พรหมลิขิต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยชอบใครในวัยเรียนล่ะก็...คุณจะต้องลองอ่านเรื่องนี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและความรัก...คุณจะต้องลองอ่านเรื่องนี้ เพราะนี่คือพรหมลิขิต!
ผู้เข้าชมรวม
1,134
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
พวกคุณอยากรู้เรื่องของผมหรือเปล่าล่ะ..
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยชอบใครในวัยเรียนล่ะก็...คุณจะต้องลองอ่านเรื่องนี้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและความรัก...คุณจะต้องลองอ่านเรื่องนี้
ขอบคุณคุณ Naruมากๆนะครับ!> <!
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมกำลังนั่งมองสนามฟุตบอลอยู่บนชั้นสามของตึกเรียน ในสนามนั้นมีเด็กๆลังเล่นกันอยู่เต็มสนาม
ผมจ้องมองภาพเหล่านั้น ด้วยความเศร้า
‘เราจะไม่ได้ได้เจอเธออีกแล้วหรอ..’ ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
พวกคุณอยากรู้เรื่องของผมหรือเปล่าล่ะ..
แล้วผมจะเล่าให้ฟัง
---
ผมชื่อ ก้องพสุธา หรือเรียกสั้นๆว่า ก้อง
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง อยู่ในโรงเรียนเล็กๆโรงเรียนหนึ่ง ที่ไม่ห่างไกลจากบ้านผมเท่าไรนัก ส่วนเรื่องเรียนนั้นก็เรียนอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น
ถึงผมจะเป็นเพียงเด็กบ้านนอกๆคนหนึ่ง แต่พ่อแม่ของผมก็มักจะปลูกฝังให้ผมเป็นคนดี..รอบคอบ
รอบคอบทุกๆเรื่อง...รวมถึงเรื่องของความรักด้วย
ถึงแม้ว่าพ่อและแม่ของผมจะไม่ใช่คนที่สนับสนุนเรื่องรักในรั้วโรงเรียน แต่ผมก็เชื่อว่าทุกๆคนจะต้องมีรักในรั้วของโรงเรียนของตนบ้าง...
“พ่อครับ! พ่อกับแม่เจอกันได้ยังไงครับ”ผมเมื่ออายุสิบขวบถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นของวัย
“ทำไมล่ะลูก”พ่อถามกลับ
“ก็อยากรู้อ้ะครับ”ผมถามต่อไปอีก
“บอกลูกไปเถอะ คุณก็!”แม่พูดบ้าง ตาผมเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อืม...พ่อเจอแม่ที่โรงเรียนมัธยมของพ่อน่ะ”
“จริงหรอครับ! แล้วอยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นเลยหรอครับ”ผมถามต่ออีก
“ไม่หรอกจ๊ะ...แม่กับพ่อบังเอิญมาเจอกันอีกทีตอนมหาลัยน่ะจ้ะ..จริงๆแล้วพ่อลูกย้ายไปตั้งแต่ม.4แล้วน่ะจ้ะ”แม่พูดบ้าง
“อ๋อ...ขอบคุณครับ”ผมขอบคุณด้วยตาที่เปล่งประกายขึ้นอีก
---
ตอนนี้ผมอายุ 18 ปีแล้ว กำลังจะเตรียมตัวขึ้นปี1ในวันพรุ่งนี้แล้ว
‘เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน’ผมคิด เมื่อเวลาราวๆเช้าตรู่ของวันนี้
‘แต่อย่างน้อย...ตอนนี้เราก็มีเธอ’ แล้วผมก็ค่อยๆหันไปหาผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผม
เธอเป็นคนรักของผมเอง...เธอหันมามองตาผมด้วยสายตาคำถาม ก่อนจะค่อยดึงหูฟังออกข้างหนึ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าก้อง!”หวานหันมาถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
“แค่...เรากำลังมองหาความน่ารักของแฟนที่น่ารักที่เรากำลังรักอยู่น่ะ”ผมยิ้มตอบแบบหวานหยาดเยิ้มให้
“ตาบ้า!!”หวานผลักผมเบาๆ ก่อนจะบิดตัวอย่างเคอะเขิน..
‘น่ารักชะมัด!’
