เด็กหลง - เด็กหลง นิยาย เด็กหลง : Dek-D.com - Writer

    เด็กหลง

    ผมก็เป็นแค่เด็กหลงทาง.. ที่บังเอิญมาเจอคนใจดีอย่างคุณ

    ผู้เข้าชมรวม

    242

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    242

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.ค. 55 / 20:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น





    มาแว้ว เรื่องสั้นหลังจากไม่ได้แต่งนาน เกือบลมหมดแหละ ==''

    อันที่จริงเรื่องนี้ รุ่นพี่บอกให้แต่งให้จบ เพื่อเอาไปลงงานเฉพาะกิจก่อนล่ะ 
    (แต่ไม่รู้ได้ลงจริงรึเปล่า 55555)



    ---------------------------------------------------------




    "ผมก็แค่เด็กหลงทางคนหนึ่ง.. ที่บังเอิญผ่านมาเจอคุณ

    และเพราะคุณ ทำให้ผมได้รู้จักคำว่า .. "






     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผมเป็นเด็กหลง..

      จะเรียกแบบนี้ ก็ไม่ผิดหรอกครับ

      เพราะผมเอง ก็อยู่ไม่ต่างจากเด็กหลงเท่าไหร่หรอก..

      ตั้งแต่จำความได้.. ผมไม่มีแม้แต่แม่ ได้แต่เร่ร่อนไปทั่ว

      อาศัยที่ตามทางซุกหัวนอน เท่านั้น..

       

      ผมเดินเร่ร่อนไปตามปกติทุกวัน.. ผมหยุดอยู่ตรงที่ ที่หนึ่ง..

      ที่แห่งนี้แตกต่างจากทั่วไป จากเท่าที่ผมสังเกต เพราะมีคนเข้าออกตลอดเวลา

      ประตูก็เปิดออกกว้าง จนผู้คนสามารถเดินเข้าออกได้อย่างสบาย

      ต่างจากสถานที่ก่อนๆ.. ที่ปิดทึบสนิท

       

      ผมแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง ที่สามารถมองอะไรๆ ได้ชัด ที่หน้าสถานที่ตรงนั้น

      มีคนคนหนึ่งยืนอยู่.. เขามองมาทางผม ท่าทางของเค้า ไม่ได้ดูมีพิษมีภัยอะไร

      กลับดู.. ใจดีด้วยซ้ำ หากแต่ผมยังไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก จากสัญชาติยานของตัวผมเอง

      “อันตรายเกิดได้ทุกเมื่อ.. แม้กระทั่ง คนที่คิดว่าไม่มีอะไร”

      ผมไม่ควรวางใจอะไรง่ายๆ .. เขายืนมองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาทางผม

       

      “(คุณมีอะไรหรือ ?)”

      เขายิ้มกลับมาเป็นคำตอบ ก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วอุ้มผมไปนั่งบนตัก แล้วลูบหัวผมเบาๆ

      มันรู้สึกดีแปลกๆ และผมก็รู้สึกว่า คนคนนี้ไม่ได้ทำอันตรายกับผมอย่างที่คิดเอาไว้..

      หนำซ้ำ.. เขากลับดูอบอุ่น และ อ่อนโยน

      ผม.. อยากมาหาเขาทุกวันจัง ผมชอบเขา.. ตรงที่เขาเป็นคนใจดี

       

      เมื่อเขาเล่นกับผมอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืน

      “(คุณจะไปไหนหรือ ?)” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับเดินเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น

      พร้อมกับเรียกผมเข้าไปด้วย.. ภายในที่แห่งนั้น เหมือนกับห้องเก็บของขนาดใหญ่

      มีสิ่งของมากมายถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ..

