ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jarett Henlond อภินิหารนักรบมังกรปราบทรชน

    ลำดับตอนที่ #3 : เด็กสาวประหลาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      2 ม.ค. 51

    บทที่ 2

    สิบห้าปีต่อมา

    จาเร็ตลืมตาตื่นขึ้นในตอนสายของวันหนึ่งของอีกวันในชีวิตของเขา เขาหันไปมองฟูกข้างๆตัวก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

    พ่อหายไปไหนอีกแล้วละนี่

    หลังจากเสร็จหน้าที่ในการเก็บที่นอนแล้ว เขาก็ออกไปเดินรอบๆบ้านโดยตะโกนร้องเรียกพ่อของตน

    แต่เฮมุสดูเหมือนจะอยากออกไปเดินเล่น

    พ่อออกไปไหนทุกเช้า เขาคิดในใจ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปเดินเล่นในหมู่บ้าน

    หมู่บ้านแห่งใหม่ของเขานี้มีชื่อว่า

    ติตัส ฟอร์ หรือ หมู่บ้านแห่งติตัส ซึ่งมีทั้งเอลฟ์และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกันโดยไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด

    หมู้บ้านนี้ไม่เคยมีผู้ใดหรือสิ่งใดสามารถบุกรุกได้เนื่องจากมนตราที่ได้ร่ายไว้เมื่อแปดร้อยปีก่อนโดยกษัตริย์เวอร์ซิงเกโตริก

    ซึ่งพระองค์ได้ใช้เวทย์มนตร์ที่กล่าวยากที่สุดในการสร้างกำแพงอากาศห้อมล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ เพราะถือว่านี่คือดินแดนส่วนพระองค์ที่พระองค์จะมาเยี่ยมทุกปี

    จาเร็ตกลับจากหมู่บ้านหลังจากนั้นไม่นานเมื่อแดดเริ่มแรงขึ้นและอากาศก็ร้อนขึ้นทุกที

    เขาต้องดีใจเมื่อพบเฮมุสกำลังตอกตะปูกระท่อมที่สองพ่อลูกอยู่อยู่หลังบ้าน

    บิดาของเขาเปลี่ยนไปมากนับแต่วันที่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นในหมู่บ้านทิฟฟาลอน ซึ่งตนได้มีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและได้สูญเสียภรรยาไปต่อหน้าต่อตา

    ด้วยผมสีดอกเลา และดวงตาสีดำขลับไร้ชีวิตชีวา กอปรกับเสื้อผ้าสกปรกของเขาทำให้เขาดูโง่งมยิ่ง

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมกระท่อมที่เขาได้สร้างจากเศษไม้ผุๆจากป่านั้นถึงมีสภาพเป็นเช่นนี้

    ค้อนไม้ตอกตะปุที่ตรึงกับฝาผนังบ้านที่ทำด้วยไม้อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็หยุดลงเมื่อเห็นบุตรชายของตนกำลังจ้องมองอยู

    "หวัดดีพ่อ"จาเร็ตทักทาย

    "

    ไปไหนมา ไอ้เด็กนรก!!! ข้าหาแกตั้งแต่เช้าแล้ว!!!"เสียงจากชายผู้เป็นพ่อ ที่อารมณ์แปรปรวนตั้งแต่เหตุการณ์นั้น

    ทำไมพ่อต้องดุข้าด้วยนะ ข้าต่างหากที่ตามหาพ่อตลอดเช้าแล้วทนไม่ไหวเลยไปเดินเล่น!!!"เสียงจากเฮมุสอีกครั้ง เขาโบกค้อนเร่าๆ "ข้าอยากให้แกมาช่วยข้าตอกตะปู!!!"

    "ข้าไปเดินเล่นจ๊ะ พ่อ"จาเร็ตตอบ แล้วเสิร์มว่า "ก็ข้าเห็นพ่อไม่อยู่"

    "อะไรนะ"เฮมุสเลิกคิ้วถาม แต่น้ำเสียงเบาลงมาก "แกไม่เคยรู้อะไรเลยรึ..."



    ก่อนที่พ่อของเขาจะเริ่มตะคอกเขาอีก เด็กหนุ่มก็ออกวิ่งไปจากกระท่อม โดยไม่สนใจเสียงบ่นพึมพำของผู้เป็นพ่อ

    เขาวิ่งมายังจุดหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นจุดที่เขามักใช้คลายความกังวลจากความทุกข์ที่สั่งสมมา

    ทั้งตอนที่คิดถึงแม่ ตอนที่ถูกพ่อเฆี่ยน ถูกพ่อดุ และถูกเด็กในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง

    จาเร็ตหยุดตรงเนินเขาลูกหนึ่ง จุดที่สูงที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ มีอีกชื่อว่า ซาบัลตา

