เซียมซี - เซียมซี นิยาย เซียมซี <full version> : Dek-D.com - Writer

    เซียมซี <full version>

    เป็นเนื้อเรื่องที่ส่งประกวดโครงการ "ทำดีเพื่อพ่อหลวง" แต่ในนั้นมันให้ได้แค่ 4000คำ เลยไม่รู้จะลงที่ไหนต้องมาลงที่นี้ มาอ่านกันดูละกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    661

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    661

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 พ.ย. 50 / 08:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



          มีนเพ่งมองเซียมซีในมือด้วยความแปลกใจ เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเข้าใจความหมายของข้อความเหล่านี้ได้ทั้งหมด
      เซียมซีเบอร์5 

      "สรรพสัตว์   ว่ายเวียน     ในห้วงทุกข์
      ลืมประจักษ์ บ่วงกรรม     ตรึงแขนขา
      ใจเตลิด      ก่อกรรม       พาสังเวช
      หากคิดแก้  เปลี่ยนกรรม  หวังเจริญ
      สามความดี ตอบประสงค์ จึงพ้องชัย"

      "อ้าว อาตี๋น้อยได้เบอร์5เหรอ?"มีนละสายตาจากเซียมซี หันไปมองต้นเสียง ชายชราหนวดขาวในชุดซอมซ่อ ดูท่าเขาจะเป็นผู้ดูแลศาลเจ้าแห่งนี้
      "เอ็งโชคดีมากเลยนะเจ้าหนุ่ม รู้ตัวไหม คิคิ ใครได้เบอร์5นะโชคดีมหาศาลเลย "

      "เจ้าเฒ่านี้ท่าจะประสาท" มีนคิดและรีบหันหลังจ้ำออกจากศาล
      "เฮ้ ไอ้ตี๋ เอ็งไม่เชื่อเหรอว่าเอ็งโชคดี ข้าพูดจริงนะโว้ย"
      "อะอะ ผมเชื่อก็ได้ งั้นไปละ"
      "คิคิ เจ้าหน้าโง่เอ๊ย เอ็งกำลังจะทิ้งโอกาสทองในชีวิตเอ็งอยู่นะ รู้ตัวหรือเปล่า คิคิ"

      ตาแก่นี้รู้ได้ไงนะ ว่าเราจะมาขออะไร เดามั่วก็เก่งเหมือนกัน
      "ความดีสามข้อกับความปรารถนาของเอ็ง เอ็งคิดว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่าวะ คิคิ"
      "ยังไงนะ" มีนทวนถามชายชรา เขาไม่เข้าใจในความหมายของสิ่งที่ชายชราพูดซักนิดเดียว
      "ข้าบอกว่า เอ็งจะสมหวังถ้าทำความดีมาให้ข้าซักสามข้อ"
      "อ๋อ เหรอ แล้วแป๊ะจะเข้ามาซ่อมรองเท้าให้ผมตอนผมหลับใช่ปะ"
      "ว่ะ ไอ้เด็กนี่..."

      ก่อนที่ชายชราจะได้ต่อว่าอะไรมีน ก็มีหญิงวัยกลางคนหนึ่งในมือถือตะกร้าเข้ามาทักทายชายชรา
      "โอ้ อาเฮี่ย อั๊วขอบใจลื้อมากเลยนะ ถ้าไม่ได้เซียมซีของลื้อช่วย ป่านนี้ อาหมิงเตี่ยอั๊วไม่รู้จะเป็นตายยังไงแล้ว"
      "เฮ้ย ไม่หรอกอาซ้อ คนดีอย่างอาหมิงนะ ไม่ตายง่ายๆหรอก อั๊วไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย"
      "ไม่ทำอะไร ได้ไงละอาเฮี่ย ก็เซียมซีลื้อช่วยอั๊วไว้นี้ อั๊วทำตามในเซียมซีเป๊ะๆ ก็ได้ผลปั๊ปๆเลยนะ"

                    มีนยืนฟังทั้งสองพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ท่าทางตาแก่นี่จะไม่ใช่พวกต้มตุ๋น แต่คิดดูดีๆแล้วถ้าเชื่อแกไปก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่หว่า
      เอาวะลองดูซักตั้ง

      หลังจากคู่สนทนาขอตัวกลับไป ชายแก่ก็หันมาพูดกับมีนต่อ
      "ยังไงตี๋น้อย ตัดสินใจยังไง อั๊วมีเวลาไม่มากนักนะ คิคิ"
      "ตกลงแป๊ะ แต่จะให้ผมทำอะไรบ้าง แป๊ะพูดไม่เห็นเข้าใจเลย"
      "คิคิ ของกล้วยๆ แค่เอ็งรวบรวมความดีให้ได้ ซักสามอย่างแล้วเอามาให้อั๊ว"
      "แล้วความดียังไง มีกำหนดเรื่องใหญ่เรื่องเล็กหรือเปล่าแป๊ะ"
      "ไม่ต้องๆ ให้ทาน บริจาค หรืออะไรก็ได้ ได้หมด!"
      "ง่ายอย่างงี้เลย! แล้วได้ผลจริงเหรอ"
      "แน่เป็นแช่แป้งไอ้ตี๋ แต่เอ็งต้องกลับมาที่นี้ก่อน หกโมงเย็น เขียนความดีของเอ็งซะ แล้วเผาไปให้เจ้าอ่าน ท่านจะได้ช่วยเอ็งได้ถูก
      แต่จำเอาไว้ให้ดี ก่อนหกโมงเย็นนะว้อย คิคิ"
      "อืม โอเคแป๊ะ"
      "อืม แล้วก็ไปซิวะ เอ็งมีเวลาไม่มากหรอกนะ"