       

      เขาเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง และนั่งก้มหาอะไรอยู่สักพัก

      ผมมองไปรอบๆ ที่แห่งนี้.. นอกจากจะมีสิ่งของมากมายแล้ว ยังมีมนุษย์อีก3คน

      มีผู้หญิงหนึ่งคน ผมยาว และผู้ชายตัวเล็กๆ ลักษณะนิสัยซุกซน และชอบทำเสียงดัง ผมไม่ชอบเท่าไร

      ผิดกับเขาคนนั้น.. ที่ดูสุขุมและเยือกเย็นกว่า แล้วก็ยังมีอีกคนที่ดูแก่ๆหน่อย

       

      ผมรู้สึกตัวว่า กำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง แถมเป็นที่ไม่คุ้น

      ผมจึงวิ่งไปหาเขาคนนั้น ที่หาของเสร็จพอดี  เขาหันมายิ้มกับผม

      ก่อนจะชูถุงอะไรสักอย่าง ที่ผมไม่รู้จัก.. ผมจึงดมๆ ดู ซึ่งมัน ไม่มีกลิ่นอะไรเลย !!

       

      (มันคืออะไร) ผมถามด้วยความสงสัย

       เขาไม่ตอบคำถามผม แต่กลับ.. บอกผมว่า “กินอันนี้ไปก่อน” ผมละงงจริงๆเลย

      เขาฉีกถุงนั้นออก คราวนี้มีกลิ่นหอมๆ และมันก็น่ากินมากๆ

      เขาหยิบสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมายื่นให้ผมกิน..

      ผมลองดมดูและชิมนิดหนึ่ง ..

      มันทำจากแป้ง รสชาติมันคล้ายๆปลาเป็นเส้นยาวๆ แต่ว่ามันทำจากแป้งนี่นา ?!

      งั้นผมเรียกมันว่า ปลาปลอม ก็แล้วกัน..

       

      เขานั่งมองผมกินสิ่งที่เรียกว่าปลาปลอมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา

      ผมได้ยินคนวัยกลางคนพูดว่า.. “ไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมไม่รู้หรอกว่าอาบน้ำคืออะไร

      แต่ผมเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจนิดหนึ่ง แล้วลุกเดินเข้าไปในห้องที่ติดกับที่แห่งนี้..

      ภายในห้องนั้น แตกต่างจากที่เมื่อครู่ โดยสิ้นเชิง มันดูกว้างกว่าและสิ่งของน้อยกว่ามาก และดูโล่งกว้าง

       

      เขาเดินไปหยิบผ้า ผ้า แล้วก็ผ้า ก่อนจะเข้าไปในห้องๆ หนึ่งเล็กๆ

      ผมกะว่าจะตามเข้าไปดูด้วย แต่เขากลับปิดประตูใส่หน้าผม..

      นั่นอาจจะหมายถึง ผมไม่ควรเข้าไปก็ได้..

       

      “(คุณครับ ?!)”

      ผมร้องเรียก สักสองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา

      ผมจึงนั่งรออยู่ตรงหน้าห้องเล็กๆ ที่มีประตูกั้นอยู่ครู่หนึ่ง

      จากความเงียบก็เกิดเสียงน้ำกระทบกับพื้น..

      ไม่นาน เขาก็ออกมา.. เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ ไม่ใช่ชุดเดิม ผมก็พอสรุปคร่าวๆได้ว่า

      การอาบน้ำ คือการเข้าไปเปิดน้ำ แล้วก็ออกมาด้วยชุดใหม่ ?

       

      เมื่อเขาออกมา แล้วเห็นผมอยู่หน้าห้องนั้น

      เขาดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมาลูบหัวผมเบาๆ

      แล้วเดินออกไปอยู่ในที่เดิม..

      คราวนี้ผมเห็นผู้ชายแก่ๆ เขาปิดประตู และปิดไฟหมดแล้ว

      ทั่วทั้งห้องนั้นมืด แต่ไม่ได้มืดเกินไปสำหรับผม..

       

      เขาจับผมมาวางไว้ข้างนอก ทางประตูอีกทางหนึ่ง

      เขาวางผมไว้บนพรมที่อยู่หน้าประตู ก่อนจะปิดประตูใส่ผมอีกครั้ง

      ผมไม่เข้าใจ ? ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น.. เขาไล่ผมเหรอ ?

