วจะไม่มีเลือดเหลืออยู่แล้วนะครับ ดังนั้นไม่มีทางที่ฟอเรียสตัดคือศพแล้วเลือดจะพุ่งกระฉูดออกมาได้เลยครับ

    และที่ทำให้ผมสะดุดตาที่สุดในบทนี้...คือชื่อหัวเมืองทางทิศเหนือนี่แหละครับ...

     

    บทที่สี่ : เมื่อผมตื่นขึ้น

    สำหรับบทนี้ไม่ค่อยมีจุดที่ต้องติเท่าไหร่ครับ มีแค่บางจุดที่ยังไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ขนาดต้องนำมาเขียนไว้ครับ กลับมาใช้การบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งอีกครั้ง ทำได้ดีขึ้นกว่าช่วงแรกครับ ยังคงจุดเด่นของตัวเองเอาไว้ได้ดี ฉากและอุปกรณ์ต่างๆ ดูมีชีวิตชีวา คนอ่านเข้าถึงได้ง่ายครับ ทิ้งท้ายตอนได้น่าติดตามเช่นเคย แถมปริศนาเรื่องความคุ้นเคยที่เดรคมีต่อเนโรให้อีกหนึ่งเรื่อง

     

    บทที่ห้า : เนโรพาทัวร์(1)

    การบรรยายถึงเมือง ฉาก บรรยากาศรอบๆ ตัวประกอบต่างๆ ให้ดูมีชีวิตชีวาถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโรสคุงจริงๆ ครับ ผมอินไปกับความรู้สึกสับสนของเดรคขณะลังเลเรื่องอาหาร เข้าใจความรู้สึกของเดรคขณะกำลังกินอาหาร บทสุดท้ายที่มีนี้คงเป็นการเกริ่นนำถึงการต่อสู้ชิงตำแหน่งเพชฌฆาตที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้านี้แน่ๆ และมันทำให้ผมอยากรู้ตอนต่อไปเร็วๆ แล้วล่ะครับ

     

    สรุปโดยรวมทั้ง 8 ตอน

    จุดที่ต้องปรับปรุง : เรื่องการตั้งย่อหน้าที่ไม่เท่ากัน การเว้นช่องไฟที่ห่างเกินในบางช่วง เรื่องการเขียนฉากต่อสู้ที่ชวนงง ไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เรื่องคาแรคเตอร์ของเดรคในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ชัดเจน ไม่มีเอกลักษณ์เท่าไหร่ เดี๋ยวขี้กลัวบ้าง กล้าหาญบ้าง ช่างประชดประชันบ้าง แต่ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของนักเขียนหญิงที่เขียนตัวเอกเป็นผู้ชาย นิสัยของทั้งสองเพศต่างกัน จะมีรวนๆ ก็ไม่แปลกครับ แต่นอกจากตัวเดรคแล้ว ตัวละครหลักอื่นๆ มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ทั้งสไตล์การพูด นิสัยใจคอ และดีไซด์ครับ

    จุดที่ควรปรับปรุง : เรื่องการใช้คำว่า เฮ้อออที่ทำให้รู้สึกสะดุดตาขณะอ่าน เพราะมันไม่เข้ากับบรรยากาศและคาแรคเตอร์เท่าไหร่ เรื่องการตัดฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็เป็นจุดที่ผมรู้สึกขัดเล็กน้อยเช่นกัน แต่ไม่มากนัก

    จุดเด่นที่ควรรักษาไว้ : อย่างที่ผมย้ำไปในหลายๆ บท โรสคุงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ ฉาก บรรยากาศ ตัวประกอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอทำให้เมืองที่เดรคอยู่ เมืองที่เดรคไปดูมีชีวิตชีวาเหมือนมันมีอยู่จริง ผลดีคือทำให้คนอ่านอินได้ง่าย เห็นภาพชัดเจน มีอารมณ์ร่วม ถือเป็นข้อดีที่นักเขียนหลายๆ คนยังไม่มีมันครับ รวมถึงการลำดับขั้นตอนนำเสนอเนื้อเรื่องที่ตัดไปฉากอดีตบ้าง อนาคตบ้าง เล่นกับความรู้สึกของเดรคที่กำลังสับสนบ้าง โรสคุงทำได้ดีจนเกือบจะเนียนตาทีเดียว และที่สำคัญที่สุด พล็อตเรื่องของนิยายเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากครับ

    คำแนะนำ : โรสคุงเป็นนักเขียนที่มีพัฒนาการไวมากครับ ในบทแรกๆ ความรู้สึกของผมคือ พล็อตดีแต่เขียนไม่ดี ผมอยากรู้เนื้อเรื่องตอนต่อไป อยากรู้บทสรุปของปริศนาต่างๆ แต่ไม่ได้อยากอ่าน แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นการพัฒนาของโรสคุงที่ทำได้ดีขึ้นทุกตอนๆ ไม่ใช่นักเขียนที่ย่ำอยู่กับที่ ทำให้ผมอ่านต่อจนถึงตอนล่าสุดได้ ซึ่งโดยปกติแล้วผมเป็นนักอ่านที่ไม่ค่อยมีความอดทนสักเท่าไหร่ ถ้าเขียนแย่ผมก็อ่านแค่บทนำเท่านั้น ดังนั้นโปรดมั่นใจได้เลยครับว่านิยายของโรสคุงไม่แย่ในสายตาผม แค่มีจุดที่ต้องปรับปรุงในบางส่วนเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่การปรับปรุงเพื่อความชอบของผม แต่เป็นการปรับปรุงเพื่อให้นิยายที่ผมชอบให้ดีขึ้นในสายตานักอ่านทุกคนครับ ขอบคุณที่เชื่อใจและเลือกส่งรายงานให้ผมครับ


     

    แบบฟอร์มรับงาน
     

    ชื่อ :

    บทวิจารณ์เป็นอย่างไรบ้าง :

    ให้เครดิตโรงเรียนเราด้วยได้ไหม :

    ขอบคุณที่ไว้ใจ ให้อาจารย์ตรวจรายงาน หวังว่าจะมีโอกาสได้ตรวจให้ใหม่นะ :



    รบกวนช่วยแปะแบนเนอร์ด้วยนะครับ





    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×