"เกือบไปแล้ว!"
ผมอุทานกับตัวเอง ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ในรถยนต์ส่วนตัว ขณะที่รถคันหนึ่งเพิ่งจะขับแซงปาดหน้า เฉียดรถของผมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ยังเคราะห์ดีที่ผมยังชะลอรถได้ทัน
รู้ตัวอีกที รถของผมก็จอดนิ่งอยู่บริเวณไหล่ทาง
รถที่เพิ่งปาดไปน่าจะเป็นรถตำรวจนำขบวน เพราะรถอีกคันแล่นตามติดมาเป็นรถคันใหญ่สีดำ ข้างรถมีคำว่า 'Police' หากแต่คนที่อยู่บนรถลูกกรงนั่นไม่ใช่ตำรวจ สาเหตุที่ต้องใช้รถตำรวจนำขบวนเนื่องมาจากข่าวไม่ดีในช่วงนี้ ที่ว่าเกิดอุบัติเหตุรถส่งนักโทษชนกับรถที่แล่นอยู่บนท้องถนนติดต่อๆกันในรอบสองเดือนถึงแปดครั้ง ทำให้นักโทษเสียชีวิตไปรวมแล้วกว่ายี่สิบคน ซึ่งทางตำรวจมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
'สายตาคู่หนึ่ง' กำลังมองออกมานอกซี่ลูกกรงบนรถนำส่งผู้ต้องหา
ผมบังเอิญมองสบตาเข้าพอดี ระหว่างที่รถคันดังกล่าวกำลังขับเคลื่อนด้วยความเร็ว ประกอบกับเสียงไซเรนที่ชวนให้รถคันอื่นต้องหลีกทาง ให้รถนำพานักโทษจากเรือนจำไปยังศาลจังหวัดเพื่อไต่สวนคดีความ
ผมอยากรู้ว่าเจ้าของสายตาคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่?
ในกลุ่มนักโทษทั้งหลาย จะมีใครบ้างหนอ ที่สำนึกผิดในการกระทำของตน การจองจำในคุก จะสามารถช่วยลดปัญหาอาชญากรรมได้จริงไหม หรือ จะเป็นเพียงแค่แหล่งชุมนุมของบรรดานักโทษผู้ถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งบางรายถูกฝากขังแค่ไม่นานก็ถูกปล่อยตัวออกมา ถ้ามีเส้นสายดีพอที่จะทำให้พ้นผิด
"คุณครับ"
เสียงเรียกหนึ่งก้องขึ้น
"ครับๆๆ"
ผมตอบซ้ำอยู่หลายหน
"หมอคิดว่าคุณอาการคุณยังโอเคนะ แต่ต้องเฝ้ารอดูแผลในสมองอีกสักพัก"
คุณหมอพูดพร้อมชี้แผ่นฟิล์มในมือให้ผมดู
ผมต้องมาพบหมอทุกอาทิตย์หลังจากที่ผมประสบอุบัติเหตุมาเมื่อห้าเดือนที่แล้ว รถเราชนกับรถกระบะอีกคันอย่างจัง ทำให้เหล็กท่อนยาว 1 เมตร หนา 3 เซนติเมตร หนัก 6 กิโลกรัม เสียบเข้าที่ศีรษะด้านบนส่วนหน้าทะแยงลงมาทะลุที่โหนกแก้มข้างขวา ทำให้ผมสูญเสียสมองส่วนหน้าไปบางส่วน คุณหมอเรียกชื่อมันด้วยภาษาอังกฤษว่า Prefrontal Cortex คำว่า front ที่รวมอยู่ ทำให้ผมจำชื่อสมองส่วนนี้ได้ดี คุณหมอยังอธิบายต่อไปอีกว่า สมองส่วนหน้านี้ทำหน้าที่หลายอย่าง มีผลกับสมาธิ ความจำ และ การตัดสินใจ การขาดสมองส่วนนี้ไปบางส่วนอาจจะทำให้ผมขาดความยับยั้งชั่งใจ ตัดสินใจอะไรแบบไม่มีเบรค
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับการสูญเสียเมียและลูกสาวที่นั่งมาในรถด้วย
ระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับบ้าน
วิทยุกำลังเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดปีที่ผ่านมา
ทุก 1 นาทีมีคนได้รับบาดเจ็บ และทุก 2 คนต่อชั่วโมง มากกว่าโรคใดๆที่ว่าร้ายกาจที่สุด
'ผมใช้ประโยชน์จากมันในการแก้แค้นให้ลูกเมีย'
ไอ้สารเลวที่ขับรถคันนั้น ไม่ว่ามันจะซื้อใบขับขี่มา ขับด้วยความคึกคะนอง ขับตอนเมา คุยโทรศัพท์ หรืออะไรก็ตามแต่ มันสมควรได้รับโทษ
ผมทราบว่ามันกำลังจะหลุดคดีหลังจากที่ฝากขังได้เพียงหนึ่งเดือนเศษ โอกาสเดียวที่ผมมีคือช่วงที่มันออกมาจากเรือนจำเพื่อเดินทางโดยรถนำส่งไปขึ้นศาลในวันนั้น ผมจึงจ้างรถบรรทุก และ รถกระบะอีกสามคัน เพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นไปแนบเนียน เฉกเช่นอุบัติเหตุทั่วๆไป
