หนาวฝนห่มตะวันภาคตะวัน [yuri] - นิยาย หนาวฝนห่มตะวันภาคตะวัน [yuri] : Dek-D.com - Writer
×

    หนาวฝนห่มตะวันภาคตะวัน [yuri]

    โดย T@nakorn

    รวิฉาย น้องสาวคนเล็กของบรรดาสามพี่น้อง แพรธันวา วรรษมน เพิ่งมีประสบการณ์รักแรก กับรุ่นพี่สุดเท่อย่างเมษา แต่ทว่าเมษากลับมีแฟนแล้ว...รักนี้ที่เคยแอบรักจะสำเร็จอย่างไรกัน?

    ผู้เข้าชมรวม

    2,362

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    2.36K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    36
    จำนวนตอน :  16 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ย. 66 / 12:00 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    หนาวฝนห่มตะวัน (ตะวัน)

                “รวิเสร็จรึยัง เดี๋ยวสายนะ เร็วเข้า!เสียงตะโกนของแพรธันวา พี่สาวคนโตสุดของบ้านมายืนรอที่หัวบันได สลับกับพลิกนาฬิกาข้อมือดูบ่อยๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวคนเล็กยังไม่ลงมาจากชั้นบน

                    รวิฉาย เป็นน้องคนเล็กสุดบรรดาพี่น้องทั้งสามคน อายุห่างจากวรรษมน 6 ปี ห่างจากแพรธันวา 8 ปี เป็นบุตรสาวคนสุดท้องที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ไม่ได้ตั้งใจจะมีแล้ว แต่ก็มีมาในช่วงที่แม่เริ่มมีปัญหากับพ่อ เพราะพ่อมัวเที่ยวติดการพนัน กินเหล้า จนเงินที่ทำมาค้าขายไม่เหลือเก็บ ท้ายที่สุดแม่ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจแยกทางพร้อมหอบผ้าผ่อนตอนยังท้องอ่อนๆ และกระเตงลูกสาวอีกสองคนเข้ามาทำงานในกรุงเทพ...

    หลังจากนั้นชีวิตของแม่ก็เริ่มดีขึ้นจากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะเริ่มผันตัวมาเป็นแม่ค้า ทำงานขายน้ำเต้าหู้ และข้าวเหนียวหมูปิ้ง ทำให้ชีวิตครอบครัวเริ่มมีรายได้พอที่จะช่วยเหลือจุนเจือคนในบ้านได้อย่างไม่อดอยาก ให้วรรษมนเรียบจบและแพรธันวาประสบความสำเร็จในการทำงาน

    เพราะดวงของแม่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นแม่จึงตั้งชื่อของเธอว่า รวิฉาย...เปรียบเสมือนแสงสว่างของดวงตะวัน

                    ต่อมาโรคร้ายของมะเร็งก็รุมเร้าแม่และด่วนจากไป แพรธันวาจึงต้องเป็นฝ่ายต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัวและส่งเสียดูแลน้องๆต่อ กลายมาเป็นว่าครอบครัวของรวิฉายจึงอยู่ด้วยกันสามพี่น้อง ที่แม้จะขาดพ่อแม่ แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีงามของพี่น้องสนิทกลมเกลียวกันดี

                    “เสร็จแล้วค่า...” รวิฉายรีบลงบันไดมายืนยิ้มแฉ่งด้วยชุดเด็กนักเรียน ม.ปลายพร้อมกระเป๋านักเรียน ใบหน้าประแป้งฝุ่นพอหอม อวดผิวเนียนใสกระจ่างเป็นธรรมชาติ จมูกโด่งและริมฝีปากอมชมพูระเรื่อนับว่าเป็นจุดเด่นบนใบหน้าอย่างน่ารักสมวัยของรวิฉายโดยไม่ต้องเสริมแต่งอะไร ขณะที่เส้นผมดกดำดั่งไหมนิล มีความยาวระดับต้นคอหวีติดกิ๊บดำเรียบร้อย ให้วรรษมนพี่สาวคนรองพยักหน้ายิ้ม ขณะที่แพรธันวาขยับแว่นสายตานิดหนึ่ง แล้วจับน้องสาวคนเล็กหมุนตัวไปมาตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนจะพยักหน้าผ่านให้อย่างภูมิใจ

