คู่ปรับคู่ปราบ - นิยาย คู่ปรับคู่ปราบ : Dek-D.com - Writer
×

    คู่ปรับคู่ปราบ

    ครั้งแรกที่พระ-นางเจอกันก็กลายเป็นห้องนอน!! หากพระเอกวิ่งไปหานางเอกถึงห้องนอนก็คงไม่แปลก แต่เป็นเธอต่างหากที่หลุดเข้าไปในห้องนอนของเขา ซึ่งเธอนั้นไม่ตั้งใจสักนิด แต่เขากลับตั้งใจรวบหัวรวบหางเธอไว้...

    ผู้เข้าชมรวม

    803

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    803

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 มิ.ย. 56 / 14:10 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

    เสียงเพลงแผ่วหวานดังไปทั่วบริเวณที่จัดงานวิวาห์หรู ทายาทเจ้าสัวใหญ่จากทางภาคใต้เจ้าของนามสกุลพิทักษ์ทัศนะ ที่มีทั้งเหมืองแร่และสวนผลไม้นับพันไร่ อีกทั้งยังเป็นคนดังที่คนทั้งจังหวัดให้ความเคารพนับหน้าถือตา จึงมีแขกเหรื่อในงานมากันมากล้นจนเต็มพื้นที่จัดงานในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดแห่งนี้

    เลอสรวงและเลอสรรค์ พิทักษ์ทัศนะ ลูกชายคนโตและลูกชายคนรองดูจะเป็นจุดขายของงานเลยทีเดียว เมื่อทั้งคู่หน้าตาดีระดับเทพและยังมีคุณสมบัติเพียบพร้อมตามแบบฉบับที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝัน งานนี้ลูกท่านหลานเธอต่างไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกันเลย และแม้ว่าเลอสรวงจะมีคู่หมั้นไปแล้ว แต่สาวๆ หลายคนก็ยังไม่ละความพยายาม

    ร่างระหงในชุดราตรีสีปูนแห้งที่เดินออกไปทางประตูด้านหลังของงานเลี้ยงที่เป็นสวนหย่อมนั้นเรียกความสนใจให้กับร่างสูงทันที นั่นเพราะเขาจับจ้องเธอตั้งแต่เดินเข้างานมาพร้อมกับคู่หมั้นของเขา กีรณา อมรรัตน์ ...ดวงตาคมหันไปมองคู่หมั้นของเขาเพียงครู่เดียวเพื่อจะเห็นว่าเธอยังคุยติดพันอยู่กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในขณะที่ว่าที่พ่อตาแม่ยายเขานั้นก็จับกลุ่มคุยกับท่านผู้ว่าและคุณหญิงคุณนายอย่างออกรส

    เอาล่ะ! เป็นอันว่าทางสะดวก...ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อสาวเท้าไปยังทิศทางเดียวกันกับที่เจ้าของความสนใจของเขาเพิ่งเดินออกไป

    “งานเลี้ยงไม่สนุกเหรอ?”  เขาถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาหยุดด้านหลังเธอ ในขณะที่เธอกำลังกอดอกและมองนิ่งๆ ไปที่สวนดอกไม้เบื้องหน้า

    “คุณไกร!  เธออุทานเบาๆ ก่อนที่สายตาจะแลเหลือบไปด้านหลังที่เขาเพิ่งจะเดินออกมาด้วยกลัวว่าใครจะมองเห็นเข้า

    “เจอหน้าฉันทีไรทำไมต้องทำท่าลุกลี้ลุกลนทุกทีสินะอิ่ม”  เขาเรียกชื่อเล่นของเธอได้อย่างสนิทใจในยามที่อารมณ์ดี และจะเรียกชื่อเต็มเมื่อยามขุ่นมัวเท่านั้น

    เพราะเธอเปรียบเสมือนลูกไล่ของเขามาแต่ไหนแต่ไร นับตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโตจนป่านนี้ เธอก็ยังหนีไม่พ้นเลอสรวงได้สักที

    “อิ่มไม่ควรจะกลัวหรือคะ? ...ถ้าคุณไกรจะอยู่ชมสวน งั้นอิ่มขอตัวนะคะจะกลับเข้าไปข้างใน”  เธอบอกเขาเพียงเท่านั้นเพราะไม่อยากต่อความกับคนชอบรังแกและก็เอาแต่ใจ

    “เอ๊ะ! ปล่อยอิ่มนะคะคุณไกร”  เธออุทานอีกครั้งเมื่อข้อมือถูกรั้งไว้ให้กลับมาเผชิญหน้ากับเขา