      คำถามหลากหลายประเดประดังอยู่ในหัวสมองของผม..

      ถึงถามออกไป ก็ไม่มีใครตอบ หนำซ้ำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ.. ว่าผมกำลังหมายถึงอะไร

       

      แต่ไม่นานหรอกครับ.. เมื่อท้องฟ้าเริ่มมีพระอาทิตย์ขึ้น

      เขาก็เปิดประตูอีกครั้ง..

      “อ้าว !ยังอยู่อีกเหรอ” เขาพูดแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูให้กว้างขึ้น

      แล้วผมก็เดินเข้าไปข้างใน.. ผมนอนเล่นอยู่บนโซฟาสักพักหนึ่ง

      เขาเดินมาลูบหัวผม แล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ กับผม

      “ไปแล้วนะ”

       

      พูดจบเขาก็เดินออกไปนอกบ้าน พร้อมกับผู้ชายอีก2คน

      “(คุณจะไปไหน !!?!)” ผมลุกออกจากโซฟาแล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน

      ร้องเรียกคนที่จากไป แต่..

      ต่อให้ร้องดังขนาดไหน คำถามที่ไม่มีคนตอบ..

      คำถามที่เขาฟังไม่ออก.. จะมีค่าอะไร ?

       

      ก็เราพูดกันคนละภาษา เราต่างเผ่าพันธุ์กัน..

      ผมเกลียดข้อแตกต่างตรงนี้จัง.. 

      มันทำให้ช่องว่างระหว่างผมกับเขา ดูห่างกันมากทีเดียว..

      ทั้งๆ ที่ผมกับเขา.. เราน่าจะสนิทกันได้ มากกว่านี้

       

      ผมอยู่ที่นี่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง.. นั่งๆนอนๆ ในบ้าน

      เวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อยๆ ผมรอคอยอย่างไร้จุดหมาย

      รอคอยใครคนหนึ่งกลับมา ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่..

      ไม่รู้ซิ.. ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมานะ

       

      แต่ ไม่นานหรอกครับ.. ทุกคำถามที่ค้างคาของผมก็กระจ่าง

      ในเวลาที่ท้องฟ้าใกล้ค่ำอีกครั้ง.. เวลาที่ผมเจอเขาครั้งแรก

      เสียงพาหนะที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้ง 3คน ที่เพิ่งกลับมา

       

      “(ไปไหนมา?)” เขาหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะรีบวิ่งมาอุ้มผมขึ้นไปกอด

      สีหน้าของเขาดูดีใจ ที่เห็นผม.. ผมก็เช่นกันครับ ผมดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง

       

      สักพักเขาก็วางผมลง และไม่นานเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่า ก็อุ้มผมขึ้น

      ในตอนนั้นผมรู้สึกกลัว เพราะเด็กผู้ชายคนนี้เขาไม่เคยเล่นดีๆ กับผมเลย !!

      เขาอุ้มผมเข้ามาในบ้าน ผมขยับตัวเพื่อให้หลุดจากเขา

      เมื่อผมใกล้จะหลุด เขากลับจับผมโยนเข้าไปในตู้ ตู้หนึ่ง.. ที่มีกลิ่นของอาหารเต็มไปหมด

      พระเจ้า ! นี่เขาจับผมขังไว้ในตู้ใส่กับข้าวเหรอ !!!