                    รถเก๋งโตโยต้าซูลูน่าสีควันบุหรี่ เป็นรถยนต์สภาพมือสองที่เป็นยานพาหนะคันแรกและคันเดียวของครอบครัว จากการเก็บหอมรอบริบของแพรธันวา และเพิ่งผ่อนหมดไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถูกเหยียบคันเร่งเครื่องโดยแพรธันวาให้ทะยานไปตามท้องถนนใหญ่ โดยที่มีวรรษมนนั่งด้านข้างคนขับ ขณะที่รวิฉายหยิบหนังสือเรียนของการเปิดเทอมวันนี้ขึ้นมาอ่านเตรียมตัว

                    “ม.6 แล้วนะรวิ เทอมสองแล้ว ตั้งใจหน่อยนะ จะได้สอบเข้ามหาลัยได้” แพรธันวาปรับกระจกมองคนข้างหลัง ก่อนจะเห็นว่าน้องสาวคนเล็กพยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                    จวบจนกระทั่งติดไฟแดง แพรธันวาก็หันมามองวรรษมนที่ใส่ชุดสูทพนักงานเต็มยศ หากแต่กระโปรงกับสั้นเพียงแค่คืบฝ่ามือ อวดโชว์เรียวขาอ่อนไม่สุภาพ พลันคิ้วบางก็ขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

                    “ฝน...” แพรธันวาพูดพลางหันมามองน้องสาวคนรองที่นั่งข้างๆ ให้หันมามอง

                    “หืมม์...”

                    “แต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ได้มั้ย แต่งยั่วใครไปไหนเนี่ย”

                    “แหมพี่แพร ที่ทำงานฝนก็แต่งแบบนี้ล่ะ มัวแต่แต่งเฉิ่มเชยแล้วใครจะมาเอา” วาจาน้องสาวคนร้องที่กระแทกกลับมาทำเอาแพรธันวาเผลอสะอึกไป เมื่อหวนคิดถึงชีวิตรักกับชายหนุ่มที่คบกันมานานถึง 7 ปี จนเธอคิดจะฝากทั้งตัวและใจกับผู้ชายคนนี้ไว้ตลอดชีวิต แต่สุดท้ายก็โบกมือลาแยกทางกันไปก่อน ทำเอาแพรธันวาที่วางอนาคตไว้เสียดิบดี ต้องเสียใจจนไม่อยากมีใครมานาน...

                    “พี่ฝน...” รวิฉายขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าวรรษมนพูดจาไม่ดีเท่าไหร่นัก

    ขณะที่แพรธันวาเริ่มตบไฟเลี้ยวเร่งเครื่องต่อ เตรียมเข้าตรอกซอยเมื่อใกล้ถึงเป้าหมายของน้องสาวคนเล็ก

                    “ช่างเถอะรวิ ถึงโรงเรียนเราแล้ว ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ”   แพรธันวากล่าวตัดบทเมื่อรถแล่นมาจอดเทียบหน้าโรงเรียน ให้รวิฉายโบกมือลาพี่สาว ก่อนจะลงจากรถ...

                    เด็กสาวเดินถือกระเป๋าเลาะไปตามใต้อาคารเรียน ก่อนจะสะดุดเห็นรูปบนบอร์ดประชาสัมพันธ์ของสาวห้าวหน้าหวาน เป็นนิสิตชั้นปี4 ของคณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังชนิดที่ว่า ใกล้กันแค่ปลายจมูกกับโรงเรียนของเธอ...

                    รวิฉายหยุดยิ้มกับรูปถ่ายของเมษา สาวห้าวหน้าหวานไว้ผมยาวสลวยสไลด์ยางถึงกลางหลัง แต่งตัวมีสไตล์เท่อย่าบอกใครด้วยเสื้อนิสิตตัวใหญ่โคร่งกับกระโปรงสอบ รองเท้าคอนเวิดหนังหุ้มข้อสุดเก๋ พ่วงด้วยพลังเสน่ห์ของน้ำเสียงที่เป็นนักร้องของมหาวิทยาลัย มีชื่อเสียงแพร่กระจายมายังโรงเรียนของเธอ...ให้น่าเคลิบเคลิ้มหลงใหลยิ่งนัก

                    รวิฉายยิ้มภูมิใจ เธอแอบชอบเมษามาตั้งแต่ม.4 แม้เมษาจะมีข่าวคราวซุบซิบกับผู้ชายและผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่รวิฉายก็มองว่าเมษาเป็นเหมือนแสงสว่างที่ทำให้โลกของเธอสดใส