“แล้ว...เจอบ้างมั้ยล่ะ”หวานถามหน้าแดงสุดๆจะน่ารัก
“ไม่อ้ะ...”ผมตอบปั้นหน้าเครียดสุดๆ
“ไม่สามารถปฏิเสธความน่ารักที่ปรากฎอยู่เต็มใบหน้าได้อ้ะ”ผมรีบพูดต่อแบบไม่ให้หวานต่อทัน
“ตาบ้า!!”หวานยิ้ม หน้าแดงอีก ก่อนจะหันไปมองสนามบอล น่ารักจริงๆ
“นี่เธอพูดเป็นคำเดียวหรือไงกัน”ผมแสร้งถามแบบเครียดๆ
หวานยิ้มแบบที่ทำให้ใครบางคนละลายได้กลับมาก่อนจะพูดว่า
“...ตาบ้า!!...”
---
ผมอยากเล่าเรื่องที่ผมเจอหวานให้ฟัง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ต้องการก็เถอะ!
“เฮ้ย!ก้อง วันนี้มีเด็กใหม่มาว่ะ น่ารักชิบเลยอ้ะ”ไบท์เพื่อนรักผมสมัยป.5เข้ามาทักผมตั้งแต่เช้าตรู่
“หืม?ใครวะ ไม่เคยเห็นว่ะ”ผมถามไอ้ไบท์
“ไม่รู้ดิ อยู่ห้องสองน่ะ มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เด็กห้องสองเพื่อนกูมาบอก”ไบท์อธิบาย อันที่จริงรร.ผมมีห้าห้องเท่านั้น ผมอยู่ห้องสาม มีเด็กห้องละราวๆ40คน
“จริงดิ..แล้วเด็กนั่นมายังวะ”ผมถามดูเล่นๆ ปกติผมไม่ค่อยสนใจผู้หญิงเท่าไรนัก แต่ถ้าไอ้ไบท์ล่ะก็ ตรงกันข้าม
“หวัดดีทุกคน”เสียงๆหนึ่งดังมาจากหลังของผม ผมจึงหันไปมองและนั่นก็ทำให้ผมอึ้งตาค้าง
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก น่ารัก มีจมูกสันทัด ปากเรียวเล็ก ดวงตาค่อนข้างโต ผมสั้นระดับติ่งหู แต่ก็ยังดูน่ารักอยู่ดี
เธอคนนั้นยิ้มให้ผมนานนิดหน่อยและหันไปยิ้มให้ไอ้ไบท์
“หวัดดี ชื่ออะไรหรอ”ไบท์ออกตัวก่อน แหม..เพื่อนผม
“เราชื่อหวาน แล้วพวกเธอล่ะ”หวานพูด
“หวัดดีอีกที เราชื่อไบท์ ส่วนไอ้นี่ เพื่อนเราชื่อก้อง”ไบท์พูด เรื่องผู้หญิงต้องยกให้มัน
“หวัดดีก้อง”หวานยิ้มอย่างอ่อนหวานให้ผม(สมชื่อ)
“เอิ่ม...คะ ครับ...”ผมกระอึกกระอัก ไบท์มันจึงกระทุ้งผมเบาๆก่อนจะยิ้มแหยๆและส่ายหัวทำนองว่า ห่วยชะมัดแก
--เงียบ--
“เอ่อ...ไม่มีอะไรเราก็ไปก่อนนะ”หวานพูดหลังจากเงียบจนน่าอึกอัดเนิ่นนานผ่านไป
แล้วหวานก็ค่อยๆเดินจากไป
“เป็นไง น่ารักอ้ะดิ๊!”ไบท์พูดอย่างรู้ทัน
“เฮ้ย! ไม่ใช่งั้นนะเว่ย คือ--”ผมพยายามจะพูด แต่ไอ้ไบท์ขัดขึ้น
“เอาน่าๆ กูมีแล้ว ถ้าไม่มั่นใจก็ให้กะ--”ไบท์พูดแต่โดนผู้หญิง(ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้)ขัดขึ้นซะก่อน
“หวัดดีไบท์! ไปหาอะไรกันกินกันเถอะนะ! อุ้ย!! ก้อง หวัดดี ขอโทษนะ ไบท์...ไปกันเถอะนะ!”
