ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jarett Henlond อภินิหารนักรบมังกรปราบทรชน

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 หายนะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 88
      0
      23 ธ.ค. 50

    บทที่ 1

    "พาเด็กๆและพวกผู้หญิงหนีไปให้หมด!!!"เสียงนี้ดังกังวาลไปทั่วหมู่บ้านทิฟฟาลองทางตอนเหนือของเอลฟาตอม

    นี่คืออีกวันหนึ่งของเอลฟาตอมซึ่งคือวันหนึ่งๆของประชาชนทั่วไป

    เสียงนี้ดังวุ่นวายโกลาหลเมื่อโดกัส ยามประจำบ้านมีเรื่องให้ต้องตื่นตระหนกถึงเพียงนี้

    ประตูบ้านทีทำจากอิฐดินเหนียวต่างถูกผลักออก แล้วเอลฟ์นับร้อยนับพันหลังคาเรือนต่างกรูกันออกมา

    ในที่สุด เอลฟ์จำนวน 529 ตัวก็มายืนล้อมกันอยู่ในลานเซนทิวรี่

    "ว่าไง

    ชายแก่ผู้นี้มีอายุมากถึง 158 ปี และมีดวงตาสีน้ำข้าวที่ไม่ผิบกับสีของหนวดเคราและผม ชุดของท่านมีสีน้ำตาล ทำด้วยหนังม้าและกางเกงหนังวัวสีน้ำตาล รองเท้ายางสีดำ

    "ข้าเห็น--ข้าเห็นพวกมัน--พวกท่านต้องเชื่อ--ได้โปรด หนี--"โดกัสกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก แล้วเหลียวไปมองป่าอนูร่าอย่างหวาดกลัว

    "มีอะไรเล่า เราต้องหนีอันใด"ชายแก่ถาม พลางจ้องมองป่าด้วยเหมือนกัน

    "ท่าน...ท่านต้องไม่เชื่อ ท่านไม่"

    เขาล้มพับลง หมดสติไปในที่สุดทันตา

    ชาวบ้านต่างแตกฮือกันเป็นแถว ล้อมมุงดูเขาไว้ด้วยความกลัว

    พร้อมกันนั้นเอง ราวกับพิสูจน์คำพูดของโดกัส ฝูงเมือกโคลนเหลวๆกองหนึ่ง ซึ่งเป็นกองที่ใหญ่พอจะบังอาณาจักรนี้มิดได้เลยถ้าหากพวกมันมีมากกว่านี้ ร่างกายของพวกมันเน่าเปื่อย พร้อมด้วยกลิ่นเหม็นสาบรุนแรงเมื่อพวกมันเยื้องกายเสียงกรี๊ดอย่างโหยหวนปรากฏขึ้นในกลุ่มชนทั้งหมดเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของกอลล์ ยักษ์โคลนทั้งกองทัพ

    หากคุณจะจินตนาการถึงโคลนเป็นก้อนใหญ่ๆที่ปั้นเป็นรูปร่างคนร่างยักษ์แล้วถือขวานในมือขวา พวกมันไม่มีดวงตา เพียงแต่มีช่องกลวงลึกสีดำตรงจุดสองจุดบนใบหน้า และจมูกกับปาก

    แต่ในปากพวกมันมีฟันสีเขียวที่เรียงเป็นระเบียบ และฟันนั้นคือฟันจริง

    "...ไหนท่านบอกมาสิ เกิดอะไรขึ้น"ซัลวาดอร์--ผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านถามด้วยความอยากรู้ยิ่ง ...ท่านต้องเชื่อ!!! ท่าน!!! ไม่!!!"...พวกมันมีฟันสีขาวคมกริบเรียงเป็นระเบียบ และนั่น...

    คือฟันจริง

    แน่ละ ใครจะไม่กลัว โคลนตัวหนึ่งสูงอย่างน้อยราวเท่าตัวของมนุษย์ผู้ชายปกติ เช่น หากคุณสูง 180 เซนติเมนตร หรือ 1 เมตร 80

    มันก็จะสูงประมาณ 360 เซนติเมนตร หรือมากกว่านั้น

    "เราต้องหนีชายคนหนึ่งได้สติ สั่งผู้คนให้ออกวิ่ง

    ทุกคนวิ่ง วิ่งหายเข้าไปในป่าทางทิศตะวันออก อันเชื่อต่อกับดินแดนอีกดินแดนหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยมีผู้ใดอยากไปเยี่ยมเยียนนัก

    ทั้งหมดจ้ำผ่านแอ่งน้ำขังเฉอะฉะ และผ่านสิงสาราสัตว์ในป่าที่ต่างหายไปซ่อนตามโพรงหรือรังของตนเต็มไปหมด

    ต่อจากนี้ เราจะเริ่มต้นที่ครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งที่จะมีชะตาชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากเรื่องร้ายๆเหล่านี้

