บทที่ 1 ชายผู้อยากถูกคุมขัง
17/06/2022 ในช่วงบ่ายโมงครึ่งของวันนี้ ที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา
เสียงจากคนหลายคนต่างใช้วาจาหารือกันดังไปทั่วห้อง เกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งมีนามว่า "โมเสส" ที่ทรงอิธพลไปทั่วทะเลทรายเปอร์เซีย ทางรัฐบาลหลายประเทศได้หารือกันในหัวข้อ "มาตรการหยุดยั้งโมเสส" มีหลายเสียงหลายฝ่ายแนะนำให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการจัดการแบบรวดเดียว แต่ก็มีฝ่ายขัดค้านเนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าประชาชนในระแวกนั้นยังอยู่อาศัยกันมากมาย ถ้ายิงอาวุธนิวเคลียร์ไปจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ ในขณะที่หลายฝ่ายถกเถียงกันไปมาชายผิวขาวผมสีทองวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง เหงื่อเขาไหลลงอาบแก้มลงมาที่คาง นัยตาสีฟ้าเริ่มหันมองทุกคนในห้องด้วยสีหน้ากังวล เขาคนนั้นคือประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา วิคเตอร์ เจสัน เขาเริ่มกล่าวพูดหลังจากที่เงียบมานานท่ามกลางผู้นำประเทศต่างๆที่กำลังวุ่นชุลมุนถกเถียงกัน...
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : เอาล่ะท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีผู้มีเกียรติทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ
สิ้นสุดเสียงทุกคนหันมามองที่วิคเตอร์ในด้วยสายตาที่ตึงเครียด วิคเตอร์มองทุกคนครู่หนึ่งแล้วเริ่มกล่าวต่อ
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : หลังจากที่ผมใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับกลุ่มโมเสสผมได้ฟังนโยบายทุกท่านและไตร่ตรองไว้หมดแล้ว ซึ่งแต่ละนโยบายมันมีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันไป ซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงสุดอาจต้องใช้นิวเคลียร์ในการจัดการให้จบเรื่อง แต่ผมพยายามหลีกเลี่ยงการใช้วิธีนั้นมากที่สุดผมจึงมีนโยบายใหม่ในการจัดการกับกลุ่มโมเสสทุกท่านจงโปรดฟังและรับไปพิรจารณา...
วิคเตอร์พักหายใจชั่วครู่และสั่งให้นาธานคนสนิทของเขาเปิดรูปภาพของบุคคลหนึ่งขึ้นบนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่มองเห็นกันได้ทั่วห้อง ทุกคนในห้องต่างได้เห็นรูปภาพนั้นจากสีหน้าที่เริ่มผ่อนคลายลงกับดูบึ้งตึงขึ้นมาอีก หลายฝ่ายต่างเริ่มกระซิบหูคุยกัน อีกหลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามให้วิคเตอร์
สี หยวน หง [ปธน.จีน] : ประธานาธิบดีวิคเตอร์ ไอ้หน้ากระทะนี้มันใคร อั้วไม่เคยพบไม่เคยเห็น ?
ลอเรน โครอฟสกี้ [ปธน.รัสเซีย] : ท่านประธานาธิบดี ชายหน้ากากผู้นี้คือใครกัน ?
