ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kanashii iro no jikyu ภาค 2 (Yaoi Reborn)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 58


    บอกก่อนว่าภาคนี้จะเป็นแบบสรุปแป้ปๆ จบเลยฮะ เรทน้อยนิด มีแค่ตอนเดียวมั้ง คือตอนที่ 4 ต่อจากตอนนี้นั่นเอง 555

    ตอน 3   

    นัยน์ตาสองสีทอดมองผ่านบานหน้าต่างไปยังในสวนกว้าง แสงแดดรำไรใกล้จะค่ำแล้ว เขาคีบบุหรี่ออกจากปากกแล้วพ่นควันให้พวยพุ่งขึ้นในอากาศ ร่างสูงโปร่งนั่งลงที่ขอบหน้าต่าง สายตาเบนไปจับที่ร่างบางซึ่งกำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติ รอยแผลเป็นจางๆ บนใบหน้างดงามนั้นสะท้อนในดวงตา เส้นผมสีดำขลับที่ลู่แนบแก้มและริมฝีปากเผยอเล็กน้อยคล้ายจะยั่วยวนให้เขามอบจุมพิตอย่างเร่าร้อน เรือนร่างที่ไร้อาภรณ์บดบัง แม้จะมีแผลแต่ก็เนียนนุ่มน่าสัมผัส

     

    นานเท่าไหร่แล้วที่เขาได้ครอบครองคนคนนี้ กักขังให้อยู่ในที่ของตน บังคับขืนใจให้เป็นของตน การได้เห็นแซนซัสทรมานและเป็นทุกข์คือเป้าหมายของเขาแน่นอน แต่ว่า...ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของร่างบาง บางครั้งก็ทำให้รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก อะไรบางอย่างที่มันคอยรบกวนจิตใจเขาตอนนี้ มันคืออะไรกัน

     

    จะนอนไปถึงเมื่อไหร่กันครับ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ ร่างสูงก้มลงกระซิบเรียกข้างหู แซนซัสพลิกตัวหันหลังให้ด้วยความรำคาญ

     

    อือ ไม่กิน

     

    มุคุโร่จ้องมองแผ่นหลังบางแล้วยิ้มกริ่ม ค่อยๆ ไล้นิ้วไปตามสันหลังนั้น จนอีกฝ่ายจั๊กจี้จนต้องหันกลับมาด้วยดวงตาเบิกโพลง

     

    ทำอะไรวะ!!! คนจะนอน!” ร่างบางโวยวายพร้อมปาหมอนใส่หน้า

    ตื่นแล้วสินะครับ ไปทานอาหารกัน มุคุโร่วางหมอนที่โปะบนหน้าหล่อเหลาลงข้างเตียง แล้วยิ้มอย่างใจเย็นให้

     

    ฉันง่วง จะนอน แซนซัสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนต่อ ชายหนุ่มผมน้ำเงินถอนหายใจแล้วเขยิบขึ้นคร่อมร่างบางบนเตียง

     

    นอนพอแล้วมั้งครับ ไม่ทานอะไรเลยจะไม่ดีต่อร่างกายนะ

     

    ไม่ต้องมายุ่ง ฉันตายไปก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง คำพูดประชดประชันของร่างบางทำให้ชายหนุ่มรู้สึกฉุนขึ้นมานิดๆ เขากระชากแขนของแซนซัสให้ลุกขึ้นจากเตียงจนร่างบางตัวลอย

     

    โอ๊ยย มันเจ็บนะ ทำบ้าอะไรของแก ร่างบางนิ่วหน้าแล้วสะบัดแขนออก

     

    ลุกขึ้นแต่งตัวแล้วลงไปทานข้าวกับผมเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปแสดงให้เห็นว่าเอาจริง ทำให้แซนซัสนึกไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมทำตามไปก่อน รู้ว่าขืนดื้อดึงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากจะเจ็บตัวอีกเปล่าๆ

     

    พักหลังมานี้ ดูเหมือนมุคุโร่จะอารมณ์เสียบ่อยขึ้น ทำอะไรขัดใจไม่ได้เลย ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มน่าหมั่นไส้เสมอ หมู่นี้กลับเอาแต่ขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึง เอาแต่สูบบุหรี่กลิ่นคละคลุ้งไปทั่วห้อง ชอบดื่มเหล้าและพอเมาก็มาบังคับขืนใจเขา บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมืออย่างหนัก ทั้งที่ต่อให้โรคจิตวิปริตแค่ไหน มุคุโร่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจริงๆ จังๆ ขนาดนี้มาก่อน