                    ด้วยเพราะน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนถูกต้องมนต์สะกด มันนิ่มนวลและแข็งแรงไปด้วยพลังในคราเดียวกัน ทำให้รวิฉายแอบอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจทุกครั้งที่เห็นเมษาอยู่ท่ามกลางแสง สี บนเวที

                    และเวลานี้เองมือเรียวจึงเปิดกระเป๋านักเรียนเรียน ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบสีชมพูหวานแหว๋ว ที่แอบซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ออกมาลอบสูดกลิ่นหอมเพียงครู่หนึ่งแล้วนึกถึงใบหน้าไอดอลในใจอย่างเคลิ้มฝัน...

                    เธอม.6 ที่ใกล้จบการศึกษาและเมษาก็ปีสี่...จะมีโอกาสที่จะได้คุยกันสักครั้งมั้ยนะ...รวิฉายยิ้มกริ่มในใจลำพังอยากมีความหวัง มีความสุขเมื่อเสียงหัวใจเต้นพองๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินลัดเลาะข้ามเขตรั้วโรงเรียนไป มองซ้ายแลขวาอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนพบเห็นปีนกำแพงผ่านเข้ามาในมุมเชื่อมตึกเพื่อเดินทะลุไปตึกคณะนิเทศศาสตร์อย่างชำนิชำนาญทาง ก่อนจะหยุดอยู่ที่มุมล็อกเกอร์ของเมษาที่ยามนี้ต่างมีของและรูปถ่ายแปะเรียงรายเป็นเอกลักษณ์...

    ดอกกุหลาบสีชมพูพร้อมช็อตโน้ตสั้นๆ เขียนไว้ พร้อมกับแอบเปิดล็อกเกอร์ด้วยลวดเหล็กเล็กไขออกได้อย่างง่ายดาย เท่านั้นรอยยิ้มกระหยิ่มของรวิฉายก็โค้งขึ้น พร้อมบรรจงวางดอกไม้และกระดาษโน้ตในที่ปลอดภัยก่อนจะเดินจากมาด้วยรอยยิ้ม...

    เสียงผิวปากและเดินขึ้นบันไดดังขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ในตึกมุมหนึ่งของคณะนิเทศศาสตร์ เมษาแต่งตัวด้วยเสื้อนักศึกษาตัวโคร่งพับแขนกับกระโปรงสอบขนาดพอดีตัว พร้อมความเป็นสาวห้าวลุยด้วยรองเท้าคอนเวิดหนังสีดำสุดเท่ เธอรวบผมยาวกลางหลัง แต่งหน้าหวานให้เข้มจัดด้วยดวงตากรีดอายไลเนอร์ให้ดูเฉียบดุ เป็นสาวร็อคเบาๆ

    เมษาเป็นนักร้องนำวง Pure sky ของมหาวิทยาลัย เล่นเพลงแนวป๊อบร็อคด้วยการโชว์เสียงอันมีเสน่ห์ให้กับทุกคนได้ฟังต้อนรับน้องใหม่ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย เมษาเป็นคนรูปร่างสูงโปร่งผิวออกขาวเหลือง รูปหน้าเรียวยาว มีดวงตาคมกล้า จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากบางเฉียบ

    บุคลิกของนักร้องสาวมักเป็นคนนิ่งๆ ในสายตาคนอื่น ทำให้ดูเท่และมีมาดไปอีกแบบหนึ่งให้หลายคนนึกหลงใหลไปตามๆ กัน...แต่เมษามักจะชอบคุยเฮฮากับเพื่อนสนิทและคนที่ไว้ใจได้ทุกครั้ง

    เสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นยางรองเท้าดังมาตามจังหวะการเดิน ทำเอาสาวนิสิตในคณะนิเทศศาสตร์ด้วยกันต่างหันมามองเป็นตาเดียว นั่นทำให้เมษาทำได้เพียงยิ้มตอบก่อนจะเดินต่อโดยไม่สนใจอะไร พร้อมกับมาหยุดอยู่ที่ตู้ล็อคเกอร์ พลันสายตาก็มองสะดุดเห็นของวางระเกะระกะเต็มพื้นไปหมด ที่เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับถอนใจ

