Casual มันอาจคือความบังเอิญ - Casual มันอาจคือความบังเอิญ นิยาย Casual มันอาจคือความบังเอิญ : Dek-D.com - Writer

    Casual มันอาจคือความบังเอิญ

    ถ้ามีคนมาขออยู่บ้านคุณ คุณอาจมองว่าเขาเป็นบ้า แต่ถ้าหล่อก็ขอยกเว้นแล้วกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    149

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    149

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ค. 56 / 22:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    Hello


    นี้เป็นเรื่องแรกที่ลง น้าาา เรื่องแรกก็ขอแบบสั้นก่อนแล้วกัน
    เรื่องต่อไปนิยายยาวแน่นอน จะติชมอะไรก็ขอให้เต็มที่ไปเลย
    พร้อมที่จะปรับปรุง



    ขอขอบคุณที่อ่านกันนะ


     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Casual มันอาจคือความบังเอิญ
      (short story)

       
            "ทำบุญเสร็จแล้ว กลับบ้านกันเถอะ" แม่บอกฉันขณะที่กำลังเดินออกจากโบสถ์วัด
            "เอพริล ทำไมลูกทำหน้าตาอย่างนั้น เพิ่งทำบุญมาทำหน้าตาให้แจ่มใสหน่อยสิ" พ่อพยายามทำให้ฉันเลิกทำหน้าตาเบื่อ
            ฉันรู้นะว่าการไปทำบุญที่วัดเนี่ยเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไปอาทิตย์ละสองสามครั้งก็ไม่ไหวนะ และวันนี้ก็อีกวันที่พ่อแม่บอก (แกมบังคับ) ให้มาทำบุญ จนอาจเป็นอาจเป็นกิจวัตรประจำแต่ละอาทิตย์ไปแล้วก็ได้ 
            แล้ววันนี้ฉันก็รู้สึกว่า มีคนกำลังแอบมองครอบครัวของฉันอยู่ตั้งแต่ที่เข้าวัดมา นึกแล้วก็รู้สึกอยากจะขนลุก
            "พ่อ แม่รีบๆขึ้นรถเร็ว อยากกลับบ้านแล้ว" ฉันเร่งพ่อกับแม่ให้รีบขึ้นรถ ใครอยากจะอยู่นานหละน่ากลัวชะมัดยาด
            หลังจากที่พ่อกับแม่ขึ้นรถและคนขับรถกำลังออกจากวัด ฉันเลยอยากอยากบอกเรื่องเมื่อกี้ที่รู้สึกมีคนแอบมอง
            "พ่อกับแม่รู้สึกมั้ยว่า เมื่อกี้มีคนคอยแอบมองเราตลอด"
            "แม่นึกว่าเมื่อกี้ที่อยู่วัดแม่คิดไปเองคนเดียวซะอีก ว่ามีคนแอบมอง"
            "ใช้พ่อก็คิดเหมือนกัน"
            "หนูคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้องของพวกคู่แข่งธุระกิจของเราก็ได้"
            ลืมบอกไป ครอบครัวของฉันทำธุระกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของประเทศไทยเลยหละ การมีคนแอบมองอย่างนี้อาจมารอบสังหารแล้วก็อาจต้องยุบกิจการก็ได้ (คิดมากไปป่าว)
            "พ่อคิดว่าไม่น่าจะใช่หรอกนะ"
            "ลูกคิดมากไปเองหรือเปล่า อาจจะเป็นพวกที่แอบชอบลูกที่โรงเรียนก็ได้"แม่เสริม
            "พ่อกับแม่หัดมองโลกในแง่ลบบ้างก็ได้นะ โลกมันไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆหรอก"
            "ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลยลูกเชื่อแม่สิ"
            "ทำไมพ่อกับแม่มองโลกในแง่บวกขนาดนี้เนี่ย ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ฉันพูดขึ้นมา อย่าหาว่าลูกคนนี้ไม่เตือนแล้วกัน เชอะ"