ไบท์บุ้ยใบ้ไปทางผู้หญิงคนนั้น ทำนองว่า ว่าแล้วไง ก่อนจะโดนกึ่งเดินกึ่งลากจากไป ไอ้ไบท์หันมาราวกับนึกอะไรขึ้นได้
“เออ...มีไรก็บอกกูนะเว่ย!”มันตะโกนก่อนจะหายไปกับ...กับ...เอ่อ...แฟนมัน
หลังจากนั้น ไอ้ไบท์ก็ช่วยผมจีบหวาน(อันที่จริงผมก้ไม่ได้ขอมันเลยนะ) มันพยายามทำให้ผมอยู่กับหวานสองต่อสอง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักที
จนเวลาล่วงเลยไปอีก 1 ปี เมื่อตอนป.6
ตอนนั้นผมอยู่กับหวานตามแผนไอ้ไบท์ที่ร้านหนังสือร้านหนึ่งที่เราจะไปสลับๆกับร้านเบเกอรี่ทุกวัน
“ก้อง!”จู่ๆหวานก็พูดขึ้นทั้งๆที่นั่งทำการบ้านอยู่
“อะไรหรอหวาน”ผมเงยหน้าจากงาน หยุดเขียน
“คือ...ก้อง เราอยากรู้อะไรอย่างหนึ่งอ้ะ ก้องตอบเราหน่อยได้ป้ะ”หวานถาม ยังก้มหน้าอยู่
“ได้สิ...ว่าแต่มีอะไรหรอ”ผมพูดต่อ
“คือ...ก้องชอบเราหรอ”หวานเงยหน้าขึ้น หยุดทำการบ้านแล้วแต่ไม่ยอมมองผมตรงๆ หน้าแดงเล็กน้อย
‘น่ารักสุดๆ’
“ก็...คือ...”ผมหายใจติดๆขัดๆ พลางมองออกไปด้านหลังหาคำพูดอยู่ แล้วก็เผลอเหลือบไปเป็นไอ้ไบท์มันหลบอยู่ตรงหลังชั้นหนังสือ มันสะดุ้งแล้วก็ยิ้มแหยๆกลบเกลื่อน แล้วยกนิ้วโป้งพลางทำปากว่า ‘ลุยเลย’
โห...พ่อสื่อ
“คือ...”ผมนึกคำพูดอีก
“ว่าไงหรอ..ก้อง...เราเห็นว่าเธอสนใจเรามานานแล้วนะ...ตกลง ว่าไง”หวานเร่ง
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง ก่อนจะหันมามองหน้าหวานตรงๆ
‘ยิ่งดู ยิ่งน่ารัก’ผมคิด
คงถึงเวลาแล้วล่ะ
“ใช่...เราชอบเธอ... เราชอบเธอน่ะ แล้ว...เธอคิดยังไงกับเรา”ผมพูด
หวานยิ้มให้
“ก็...คิดเอาเองบ้างดิ”หวานพูดก่อนจะหลบมาแอบยิ้มอย่างเขินๆ
หลังจากนั้นเราก็คบกันอย่างจริงจังโดนที่พยายามให้ใครๆรู้ แม้กระทั้งพ่อแม่ของพวกเรา โดยมีไอ้ไบท์คอยดูอยู่ห่างๆ
นี่ล่ะ สมบัติพ่อสื่อ
วันนั้นเป็นวันปิดภาคป.6
“...คือ...ก้อง”หวานพูดขึ้น เราอยู่บนระเบียงห้อง ตอนนั้นเป็นเวลาพัก
“หืม?ว่าไงหรอ”ผมถาม
“คือ...ก้องจะไปต่อที่ไหนหรอ”หวานหันมาถามสบตากับผม
“ว่าจะไปต่อที่...เอ่อ...ที่กรุงเทพน่ะ”ผมตอบ
“หรอ...แต่เราจะไปต่อศึกษานารีน่ะ”หวานพูดต่อ หลบตาผม
“หา! งั้นเราก็คงต้องจบตอนนี้สินะ...เราคง ต้องจากกันแล้วสินะ”ผมพูดก้มหน้าลง
“...แต่เราจะไม่ลืมก้องนะ...เราจะเป็นเพื่อนกัน ไม่ส! จะรักกันตลอดไปนะ”หวานเงยหน้าขึ้น น้ำตาอาบแก้ม ผมก็หันมามองหน้าหวาน แล้วจึงยิ้มอย่างเศร้าๆ ก่อนที่จะกอนหวานเป็นครั้งสุดท้าย
“แน่นอน..”ผมพูดเสียงเบา ราวกับว่าผมรำพึงกับตัวเอง
เย็นวันนั้นผมจึงโบกมือร่ำลาหวาน เป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อน..ก้อง!”หวานตะโกน ก่อนจะค่อยๆเดินจากไป เธอเดินไปช้าๆซึ่งนั่นก็เหมือนค่อยๆทำลายหัวใจผมลงไปด้วย
“ใช่..ลาก่อน...หวาน เราจะรักกัน...ตลอดไป”ผมพูดเสียงเบา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่เคยรักใครอีกเลย
จนกระทั่งวันนั้น วันที่ผมอยู่ม.4
“ไงก้อง! สบายดีป้ะ”ไบท์ถามราวกับไม่ได้เจอกันนาน
“ก็ต้องดีดิวะ ไรวะ ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันนาน”ผมตอบ