     

    แซนซัสได้แต่แอบหวังในใจว่า อาจถึงคราวที่มุคุโร่เริ่มเบื่อตนแล้วก็เป็นได้

     

    ทว่า...ในใจมุคุโร่นั้น ไม่มีคำว่าเบื่อใดๆ เลย นับวันจะยิ่งลุ่มหลงมัวเมากับแซนซัสจนหงุดหงิดตัวเองเสียมากกว่า หากหลงใหลไปเมื่อใด เมื่อนั้นการแก้แค้นของเขาก็คงจบลง แต่อะไรบางอย่างมันคาใจ ไม่อยากให้จบ ยังอยากระบายแค้นให้สาใจกว่านี้ แต่...ความรู้สึกที่มีต่อแซนซัสก็รุนแรงขึ้นอีก จนทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามหักห้ามใจจนกลายเป็นความเครียดทวีคูณ ทุกครั้งที่ทำร้ายแซนซัส ตัวเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน

     

    มันคงเป็นความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง

     

    แซนซัสไม่มีทางรักคนที่ทำเลวสารพัดกับตัวเองลงได้หรอก...เขาคิดอย่างทรมาน เป็นใครก็รักไม่ลง กับคนที่พรากทุกอย่างไปจากชีวิต แล้วทำไม...เขาถึงรักแซนซัส

     

    เพราะแซนซัสไม่ได้ทำอะไรผิดมาตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?

     

    มุคุโร่สะบัดหัวแรงๆ ราวกับอยากจะให้มันหลุดออกจากบ่า ไล่ความคิดที่วนเวียนครอบงำจิตใจจนแทบจะคลุ้มคลั่งให้ออกไปจากสมอง เขากำบุหรี่ที่เพิ่งจุดไฟได้ไม่นานจนมันแหลกคามือ และมือของเขาต้องเป็นรอยไหม้ แต่กระนั้น กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ เลย

     

     *********

     

    เช้าวันนั้น มุคุโร่รีบแต่งตัวแล้วออกไปที่บริษัทอย่างเร่งรีบ เหมือนที่บริษัทจะมีปัญหาอะไรสักอย่างอีกแล้ว ก็แหงล่ะ เล่นเอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้าน ทำแต่เรื่องทุเรศๆ จะไม่ให้งานมีปัญหาก็แปลกแล้ว แซนซัสยืนคิดพลางมองดูมุคุโร่ขึ้นรถไปจากทางหน้าต่างห้องชั้นบน

     

    ร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสำหรับใส่นอนตัวบางได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียง อยู่กับมุคุโร่มาเป็นปีๆ แล้ว เมื่อไหร่จะเบื่อแล้วปล่อยเขาเป็นอิสระเสียทีก็ไม่รู้ อุตส่าห์เรียนมาตั้งสูง กลับต้องมานอนแกร่วแบบนี้ มือเรียวคว้าหยิบหนังสือที่กระจัดกระจายอยู่แถวๆ หัวเตียงมาอ่านเล่น

     

    มุคุโร่มีแต่หนังสืออ่านยากๆ ทั้งนั้น หนังสือภาษาต่างประเทศก็เยอะ รู้สึกจะเคยบอกว่าพูดได้ห้าภาษา แต่ก็เห็นใช้แค่อังกฤษกับอิตาลีเป็นหลัก ซึ่งสองภาษานี้เขาเองก็พอจะคุ้นเคยอยู่ เพราะเคยทำงานกับวองโกเล่สาขาอิตาลี ส่วนอีกสองภาษาที่เห็นมุคุโร่เคยอ่านหนังสือภาษาพวกนั้นก็เป็น ฝรั่งเศสกับจีน

     

    เขาเปิดพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะอ่านอะไรมากมาย แล้วจู่ๆ ก็มีกระดาษใบนึงหล่นมาจากในนั้น แซนซัสหยิบมันขึ้นมาดู

     

    ?!” เรียวคิ้วสองแฉกขมวดมุ่น สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมา เป็นรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นหน้าเอามากๆ ข้างๆ มีผู้หญิงและเด็กอีกสองคน

     

    “คุณลุง?” ร่างบางเด้งตัวขึ้นจากท่านอน นั่งเพ่งมองรูปถ่ายในมือให้แน่ใจว่ามองไม่ผิด

     