    “ทำไมชอบหนีหน้าฉันนะอริสา!  นั่น! อารมณ์เริ่มขุ่นมัวแล้วไง

    “ก็ถ้าใครมาเห็นเข้าคุณไกรจะเสียชื่อเอาได้นะคะ ลำพังอิ่มไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ...นะคะ ปล่อยอิ่มนะคะ”  เธอลงทุนใช้ไม้อ่อนกับเขาเพราะถ้าดึงดัน สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้พ่ายอยู่ดี เชื่อขนมกินได้

    “ก็แค่จะบอกว่าวันนี้เธอสวยมาก”  เขาบอกเมื่อสบตากลมโตคู่นั้น  “แล้วก็...”  เขาค้างคำพูดไว้ก่อนจะหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อดูว่าทางสะดวกหรือไม่ในขณะที่เธอยังคงงงๆ และกำลังลุ้นอยู่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา

    “แล้วก็...”  จู่ๆ ใบหน้าคมก็ฉกวูบลงมาที่แก้มนวลอย่างรวดเร็วที่ทำให้เธอแทบจะกรีดร้องกับความเจ้าเล่ห์ของเขา

    “รีบกลับเข้าไปในงานได้แล้วนะ ถ้าไม่อยากถูกปล้ำกลางสวนอย่างนี้”  ร่างสูงผละไปหลังจากพูดประโยคนั้นจบพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี

    “คนบ้า เจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่สุด!  เธอได้แต่ค้อนลมค้อนแล้งไปก็เท่านั้น ไอ้คำบริภาษที่จิกว่าเขาไปนั้นหากได้ยินถึงหูคนเจ้าเล่ห์ก็ไม่พ้นถูกรังแกอีกจนได้ เกิดเป็นเธอนั้นมีแต่เสียกับเสียจริงๆ สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงกลับเข้าไปในงานและพยายามอยู่ให้พ้นจากรัศมีเขาเป็นดีที่สุด

    “รักแม่นะครับ”  ร่างสูงๆ เดินมากอดมารดาอย่างไม่แคร์สายตาแขกเหรื่อรอบๆ งาน นั่นเพราะเขามักจะมีเวลาประจบหรือแสดงความรักกับบิดามารดาได้น้อยเต็มที เพราะเส้นทางชีวิตที่เขาเลือกด้วยตัวเองทำให้ต้องห่างไกลจากครอบครัว

    “ไม่ต้องมาประจบแม่เลย หายหน้าหายตาไปนานเลยนะเรา ที่ถ้าน้องเราไม่แต่งงานแม่ก็คงจะไม่เห็นหัว เห็นหน้า เห็นตาพ่อลูกชายคนโปรดล่ะสิ”  มารดาแสร้งเหน็บ แต่ยังไงท่านก็รักลูกชายคนนี้อยู่เสมอ ออกจะห่วงมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำเพราะเลอสรรค์ชอบทำงานที่มันเสี่ยงๆ นี่ขนาดมีเส้นใหญ่ยักษ์ของบิดาคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังเสมอยามที่ลูกชายจะต้องไปทำงานเสี่ยง แต่ก็ดูเหมือนเลอสรรค์จะชอบแหกกฎเหล็กของบิดาอยู่เสมอๆ

    “ว่าไง? ไอ้ลูกชาย”  เสียงทักทายจากคนเป็นพ่อพร้อมกับมือที่ตบมาที่ไหล่หนาของเขา ทำให้เขาหันไปยิ้มกว้าง ...ก็เพราะตั้งแต่มาถึงเขาก็วุ่นวายกับการตรวจดูสถานที่ต่างๆ และก็กุลีกุจอช่วยงานอย่างเต็มกำลัง จนแทบไม่ได้คุยกับผู้เป็นพ่อเลยด้วยซ้ำ

    “ไม่ว่าไงครับ ยังรักพ่อกับแม่เหมือนเดิม”  เขาบอกแล้วยิ้มกว้าง

    “เฮอะๆๆ ให้เชื่อแกฉันก็มีลูกเป็นลิงแล้วน่ะสิ...รักพ่อ คิดถึงแม่ แต่ไม่เคยเยี่ยมหน้ากลับมาบ้านเลยสักที ความจริงแล้วฉันไม่น่าปล่อยให้แกทำตามใจตัวเองได้มากขนาดนี้เลยจริงๆ น่าจะให้ไปช่วยงานพี่แกที่ไร่หรือไม่ก็ที่เหมืองซะให้เข็ด”