“ก้อง...มึงมีใครนอกจากหวานป้ะว่ะ”ไอ้ไบท์ถาม ก่อนจะยิ้มแหยๆให้อีก
“ไม่ว่ะ...กูทำใจรับการอกหักไม่ได้ว่ะ”ผมตอบ ลดสายตาต่ำลง
“จริงหรอ..ก้อง”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตังขึ้นหลังผม
แม้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ยังจำเค้าของเสียงได้
“นั่น...หวาน หวานจริงๆหรอ!”ผมหายใจติดๆขัดๆก่อนจะค่อยๆหันมา..จู่ๆน้ำตาก็เอ่อ
“ไหนบอกว่าจะไปต่อศึกษานารีไง”ผมถามก่อนจะเอามือปาดน้ำตาออก
“มีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ”หวานตอบ ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนหวาน
ถึงเวลาจะผ่านมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่หวานก็ยังคงความน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง
ตาสีดำออกน้ำตาลของเธอที่มักจะแสดงถึงความมุ่งมั่นทุกครั้ง มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ผมสีดำออกน้ำตาลมัดไว้ด้านหลัง ต่างจากตอนป.5และป.6 ที่ตัดสั้นระดับติ่งหูอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ผมรักเธอขึ้นไปอีก
บอกได้คำเดียว ‘น่ารักชะมัด’
“แล้ว...เรา...ยังเป็นเหมือนเดิมกันป้ะ”ผมถามแล้วก็ยิ้ม
“ก็...คิดเอาเองมั่งดิ...”หวานยิ้มตอบ...ก่อนจะหลบสายตาและบิดตัวอย่างเคอะเขิน
‘วันนี้ผมมีความสุขสุดๆเลยเว่ย!’ ผมคิด
---
ใช่แล้ว...ทั้งหมดนั่นคือเรื่องของผม
แต่เรื่องของวันนี้อาจจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้..วันนี้เป็นเป็นวันปิดภาคเรียนม.6
“หวาน...หวานจะไปต่อไหนหรอ”ผมถาม
“ไม่รู้สิ...ว่าจะไปต่อจุฬาน่ะ”หวานตอบ พลางสบตาผม
‘เราะจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วหรอ’ผมคิดพลางมองลงไปยังสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยน้องๆ
หวานถามต่อราวกับอ่านความคิดผมออก
“เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วหรอ”หวานพูดพลางมองตามสายตาของผมไปยังสนามฟุตบอล
“เราเชื่อเรื่องรักแท้และเนื้อคู่นะ”ผมพูดขึ้น
“ใช่..เราเชื่อแม้เรื่องความบังเอิญและพรหมลิขิตด้วย”หวานพูดต่อ หันมาหาผม เราสบตากัน
“ถ้าเราเป็นเนื้อคู่กัน เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอนหวาน”ผมพูด จับไหล่ของหวานเบาๆ
“แต่...แต่ถ้าไม่ล่ะ”หวานพูดมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน
“เราเคยกลับมาเจอะกันอีกครั้งหนึ่งแล้วนะหวาน...”
“แต่ถ้าไม่...เธอต้องมีรักใหม่นะ”หวานพูด
“แต่--” ผมปล่อยมือจากไหล่ของเธอ
“ไม่มีแต่..เข้าใจมั้ย..ที่รัก”หวานพูดขึ้น เธอพูดคำว่า ที่รักเป็นครั้งแรก ปกติแล้วผมคะยั้นคะยอแค่ไหนเธอก็ไม่พูด แต่ตอนนี้เธอกลับทำเพื่อ...ผม
ผมจึงเข้าใจ แต่ผมจะไม่ขอทำตาม
“แน่นอน...ที่รัก แต่เธอก็ห้ามอยู่คนเดียวนะ เราเป็นห่วงเธอเสมอ”ผมบอก
หวานยิ้ม...และนั่นคงจะเป็นยิ้มสุดท้าย จากนี้ไป ผมคงจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
---
10 ปี ผ่านไป...