    ไม่ผิดแน่ คุณลุงใจดีที่มักจะมาหาเขากับแม่เสมอ หลังจากที่พ่อตายไป ก็มีแต่คุณลุงที่ดูแลและช่วยเหลือ ผมสีน้ำเงินเข้มแบบนี้...เขาน่าจะนึกออกได้ตั้งแต่แรกแท้ๆ

     

    “มุคุโร่...เป็นลูกของคุณลุงงั้นเหรอ?” เด็กผู้ชายผมสีน้ำเงิน นัยน์ตาสองสีที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณลุงในรูปนี้...ไม่ผิดแน่

     

    แซนซัสกำรูปในมือไว้แล้วพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด บางที มุคุโร่คงจะรู้ว่าคุณลุงกับแม่ของเขาเคยเป็นคนรักกันมาก่อน และช่วงที่คุณลุงไปหาพวกเขาแม่ลูกบ่อยๆ บางที...ก็คงรู้เรื่องนั้นมาตลอดด้วย

     

    ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...มุคุโร่กำลังเคียดแค้นพวกเขาแม่ลูกงั้นเหรอ? คิดถึงสิ่งร้ายกาจต่างๆ ที่มุคุโร่ทำก็พอเข้าใจได้ไม่ยากเลย นี่คือการแก้แค้นของหมอนั่น ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้วงั้นเหรอ?

     

    แซนซัสโยนรูปในมือทิ้งลงถังขยะแล้ววิ่งพรวดออกไปจากห้อง ต้องการรู้มากกว่านี้ สิ่งที่หมอนั่นกำลังคิด กำลังวางแผนเอาไว้ ทั้งก่อนหน้านี้และหลังจากนี้ก็ด้วย

     

    นัยน์ตาสีเพลิงกวาดมองรอบห้องทำงานส่วนตัวของมุคุโร่ ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ เจ้านั่นรอเวลาที่จะแก้แค้นเรามาตั้งนานขนาดไหนกัน มือเรียวรื้อค้นทุกสิ่งที่อยู่ในตู้และลิ้นชักโต๊ะ แต่ก็ยังไม่เจออะไรสักอย่าง ทว่า..ในตอนที่กำลังจะหมดเรี่ยวแรงนั้น เอกสารใบนึงก็โผล่ออกมาจากด้านในลิ้นชักโต๊ะ เหมือนจะหลุดออกมาจากการปกปิดด้านในสุด แซนซัสรีบดึงมันออกมาแล้วไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร

    “ทำอะไรอยู่น่ะครับ”

     

    ร่างบางสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปมองยังต้นเสียง ใบหน้าคมดุดันราวกับสัตว์ป่าที่ใกล้จะคลุ้มคลั่ง นัยน์ตาสองสีจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้าของแซนซัส ความกดดันจากมุคุโร่ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น แต่ก็ไม่อาจทำให้ความโกรธที่แล่นพล่านขึ้นมาเมื่อครู่ดับลงเช่นกัน

     

    “แก...ไอ้สารเลว!!!” ร่างโปร่งบางพุ่งตัวไปจะบีบคอร่างสูงตรงหน้า แต่มุคุโร่ไหวตัวทันและปัดมือนั้นออก ก่อนจะรวบข้อมือบางทั้งสองข้างแล้วผลักแซนซัสลงบนพื้น

     

    “แกตกลงกับพี่เอาไว้แล้ว!! แต่ก็ยังตีหน้าซื่อ ทำเหมือนเพิ่งรู้จักฉัน” ดวงตาสีแดงฉายแววกร้าว เขากัดฟันกรอดแล้วตะโกนใส่หน้าร่างสูง

     

    “ถ้าแค้นฉันกับแม่นักล่ะก็..ฆ่าฉันซะเลยสิวะ!!

     

    “คึหึหึ อยากให้ผมทำแบบนั้นรึไงครับ” ทั้งที่โมโห แต่ก็ยังแสยะยิ้มเยือกเย็นได้อีก แต่แรงกดที่ข้อมือก็แรงขึ้นจนแซนซัสต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

     

    “แกวางแผนจะแก้แค้นฉัน อิจฉาที่พ่อแกรักแม่กับฉันมากกว่าพวกแกรึไง ไอ้โรคจิต”

     

    “คุณกล้าพูดอย่างนั้นเลยเหรอครับเนี่ย แสดงว่ามั่นใจในความรักจอมปลอมนั่นมากเลยสินะ” มุคุโร่แค่นยิ้ม   

