คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เจ็บที่ตัว ปวดที่หัวใจ (30%)
1
เจ็บที่ตัว
ปวดที่หัวใจ
อรุณวไลมองดูตัวเองที่สะท้อนหน้ากระจกเงา
วันนี้ก็คงเป็นวันธรรมดาของมนุษย์เงินเดือนอย่างเธอ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนักนอกจากต้องหางานใหม่จนหัวหมุนแล้วมาจบที่การเป็นพนักงานถ่ายเอกสารที่สำนักงานแห่งหนึ่ง
ชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ
ไม่ราบรื่นทำให้ต้องกัดฟันสู้ไปทุกขณะ
คงจะต่างกับใครบางคนที่จากไปแล้วทิ้งเอาไว้เพียงใบหย่า
ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วหยิบยางรัดผมขึ้นมาหนึ่งเส้นจัดการมัดผมให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องพัก
หญิงสาวเดินทางไปที่ทำงานด้วยรถเมล์ที่เนืองแน่น
มองถนนที่คับคั่ง มือเรียวลออคว้าเหล็กจับเอาไว้แล้วจ่ายค่าเดินทาง
ทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำทุกวัน
พอถึงที่ทำงานก็ลงชื่อ ไม่เคยขาด
ไม่เคยลาพักด้วยซ้ำ
“น้องเอ๋ย
ถ่ายเอกสารชุดนี้ให้พี่ด้วยนะ เสร็จแล้วเอากาแฟไปให้หัวหน้าด้วยล่ะ”
“ค่ะพี่วรรณ” ยิ้มรับทำตามหน้าที่
อรุณวไลเดินไปล้างมือในห้องน้ำ
มองนาฬิกาข้อมือก็เที่ยงเศษพอดี ล้วงมือถือเครื่องบางออกมาจากกระเป๋ากางเกงเมื่อมีสายเรียกเข้า
“ค่ะแม่” กดรับอย่างไม่รีรอ
“พรุ่งนี้วันเสาร์
กลับบ้านไหมเอ๋ย มีคนบ่นคิดถึงอยู่แน่ะ”
แววตาที่เป็นแสงวาวดั่งแก้วเป็นประกายเมื่อรู้ดีว่าคนนั้นคือใครที่มารดาเล่าให้ฟัง
“เอ๋ยเก็บกระเป๋าเตรียมขึ้นรถทัวร์คืนนี้แล้วแม่
เช้ามืดคงจะถึงพอดี แม่ไม่ต้องออกมารับนะ”
“ไปดีมาดีล่ะเอ๋ย
แค่นี้นะลูก”
“ค่ะแม่” ยิ้มกับหน้าจอมือถือ สูดลมหายใจเข้าปอดสู้กับงานอีกครึ่งวันที่เหลือ
อรุณวไลเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
เป็นคนพิษณุโลกแต่กำเนิด อาศัยอยู่กับมารดาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทุกครั้งที่ถามหาพ่อ
แม่ก็จะบอกเสมอว่าพ่อไปดีแล้ว
“มีคนนอนตื่นสาย
ไม่ยอมลุกจากที่นอน” มาลัยเดินมากระซิบบุตรีที่กำลังทำมื้อเช้าในครัว
“วันเสาร์อะแม่
ให้วันนึงแล้วกัน” พูดไปหัวเราะไป “แกงจืดเสร็จแล้วเอ๋ยจะไปปลุกค่ะ”
“งานที่กรุงเทพฯ
เป็นยังไงบ้างเอ๋ย โควิดรอบนี้หนักเลยสินะ คนก็ตกงาน เงินก็หายาก ๆ
แต่อย่าไปคิดสั้นฆ่าตัวตายเชียวนะ”
“ที่ทำงานก็เหมือนเดิมค่ะแม่
เป็นลูกจ้างเขา เขาใช้ทำอะไรก็ทำ
เงินเดือนเก้าพันอะแม่ใช้ยังกับกับเอ๋ยเงินเดือนหลักแสน นี่เพิ่งไปฉีดวัคซีนมาแม่
ปวดแขนว่าจะลางานแต่กลัวเขาหักเงินเดือน เจ้านายก็ดุอย่างกับหมาร็อตไวเลอร์
เอะอะหักเงินเดือน เอะอะขู่ไล่ออก เมื่อวันก่อนเอ๋ยเข้างานสายสองนาทีจะหักเงิน
หน้าเลือดฉิบหาย”
พอได้บ่นหรือระบายก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง
“พี่ลัย ทำอะไรอยู่” เสียงทักทายของน้าน้อยข้างบ้านทำให้สองแม่ลูกออกไปดู
“หวัดดีค่ะน้าน้อย”
“หนูเอ๋ย
มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ดีแล้ว น้าไปตลาดเมื่อเช้าซื้อแกงเขียวหวานมาฝากพอดี”