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน มันตายในรถนำส่ง รวมถึงนักโทษค้ายาอีกสองรายที่นั่งมาพร้อมกัน ผมรู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้ว
ผมรู้ดีว่า นักจำนวนหนึ่งในนักโทษเหล่านั้น ยังมีกลุ่มผู้บริสุทธิ์ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้กระทำผิดจริง เราเรียกกลุ่มคนเรานี้ว่า 'แพะ' แต่การฆ่าแพะจำนวนหนึ่งในกรงขังนั้น มันเป็นสิ่งที่ควรแลก เมื่อเทียบการการที่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลออกมาฆ่าแพะจำนวนมากที่อยู่นอกกรงนั้น
ผมกลับถึงบ้านราวสองทุ่ม เข้าห้องนอนทันที วันนี้ผมมีความสำเร็จเล็กๆจะอวด
ยุคนี้ใครอยากเรียนอะไรก็สามารถทำได้เพียงแค่เสิชคีย์เวิร์ดเข้าไปในยูทูป ในนั้นมีทุกอย่างให้ศึกษาไม่ว่าจะเป็น สาธิตการใช้อุปกรณ์ไอทีใหม่ๆ สูตรทำอาหารอร่อยๆ ท่าออกกำลังกายบริหารหน้าท้อง รวมไปถึงวิธีทำระเบิด ผมใช้ช่วงเวลาว่างก่อนนอน เพื่อทดลองทำระเบิดแบบ DIY จากอุปกรณ์สามารถซื้อหาได้ในอินเตอร์เน็ต ถึงตอนนี้ผมสามารถระเบิดอาคารสูงสี่ชั้นให้ราบคาบได้ภายในพริบตา แต่ผมคงไม่ใช้มันแบบสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก
อะไรก็ไม่แน่นอน เช้าอีกวันตำรวจสนธิกำลังเข้าจับกุมผมขณะออกมาเดินออกมาหาซื้ออาหารมื้อเช้า ในข้อหาจ้างวานฆ่า เรื่องของผมกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของวัน ผมถูกส่งตัวเข้าเรือนจำประจำจังหวัดทันที
ในคุกนั่นทำให้ผมไม่โดดเดี่ยว ทุกคนรู้จักชื่อผมดี เนื่องมาจากวีรกรรมที่ผมสร้างไว้ และแน่นอนหลายคนจ้องจะฆ่าผม เพราะทั้งยี่สิบกว่าคนที่ตายไปนั้น ล้วนมีความสัมพันธ์กันกับคนในนี้ ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า คู่ซี้ หรือ แม้แต่พี่น้องร่วมสายเลือด ผมถูกรุมทำร้ายหลายครั้ง
แต่ครั้งที่หนักสุดเกิดขึ้นในตอนกลางวัน ขณะที่ผมกินข้าวแดง ไปพร้อมๆกับเล่าแผนการให้กับหัวโจกคนหนึ่งถึงการตายของน้องชายเขาอย่างละเอียด พวกมันรุมทำร้ายผมด้วยท่อนเหล็กกว่าครึ่งชั่วโมง ผมนึกว่าผมตายไปแล้ว เคราะห์ยังดีที่เพื่อนของผมวิ่งไปแจ้งเหตุกับผู้คุมได้ทันเวลา
ผมถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ผมอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ร่วมเดือนแล้ว รู้ชื่อพยาบาลทุกคนในวอร์ดสนิทสนมกันทุกคนเป็นอย่างดี เรียกว่าใช้ไปซื้อขนมได้เลย ส่วนร่างกายผมก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาดังเดิม ผมกำลังจะเดินได้เองในไม่ช้า ผมยื่นเรื่องขอย้ายเรือนจำโดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ตอนนี้ได้ลายเซ็นของผู้ใหญ่ในเรือนจำแล้ว รอเพียงลายเซ็นของหมอผู้ดูแลผมเท่านั้นเอง
สองสัปดาห์ต่อมา รถนำส่งนักโทษคันหนึ่งแล่นออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยความเร็วมุ่งหน้าสู่เรือนจำกลาง
'สายตาคู่หนึ่ง' กำลังมองออกมานอกซี่ลูกกรงบนรถนำส่งผู้ต้องหา
ชายผู้นั้นรู้ตัวดีว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไปสู่โลกความเป็นจริงเบื้องหน้านั้นอีก เพราะทุกอย่างจะจบลงคืนนี้ คืนที่เขาเฝ้ารอมา
โดยตลอด ในคุกที่รวมนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ของประเทศกว่าพันคน
ซึ่งแน่นอนว่ามันคือ
'อุบัติเหตุ'
ความคิดเห็น