     

    “เออสิ คุณลุงเป็นคนดี ฉันมั่นใจ แต่แกมันเลว ถึงคิดแต่เรื่องชั่วๆ ไงล่ะ” แซนซัสชักเหลืออด เมื่อคิดว่ามุคุโร่กำลังเข้าใจความหวังดีของคุณลุงผู้แสนดีของเขาผิดไป และคงคิดกับแม่ของตนในทางไม่ดีด้วย

     

    “นั่นน่ะสินะ ผมคงคิดแต่เรื่องอย่างนั้นจริงๆ ล่ะ” ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ จนเห็นดวงตาสองสีคมกริบคู่นั้นกำลังวาวโรจน์

     

    “คริสมาสต์คืนนั้น...ถ้าผมไม่เลวพอ ก็คงทำไม่ได้หรอก จริงมั้ย”

     

    “คริสมาสต์? แกหมายความว่าไง”

     

    “คุณจำคืนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปได้มั้ยครับ ไฟไหม้นั่นน่ะ ฝีมือผมเองแหละ”

     

    ผลั่ก!

     

    แซนซัสเงื้อมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วชกหน้าร่างสูงจนเลือดกระเซ็นออกมา ที่มุมปากของมุคุโร่มีเลือดสีแดงสดติดอยู่ แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย

     

    “ผมเป็นคนจ้างวานให้พวกนั้นเผาบ้านคุณไงล่ะ คงแค้นผมสินะ คงจะกำลังโกรธแค้นผมสินะ ฮ่าๆๆๆ” มุคุโร่ผละจากร่างบางแล้วยืนขึ้นหัวเราะเสียงดังลั่น แซนซัสยันกายลุกขึ้นมองชายหนุ่มผมน้ำเงินตรงหน้าที่ราวกับคนบ้าคลั่งด้วยแววตาเดือดดาล

     

    “แก!!!” ร่างโปร่งพุ่งไปผลักมุคุโร่จนหลังกระแทกผนัง เตรียมจะชกหน้ากวนส้นเท้านั่นให้ยับเยินจนสาแก่ใจ แต่มือแกร่งก็คว้ามันเอาไว้แล้วกระชากให้หมุนตัวสลับที่กัน กลายเป็นแซนซัสที่ต้องพิงหลังกับผนังห้องแทน นัยน์ตาสองสีขมวดจ้องมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าและเรือนร่างโปร่ง แม้แผลเป็นพวกนั้นจะซ่อนไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางนั้นก็ตาม

     

    “ผมคิดว่าน่าจะตายแท้ๆ แต่คุณกลับรอดมาได้ เหมือนพระเจ้าจะอยากให้ผมได้แก้แค้นคุณมากกว่านั้น” ใบหน้าคมเคลื่อนมาใกล้ในขณะที่กดข้อมือบางทั้งสองไว้กับผนัง

     

    “แต่ผมก็ดีใจนะที่ได้ทำอย่างว่ากับคุณ” ริมฝีปากอุ่นขบเม้มที่ซอกคอ แซนซัสพยายามขืนร่างกายหนี แต่เพราะความสะเทือนใจเมื่อครู่ ทำให้เรี่ยวแรงมันลดลง รู้สึกว่าขอบตามันร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมตัวเองถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้ ต่อหน้าไอ้คนโรคจิตวิปริตอย่างนี้ ทำไมขัดขืนไม่เคยได้สักที

     

    “ผมตามหาคุณ และวางแผนจะแก้แค้นคุณสารพัด แต่สุดท้าย วิธีที่ผมคิดได้ก็คือเรื่องนี้เท่านั้น” ราวกับว่าความในใจทั้งหลายมันหลั่งไหล มุคุโร่จงใจบอกเล่าทุกสิ่ง อยากให้แซนซัสรับรู้มันไว้ และจดจำเอาไว้

     

    ความเจ็บปวดของผม...ความทุกข์ทรมานของคุณ

     

    “จะแค้นผมก็ได้นะ อยากจะทรมานเพราะความแค้นเหมือนที่ผมเคยเป็นก็ตามสบาย เพราะผม...” เขาดึงแขนร่างบางเข้ามาหา ให้ใบหน้านั้นประชิดกับใบหน้าของตน ดวงตาของทั้งคู่ต่างจดจ้องกันไม่ลดละ

     

    “จะไม่มีวันปล่อยคุณไป”

     
    เจอกันตอนที่ 4 คับ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×