    เฮนด์ลอน

    เฮมุส เฮนด์ลอนหยุดวิ่งเมื่อผ่านหัวมุมๆหนึ่งหลังจากพาร่างของตนและครอบครัวมาไกลแล้ว

    เขาหันไปมองฟามีเลีย เฮนด์ลอน ภรรยาของตนด้วยความหวาดหวั่น

    ในอุ้งมือสองมือของฟามีเลียนั้น ถือห่อผ้าห่อหนึ่งไว้ และในนั้น มีทารกเพศผู้ที่เพิ่งคลอดมาได้เพียงสามเดือนกำลังนอนร้องไห้จ้าอยู่

    "ไหวไหม"เฮมุสกระซิบถาม พลางเหลียวกลับไปมองทางที่ตนและครอบครัวผ่านมา

    "ข้ายังไหวอยู่

    "แน่นอน แต่น่าสงสารสำหรับ

    "ทนอีกหน่อยนะ ลูก"เฮมุสลูบหัวลูกชายด้วยความรัก นั่นทำให้ก่อพลังบางอย่างขึ้นและทารกตนนี้ก็หยุดร้องในทันที

    "เรามาไกลแค่ไหนแล้ว"ฟามีเลียถาม หันไปมองสามีตนด้วยความอยากรู้

    "ประมาณ--5 ไมล์ หรือไม่ก็หกถ้าข้านับไม่ผิด"เฮมุสตอบอย่างหวาดหวั่น

    สายลมพัดมาวูบหนึ่ง และวูบนั้นเอง พัดกลิ่นอายของความโสโครกเข้ามาสู่โสตนาสิกของเอลฟ์สามตนนี้

    เฮมุสเลิกหัวคิ้วขึ้น "กอลล์?"

    "ใช่"ฟามีเลียพยักหน้ารับ "จากกลิ่น บ่งบอกว่าพวกมันคงกำลังวิ่งมา ห่างจากเราสัก

    พวกเขาออกวิ่ง วิ่งให้สุดแรง วิ่งโดยไม่เหลียวกลับอีกครา

    ไม่รู้พวกเขาวิ่งมานานเท่าใดแล้ว แต่ เหตุการณ์กลับพลิกผันให้พวกเขาต้องหยุดจากความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่สาสมมา

    จนกระทั่ง...

    กาลกลับทำให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง

    เฮมุสหอบอย่างบ้าคลั่งหลังจากผ่านการวิ่งมาอีกสามไมล์เต็มๆ เขาหันไปหาภรรยาของตนแล้วถามเป็นนัยๆ

    "อะไรนี่ ทำไม ตีตัสฟอร์ ยังไม่ถึงซะทีละ"

    ฟามีเลียหอบจนไม่สามารถจะพูดได้ แต่ในที่สุด หลังจากใช้เวลา อาการเหนื่อยก็หายไปจนนางตอบเป็นเสียงสะท้อนว่า

    "ข้าเกรงว่าเราจะมาผิดทาง

    "อะไรนะ

    ทันทีที่เฮมุสตะโกนคำนี้ออกมา จาเร็ตก็ตั้งต้นปล่อยโฮอีกครั้ง

    "ข้าเกรงว่าเราต้องทำ"ฟามีเลียบอกกับสามีของนาง แล้วหันไปจ้องหน้าตรงๆ ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน

    "แต่เจ้า

    "ข้าจะตามท่านไปเอง

    "ปลอดภัย?"เฮมุสทำท่าจะค้าน แต่แล้วในวินาทีนั้นเอง

    "...เฮ้ แล้วเจ้าละ"เฮมุสตะกุกตะกัก...เมื่อถึงเวลา ถ้าโชคดีข้าอาจจะรอด เมื่อท่านไปถึงที่นั่นแล้ว คอยวิงวอนหาข้า ภาวนาต่อเทพเจ้าให้ข้ารอดปลอดภัย"...

    "หลบไป"

    ในวินาทีนั้น ต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นสนก็ถูกโค่นลงมาด้วยแรงเหวี่ยงของขวานนับร้อยด้าม

    ต้นไม้ต้นนั้นหวุดหวิดร่างของฟามีเลียไปเพียงไม่ถึงวินาที เมื่อเฮมุสใช้ร่างกายของตนปะทะกับร่างบอบบางของภรรยาไว้

    ฟามีเลียกรีดร้อง แต่พยายามประคับประคองลูกน้อยไว้ไม่ให้หัวฟาดพื้น และเธอทำได้

    เฮมุสลุกขึ้นยืนใกล้ๆกับเธอ จ้องมองหามือขวานที่มองไม่เห็น

    แล้วมันก็มาปรากฏตัว

    ไม่ใช่มัน

    !!!"...