    หรือ เนินเขาแห่งความสุข

    ไม่เคยมีครั้งไหนๆเลยที่จาเร็ตจะไม่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่นอนหงาย จ้องไปยังท้องฟ้าสีครามเบื้องบน แล้วเงี่ยหูฟังเสียงนกร้องเพลงกล่อมและกลิ่นอายของดอกไม้นานาพันธุ์

    เนินเขาแห่งนี้เป็นทุ่งดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด มีทั้งดอกไม้หลากสี และเล็กใหญ่ แต่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยหญ้าเหมือนทุ่งนา

    และสายลมที่พัดพาดอกหญ้าไปในอากาศ

    จาเร็ตเขม้นมองออกไป ผ่านสายหมอกบางๆที่ปกคลุมหมู่บ้าน หมู่บ้านของข้าดูเล็กไปเลย เมื่อมองจากจุดนี้

    เขาคิด ยังกับมดแน่ะ

    ใช่จริงๆ เมื่อมองไป กระท่อมต่างๆดูราวกับมดที่ขยับไม่ได้ หรือไม่ก็ก้อนกรวดหรือทราย

    "ข้ารู้สึกดีจัง"จาเร็ตเผลอร้องตะโกนออกมา

    เขาเอนตัวลงนอนหงายกับพื้นหญ้า เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆสีขาวลอยเหมือนปุยนุ่น

    และแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกคิดถึงมารดาของเขา

    เฮมุสได้เสี้ยมสอนอีกข้อหนึ่งกับจาเร็ตไว้ว่า แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคทรพิษ ซึ่งนั่นดูสมเหตุสมผล หากแต่ถ้าจะมองข้ามความจริงเล็กๆว่า

    โรคทรพิษเป็นได้ยาก และยังมีการรักษาโดยใช้เวทย์มนตร์ของเอลฟ์ก็หายแล้ว

    แต่น่าเศร้า เมื่อเขาท้วงกับพ่อข้อนี้ พ่อของเขาก็หน้าบึ้งขึ้นมาและเริ่มเฆี่ยนเขาไม่หยุด

    แม่ของข้า

    คิดวนไปวนมาจนในที่สุด เด็กหนุ่มก็ค้นพบว่าเขากำลังจ้องมองก้อนเมฆสีขาวบนท้องฟ้าอยู่อย่างหม่นหมอง

    ถ้าหากข้าได้พบกับแม่ของข้าอีก ข้าจะถามนางให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น...ความคิดของเขาครุ่นคิดว่าแม่ของเขาจะไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงต้องทิ้งพ่อและตัวเขาเองไว้ด้วย แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนขึ้นทุกขณะ

    เสียงฝีเท้าที่ย่องมาด้านหลังทำให้จาเร็ตหันกลับไปมอง เขาไขว่คว้าหาอาวุธที่ไม่มีอยู่จริงในที่แห่งนี้

    ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนด้านหลังเขา

    แววตาของนางเป็นสีฟ้าน้ำมหาสมุทร ซึ่งเปล่งประกายยามจ้องมองมาทางเขา

    ผมเปียสองข้างของนางห้อยลงมาปะกลางหลังเหมือนงูสีทองสองตัว

    สิ่งที่งดงามอีกประกายบนใบหน้าคือ ริมฝีปากสีแดงที่เป็นรูปหัวใจน่ารักของนาง

    นางงดงามดุจไข่มุกที่ส่องประกาย นางมีอารมณ์ดั่งทะเลที่เงียบสงบ

    นางสูงพอๆกับเขา เตี้ยกว่านิดหน่อย

    "จะเป็นอะไรไหม"นางเอ่ยถามด้วยเสียงไพเราะ "ถ้าข้าจะขอนั่งกับท่านด้วยคน"

    "ไม่มีปัญหา"จาเร็ตตอบ ก่อนจะจ้องมองตามการเคลื่อนไหวอันกรีดกรายเสมือนนางรำของนางเยื้องมายังกายข้างๆเขา

    แต่สิ่งที่ทำให้จาเร็ตต้องรู้สึกด้อยกว่านางนั้นคือ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นลูกสาวของผู้ดีชั้นสูง "ท่านชื่ออะไรละ"นางถามเขา จ้องหน้าเขาตรงๆ

    "จาเร็ต" เด็กหนุ่มตอบเบาๆ "แล้วท่านละ"

    "ข้าชื่อโซเฟีย

    "ไม่"จาเร็ตตอบก่อนจะคิดว่าเฮมุส บิดาของตนมีอาชีพอะไร

    ...ท่านเป็นบุตรของพ่อค้าดาบในหมู่บ้านใช่หรือไม่"โซเฟียถาม พร้อมกับเอนกายลงนอน ชูแขนข้างขวาขึ้นก่ายหน้าผาก และแขนซ้ายแนบลำตัว

    ตลอดปีที่ผ่านมานี้ พ่อไม่ได้ทำงานอะไรเลยนอกจาก ซ่อมบ้านไม้เก่าๆและเก็บของจากป่ามาเป็นอาหารเย็น