            เป็นลูกเศรษฐีแต่ต้องขึ้นรถเมย์จากโรงเรียนกลับบ้าน ชั่งน่าอนาถใจนัก ก็พ่อ แม่บอกให้ลองนั่งรถเมย์กลับบ้าน ได้ซักเดือนกว่าแล้ว แล้วก็บอกว่าอยากให้ฉันรู้โลกกว้างบ้าง แต่มันก็ไม่ได้หนักอะไรหรอกแต่ที่สำคัญมันก็ตรงรู้มีคนแอบมองเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว เริ่มสังเกตตั้งแต่มาโรงเรียนแล้วแต่คิดว่าอาจะระแวงไปเอง แต่เพิ่งมาชัดก็ตอนขากลับเนี่ยแหละ
            พอลงจากต้องเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็ถึงบ้าน ฉันแอบเห็นว่ามีคนลงจากรถเมย์ตามฉันมาด้วย ฉันจึงรีบวิ่งspeedอย่างเร็วเพื่อถึงบ้านเร็วที่สุด
            "เดี๋ยว รอก่อนดิ" คนที่ตามมาเรียกฉัน จะรอดีไหมเนี่ย "นี้จะวิ่งหนีทำไมบอกให้รอทำไมไม่รอ"
            คนที่ตามมาวิ่งมาดักหน้าฉัน
            "กรี๊ด~ อย่าฆ่าฉันเลยนะ"
            "ฉันไม่ได้จะมาฆ่าเธอ ฉันแค่จะ..จะ"
            "จะมาปล้นใช้มั้ย"
            "เธอจะบ้าหรอ ฉันแค่ขออยู่อาศัยที่บ้านด้วยคน น้า~"
            "นายเป็นคนบ้าหรอ อย่ามายุ่งกับฉันนะ กรี๊ด~"
            ฉันรีบวิ่งหนีมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วเข้าบ้านโดยด่วน ล็อกประตูรั้วด้วยดีกว่า หวังว่าคงจะมากล้าเข้า
            "มีอะไรหรอเอพริลวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว แล้วนั่นล็อกประตูทำไม"
            "แมามีคนบ้าตามหนูมา บอกว่าจะขออยู่ด้วยอ่า"
            "ลูกแน่ใจหรอว่าเป็นคนบ้า เค้าอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนก็ได้"
            "แม่!"
            ไม่มีอะไรจะบรรยายความแสนดีของแม่เลย
            "เธอ เมื่อกี้วิ่งหนีมาทำไม ฉันไม่ใช่คนบ้านะ"
            "แม่คนนี้แหละที่ตามหนูมา"
            "ผมไม่ได้เป็นคนบ้านะครับ ผมแค่หาที่หลบภับชั่วคราว"
            "งั้นก็เข้ามาก่อน"
            แม่ยังอุส่าเชื่อนะ คนแปลกหน้า (เปลี่ยนสรรพนาม) คุยกับแม่แค่ไม่กี่วิแม่ให้เข้าบ้านแล้ว จะเป็นแม่พระเกินไปหรือเปล่า
            "แม่แล้วถ้าเขาเป็นโจรขึ้นมาหละ"
            "ไม่เป็นไรหรอก ท่าทางเขาดูไม่มีพิษภัย"
            หลังจากนั้น แม่ก็พาคนแปลกหน้าเข้าบ้านไปคุย แล้วก็รู้ว่าคนแปลกหน้าชื่อ ธารา ทางบ้านเขามีกิจการค้าขายอัญมณี แต่ดันถูกพวกมาเฟียจะมายึดกิจการ พ่อ แม่ของธาราให้ธาราหนีออกมาคนเดียวแล้วพวกเขาก็จะอยู่คอยกอบกู้กิจการคืน แล้วธาราก็เป็นคนที่แอบมองตั้งแต่ที่วัดแล้วก็คิดว่าครอบครับฉันใจดีน่าจะพออยู่อาศัยได้ แต่ธาราก็เรียกเราไม่ทัน วันรุ่งขึ้นเลยออกมารอดูที่ถนนคิดว่าครอบครัวฉันอาจจะผ่านทางนี้ แล้วเขาก็เห็นฉันนั่งรถเมย์เขาเลยตามฉันจนไปถึงโรงเรียน แล้วก็รอจนฉันเลิกเรียน แล้วตามฉันนาจนถึงบ้านอย่างนี้
            ฉันว่านายคนแปลกหน้าอาจจะสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกครอบครัวฉันก็ได้ แต่แม่ก็ดันไปซึ้งตามที่หมอนี้พูดอีก อยากจะบ้าตาย
            "แล้วจะเชื่อได้ยังไงว่านายพูดความจริง"
            "ให้ฉันสาบานก็ได้"
            "สาบานมันก็แค่คำพูด เชื่อถือได้ที่ไหน"
            "งั้นก็เอาบัตรประชาชนฉันไปก็ได้ ถ้าฉันจะกลับบ้านก็จะเอาคืน"
            "แล้วถ้ามันเป็นบัตรปลอมหละ"
            โจรสมัยนี้เชื่อใจไม่ได้หรอก มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะจะตาย
            "ลูก พอได้แล้วเดี๋ยวแม่เก็บบัตรประชาชนไว้เองเดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งให้คนตรวจสอบดู สบายใจหรือยัง"
            "..."
            "มีอะไรกัน แล้วผู้ชายคนนั้นใครกัน"
            "พ่อ แม่เอาคนที่แอบมองเราเมื่อวานมาอยู่บ้านด้วย มันไม่ถูกต้องเลยใช่ไหมค่ะ
            แล้วแม่กับคนแปลกหน้าก็เล่าทุกอย่างให้พ่อฟัง แล้วสิ่งที่ฉันกลัวมันก็เกิดขึ้นคือพ่ิอไปซึ้งเรื่ิองของนายธาราอะไรนั้น
            "แล้วจะอยู่ที่นี้ซักกี่วัน"พ่อถามนายธารา
            "ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ"
            "งั้นอยู่กี่วันก็ได้นะ ตลอกชีวิตเลยก็ได้"