    “มาแต่เช้า ขนมลูกอมเอย...กินจนจะมีพุงอยู่แล้วน้า” เมษาบ่นไปอย่างนั้นเอง แต่ก็หยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเปิดล็อกเกอร์เตรียมเก็บให้เรียบร้อย พลันคิ้วหนาเข้มก็กดลงอย่างขมวดมุ่น เมื่อล็อกเกอร์สามารถเปิดได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ

    นักร้องสาวหันรีหันขวางอย่างแปลกใจ ก่อนจะหยิบกุหลาบในล็อกเกอร์ขึ้นมามองด้วยรอยยิ้มขัน พร้อมเห็นลายมือคุ้นตาเขียนไว้ในกระดาษโน้ตอย่างน่ารัก

    ...ตั้งใจเรียนนะคะพี่เมษา ปีสี่แล้ว สู้ๆนะ ...ยังชอบพี่เสมอ...

                                                                                    รวิ...เด็กม.6

    รอยยิ้มบางของเมษาเกิดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆอย่างนึกขันเอ็นดู เมื่อข้อความที่ได้รับนั้น เป็นข้อความที่คล้ายๆ โดยฝีมือเด็กสาวคนหนึ่งที่พยายามส่งของให้เธอมาเกือบ 3 ปี

    “เฮ้ย เมษ์!!” เสียงตะโกนของจักรพงศ์บอกพร้อมกับโบกไม้โมกมืออยู่ไม่ไกล ให้เมษาหันไปมอง

    “มีอะไร?”

    “อาจารย์มาแล้ว ไปเรียนกัน”

    “อ้อ โอเคๆ เดี๋ยวไป...” เมษารีบเก็บของทั้งหมดไว้ในล็อกเกอร์จนเสร็จ ก่อนจะปิดตู้ไขกุญแจให้เรียบร้อยแล้วเดินตามเพื่อนไป...

    บรรยากาศภายในโรงเรียนฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัย เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังใกล้จบพร้อมกับเด็กนักเรียนกว่า2000 คนตั้งแถวยืนตามลำดับไหล่เรียบร้อย จู่ๆ รวิฉายก็ถือกระเป๋าวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ ต่อท้ายแถวห้องของตนเองด้วยอาการเหนื่อย เหงื่อผุดเม็ดพราวไปทั่วทั้งใบหน้า...

    “วิ่งไปมหาลัยมาล่ะสิ” ปริศนาสาวตาคมผิวเข้มอย่างคนใต้รูปร่างอวบอ้วน หันมาแขวะเพื่อนสนิทที่วิ่งมาด้วยอาการกระหืดกระหอบจนหน้าซีดเซียว

    “เออ นึกว่าไม่ทันซะแล้ว จะเป็นลม” รวิฉายพยักหน้ายอมรับ พลางแตะไหล่เพื่อนด้านหลัง วัดระยะห่างให้เป็นระเบียบ พร้อมกับกระพือชายเสื้อเข้าออกบรรเทาความร้อน

    “เบื่อแกว่ะ ทำไมไมเลิกซะทีรวิ จะสามปีแล้วนะไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า เสียเงินลงทุนซื้อของให้ไปเท่าไหร่แล้ว” ได้ทีแม่ปริศนาถึงกับหันมาเท้าสะเอวสวดยับจนรวิฉายยิ้มหน้าเจื่อน

    “นิดหน่อยน่า...”

    “ปีหน้าแกก็เข้ามหาลัย ส่วนพี่เมษ์ปีสี่แล้ว เค้าก็จบแล้ว แกยังจะวิ่งตามทำไม ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

    “ก็เราชอบพี่เค้าอยู่นะปัน” รวิฉายตอบเพื่อนไปอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่สายตาดุของอาจารย์จ้องมองมา ให้เด็กทั้งสองเลิกคุยและหันมาทำกิจกรรมเคารพธงชาติต่อ...

    จวบจนกระทั่งจบการทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อย รวิฉายและปริศนาก็พากันมานั่งที่โต๊ะเรียน เพื่อรออาจารย์เข้าสอนในคาบเรียนแรกของการเรียนชั้นม.6

    ติ๊ด...ติ๊ด

                เสียงข้อความของไลน์ดังขึ้นให้รวิฉายล้วงหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาดู ในขณะที่ปริศนาที่นั่งข้างๆ เริ่มเอาสมุดออกมาวางบนโต๊ะเตรียมเขียนชื่อและรายวิชาบนหน้าปก

                    “แก!!