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : ชายปริศนาผู้นี้เรายังไม่อาจทราบตัวตนที่แน่ชัดของเขาได้ เราพบเขาในสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองโอเรก่อน เขาได้ก่อคดีไว้ที่นั้น จากคำไห้การของพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เล่าว่า "...ในบ่ายวันหนึ่งอันเงียบในเมืองโอเรก่อนเขาชายหน้ากากจู่ๆได้ปรากฏตัวในห้องที่พวกเรานายตำรวจ 4 คนทำงานอยู่ เขาพูดแต่คำเดียวว่า "จับฉันสิเว้ย!!..จับฉันสิ..เจ้าพวกโง่!!!.." ทางเราพยายามใช้วาจาพูดคุยกับเขาแบบใจเย็นแต่วาจานั้นมันก็ไม่เกิดผล จึงต้องใช้กำลัง ตำรวจ 3 คนรวมตัวผมได้วิ่งเข้าไปล็อคแขนกับคอของชายหน้ากากเหล็กไว้ แต่เรื่องหน้าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อชายหน้ากากนั้นเหวี่ยงพวกเรากระเด็นกันไปคนละทาง ตัวผมนั้นได้โอกาสจึงโทรเรียกกำลังเสริมและในขณะนั้นตำรวจอีกนายได้วิ่งเข้าข้างหลังและใช้ไม้เบสบอลฟาดไปที่หลังหัวของชายหน้ากากเหล็ก แต่เรื่องหน้าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกเมื่อหัวของชายหน้ากากเหล็กนั้นเหมือนไม่ได้รับผลกระทบอะไร ตรงกันข้ามไม้เบสบอลที่ใช้ฟาดกลับหักเป็นสองท่อน ในตอนนั้นชายหน้ากากเหล็กได้หันหน้าเผชิญกับนายตำรวจที่ใช้ไม้เบสบอลเล่นงานมัน นายตำรวจคนนั้นยืนขาแข็งทื่ออยู่กับที่ ชายหน้ากากเหล็กได้ใช้กรงเล็บอันหน้าสะพรึงกลัวของมันจ้วงเข้าที่หน้าตำรวจนายนั้นร่างของเขาลอยเคว้งและตกลงพื้น เศษชิ้นเนื้อและคราบเลือดกระเด็นไปทั่ว ตำรวจอีกสองนายเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงใช้ปืนยิงไปคนละนัดถูกที่กลางท้องและไหล่ขวาของชายหน้ากาก แต่มันกลับยืนเงียบขรึมก้มมองดูแผลที่เกิดจากกระสุนและมีทีท่าที่ไม่รู้จักเจ็บปวด ตำรวจสองนายนั้นเมื่อยิงไปสองนัดไม่ได้ผลต่างตัดสินใจรัวกระสุนใส่มันชุดใหญ่ เสียงกระสุนดัง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง ... และหยุดไปถึงตอนนี้ผมไม่ได้ดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นขณะยิง และในขณะนั้นเสียงสบถของตำรวจหนึ่งในสองนายก็ดังขึ้นว่า โถ่เว้ย!!..เจ้านี้มันสัตว์ประหลาดชัดๆข้ายิงไปจนหมดแม็กแต่มันกลับเดินเข้ามาหาพวกเราเหมือนไม่เจ็บแสบอะไรเลย.. สิ้นเสียงนั้นก็ตามด้วยเสียงโอดครวญของตำรวจ 1 ใน 2 นายนั้นและก็มีเสียงเหมือนอะไรกระทบกันดัง อั้ก ผมได้แอบมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง มันช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก ควันฟุ้งจากกระสุน .45S&W ลอยตลบอบอวลทั่วห้องผมมองเห็นตำรวจ 1 ใน 2 นายนอนจมกองเลือดในสภาพท้องเป็นรูและมีไส้ไหลออกมาอย่างน่าเวทนา และตำรวจอีกนายที่นอนแน่นิ่งในสภาพหัวอาบเลือดและผมเห็นมันเจ้าปีศาจ...มันนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นก้มหน้ามีทีท่าเหมือนจะร้องไห้และบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง และในตอนนั้นหน่วยเสริมได้เข้ามาพวกเขาเหล่านั้นเข้าควบคุมตัวชายหน้ากากได้อย่างง่ายดายในสภาพที่มันไม่ขัดขืน พวกเขาเก็บกวาดหลักฐานทุกอย่าง มีคนตายไป 3 คนเหลือรอดเพียง 1 คนนั้นคือตัวผม และ
เหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป..."
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นไปชายหน้ากากถูกตำรวจสอบสวนซักคำถามหลายเรื่องในประเด็นหลักๆคือ...
ตำรวจ : คุณชื่ออะไร ?
ชายหน้ากาก : ผมไม่รู้
ตำรวจ : คุณมาจากไหน ?