      มีนหันหลังเดินออกจากศาลพลางนึกยิ้มๆอยู่คนเดียว ถ้าได้ผลจริงก็แจ๋วไปเลยซินะ ทำความดีสามข้อ แค่สามข้อเอง! ความหวังของเราก็จะเป็นจริง
      ง่ายๆ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ฮิฮิ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย
      "5.30!"
      ท่าทางงานนี้จะไม่หมูซะแล้ว

                มีนจ้ำอ๊าวไปตามถนนอย่างรีบร้อน เขาจำได้ว่าบนสะพานลอยมีขอทานอยู่หนึ่งคน ความดีที่หนึ่งของเขารออยู่ที่นั้นแล้ว แต่ด้วยความรีบร้อน มีนพลาดชนป้าเข็นส้มเข้าอย่างจัง จนส้มกระจายหล่นเต็มพื้น
               
               มีนคิดอยากจะขอโทษและช่วยเก็บส้มให้ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว
      เขาเดินแทรกหายไปตามฝูงชนพร้อมกับเสียงด่าไล่หลังของแม่ค้า

      ขอทานพิการไหว้ปะหลกปะหลกหลังจากเขาหย่อนแบงค์ 20ลงในชาม
      "เป้าหมายต่อไป ตู้บริจาคในร้านสะดวกซื้อ!"
      มีนคิดและออกวิ่งลงจากสะพานลอย แต่ก่อนที่เขาจะลงจากที่นั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้น

      "มีนเหรอจ๊ะ นี่แม่เองนะ ลูกจะกลับบ้านหรือยังจ๊ะ
      แม่จะปลูกต้นไม้นะ ลูกรีบกลับมาช่วยแม่ปลูกหน่อยสิ"
      "ผมไม่ว่างครับแม่ เดียวค่อยคุยกัน"ยังไม่ทันที่แม่ของเขาจะพูดต่อ มีนก็ตัดสายไปซะแล้ว
      "โทษทีนะแม่ เดียวจะรีบกลับไปช่วยนะ"

      มีนหย่อนเงินอีก 20บาทลงในกล่องบริจาคร้านสะดวกซื้อ
      "น้องใจดีจังนะจ๊ะ ปกติไม่ค่อยมีคนมาทำบุญเลย วันนี้มีน้องเป็นคนแรกเลยนะ"
      พนักงานขายยิ้มให้เขาอย่างชื่นชมทำเอาเจ้าตัวได้แต่หัวเราะแฮะๆ อย่างเสียมิได้ เพราะปกติเขาก็เป็นหนึ่งในพวกไม่ทำบุญเหมือนกัน

      "อีกอย่างเดียวๆ ทำไรดีวะ ทำไรดีๆ" มีนกวาดสายตามองไปรอบๆ มองหาภารกิจอย่างสุดท้าย
      ในที่สุดสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับร้านขายขนมปังปลาที่ศาลาริมน้ำ
      "ผมขอแถวหนึ่งครับ"
      "ได้เลย แถวสุดท้ายพอดีเลยนะ"
      คนขายยื่นขนมปังให้และเริ่มเก็บร้าน มีนรับขนมปังและอมยิ้มอย่างมีความสุขโชคกำลังเข้าข้างเขาอยู่

      "แม่คะ หนูอยากเลี้ยงปลาๆ"
      เด็กสาวตัวน้อยที่มากับครอบครัวกำลังร้องไห้งอแงหลังจากพลาดขนมปังแถวสุดท้ายไป
      "โอ้ๆ อย่าร้องนะ อย่าร้อง ถึงร้องไปพ่อก็ไปหาที่ไหนมาให้หนูไม่ได้หรอกจ๊ะ"
      สายตาของผู้เป็นพ่อสอดส่ายไปรอบๆหาทางแก้ไข จนมาหยุดลงที่มีน

      "ขอโทษครับ คือเจ้าหนูน้อยของผม แกอยากเลี้ยงปลามากนะครับ
      ปกติทุกเย็นวันศุกร์เราสามคนพ่อแม่ลูกมักจะมาเลี้ยงปลาที่นี้ทุกวัน
      ถ้ายังไงผมขอซื้อต่อขนมปังของคุณได้ไหมครับ"
       ประกายตาของเด็กน้อยทำให้มีนรู้สึกเอ็นดูเธออย่างจับใจ ตากลมโตของเธอช่างน่ารักและใสซื่อเสียจริง
      แต่เพื่อความฝันของเขา เขาจะยอมให้ขนบปังกับเธอได้อย่างไรกัน