    "งั้นหรอ"น้ำเสียงของโซเฟียบ่งบอกถึงความเป็นกังวล ก่อนจะถามต่อ "จาเร็ต

    "เฮนด์ลอน"จาเร็ตตอบ

    "พ่อข้าไม่มีอาชีพ"จาเร็ตตอบ "เขาเป็นคนว่างงาน"...ท่านนามสกุลอะไรหรอ"

    โซเฟียเปลี่ยนท่านอน ด้วยการเอามือมาหนุนศีรษะของนางไว้ ก่อนจะตอบคำตอบที่ทำให้เขาต้องตกใจ

    "ข้านามสกุล ตีตัส"

    จาเร็ตเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ "โซเฟีย ตีตัสหรอ ท่านเป็นลูกสาวของคนก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้งั้นหรอ"

    "เปล่า พ่อของข้าเป็น

    ...เอ่อ ข้าไม่สามารถเรียงลำดับตระกูลถูกหรอกนะ เพราะมีหลายคนเหลือเกินที่สืบทอดตระกูลมาจาก อัลฟา ตีตัส ผู้ก่อตั้งดินแดนแห่งนี้"เด็กหญิงตอบ พลางส่งยิ้มให้กับจาเร็ต

    รอยยิ้มของนางทำให้จาเร็ตรู้สึกติดใจ

    "ท่านเป็นผู้ดี ทำไมถึงมานอนกลางทุ่งอย่างนี้เล่าประเดี๋ยวอาภรณ์ของท่านก็เปอะเปื้อนไปหมดดอก"จาเร็ตพูด พร้อมกับตั้งใจจะใช้คำที่ให้เกียรติมากที่สุด

    แต่โซเฟียกลับแค่ยิ้มให้เฉยๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความสนใจว่า "ท่านนี่ฉลาดนะ"

    จาเร็ตหน้าแดง "อ้า ข้าเปล่า"

    "ท่านอย่าดูถูกตัวเองเลยน่า จะมีสักกี่คนกันที่สังเกตได้ว่าข้าคลุกคลีกับพื้นหญ้า"นางตอบแล้วล้มตัวลงนอนลงไปอีก

    จาเร็ตหัวเราะ"นั่นสินะ ท่านคงจะมานอนเล่นที่นี่ทุกเย็นสิ ใช่ไหมเล่า"

    โซเฟียพยักหน้า แล้วกลิ้งตัวไปมากับพื้นหญ้า แสงแดดส่องเป็นลำมาที่ตัวเธอ ทำให้เธอดูราวกับเรืองแสงสีทอง

    ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว นกน้อยเริ่มบินกลับรัง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

    จาเร็ตลุกขึ้นยืน จ้องมองไปยังหมู่บ้านที่ตนอาศัยอยู่เป็นครั้งสุดท้ายของวันก่อนที่จะเอ่ยกับโซเฟียว่า

    "ใกล้ค่ำแล้ว ข้าขอกลับก่อนนะ"

    "ตามใจท่านเถิด ข้าเพียงแค่

    ...ตอบว่าลาก่อนงั้นหรือ"นางพูดด้วยความขี้เล่น

    ในวินาทีนั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของนางประกบกับริมฝีปากของจาเร็ต ชั่ววินาทีหนึ่งนั้น เสียงคร่ำครวญในจิตใจเขาก็เริ่มลั่นร้อง จาเร็ตสะดุ้งสะเทือน เบิกตาจ้องมองนาง นั่นทำให้เขาถึงกับกระชากตัวถอยกลับมาเต็มแรง...เอ่อ ท่านเรียกว่าอะไรนะ ผู้ดีใช่ไหม"

    "อะไรกันนี่"เขาถามอย่างตกใจ จับริมฝีปากตัวเองไว้

    "ข้าเพียงแค่บอกลา"โซเฟียตอบยิ้มๆ "เราทำอย่างนี้กันในหมู่

    "ทีหลังอย่าเล่นแบบนี้นะ ข้าขอร้อง"จาเร็ตกล่าวหนักแน่น แต่ความรู้สึกปรารถนาในรอยจูบเมื่อสักครู่ยังไม่จางหายไป

    "จ๊ะ ข้าสัญญา"โซเฟียตอบ

    ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา จาเร็ตได้เรียนรู้ว่าตนเองไม่ใช่เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านแห่งนี้มาก่อน แต่ตนได้ถูกบิดาของเขาพร่ำสอนไว้ว่า

    ตนเป็นเด็กชายชาวนาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งอันไกลโพ้น ซึ่งการเสี้ยมสอนเช่นนี้ทำให้ความเชื่อของเขาทวีเพิ่มจนไม่แน่ใจว่าพ่อของเขาต้องเสี้ยมสอนอย่างนี้ทุกคืนวัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×