            "โอ๊ย! ถ้าบ้านเราถูกปล้นขึ้นมาอย่าหาว่าหนูไม่เตือนแล้วกัน"
            ฉันเดินกระทืบเท้าขึ้นห้องอย่างไม่พอใจ จะให้พอใจได้ยังไงหละ อึ้ย!ไม่อยากจะคิดปวดหัว

            เช้ามาจากต้องขึ้นรถเมย์คนเดียวต้องไปกับคนแปลกหน้าด้วย อยากจะบ้าตาย พ่อกับแม่ก็ดันทำเรื่องนักเรียนใหม่ให้นายธาราด้วย แล้วนายธาราก็ดันไม่กลัวพวกมาเฟียที่เล่าให้ฟังด้วยนะ ฉันว่านายนี้ต้องหลอกแน่ๆ
            พอไปถึงโรงเรียนพวกนักเรียนหญิงก็กรี๊ดให้ธารา จนโรงเรียนเทียบแตกไม่เป็นอันเรียนเลยแหละแล้วหมอนี้ก็ทำตัวเป็นลูกเจี๊ยบเดินตามฉันอยู่ได้ ฉันไล่แล้วก็ไม่ไปแล้วยังมีการบอกว่า 'ยังไม่สนิทกับเพื่อนใหม่ ถึงได้เดินตาม' ฉันว่าเพื่อนทุกคนพร้อมที่จะสนิทกับหมอนี้นะ แล้วยังมีหน้ากล้ามาพูดอย่างนี้อีก

            เวลาผ่านไปได้อาทิตย์กว่าๆ ธาราก็ยังไม่กลับบ้าน แล้วฉันก็เริ่มรู้สึกชอบธาราขึ้นมานึดนึง นึดนึงนะ แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ธาราจะต้องกลับบ้านที่เขาว่า ฉันก็รู้สึกเศร้านึดๆนะ
            "ธารา จะกลับแล้วจริงๆหรอ" แม่ถามธาราเพื่อความแน่ใจ
            "ครับ พ่อโทรมาบอกว่าธุระที่นั้นจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
            "อะนี้จะบัตรประชาชน"
            ธาราหยิบบัตรประชาชนจากมือแม่ แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกง
            "เอพริล เป็นอะไรทำไมไม่พูกไม่จาเลย" พ่อถามฉัน
            "แค่ไม่มีอะไรจะพูดเฉยๆหรอกพ่อ" ฉันก็แถไป
            จากนั้นก็มีรถสุดหรู (รุ่นอะไรก็ไม่รู้) มาจอดที่หน้าบ้านแล้วจากนั้น กระจกรถทางคนขับก็เปิดออกเป็นชายแก่ๆคนหนึ่ง
            "คุณชายครับคุณท่านให้ผมมารับ"ชายแก่ในรถพูด
            "งั้นผมขอกลับก่อนนะครับ" ธาราพูดพร้อมยิ้มมาทางฉัน
            "อืม จะ" แม่
            แล้วธาราก็ออกจากบ้านไปขึ้นรถหรูคันนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกเศร้านึดนะที่จะไม่มีคนให้พูดด้วย