       

      ผมตกใจมาก ก่อนจะพยายามหาทางออกจากตู้นั้น

      เพราะมันอึดอัดมาก ผมไม่ชอบเลย และไม่ทันที่ผมจะหาทางออกเจอ

      เขาคนนั้นก็เปิดประตูตู้กับข้าวออก ผมรีบกระโดดลงทันที

      เขาโวยวายใส่ผู้ชายตัวเล็กคนนั้น โดยที่ผมเองก็ฟังไม่ทัน

      ผมรู้สึกขอบคุณเขาอีกครั้ง.. ก็เขานะ ช่วยผมเสมอไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

       

      ผมอุ้มผมออกไปอีกห้องหนึ่ง ห้องที่มีสิ่งของเยอะ ก่อนจะวางผมไว้ที่เดิม ที่ที่เคยให้อาหารผม

      และตอนนั้นผมก็รู้สึกหิวขึ้นมาพอดี เขาหาของอยู่สักพักหนึ่ง ผมคิดว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็น ปลาปลอมนะ

      เขาหาอีกสักพักหนึ่งก่อนจะหันไปพูดอะไรบางอย่างกับผู้ชายแก่ๆ

      แล้วเขาก็เดินไปอีกที่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหน

      แต่จากสัญชาติยานผมต้องตามเขาไป (?) ผมรู้สึกอย่างนั้นล่ะ..

       

      เขาหยิบอะไรสักอยางบนชั้นสูงๆ มันเป็นกระป๋องกลมๆ

      เขาเปิดมันออก และกลิ่นหอมก็โชยออกมา มันเป็นกลิ่นปลา

      “(กินด้วย!!)” เขานั่งลงกับพื้นช้าๆ ก่อนจะหักอะไรสักอย่างที่มีกลิ่นปลาให้ผมครึ่งหนึ่ง

      มันเป็นปลาครับ แต่เป็นปลากรอบๆ อร่อยกว่าปลาปลอมเยอะเลย

      ผมได้ยินเขาบ่นเบาๆ ว่า แพง ผมไม่รู้หรอกครับว่าแพงคืออะไร

       

      แต่พักหลังๆ ที่เขาให้ผมกินอะไรสักอย่าง ถ้าขึ้นชื่อว่า แพง ผมมักจะไม่ค่อยได้กิน..

      ผมมักจะดีใจทุกครั้ง เมื่อผมเห็นในกล่องที่ใส่ปลาปลอมนั้นว่างเปล่า

      นั่นหมายถึง.. ผมอาจจะได้กินปลากรอบ แต่นั่นล่ะครับ หลังๆ เขาซื้อปลาปลอมตุนไว้เยอะแยะเลย

      โอกาสกินปลากรอบของผม จึงค่อยๆลดตาม..

       

      อ้อ.. อีกอย่างครับ ผมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากมนุษย์ชนิดเดียวที่อยู่ที่นี่ครับ

       

      มีสุนัขสีขาวอีกตัวหนึ่ง ก็มาที่นี่บ่อยเหมือนกัน..

      และมีเรื่องที่ผมค่อนข้างน้อยใจอยู่นิดหนึ่ง ก็คือ..

      เจ้าตัวนั้นมันได้กินกระดูกไก่ในขณะที่ผมต้องกินแต่ปลาปลอม !!

      แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเดียวหรอกครับ.. ผมกับเจ้าตัวนั้นอยู่ร่วมกันได้ มันไม่วิ่งไล่ผมครับ

      ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไร ที่มันชอบคาบกระดูกที่มีเศษเนื้อไก่ติดอยู่นิดหน่อย มากินอวดผม

       

      ในที่แห่งนี้ ผมเคยเจอสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอีกชนิดหนึ่งครับ..

      ผมเคยเจอเจ้าตัวนั้นมาก่อน มันมีชื่อว่า หนู ที่แห่งนี้ก็มีครับ และผมก็เฝ้าจับมันอยู่ทุกวัน

      ผมไม่รู้หรอกว่า ทำไมผมต้องจับ ผมรู้อย่างเดียวก็คือ คนในที่นี้ไม่ชอบมันครับ..

      และแน่นอน ผมก็ต้องกำจัดมัน..

       

      ผมได้กลิ่นสาปของเจ้าหนู ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ จากหลังตู้กับข้าวที่ผมจดจำฝังใจ

      “ทำอะไรอยู่” เขาพูดขึ้น ผมได้แต่หันไปมองเขาเท่านั้น เพราะผมต้องจับเจ้าตัวนี้ให้ได้ก่อน..