“เป็นไงบ้างวันนี้ กิจการดีไหม”ผมถามชายที่อยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณครับคุณก้องที่ให้ผมตั้งสาขาขายก๋วยเตี๋ยวของคุณน่ะครับ”คุณศักติ์พูดเขาอายุ45ปี มาขอเปิดสาขาจากผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างคุณอายุมากกว่าผมอีกนะครับ”ผมตอบ
“อย่าถ่อมตัวเลยครับคุณ กิจการก๋วยเตี๋ยวของคุณเจริญรุ่งเรืองมาก คุณมีพระคุณต่อผมอย่างยิ่ง”
ผมยิ้มตอบ และคุยต่ออีกซักสองสามเรื่องก่อนจะเดินผละออกมา
ตอนนี้ผมอยู่ที่ลพบุรี มาดูสาขาที่31ของกิจการก๋วยเตี๋ยวของผม แต่ใครๆก็คอยแต่ทักว่าทำไม่มีใครซักที
เพราะอะไรน่ะหรอ...
เพราะผมยังลืมเธอไม่ได้น่ะสิ
“หวาน...”ผมเผลอรำพึงออกมาเบาๆ
“ว่าไงหรอ...ก้อง”มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นข้างหน้าผม พร้อมกับเงาที่ทอดยาวลงมา
ผมชะงัก แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น
ภาพข้างหน้าของผมนั้นแทบทำให้ผมช๊อค และไม่เชื่อสายตาตนเอง ผมถึงกับต้องขยี้ตารวมทั้งกระพริบตาถี่ๆหลายครั้ง
“ไม่เอาน่า..ก้อง ขยี้ตามากๆ เดี๋ยวก็ตาแดงหรอก”ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา หรือว่า ฝัน
“หวาน! มาที่นี่ได้ยังไงอ้ะ!”
“เรามาเปิดคลินิกน่ะ แล้วก้องล่ะ”หวานพูด ตอนนี้กลายเป็นสาวสวยไปซะแล้ว
“เรามาตั้งสาขาร้านที่31น่ะ”ผมตอบ
“แล้วก้องตอนนี้พักอยู่ที่ไหนหรอ”หวานถาม
“อยู่ที่กรุงเทพน่ะ ตอนนี้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ”
“ทำไมหรอ”
“พ่อแม่เราเสียแล้วล่ะ”ผมตอบ
หวานหน้าตาหดหู่ลง
“เสียใจด้วยนะ..บังเอิญจังเนาะ”หวานพูด
“หืม?...บังเอิญยังไงหรอ”ผมถามกลับอีก พยายามสบตาเธอ
“เราต่างก็อยู่คนเดียวเหมือนกัน”หวานพูดลดสายตาต่ำลง
“เสียใจด้วยนะ...”ผมพูดบ้าง
แล้วความเงียบที่น่าอึดอัดก็ก่อตัวขึ้นราวกับพายุไซโคลน แล้วมันก็โดนพัดออกไป
“แล้ว...ตอนนี้หวานอยู่ที่ไหนหรอ”ผมพูดทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้น
“กรุงเทพน่ะ”หวานตอบ
“แล้วทำไมมาเปิดคลินิกที่นี่ล่ะ”ผมถาม ค่อนข้างงง
“ไม่เอาน่า...แค่มาเปิดคลินิกให้ลูกศิษย์น่ะ”หวานตอบ
“เป็นอาจารย์หมอหรอ!”ผมถามแสร้งทำหน้าตกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ”หวานกอดอกและเชิดหน้าแบบงอนๆ
“แล้ว...อาจารย์หมอ...มีแฟนยังครับ”ผมถาม
หวานสบตาผมก่อนจะกอดอกทำท่างอนอีก แต่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เชอะ!”
“โอ๋ๆ!..อย่างอนนะคุณหมอ แปลว่ายังไม่มีสินะครับ”ผมพูดก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์อีก
หวานยิ้มตอบ เลิกกอดอก
“แล้ว...เรายังเหมือนเดิมรึเปล่าหวาน”
“ก็...แล้วแต่จะคิด!”แล้วก็ยิ้มอีก
‘น่ารักชะมัด!’
---
“พ่อครับ! พ่อกับแม่จอกันได้ไงครับ”ลูกผมชื่อ เก่ง ถามผมขึ้น
ผมได้ยินจึงยิ้ม ก่อนจะหันไปยิ้มให้หวาน หวานยิ้มตอบ แล้วผมจึงนั่งลงแล้วตอบลูกไปว่า
“เพราะพรหมลิขิตไงครับลูก”
---
(จบ)
ผลงานอื่นๆ ของ S.Zero00 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ S.Zero00
ความคิดเห็น