            เวลาผ่านไปได้2-3วัน รู้สึกว่าชีวิตของฉันมันสงบขึ้นมาก มากจนรู้สึกเหงาเลยหละ ตอนนี้ฉันลงจากรถเมย์เพื่่อกลับบ้านก็พบว่ามีรถของทางบ้านธารา ฉันจำได้แม่น พอฉันเข้าบ้านก็พบธารามาพร้อมผู้ชายคนหนึ่งฉันคิดว่าพ่อของเขา
            "อ่าว ลูกกลับมาแล้วหรอนี้พ่อของธาราชื่อ ชาติเป็นเพื่อนพ่อเอง เพิ่งจะรู้เมื่อกี้เองว่าชาติเป็นพ่อธารา"
            "นั่งคุยกันสิหนู"พ่อของธาราพูด
            หลังจากคุยกันนานที่พ่อของธารามาวันนี้เพราะจะมาขอบคุณที่ให้ที่อยู่ธารา อะไรอย่างนี้แหละ แต่ที่สำคัญคือฉันกับธาราเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เด็ก แต่พ่อกลัวว่าถ้าบอกฉัน ฉันอาจไม่ยอมเลยอาจจะบอกตอนเรียนจบ ตอนที่ได้รู้ว่าเป็นคู่หมั้นกัน อยากกระโดดร้องเย้ มาก ในขณะที่พ่อแม่พูดกับพ่อธารา ธาราก็ฉันไปคุยที่สวน
            "ฉันมีอะไรจะบอกเธอมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักที"
            "มีอะไรจะบอกหละ"
            "ฉันชอบเธอนะ"
            พอฉันได้ฟังประโยคนั้นที่ออกจากปากธาราฉันแทบจะกระโดดกอดเขาแล้ว
            "แล้วเธอชอบฉันมั้น
            "ไม่"
            "..."
            "ไม่แต่รักเลยอะ"



      จบแล้ว


            

            

       
            
       
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "jn"

      (แจ้งลบ)

      คุณเพื่อนคะ คือว่า...คุณเพื่อนก็เขียนเรื่องดีนะคะ แต่ว่าฉันคิดว่าคุณเพื่อนน่าจะเขียนให้เป็นเรื่องยาวเลย เรื่องสั้นไม่หนุกหรอก เชื่อสิ ลองแต่งเรื่องยาวดูนะ คุณเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ขอวิจารณ์นิดนุงนะ คือว่าน่าจะอธิบายตอนช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าทั้งสองคนทำอะไรกันบ้าง กุ๊กกิ๊กไรบ้าง อะไรประมาณนี้ ลองเขียนดนะ ฉันเป็นกำลังใจให้ อิอิ อ่านเพิ่มเติม

      คุณเพื่อนคะ คือว่า...คุณเพื่อนก็เขียนเรื่องดีนะคะ แต่ว่าฉันคิดว่าคุณเพื่อนน่าจะเขียนให้เป็นเรื่องยาวเลย เรื่องสั้นไม่หนุกหรอก เชื่อสิ ลองแต่งเรื่องยาวดูนะ คุณเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ขอวิจารณ์นิดนุงนะ คือว่าน่าจะอธิบายตอนช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าทั้งสองคนทำอะไรกันบ้าง กุ๊กกิ๊กไรบ้าง อะไรประมาณนี้ ลองเขียนดนะ ฉันเป็นกำลังใจให้ อิอิ  

      Aticha Pumphusri | 16 พ.ค. 56

      • 0

      • 0

      คำนิยมล่าสุด

      "jn"

      (แจ้งลบ)

      คุณเพื่อนคะ คือว่า...คุณเพื่อนก็เขียนเรื่องดีนะคะ แต่ว่าฉันคิดว่าคุณเพื่อนน่าจะเขียนให้เป็นเรื่องยาวเลย เรื่องสั้นไม่หนุกหรอก เชื่อสิ ลองแต่งเรื่องยาวดูนะ คุณเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ขอวิจารณ์นิดนุงนะ คือว่าน่าจะอธิบายตอนช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าทั้งสองคนทำอะไรกันบ้าง กุ๊กกิ๊กไรบ้าง อะไรประมาณนี้ ลองเขียนดนะ ฉันเป็นกำลังใจให้ อิอิ อ่านเพิ่มเติม

      คุณเพื่อนคะ คือว่า...คุณเพื่อนก็เขียนเรื่องดีนะคะ แต่ว่าฉันคิดว่าคุณเพื่อนน่าจะเขียนให้เป็นเรื่องยาวเลย เรื่องสั้นไม่หนุกหรอก เชื่อสิ ลองแต่งเรื่องยาวดูนะ คุณเพื่อนเป็นกำลังใจให้ ขอวิจารณ์นิดนุงนะ คือว่าน่าจะอธิบายตอนช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าทั้งสองคนทำอะไรกันบ้าง กุ๊กกิ๊กไรบ้าง อะไรประมาณนี้ ลองเขียนดนะ ฉันเป็นกำลังใจให้ อิอิ  

      Aticha Pumphusri | 16 พ.ค. 56

      • 0

      • 0

      ความคิดเห็น

      ×