      เขายืนดูผมสักพักหนึ่ง เหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร และเขาควรจะทำอะไร

      เขาเดินไปปิดประตู ให้ทางหนีของเจ้าหนูตัวนั้นลดลง ผมนิ่งเงียบอยู่ใต้ตู้กับข้าวสักพัก..

      นิ่งอยู่นาน.. สิ่งมีชีวิตตัวเล็กนั้นเริ่มเคลื่อนไหวผ่านหน้าผมไป

       

      และเป็นจังหวะเดียวกับที่อุ้งเท้าเล็กๆของผมตะปบเข้ากับตัวมันเข้าพอดี

      ผมจัดการคาบเจ้าตัวนั้นออกมา ก่อนจะออกแรงกัด จนได้รสฝาดของเลือดเจ้าตัวนั้น

      เขาที่กำลังมองดูผมอยู่ สีหน้าเขาเมื่อเห็นเจ้าตัวนั้นดูตกใจเล็กน้อย

      ผมวางเจ้าหนูที่คาบไว้อยู่อย่างวางใจ เพราะผมคิดว่า ผมคงเจ็บสาหัส คงไม่เหลือแรงหนีแล้ว

       

      แต่ ! นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดผิดครับ..

       

      เจ้าหนูตัวนั้นมันคงแกล้งตาย เมื่อเห็นว่าผมปล่อยแล้ว มันจึงวิ่งหนีอีกครั้ง หายเข้าไปหลังตู้ ตู้หนึ่ง..

      แล้วผมก็หามันไม่เจออีกเลย.. ผมทำพลาดแล้วซินะ

      ผมหันไปมองเขาที่มองดูอยู่ห่างๆ ด้วยสีหน้าสำนึกผิดของผม และผมคิดว่า สิ่งทีได้กลับมา..

      อาจจะเป็นแววตาที่ผิดหวัง  หรือ ตำหนิในความผิดพลาดของผม

       

      แต่ว่าสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ทั้งหมดก็ถูกพังทลายลง เมื่อเขามาอุ้มผมจากด้านหลัง

      ก่อนจะใช้มือลูบหัวผมเบาๆ บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่

       

      “ไม่เป็นไร ค่อยหาก็ได้”

      ณ เวลานั้น.. ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้แปลกๆ

      นี่รึเปล่าครับ ? ที่มนุษย์เรียกว่า การให้อภัย ผมรู้สึกว่ามันมีค่าจังเลย

      มันเหมือนเป็นการให้ผมได้เริ่มต้นใหม่.. ถ้าเป็นคนอื่น.. เขาจะให้อภัยเหมือนเขารึเปล่านะ ?

       

      ผมชักอยากจะอยู่กับเขานานๆแล้วซิ..

      อยากอยู่ตลอดไปเลย ถ้าหากเป็นไปได้ ผมอยากอยู่กับเขาจนเขาหมดอายุ

      แต่ก็นะ.. คงเป็นไปไม่ได้หรอก

      อายุขัยของผมกับเขาไม่เท่ากัน.. ก็แค่หวังว่าผมจะอยู่กับเขาได้นานที่สุด

      อย่างมาก ก็นานจนถึงวันสุดท้าย.. ที่ผมจะหายใจ

       

      ก็แค่นี้แหละ.. คำขอจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่หลงมาอยู่กับเขา

      ความสุขช่วงสั้นๆ ให้ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต.. ไม่สิ ตลอดชั่วชีวิต ของผมได้จดจำมันไว้

       

      ผมเคยเห็นเขาร้องไห้ครั้งหนึ่ง..

      ในวันนั้น เขากลับมาตอนเกือบมืดตามปกติ.. เขากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

      ผมรู้สึกได้ แม้ผมจะไม่ได้คุยกับเขา ..

      เขากลับมาแล้วนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องเล็กๆ ผมตามเขาเข้าไป..