ชายหน้ากาก : ผมไม่รู้
ตำรวจ : ทำไมคุณถึงต้องใส่หน้ากากเพื่อปิดบังตัวตน ?
ชายหน้ากาก : ผมไม่รู้ตั้งแต่จำความได้ผมใส่มันมาตลอด
ตำรวจ : คุณสามารถถอดหน้ากากได้ไหม ?
ชายหน้ากาก : ถอดไม่ได้ผมพยายามอยู่หลายครั้งหลายวิธีแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถถอดมันได้
ตำรวจ : ทำไมคุณถึงอยากถูกจับ ?
ชายหน้ากาก : เพราะผมไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ในขณะที่คลุ้มคลั่ง
ตำรวจ : แล้วขณะที่คุณคลุ้มคลั่งคุณรู้ตัวไหมคุณทำอะไรอยู่ ?
ชายหน้ากาก : ผมไม่รู้ตัวแต่ผมสามารถจำมันได้เมื่อตื่นจากอาการคลุ้มคลั่ง
ตำรวจ : ปัจจัยใดบ้างที่ทำไห้คุณคลุ้มคลั่งได้ ?
ชายหน้ากาก : ความโกรธ
ตำรวจ : แล้วเหตุใดคุณถึงโกรธ ?
ชายหน้ากาก : เพราะพวกเขาไม่จับผม...
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : ชายหน้ากากถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหาเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำได้สำเร็จ เอาละมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมมีนโยบายที่ว่าผมจะใช้ประโยชน์จากชายหน้ากากเหล็กนายนี้...
สิ้นเสียงวิคเตอร์ผู้นำหลายฝ่ายต่างเริ่มกระซิบหูคุยกันและอีกหลายฝ่านเริ่มตั้งคำถามใส่ตัววิคเตอร์มามากมาย...
อภิชาติ จันฤดี [ปธน.ไทย] : เรียนท่านประธานาธิบดีที่เคารพ ทางตัวผมมีคำถามว่า เรานั้นจะใช้ประโยช์จากชายหน้ากากเหล็กนายนี้ได้อย่างไร ในเมื่ออารมณ์ตัวเขาเองยังควบคุมไม่ได้และสามารถฆ่าคนอื่นได้ทุกเมื่อที่คลุ้มคลั่ง
โยชิมุระ เซโตะ [ปธน.ญี่ปุ่น] : อย่างที่ทางไทยว่า บากะ [บากะ=บ้า] ที่สุดที่ทางเราจะไปใช้ตัวคนแบบนั้น
วิคเตอร์นั้นนิ่งฟังคำถกเถียงของคนในห้องอย่างใจเย็นและได้เริ่มพูดต่อมาว่า...
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : ผมเข้าใจว่าทุกท่านต่างไม่เห็นด้วยกับวิธีของผม แต่ตัวผมนั้นพยายามที่จะใช้วิธีที่สามารถรักษาเพื่อนร่วมโลกมนุษย์ให้สูญเสียน้อยที่สุด ในทางกลับกันถ้าเราใช้นิวเคลียร์ในการแก้ปัญหาการสูญเสียมันก็จะตามมามากจริงไหม ? และอีกอย่างเราก็ยังไม่รู้ถึงแผนการของศัตรูว่ามีอะไรบ้าง ในขณะเดียวกันความพยายามที่จะใช้เรดาร์ส่องการเคลื่อนไหวศัตรูก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีสัญญาณบางอย่างรบกวนเรดาร์ของพวกเรา ตอนนี้เราก็เหมือนมืดแปดด้าน ผมจึงมีทางเดียวที่จะพึ่งชายหน้ากากเหล็กผู้นี้ ผู้ที่ถูกกระสุน .45S&M ยิงเข้าไปนับ 10 นัดแต่ยังยืนหยัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายผู้ถูกล็อคคอและแขนทั้งสองแต่ยังสามารถสลัดหลุดออกมาได้ ชายผู้สามารถเอาชนะตำรวจทั้งกองได้ ไม่สิเขาอาจจะชนะได้ทั้งกองร้อยเลยก็ได้ ดังนั้นผมจึงจะเอาเขาเข้าภารกิจในการสืบความลับของพวกโมเสส เพราะเป็นการดีที่เมื่อเราได้รู้ความลับอีกฝ่าย ชัยชนะก็อยู่ไกล้มือขึ้นจริงไหมทุกท่าน...