“ขอบคุณค่ะน้า
แล้วนี่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนไหม เอ๋ยผัดกะเพรา ทำแกงจืดไว้”
“เอาเลย ๆ น้ารีบ
ต้องรีบไปสงขลา ไปทำงานน่ะ”
“ไกลจัง แล้วน้าเดินทางไปยังไงคะ”
“รถตู้ ส่งถึงที่เลย ไกลหน่อยแต่มันคุ้มเพราะเขาจ่ายเงินเดือนเยอะนา
น้าได้เดือนละห้าหกหมื่นเลย”
“ได้กี่บาทนะน้า!” คนทำตาลุกวาวรีบเอ่ยถาม “ทำไมเยอะจังเลย งานอะไร
มีเผื่อเอ๋ยบ้างไหม เอ๋ยสู้งานที่กรุงเทพไม่ไหว เก้าพันโหดร้ายกับเอ๋ยมาก
ทั้งค่าเช่าห้อง ค่าอยู่ค่ากิน ค่าเดินทาง ส่งให้แม่ได้เดือนละสามพันเอง”
“เดี๋ยวน้าถามให้
เขากำลังต้องการคนอยู่”
“ความหวังเอ๋ยอยู่กับน้าแล้วนะ”
“รอแป๊บนึงลูก
น้าโทร.หาคุณผู้หญิงบ้านนั้นก่อนว่าเขาจะรับคนเพิ่มไหม”
น้าน้อยเดินออกไปคุยโทรศัพท์
คนมีหวังกุมมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อจิตกวัดแกว่ง
“ไปอยู่สงขลาไกลบ้านมากนะเอ๋ย
ทำไมไม่ลองหางานแถวบ้านเราดูล่ะลูก”
“เอ๋ยกลัวไม่พอใช้ค่ะแม่
ภาระหนี้สินเรามันเยอะ ขอให้เอ๋ยได้งานนี้เถอะนะแม่ เอ๋ยอยากได้เงินจริง ๆ ”
รอสักพักน้าน้อยก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
“รับเพิ่มไหมคะน้าน้อย”
“สะดวกไปสัมภาษณ์งานกับน้าที่สงขลาไหมล่ะ?”
“แม่ เอ๋ยจะได้งานแล้ว!” อรุณวไลตะโกนลั่นบ้านด้วยความดีใจ
“ใจเย็น ๆ เอ๋ย
เขายังไม่รับ แค่เรียกลงไปสัมภาษณ์งาน” ปลายนิ้วของมาลัยปัดผมที่ระแก้มของบุตรี
“แม่ไม่อยากให้ลูกสาวของแม่ต้องเก้อนะ”
“ปีนี้เอ๋ยมันอายุเท่าไรนะพี่อร”
“ยี่สิบเก้าแล้วค่ะ
เอ๋ยตกงานด้วย เมื่อก่อนทำงานกับสามีพอหย่ากันก็ลาออกที่บริษัทเขา แต่โดนฝ่ายเอชอาร์เล่นไม่แฟร์
เงินก็ไม่ได้ แล้วต้องมาหางานทำ
เปลี่ยนงานไปเรื่อยจนมาเป็นพนักงานจ้างเหมาถ่ายเอกสาร ทำไปเพื่อหางานที่ดีกว่าค่ะ
ถ้าจะลาออกเลยก็กลัวจะหางานไม่ได้ กลัวไม่มีอะไรกิน”
“นี่ชีวิตหรืออะไรวะเอ๋ย
ไป ๆ แต่งตัวเดินทางไปกับน้า ไม่ต้องขนของไปเยอะนะ ที่โน่นมีทุกอย่าง
อยู่บ้านคนรวยอะเนอะ”
น้าน้อยเดินออกบ้านไป
อรุณวไลก็หันมามองแม่แล้วกุมมือเอาไว้ “เอาหลวงพ่อห้อยคอไปด้วยไหมแม่”
“ลูกคนนี้” ส่ายหน้ายิ้ม ๆ
อรุณวไลเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน
แง้มประตูอย่างเบามือเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนที่นอนหลับปุ๋ยบนเตียง
มองแล้วยิ้มสุขใจเพราะนี่คือกำลังใจที่จะทำให้มีชีวิตต่อไปแล้วใช้อย่างมีความหมาย
น้องอะอาย
คือลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ ตอนนี้น้องอายก็อายุได้สามปีเศษแล้ว วันที่เขายื่นใบหย่าให้ก็เป็นวันเดียวกันที่เธอเกือบจะเสียลูกไป
อรุณวไลไม่ได้วางแผนเอาไว้หลังจากที่ผิดหวังกับการใช้ชีวิตคู่
เหมือนทุกอย่างมันต้องเริ่มใหม่ ก้าวเดินใหม่ในเส้นทางที่มันไม่ได้โรยด้วยดอกไม้
มันมีแต่ขวากหนามที่ฝ่าฟันมันไป และที่ปากกัดตีนถีบก็เพื่อคนที่นอนหลับกอดตุ๊กตาตัวเก่าบนเตียงทั้งนั้น
มาแล้วค่าาา
มาทุกวันนะคะ
ความคิดเห็น