ความทรงจำที่หายไป..(เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นเด็ก) - ความทรงจำที่หายไป..(เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นเด็ก) นิยาย ความทรงจำที่หายไป..(เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นเด็ก) : Dek-D.com - Writer

    ความทรงจำที่หายไป..(เมื่อครั้งที่ฉันยังเป็นเด็ก)

    เป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝันที่สดใสเมื่อวัยเด็ก ที่น่าเสียดาย เนื่องจากเวลาแห่งวัยเยาว์ที่เคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ความฝันเหล่านั้นวิ่งตามเราไปไม่ทัน และ..เริ่มจางหาย..ไปเรื่อยๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    640

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    640

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ม.ค. 49 / 10:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลายคนที่ยังจำความฝัน

      สมัยที่ยังเป็นเด็กได้ และมีไม่น้อยเลย

      ที่เฝ้าครุ่นคิดถึงความฝันดังกล่าวซึ่งนับวัน

      จะเลือนลางไปทุกที และเมื่อถึงช่วงวัยหนึ่ง

      เขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถย้อนกลับไปสู่

      โลกแห่งความฝันนั้นได้ ทำได้เพียงเฝ้ามอง

      เด็กบางคนที่โชคดีกว่าเขา และฉลาดพอที่จะ

      เลือกทางฝันของตนแม้ยังเยาว์วัย








             การก้าวข้ามวัยที่สดใสและเต็มไปด้วย

      ความสุขล้นของจิตใจอันเป็นพื้นฐานของชีวิต

      ที่ทุกเพศทุกวัยปรารถนา โดยที่ไม่สามารถ

      หวนกลับมาสู่โลกบริสุทธิ์นั้นได้อีกแล้ว

      เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่น้อยสำหรับผู้ใหญ่

      บางคน จนบางครั้งเขาเหล่านั้นต้องระบายความรู้สึก

      ที่อัดอั้นออกมา ซึ่งแตกต่างกันไปหลายรูปแบบ

      ที่เห็นกันบ่อยๆคือ การที่พ่อแม่หลายคน

      บังคับให้ลูกเป็นอย่างโน้นหรือเป็นอย่างนี้ตามใจตน

      อยากสร้างอาณาจักรที่เคยฝันคั่งค้างเมื่อวัยเยาว์

      ให้เกิดเป็นรูปร่าง และประสงค์ที่จะเฝ้ามองภาพ

      ของเด็กน้อยผู้เป็นเชื้อสายแห่งตน

      ได้ทำในสิ่งที่ตนปรารถนาจะทำ แต่ไม่ได้ทำ

      และไม่สามารถทำได้แล้วในตอนนี้








             ผู้ใหญ่เหล่านี้น่าสงสารไม่น้อย เขาจะ

      ทำทุกอย่างที่เขาพอจะทำได้เพื่อให้ตัวเองยิ้ม

      และหัวใจพองโตกับผลงานนั้น โดยที่เขา

      ได้มองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดไป คือ เขาได้พราก

      โลกแห่งความฝันอันสดใสของเด็กตัวน้อย

      ที่เขาเรียกว่า\"สายเลือด\"ของเขา และเมื่อเด็กเหล่านั้น

      เติบโตขึ้นพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ หรือเกิดรอย

      แหว่งวิ่นในจิตใจดังนี้แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นวัฏจักร

      ที่น่าสังเวชของเด็กกับผู้ใหญ่ที่น่าสงสาร








             สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ เพื่อที่จะทำลายวงจร

      เน่าเฟะสายนี้คือ ....ความรัก(ของผู้ใหญ่ใจกว้าง)

      และ....ความกล้าหาญ(ของเด็กกล้าฝัน)








             ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวแห่งความจริง...