    “ผมตามเจ้ารบมาช่วยแล้วไงครับ พ่อก็ใช้อำนาจในฐานะพ่อตาสั่งให้มาทำไร่ทำสวนแทนผมไปเลยสิครับ รับรองผมว่ามันยอม”  บุคคลที่สามที่เลอสรรค์กล่าวพาดพิงไปถึงก็คือเจ้าบ่าวในค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาเอง เพื่อนที่มีฐานะและบรรดาศักดิ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยและงานแต่งงานครั้งนี้ก็เหมือนกับเรือล่มในหนองสมคำร่ำลือ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก

    ...รินสิลี พิทักษ์ทัศนะ กับ ร้อยตำรวจโทนักรบ บดินทร์ก้องเกียรติ ฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวเจ้าสัวใหญ่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ฝ่ายเจ้าบ่าวก็เป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคมเมืองกรุง

    “ตารบเขาก็มีธุรกิจของเขา น้องเราก็ต้องไปช่วยงานสามี จะไปก้าวก่ายเขาได้ยังไงกัน” 

    “ผมก็ทำงานให้พ่อ ติดต่อธุรกิจให้นอกเวลาราชการเหมือนกันนะครับ เห็นไหมว่างานที่ต่างประเทศ การเจรจาและสัญญาต่างๆ ผมไม่เคยบกพร่องและผิดพลาดเลย”  เขาเอ่ยอ้าง

    “แต่สัญญาลูกผู้ชายเรายังเป็นเหมือนเดิมนะเจ้าลูกชาย เมื่อไหร่ที่แกต้องแต่งงานมีครอบครัว แกจะต้องลาออกและมาช่วยงานพ่อเต็มตัว”

    “ขอรับเจ้าคุณพ่อ สัญญาของเรายังเหมือนเดิม”  เขายิ้มรับคำสัญญานั้นเพราะคิดไว้ในใจว่า ไม่มีวันที่เขาจะยอมแต่งงานแต่งการ เป็นฝั่งเป็นฝากับใครง่ายๆ อยู่แล้ว ในเมื่อทุกวันนี้ทั้งงานพิทักษ์สันติราษฎร์ที่เขารักกับงานติดต่อธุรกิจให้กับบิดา เขาก็แทบไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นๆ อีกอย่าง...เลอสรรค์ไม่ต้องการหาห่วงมาผูกคอ ตราบใดที่เขายังสนุกกับงานที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    งานพิทักษ์สันติราษฎร์นี้เป็นเขาที่เลือกเอง และบิดามารดาก็ตามใจลูกชายคนรองเพราะอย่างน้อยก็มีลูกชายคนโตอย่างเลอสรวงคอยรับช่วงต่อจากกิจการอยู่แล้ว ตอนนี้นายหัวเทพก็ยังทำงานได้อยู่ และยังมีเรี่ยวแรงคอยช่วยลูกชายคนโตอยู่ได้ อีกทั้งการติดต่อกับต่างประเทศที่เป็นคู่ค้านั้นเลอสรรค์ก็จะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมดโดยใช้เวลาว่างหลังจากงานประจำ และวันหยุดพักผ่อนที่เขาควรจะนอนอยู่ที่บ้านนั้นบินปร๋อไปต่างประเทศเพื่อเจรจางานต่างๆ แทนบิดาและพี่ชายอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงยังไม่มีปัญหาใดๆ

    คืนนี้เขาค้างที่บ้านใหญ่กับบิดามารดา วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันเป็นการเฉพาะกิจและแขกที่สนิทสนมอย่างญาติฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะได้รับเกียรติให้พักค้างคืนที่บ้านหลังใหญ่แห่งไทพิทักษ์ที่สามารถรับรองคนได้อีกหลายสิบคน กระนั้นจึงทำให้เลอสรรค์ต้องคอยอยู่รับแขกเนื่องในฐานะเจ้าบ้านไปด้วยทำให้เขายังกลับกรุงเทพไม่ได้ในตอนนี้

    แสงจันทร์ที่ส่องกระจ่างฟ้าในยามนี้รวมทั้งดาวบนฟากฟ้าที่ส่งแสงระยิบระยับนั้นทำให้เขามองเพลินไปเลยทีเดียว บนความเงียบสงบที่ต่างจากบ้านหลังใหญ่โดยสิ้นเชิง

    เรือนไม้สักคู่แฝดที่ปลูกห่างออกมาจากบ้านใหญ่นั้นเป็นเรือนของเขาหลังหนึ่ง และของพี่ชายของเขาอีกหลังหนึ่ง แม้ว่าจะปลูกคู่กันแต่ก็ให้ความเป็นส่วนตัวของกันและกันได้ไม่น้อยทีเดียว คล้ายบ้านเรือนไทยสมัยก่อน มีบันใดเตี้ยๆ ไม่กี่ขั้นให้ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนที่จะมีห้องนอนใหญ่เพียงห้องเดียว ด้านนอกติดกับระเบียงนั้นจะเป็นห้องนั่งเล่นกึ่งๆ ห้องรับแขกไปในตัวโดยมีข้าวของอำนวยความสะดวกครบถ้วน และเพราะเขาและพี่ชายรักความสงบจึงขอบิดาสร้างแยกออกมาเป็นส่วนตัวตามประสาชายโสด แต่กระนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ยังต้องไปฝากท้องที่เรือนใหญ่อยู่เสมอทั้งเช้าและเย็น