      เขากำลังฉีกรูป.. รูปของเขากับผู้หญิงคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่ผมอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยเห็นเธอแบบจริงๆจังๆ

       

      ตอนแรกผมไม่รู้หรอก ว่าเขาเป็นอะไร ผมรู้สึกไม่ชอบเท่าไร ที่เขาเป็นแบบนี้

      เขาอุ้มผมเข้าไปกอด ก่อนจะพูดอะไรไม่รู้ออกมายาวเหยียด

      ผมก้มมองรูปสลับกับใบหน้าของเขา หยดน้ำไหลอาบแก้มของเขาเป็นสาย..

      เหมือนในหัวใจของผมชาวูบ.. ผมไม่อยากเห็นเขาในสภาพแบบนี้

       

      ผม.. ไม่อยากเห็นเขาร้องไห้

       

      ผมลงจากอ้อมแขมของเขา ลงมาดูรูปที่ถูกฉีกนั้นชัดๆ

      ผู้หญิงคนนี้คงเกี่ยวข้องอะไรกับเขาสักอย่าง ? เธอที่เขาเหรอ ?

      ไม่เป็นไรหรอก.. ถึงเธอทิ้งเขา แต่เขายังมีผมนะ..

       

      “(คุณอย่าเป็นแบบนี้ซิ)” ผมพูดพลางเอื้อมอุ้งเท้าเล็กๆ ไปสัมผัสบนหน้าตักเขาเบาๆ

      ในเวลานี้ผมทำได้แค่นี้.. ถ้าหากเขาต้องการเพื่อน ผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน

      แม้ว่าในเวลานั้นเขาจะอยู่คนเดียว.. ผมก็จะมาหาเขา มาอยู่เป็นเพื่อนเขา

      ถ้าหาก.. เขายิ้มได้ ผมจะทำทุกอย่างให้เขายิ้ม

       

      แค่เขามีความสุข.. ผมก็มีความสุข

      จากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อยากให้คนๆนึง ที่ไม่เชิงเจ้าของ..

      แค่คนที่รัก.. ความรู้สึกผมไม่ต่างจากมนุษย์ และผมว่าสัตว์ทุกตัวคงเหมือนกัน

      มีความรักให้ แม้ว่าจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน..

       

      “(ผมรักคุณ อย่าร้องไห้นะ)”

       

      วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมออกมาจากที่นั่นบ้าง..

      ผมไม่ได้เบื่อที่นั่นหรอกนะ ผมมาแค่ชั่วคราว เดี๋ยวผมก็กลับไป

      ผมคิดว่า ผมอยู่ที่นั่น ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนานไปหน่อย ผมอยากออกไปเที่ยวบ้าง

      ไม่นานครับ.. เดี๋ยวผมก็กลับไป

       

      ผมข้ามถนนไปอีกฝากฝั่งหนึ่ง.. ฝั่งนั้นไม่มีอะไรมากมายหรอก

      มีบ้านเล็กๆ กำลังย่างไก่อยู่.. แล้วก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น..

      ผมชักคิดถึงเขา.. แต่เวลานี้ เขายังไม่กลับมาสักหน่อย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

       

      ถนนที่ผมข้ามมามันกว้างมาก ผมไม่อยากจากที่นั่นนานๆ

      ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะวิ่งตัดถนนนั้นไป.. ผมรู้สึกหวิวแปลกๆ ยังไงไม่รู้

      ผมแค่รู้สึกกลัว.. กลัวว่าผมจะกลับไป ..ไม่ถึง..

       

      และแล้วความกลัวของผมก็ปรากฏชัดครับ

      ผมรู้สึกได้ของความเร็วรถคันหนึ่ง มันมาเร็วมาก.. เร็วเกินไป สำหรับเรี่ยวแรงขาทั้ง 4 จะวิ่งไหว

      ยานพาหนะคันนั้น ขับทับร่างของผมครึ่งหลังไป

      รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบตั้งแต่ช่วงท้องลงไป ผมไม่สามารถขยับช่วงหลังของตัวเองได้..