      "เออ ขอโทษครับ ตกลงจะขายให้ผมได้หรือเปล่าครับ"
      "ขอโทษนะครับ ผมให้ไม่ได้ ผมให้ไม่ได้จริงๆครับ" มีนตะโกนพร้อมโยนขนมปังทั้งแถวลงในน้ำ
      แล้ววิ่งจากไปทิ้งไว้แต่เสียงเด็กหญิงที่ร้องไห้จ้า

      "ฮั่ก ฮั่ก 15.58น.ทันวลาพอดี"เด็กหนุ่มคิด
      เขามองเข้าไปในศาลเห็นชายชรากำลังรอเขาอยู่ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกล้น
      "ไอ๊หย่า มาสายจริงๆ อาตี๋น้อยจะหมดเวลาอยู่แล้ว เอ้าเขียนเลยเขียนๆ"
      ชายชราส่งปากกาให้มีน เขารับมาและปั่นยิกลงบนกระดาษจนหนังสือไม่เป็นตัว

      ขณะที่มีนกำลังวุ่นอยู่กับการเขียน ชายชรามองเขายิ้มๆ ลูบหนวดยาวและรำพันบางอย่างอย่างอารมณ์ดี
      "ความดีจากใจที่บริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดใด จะทำให้เจ้าสมประสงค์แน่นอน อาตี๋น้อย คิคิ"
      คำของชายชราทำให้มีนต้องหยุดปากกานิ่ง เขานิ่งอึ้งคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำมา สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันเรียกว่าความดีจริงๆหรือ

      เขาไม่ช่วยหรือแม้แต่จะขอโทษป้าที่ถูกชนเข่งส้ม เขาไม่ยอมรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ปลูกต้นไม้  และสุดท้ายเขายังทำให้เด็กสาวตัวน้อยๆต้องผิดหวังอีกด้วย ไม่ไม่ใช่แล้ว เจ้าพวกนั้นมันไม่ใช่ความดีหรอก มันไม่ใช่! มันเรียกว่าความเห็นแก่ตัว!

      "แป๊ะ ขอโทษนะ แต่ผมไม่เขียนแล้วครับ" มีนพูดพลางฉีกกระดาษทิ้งและโยนลงขยะ
      "อ้าว เฮ้ย แล้วอย่างงี้เอ็งจะรีบทำมาแทบตายเพื่ออะไรละวะ เสียเวลา"
      "ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ผมทำมันก็แค่ความละโมภที่แกล้งเอาความดีมาบังหน้าเท่านั้นเอง"
      มีนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ถลำตัวทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบลงไปมากกว่านี้
      "คิคิ แน่ใจนะว่าเอ็งไม่เสียใจ"
      "ครับ แป๊ะ ผมลากลับก่อนนะแป๊ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ"

      ชายชรามองตามหลังเด็กหนุ่ม พลางลูบหนวดอย่างอารมณ์ดี
      "ฮ้า...ไอ้หนูนี่มันใช้ได้เว้ย คิคิ"ชายชราหัวเราะอย่างชอบใจพลางหยิบเศษกระดาษที่ถูกฉีกขึ้นมากำไว้สักครู่
      ฉับพลันเศษกระดาษก็ต่อกลับกลายเป็นแผ่นเดิมที่ไร้รอยขีดข่วน ชายชราคลี่มันออกอ่าน
      "ไหนดูซิ เอ็งมีความดีอะไรบ้าง คิคิ"

      มีนเปิดประตูบ้านด้วยความหดหู่นิดหน่อย เขาโยนความหวังที่กำอยู่ในมือแล้วแท้ๆลงน้ำทิ้งอย่างน่าเสียดาย

              มีนเดินผ่านสวนและได้ยินเสียงแม่ของเขากำลังขุดดินอยู่
      "มีนเอ๋ย มาช่วยแม่ขุดดินหน่อยลูก โอ๊ย เหนื่อยจะขาดใจอยู่แล้ว"
      มีนเห็นท่าแม่แล้วขำคิกๆอยู่ในใจ ท่าทางของแม่ดูน่าขันพอๆกับน่าสงสารจริงๆ เฮ้อ เขาช่างเป็นลูกที่แล้งน้ำใจเสียเหลือเกิน

      "ครับแม่!" มีนตอบและวิ่งไปหาแม่อย่างร่าเริง

      แม่ครับ ผมพบแล้วครับ ความดีของผม ไม่ได้เพื่อตัวเราและไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ แต่เราทำมันเพราะต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มของคนที่เราช่วยก็แค่นั้นเอง นี่แหละความดีของผม

                  ในวันที่ร้อนอบอ้าวของฤดูร้อน ณ บอร์ดประกาศผลสอบเข้า คณะวิศวะฯ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่บนนั้นมีชื่อของมีนติดอยู่ด้วยคะแนนสอบเข้าสูงสุดของคณะ 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×