    “ว่าไงไอ้น้องชาย คิดถึงบ้านล่ะสิ”  เสียงทักจากด้านหลังที่เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร

    “ก็...ครับ แต่ผมก็ยังสนุกกับงานอยู่ดี พี่คงต้องทนเหงาไปก่อนแล้วกัน ยัยน้องก็ออกเรือนไป ผมก็อยู่กรุงเทพเสียส่วนใหญ่”

    ร่างสูงที่สมส่วนไม่ต่างอะไรกับน้องชายเดินมาเคียงข้าง ก่อนจะมองตามสายตาผู้เป็นน้องไปบนฟ้า แล้วก็อมยิ้มน้อยๆ กับตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงเย็นในงานเลี้ยงนั้นเขาได้เจอกับใครและได้ทำอะไรกับเธอไว้บ้าง แล้วอย่างนี้เขาจะเหงาได้อย่างไรกัน

    “แต่พอแกแต่งงานก็ต้องกลับอยู่ดี แข่งกันไหมว่าใครจะแต่งงานก่อนกันระหว่างแกกับฉัน เดิมพันเป็นบ้านของเราทั้งคู่เลยดีไหม?”  พี่ชายท้าทายยิ้มๆ

    “เรื่องอะไร พี่อย่ามาเจ้าเล่ห์กับผมเหมือนที่พี่แอบไปขโมยจูบสาวกลางสวนที่งานวันนี้เด็ดขาด...” 

    “เฮ้ย! แกเห็น”  เป็นทีของเลอสรรค์ที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่ชายทำนองล้อเลียน

    “อย่าคิดว่าจะพ้นสายตาตำรวจอย่างผมไปได้ คนที่เรียนตำรวจเขาย่อมต้องช่างสังเกตพี่ก็รู้” 

    “ช่างสอด ช่างแส่เรื่องของชาวบ้านต่างหากล่ะ”  เลอสรวงว่าด้วยน้ำเสียงติดจะหมั่นไส้

    “แต่อริสาไม่ใช่คู่หมั้นของพี่ พี่จะทำยังไงต่อไป”  คราวนี้เขาจริงจัง และก็รู้ว่าลองพี่ชายกล้าที่จะทำอย่างนั้น แสดงว่าเพราะมีใจ ไม่ใช่เพราะมีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ขณะที่คนเป็นพี่ลอบถอนหายใจลึกๆ

    “เรื่องนั้นยังไม่รู้ ยังหาทางออกไม่ได้ว่ะ”  เขาตอบตามความจริง

    “เอาเถอะ ผมเชื่อว่าพี่ผมเก่ง อีกหน่อยก็คงจะหาทางออกได้เอง สู้ๆ นะครับยังไงผมก็อยู่ข้างพี่”  เขาตบไหล่พี่ชายเบาๆ ทำนองให้กำลังใจ จริงๆ แล้วทั้งเลอสรรค์และเลอสรวงก็อายุห่างกันแค่สองปีเท่านั้นเอง ต่างจากน้องน้อยที่ชิงออกเรือนไปก่อนพี่ชายทั้งคู่ ที่อายุห่างจากพี่ๆ ถึงห้าปีเต็ม

    “ขอบใจ ไอ้น้องชาย”  เขาบอกก่อนจะยิ้มน้อยๆ

    “แยกย้ายกันไปนอนเถอะครับ พรุ่งนี้มีแขกอีกตั้งเยอะที่รอให้เราต้องคอยดูแลจนกว่าจะส่งกลับกรุงเทพไปทั้งหมด ผมรู้ว่าพี่เหนื่อยไม่แพ้พ่อกับแม่หรอก ผมไม่เหนื่อยเพราะผมเพิ่งจะเดินทางมาทีหลังชาวบ้านเขา”  เขาบอกตามจริงเมื่องานในหน้าที่เพิ่งจะเสร็จ

    “แกไปเถอะ พี่ขอคิดอะไรอีกสักพัก”  น้องชายพยักหน้าอย่างเข้าใจความรู้สึกก่อนจะเดินแยกออกไปเงียบๆ ที่ต่างคนก็ต่างครุ่นคิดในเรื่องเดียวกัน

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น