สิ้นเสียงของวิคเตอร์ทุกคนในห้องต่างนั่งเงียบกริบและตกตะลึงกับท่าทางการพูดของวิคเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน วิคเตอร์เริ่มพูดจากความใจเย็นและใส่อารมณ์เข้าไปเรื่อยๆ และในขณะนั้นเสียงปรบมือหนึ่งก็ดังขึ้นและมีอีกหลายเสียงตามมา ทุกคนต่างแสดงการยอมรับในนโยบายของวิคเตอร์ เสียงคำชื่นชมและการยอมรับที่จะให้การสนับสนุนตามมาเข้าหูวิคเตอร์อย่างน่ารื่นรมย์...
มูฮัมหมัด อาลี [ปธน.อินเดีย] : อินี้พูดได้ดีมากเลย ช้านนี้ชื่นชม ช้านจะสนับสนุนอินี้อย่างเต็มที่ บอกเลย ช้านอ่ะ ..ได้หมด.. ถ้าสดจื่น..
ปาค จี ซอง [ปธน.เกาหลี] : ท่านประธานาธิบดีพูดได้ดีมาก ถูกใจโอปป้า เอาไปเลยล้านไลค์ จะคอยสนับสนุนอย่างเต็มแรง
อภิชาติ จันฤดี [ปธน.ไทย] : พูดได้ดีมากครับคุณวิคเตอร์ ขอบคุณสำหรับนโยบายดีๆ ทางผมก็จะสนับสนุนคุณเต็มที่
โยชิมุระ เซโตะ [ปธน.ญี่ปุ่น] : อาริกาโตะ [อาริกาโตะ=ขอบคุณ] สำหรับแนวคิดดีๆท่านวิคเตอร์ ทางผมขอให้สัญญาจะสนับสนุนอย่างเต็มที่
ลอเรน โครอฟสกี้ [ปธน.รัสเซีย] : ท่านประธานาธิบดีวิคเตอร์สุดหล่อพูดได้ดีมาก ทางดิฉันจะสนับสนุนอย่างเต็มที่
สี หยวน หง [ปธน.จีน] : คนหนุ่มนี้ก็พูดได้มีหลักการดีแหะ เอาเป็นว่าอั้วจะให้การสนับสนุนลื้ออย่างเต็มที่
...[และเสียงคำขอบคุณและชื่นชมจากนานาประเทศ]...
วิคเตอร์ เจสัน [ปธน.อเมริกา] : ผมขอขอบคุณคำชื่นชมและการให้สนับสนุนจากทุกประเทศมาก แผนของเราจะเริ่มกันในวันพรุ่งนี้ ในวันนี้ขอเชิญทุกท่านไปที่งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ผมจัดเตรียมขึ้นเพื่อทุกคน เชิญผ่อนคลายกันได้ตามสบาย โอกาสนี้ผมขอกล่าวปิดการประชุมสมาพันธ์นานาชาติไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ...
สิ้นเสียงทุกคนต่างทยอยกันไปงานสังสรรค์ที่วิคเตอร์จัดขึ้น โดยตอนนี้วิคเตอร์ได้ขึ้นกล่าวเปิดงานและลงมาจิบแชมเปญสังสรรค์กับแขกพอหอมปากหอมคอ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นวิคเตอร์อีกเลย... อย่าพึ่งตกใจว่าเขาเป็นอะไรไปนั้นไงเขา วิคเตอร์ผู้หลับเป็นตายในสภาพที่ไม่บอกก็คงไม่รู้ว่านี้คือประธานาธิบดีผู้สูงส่งแห่งสหรัฐอเมริกา...
ฝันดีนะวิคเตอร์...
[จบบทที่ 1]
ความคิดเห็น