                    “อาราย...” ปริศนาตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากการเขียนชื่อบนสมุด

                    “พี่เมษ์ตอบเรา แกดูสิ เขาตอบในไลน์ด้วยแก”

                    “ไหนดูซิ” ปริศนาคว้าโทรศัพท์เครื่องเล็กจับถนัดมือของเพื่อนมาดูอย่างอดไม่ได้ เพราะเห็นแววตาของรวิฉายมันช่างเปล่งประกายจนน่าหมั่นไส้เหลือเกิน

                    ขอบคุณสำหรับของมากนะคะ น้องรวิ...# พี่เมษ์

                    “แค่เนี้ย!...” ปริศนาทำหน้าเซ็ง ขณะที่รวิฉายยังคงเคลิ้มฝันอย่างมีความสุข

    นั่นทำเอาสาวร่างท้วมใช้สันมือถือโขกบนศีรษะเพื่อนเบาๆ อย่างหมั่นไส้

                    “โอ๊ย แกมาโขกหัวเราทำไมเนี่ยยัยปัน” รวิฉายร้องโอดพลางลูบศีรษะตนเองป้อยๆ

                    “น่า-หมั่น-ไส้” ปริศนาพูดชัดถ้อยคำ ก่อนส่งคืนโทรศัพท์ให้ “เห็นแกบ้าพี่เมษ์มาตั้งแต่ม.4 แล้ว มันก็ไม่ได้กระเตื้องความสัมพันธ์อะไร นอกซะจาก ขอบคุณนะคะเนี่ย เลิกบ้าเถอะนะ ทำไรให้เป็นประโยชน์เถอะ”

                    “ไอ้อ้วน!” รวิฉายว่าเพื่อนอย่างนึกเคืองที่ปริศนาพูดตัดรอนกำลังใจมากกว่าสนับสนุน “แกเพื่อนเราป่ะเนี่ย ถ้าเป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ แกไม่รู้เหรอพี่เมษ์น่ะแรงบันดาลใจของฉันเลยนะ ทำให้ฉัน...อยากจะเข้าไปเรียนนิเทศ มีผลงานมีชื่อเสียง...โอ๊ย...พี่เมษ์จ๋า...รอรวิก่อนนะคะ”  

                    ท่าทางหลงใหลและชื่นชอบเอามากๆ ของรวิฉาย ทำเอาปริศนาทำหน้าละเหี่ยใจ ก่อนว่า

                    “ถ้าแกอยากเข้านิเทศขนาดนั้น สิ่งที่แกต้องทำน่ะคืออ่านหนังสือเว่ยไม่ใช่ไปบ้าพี่เค้า แล้วอีกอย่างนะรวิพี่เมษ์น่ะจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายยังไม่รู้เลย ไม่เห็นมีแฟนหรือมีข่าวกับใครจริงจังสักคน”

                    “เออ..พูดถึงแฟน พี่เค้าอาจมีแต่เราไม่รู้ก็ได้นะ” รวิฉายหันมาพูดกับเพื่อน พลางลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด นั่นทำเอาปริศนาปวดขมับ

                    “ตั้งใจเรียนก่อนเถอะ...” มือท้วมอวบตบไหล่บางหนักๆ สองสามครั้ง เพื่อไม่ให้รวิฉายคิดฟุ้งซ่าน ทำเอารวิฉายหน้ายู่ เพราะในใจยังคิดสงสัย...




                    บรรยากาศในห้องซ้อมดนตรีในมหาวิทยาลัย ดังกระหึ่มในห้องซ้อมอย่างจริงจัง เตรียมพร้อมจัดต้อนรับน้องใหม่ปีหนึ่งของคณะนิเทศศาสตร์กำลังมาถึง ทั้งนี้ Pure sky นำเพลงชื่อดังของศิลปินวงหนึ่งมาเล่นเพื่อต้อนรับน้องใหม่ เปิดเรียกกระแสของวง ก่อนจะเข้าสู่พิธีรับน้องตามระบบระเบียบ

                    มือเรียวยาวสวยปานลำเทียน ถือไมค์ร้องเพลงเสียงใสไปตามเนื้อร้องพร้อมกับโยกตัวไปตามจังหวะ ขณะที่มือเบส กีตาร์ และกลองกำลังมุ่งมั่นซ้อมอย่างเต็มที่...

    รู้ว่าเสี่ยงแต่อยากจะขอลอง...