      ในโลกแห่งความฝันของเด็กๆ









      .......ครั้งหนึ่งทุกท่านคงเคยฝัน เห็นภาพตัวเอง

      วิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้

      สวยสดหลากสี วิ่งผ่านฝูงผีเสื้อนานาพันธุ์

      ที่แต่งแต้มทุ่งเขียวขจีให้กลายเป็นทุ่งแห่งสีสันงามตา

      พอเหนื่อยก็หยุดพักทอดกายลงบนเนินเขา

      ที่รองรับด้วยพื้นพรมหญ้านวลนุ่ม เหม่อมองไป

      ไกลสุดไกล ด้วยหวังที่จะเห็นดาวสวยตอนกลางวัน

      แต่กระนั้นก็สะดุดตากับหมู่สำลีเมฆขาวบริสุทธิ์

      จนลืมดาวไร้แสงไปในที่สุด  เมฆก้อนใหญ่

      เปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกรบ้าง เป็นกระต่ายบ้าง

      บางทีก็กลายเป็นเครื่องบินนับร้อยลำ

      บินแข่งกันบนสนามท้องฟ้ากว้าง ใจหนึ่งก็เกรงว่า

      มันจะชนกันเข้า จนต้องใช้มือช้อนเอาเจ้าลำเล็ก

      ออกไปไว้ห่างๆหมู่เมฆก้อนใหญ่










           เราไม่อาจรับรู้ได้ว่าบนฟ้านั้นลมแรงแค่ไหน

      เพียงแต่สายลมที่พัดมาเบาบางโลมเลียชโลม

      ผิวกายเรานั้นมันช่างเย็นฉ่ำสบาย ประหนึ่งว่า

      อ้อมกอดแห่งสายลมได้โอบอุ้มร่างน้อยๆของเรา

      ให้ลอยสูงอาบสายลมบนฟ้ากว้าง เฉกเช่นเมฆขาว

      ที่ล่องลอยอย่างอิสระ

      โอ้..บัดนี้ทุกอย่างล่องลอยอิสระ ทั้งกายและใจ

      โบยบินอย่างอิสระ ความสุขในโลกในใบเล็ก

      ของเด็กๆนี่ช่างก้างใหญ่ และช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน








             ความสุขบริสุทธิ์ที่แม้กระทั่งผู้ใหญ่ใจดีหลายคน

      ยังต้องอิจฉา ควมสุขเล็กๆนี้เองที่เราทุกคนใฝ่หา

      อาจต่างรูปแบบไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับต้องแบ่งแยก

      เป็นความสุขชนิดต่างๆให้วุ่นวายใจ พื้นฐานความสุข

      ในจิตใจที่สร้างเองได้นี้เป็นพรสวรรค์ที่ทุกคน

      ล้วนมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นความสุขที่ประหยัดที่สุด

      และไม่จำเป็นต้องไปเบียดเบียนใคร มันเป็นยาชั้นเลิศ

      ที่ช่วยบำบัดหรือเยียวยาในยามที่หมดเรี่ยวแรง

      สิ้นแสงไฟในหัวใจ ให้กลับมีแรงฮึดสู้ เป็นไฟที่โหม

      กระหน่ำลุกโชนในจิตใจของเรา ไม่ใช่ไฟร้าย

      แต่เป็นไฟแห่งขุมพลัง











             ในเมื่อเรามีกุญแจแห่งความสุขอันเป็นพื้นฐาน

      ทั้งมวลของชีวิตอยู่ในมือเช่นนี้แล้ว ใยต้องกลั่นแกล้ง

      เด็กและคอยสร้างวัฏจักรระบายความทุกข์สู่เด็ก

      ตัวเล็กๆเหล่านั้นด้วย ไม่ผิดหรอกที่จะหยิบยืม

      วิธีการง่ายๆที่คนโง่อย่างเราหลงลืมมองข้ามมาตั้งนาน

      กลับมาใช้บ้าง พอประทังให้หัวใจสดชื่นร่าเริงแข่งกับเด็กๆ

      สิ่งที่เราน่าจะทำในฐานะของผู้ใหญ่ใจกว้างก็คือ

      หยิบยื่นโอกาสให้เด็กน้อยได้เติบโตทางใจไปพร้อมๆกับ

      การเติบโตทางกาย





           ทั้งนี้คงต้องอาศัยความกล้าหาญของเด็กกล้าฝัน

      ที่มีความกล้าพอที่จะเดินตามทางฝันอย่างไม่หวั่นเกรง

      ต่อกำแพงหนามที่ผู้ใหญ่แอบสร้างขึ้นเพื่อกั้นทางฝัน

      ของเด็กทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม







             อาจจะดูน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กตัวเล็กๆ

      แต่นั่นมันคือหนทางสู่ประตูแห่งการเติบโต

      ที่จะทำให้เด็กๆเหล่านั้นแข็งและแกร่งสมบูรณ์พร้อม

      พอที่จะเผชิญโลกแห่งความจริงได้

      สุดท้าย..เด็กๆเหล่านั้นก็จะเติบโตขึ้นมา

      เป็นผู้ใหญ่ใจกว้างอีกหนึ่งคนซึ่งจะคอยหยิบยื่น

      สิ่งดีๆให้เด็กๆรุ่นต่อไป







             การแลกเปลี่ยนความรักและความสุขซึ่งกันและกัน

      เป็นทางหนึ่งที่จะนำสันติสุขมาสู่โลกของเรา

      คงไม่ต้องมองหาความร่วมมือจากที่ไหนไกล

      ท่านนั่นแหล่ะ คือผู้ถือกุญแจดอกสำคัญนี้อยู่ในมือ

      กุญแจคนละดอกที่จะช่วยกันไขประตูของตนให้เปิดออก

      รับกับความจริง






           ถามตัวเองว่าท่านกล้าพอหรือยังที่จะเป็นผู้ให้ผู้ยิ่งใหญ่

      และเป็นผู้รับที่มีเดียงสาบริสุทธิ์ในเวลาเดียวกัน

      ..มองรอบข้างสิครับ เด็กบางคนยังแสดงความฉลาด

      ทั้งด้านความคิดและการกระทำแบบผู้ใหญ่ออกมา

      ให้เราเห็นกันบ่อยๆ








             ใช่แล้วครับ...    ทุกคน ล้วนแล้วแต่เป็นเด็ก

      และผู้ใหญ่ในเวลาเดียวกัน.....





      ......คุณเองก็เช่นกัน.....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×