    แต่เป็นพวกมัน

    กองทัพของกอลล์ตามครอบครัวนี้มาทันในเวลาไม่ถึงชั่วโมง จากการกัดกินเนื้อไม้และก้อนอิฐในหมู่บ้านไม่ทำให้พวกมันอิ่มเอมได้

    และแน่นอน เมื่อพวกมันกินโดกัสลงกะเพราะแล้ว น้ำย่อยก็ยิ่งถูกผลิตมากขึ้นมากกว่าปกติ

    พวกมันกระชับขวานเงาวับในมืออย่างสะใจ

    "ไอ้พวกโง่"เฮมุสสบถ

    ทันทีที่พวกกอลล์เริ่มจู่โจมเขา ชายหนุ่มก็หลับตา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือออกไป ให้ฝ่ามือพุ่งไปยังร่างทั้งหลายของพวกกอลล์ก่อนจะตะโกนว่า

    "มานูเอลลิงซ์

    แสงสีขาวบาดตาพุ่งออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของชายหนุ่มก่อนจะกระแทกไปสู่ร่างของกอลล์แถวหน้าสุดที่พุ่งเข้ามา

    พวกมันกระเด็นหวือไป และฟาดเข้ากับต้นไม้ระเนระนาด

    "เยี่ยม"เฮมุสพูดหอบๆ ก่อนจะหันไปเพื่อจะโจมตีกอลล์อีกตัวแต่

    !!!"...

    "หยุดเถิด อย่าใช้พลังนั่น"

    เสียงจากฟามีเลียทำให้เขาหันไปมอง เธอกำลังยันกายยืนขึ้นอย่างยากลำบาก โดยอุ้มจาเร็ตไว้แน่น "

    "ท่านอย่าใช้เวทย์มนตร์"นางกล่าวตอบ

    "ทำไมละ"เฮมุสถาม "เพราะข้าแค่ต้องการช่วยให้พวกเรารอด แต่ทำไม"

    ฟามีเลียเดินเข้าไปหาเฮมุส สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาของเขา แล้วเธอก็ยื่นจาเร็ตไปให้

    เฮมุสรับมันมาโดยไม่พูดอะไร

    "ท่านต้องออมแรงไว้"ฟามีเลียกล่าวต่อ "อย่างน้อยก็

    คำพูดของฟามีเลียทำให้เฮมุสรู้ว่านางกำลังจะทำอะไร เขาหันไปมองพวกกอลล์ที่เหลือที่กำลังดูเชิงเขาอยู่อย่างหวาดหวั่น

    แล้วหันกลับมาหานาง "เจ้า.."

    ฟามีเลียยิ้มแล้วพยักหน้าให้เงียบๆ

    "ถูกต้อง ข้า...อยากให้ท่านและจาเร็ตรอด อย่างน้อยตอนนี้"นางตอบด้วยเสียงนุ่มนวล

    ทันใดนั้นเอง นางก็เอื้อมมือออกมา แล้วผลักเฮมุสที่กำลังอุ้มจาเร็ตอยู่ล้มลงไปกองกับพื้น เด็กทารกกรีดร้องไห้ลั่นป่าเขาเมื่อพวกกอลล์เห็นว่าคนที่มันกลัวล้มลงแล้ว หัวหน้ากอลล์ ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็กรีดร้องเป็นภาษาของพวกมัน แล้วก็มีเสียงเฮดังขึ้นพร้อมกับที่พวกมันชูด้ามขวานขึ้นไปในอากาศ

    ทำให้เฮมุสรู้สึกขวัญเสีย

    พวกกอลล์ทั้งหมดต่างพุ่งตรงไปยังร่างของฟามีเลียที่กำลังหลับตาแล้วพึมพำอะไรบางอย่างเงียบๆ

    หากขุนเขา

    ..สักตอนนี้"...นี่เจ้า...อย่าบอกนะว่าจะเปิดวาร์ป"...อยากให้ท่านและจาเร็ตรอด อย่างน้อยตอนนี้"นางตอบด้วยเสียงนุ่มนวล ...เป็นพยาน...

    พวกกอลล์แถวหน้ากำลังจะไปถึงตัวเธอแล้ว พวกมันแยกเขี้ยว แล้วชูขวานขึ้น

    โปรดปกป้องสามีแห่งข้า และเขา ลูกชายแห่งข้า

    ...

    ไม่ทราบสาเหตุแต่พลังบางอย่าง ก็ผลักพวกมันกระเด็นหวือไปกระแทกถูกกอลล์แถวที่สองและแถวที่สาม

    เฮมุส

    ...และจาเร็ต...

    กอลล์แถวกลางๆไม่สนใจเพื่อนของพวกมัน โดยเหยียบเพื่อนๆอย่างไม่ใยดี

    ให้ปลอดภัย

    ...

    แล้วในวินาทีนั้นเอง ขวานด้ามใหญ่ที่สุดของหัวหน้ากองทัพก็ชูขึ้น

    ...

    เป็นพอ

    ...

    เกิดแสงสีขาวบาดตาขึ้น ภาพต่อมา ที่เฮมุสเห็นคือภาพของหญิงผู้เป็นที่รักของตนตลอดสิบสามปีที่ผ่านมา

    ...ถูกพวกกอลล์ฉีกเป็นชิ้นๆ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×