       

      กลิ่นคาวที่ผมจำได้ดี มันเป็นกลิ่นเดียวกับตอนที่ผมกัดหนูตาย

      กลิ่นมันเป็นแบบนั้นเลยครับ กลิ่นคาวของเลือด.. แล้วสัมผัสได้ถึงของเหลวชื้นๆ

      ที่มันเริ่มไหลออกมาจากร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างผม..

      ตอนนี้มันไหลนองออกมาเกือบท่วมร่างของผม ความรู้สึกเจ็บแปลบเริ่มชัดขึ้นอีกครั้ง

       

      ทว่า.. คราวนี้ ผมกลับเจ็บปวดทั้งกายและก็ใจ..

      คนที่ชนผม.. เขาไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง กลับมามอง..

      ไม่แม้แต่จะลงมาดูสภาพของผมที่ถูกเขาชนว่าเป็นตายร้ายดียังไง

      เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ถูกเมินอย่างไร้ค่า บนถนน ราวกับชีวิตของผม ไม่มีค่าความสำคัญอะไรเลย

      ถ้าเทียบกับของที่คนใจร้ายคนนั้นมีอยู่..

       

      ในตอนนี้ผมรู้ตัวดี ถ้าหากไม่มีใครมาเห็นผมในตอนนี้

      ผมอาจจะไม่มีสิทธิ์รอดชีวิตได้.. อีกไม่นานผมก็อาจจะตายลงบนที่แห่งนี้..

      ผมรู้สึกร้อนที่ขอบตาขึ้นมานิดหน่อย.. ผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอำลาเขา

       

      ไปบอกเขาว่าผมจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไปหลังจากนี้

      ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอด แต่มันเร็วเกินไปสำหรับผม

      ถึงแม้ผมจะตายไป.. ถ้าหากยังมีใครพอจะฟังเสียงของหัวใจผมอยู่

      ผมอยากให้เขาคนนั้นรับรู้.. และถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาที่เขาสามารถรับรู้ได้

       

      ถ้าหากการตายไปของผม จะทำให้เขาเสียใจ ก็ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยนะ..

      ผมเป็นห่วงเขา ผมไม่อยากให้เขาเสียน้ำตา

      แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขา..

      แต่ผมก็มีความสุขนะ เขาเติมเต็มให้เด็กหลงทาง ข้างถนนอย่างผม ได้รู้จัก คำว่า ความรัก

      ของสัตว์เล็กๆ ตัวหนึ่ง ที่พึงจะมีให้กับใครคนหนึ่ง ที่ต่างสายพันธุ์

       

      และผมก็อยากให้ใครสักคนหนึ่ง หรือสักตัวหนึ่ง ได้ทำหน้าที่แทนผมที

      ไปมอบความสุขให้กับคนในที่แห่งนั้น ทำให้เขายิ้มได้.. แทนผม

      เขาจะเหงาไหมนะ ?

      จะพูดกับใคร จะมีใครรับฟังเรื่องทุกข์ใจ ? จะหัวเราะกับใคร

      ผมขอฝากคำขอนี้.. ฝากไปให้ถึงเขา

      ฝากบอกเขาด้วย ผมรักเขามากแค่ไหน

       

      ผมจะรอ.. รอสักวันหนึ่ง ที่ผมจะได้อยู่กับเขาอีกครั้ง..

      ผมเชื่อว่า.. พรหมลิขิตมีจริง ผมเชื่อว่าสักวัน ผมจะต้องเจอกับเขาอีกแน่นอน

      อาจจะเป็นเวลาที่ไกลแสนไกล.. ถ้าถึงวันนั้น ผมจะใช้ชีวิตกับเขาอย่างคุ้มค่า..

       

      ที่.. ดินแดนแห่งความรัก

      ---------------------------------------------------------------------------------------

       

       

      Desper

       







      #ดินแดนแห่งความรักมาได้ไง ? (กำลังฟังอยู่ 55555) ช่างมันเถอะ _ _'' 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×