    รู้ว่าเหนื่อยแต่อยากได้ของที่อยู่สูง

    ยังไงก็ขอลองดูสักที...

                    เสียงใสกังวานอย่างมีพลังร้องไปตามเนื้อพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเสียงกลอง กีตาร์ยังทำหน้าที่ไปอย่างชำนิชำนาญ ให้เมษารู้สึกมีความสุขทุกครั้ง เมื่ออยู่ใกล้เสียงเพลงและได้ทำตามหัวใจที่รักอย่างไม่เคยเปลี่ยน

    ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที

    ไม่ว่ายังไงก็ลองดีสักวัน

    อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน...


    กริ้ก

    เสียงลูกบิดบานประตูดังขึ้นพร้อมเปิดออกก่อนที่สาวเอวบางร่างเล็ก ผมย้อมสีบอร์นสว่างดัดลอนสลวยกลางหลัง จะเดินเข้ามาในห้องตามจังหวะของรองเท้าส้นสูง ให้นักร้องนำหันไปมอง พร้อมส่งยิ้มหวานให้ สาวเจ้าที่กำลังทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง...

                    เมษาหันไปยิ้มกริ่มโชว์ลักยิ้มสวยให้สาวเปรี้ยวหน้าหวานที่มานั่งชมการซ้อมร้องเพลงส่งยิ้มตอบ จวบจนกระทั่งเพลง...บรรเลงจบ น้ำหวานเฮลบลูบอยเย็นๆในกระติกคิตตี้ลายสวย ก็ถือมาให้เมษาได้ดูดดื่ม ท่ามกลางเสียงโห่ของเพื่อนๆ ในวง

                    “ไม่เห็นแบ่งพวกเราอ่ะ” หนุ่มๆ ที่เป็นแบกอัพวงดนตรีร้องครวญ ให้สาวน้อยยิ้ม

                    “ซื้อเองดิ...”

                    “ขอบใจจ้ะ หวานสมชื่อเลย” เมษายิ้มกริ่มให้น้ำหวาน สาวคณะสถาปัตยกรรมที่มาติดตามการซ้อมของเมษาทุกวันจนได้คบหาดูใจกันอย่างเงียบๆ

                    และท่าทางการส่งยิ้มหวาน พร้อมด้วยนัยน์ตาพราวระยับ ทำเอาหนุ่มๆ ในวง ต่างอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถวๆ เพราะสาวสวยข้างหน้านี้ ช่างมีเสน่ห์ทั้งคู่ ชนิดที่ว่าเสียดายแทนหนุ่มๆ  หลายคนที่ลงทุนลงแรงมาจีบนักร้องนำเหลือเกิน

                    “เฮ้ยเมษ์อย่ากินเยอะ เดี๋ยวเย็นนี้ก็เสียงแย่พอดี” จักรพงศ์ หนุ่มมือเบสไว้หนวดเคราเฟิ้มรีบมาฉวยกระติกแล้วกระดกดื่มทันที ให้เมษายิ้มขำเห็นเป็นเรื่องตลกไป

                    “เหนื่อยมั้ยเมษ์” น้ำหวานเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มหวานน่ารัก แทบจะทำให้เมษาใจละลาย

                    “ไม่เหนื่อยจ้ะ เย็นนี้ไปดูเมษ์เล่นเปิดตัวรับน้องด้วยนะ” เมษาหันมายิ้มละไมให้น้ำหวาน สาวเปรี้ยวหน้าหวานที่พยักหน้าหงึกหงักรับ

                    “เฮ้ยซ้อมต่อๆ” พัชร หนุ่มหน้าตี๋ร่างอวบมือกลอง หันมาปรามความหวานของสองสาวอย่างหมั่นไส้หลังจากแย่งกระติกน้ำดื่มมาดื่มต่อจากจักรพงศ์จนปากสีชมพูอ่อนกลลายเป็นสีเข้มจัดให้คนอื่นๆ หันไปหัวเราะ

                    “หน้าพัชเหมือนแต๋วเลย” น้ำหวานเอ่ยแซว ให้เมษาหันไปยิ้มขำ ก่อนจะหันมาหยิกแก้มนวลใสของน้ำหวานอย่างเอ็นดู...

                    “เค้าซ้อมต่อก่อนนะ ไว้ค่อยเจอกันเย็นนี้นะคะ” 

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น