คลุมใจ-->ด้วยรัก - นิยาย คลุมใจ-->ด้วยรัก : Dek-D.com - Writer
×
    ด้วยรัก')+ '&url='+encodeURIComponent(window.location.href),'addthis_popup','toolbar=0,status=0,width=495,height=253'); return false;"> แชร์ไปยังทวิตเตอร์
    คัดลอก Embed
    -->

    คลุมใจ-->ด้วยรัก

    sweet_word

    ฉันหาได้เดือดเนื้อร้อนใจ จะขึ้นคานก็หาเป็นกังวลไม่ แม่ใหญ่บอกเองว่าโรงงานแลร้านค้าทั้งหมดต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว ไว้แม่ใหญ่ตายฉันค่อยหาชายมาดูแลฉันก็ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    5,427

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    5.42K

    ความคิดเห็น


    91

    คนติดตาม


    148
    หมวด :  รักคอเมดี้
    จำนวนตอน :  18 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ย. 66 / 15:25 น.

    จันทร์ พุ่ม นกขมิ้น โชติ พร นรินทร์ แม่นาย แม่ใหญ่

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น


    ตลาดอโยธยา ร้านธูปเทียนตะคันตะเกียงพลุตะไลไฟพะเนียงของแม่นายฟ้า


    นกขมิ้นเห็นโชติยืนมอง ๆ ตะเกียงแบบใหม่ของร้านจึงเดินไปดู

    “สนใจชิ้นไหนหรือจ๊ะ”


    โชติเงยหน้ามองคนถามด้วยอัธยาศัย เห็นเป็นหญิงสาวจึงยิ้มให้

    “ชิ้นนี้ขายเท่าใดจ๊ะแม่ค้า”


    นกขมิ้นมองจากมือของโชติแล้วตอบ

    “10 เบี้ยจ๊ะ”


    โชติมองแล้วชี้ไปอีกอันใกล้ ๆ กัน

    “แล้วข้างนั่นเล่า”


    “อันนั้น 15 เบี้ยจะ”


    “แล้วข้าง 15 เบี้ยนั่นเท่าใดจ๊ะแม่ค้า”


    “อ๋อ อันนั้นของมาใหม่จากสำเภา 25 เบี้ยจะ”


    โชติมองแล้วคิด ชายหนุ่มเปิดห่อเงินในมือแล้วนับเบี้ยที่ติดตัวมาด้วย

    ...10 เบี้ย...

    โชติเงยหน้าแล้วยิ้มถาม

    “แม่ค้าจ๊ะ ฉันสงสัยข้อหนึ่ง ตะเกียงทั้งสามนั้นใช้งานเหมือนกัน ให้แสงสว่างเหมือนกัน เหตุใดจึงตั้งราคาไม่เท่ากันเล่าจ๊ะ”


    นกขมิ้นยืนทำหน้าเหวอ งง นิ่ง กระพริบตาสองสามครั้งแล้วพิจารณาหาคำตอบ

    ...คนผู้นี้ยังไงกัน ไม่เคยออกมาเดินตลาดดอกหรือ...

    “ก็ตั้งตามความเห็นของแม่ค้าอย่างไร ตะเกียงทั้งสามต่างกันที่รูปแบบ แลใหม่เก่าไม่เหมือนกัน ราคาจึงแตกต่างกัน”


    “ทั้ง ๆ ที่ทั้งสามใช้งานเหมือนกันเช่นนั้นหรือ ในเมื่อใช้งานเหมือนกันเหตุใดจึงไม่ตั้งราคาให้เท่ากันเล่าจ๊ะ”


    นกขมิ้นมองโชติอย่างไม่รู้จะหาคำพูดใดมาต่อความดี อารมณ์ไม่พอใจก็เริ่มจะตั้งเค้า จึงเม้มปากแล้วเอ่ยตัดปัญหา

    “เช่นนี้ พ่อคิดว่าทั้งสามควรจะราคาเท่าใดเล่า”


    “ทั้งสามควรจะตั้งราคาเท่ากัน ประมาณ 10 เบี้ย”

    โชติเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ 


    ขณะที่นกขมิ้นคิดหนัก ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเป็นต่อ

    “เช่นนั้น พ่อก็คงจะพอใจในตะเกียงอันแรกที่ราคา 10 เบี้ยใช่หรือไม่”


    โชติเงยหน้ามองนกขมิ้นที่มีรอยยิ้มเย้ย

    “แม่ค้าหมายความว่าอย่างไรเล่าจ๊ะ”


    “ก็พ่อบอกฉันว่าตะเกียงทั้งสามควรจะมีราคาเท่ากันที่ 10 เบี้ย แลทั้งสามก็มีการใช้งานเหมือนกัน ให้แสงเหมือนกัน เช่นนี้ แสดงว่าพ่อพอใจที่จะซื้อตะเกียงอันแรกที่ราคา 10 เบี้ย”


    โชติมองท่าทีการกล่าวแก้ของนกขมิ้นแล้วยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าจนแต้ม

    “ใช่จ้ะ เช่นที่แม่ค้ากล่าว ฉันพอใจตะเกียงอันแรก แต่ว่าหากแม่ค้าจะเมตตาช่วยลดราคาตะเกียงอันแรกให้ฉันสักน้อยจะได้หรือไม่”


    นกขมิ้นเริ่มหน้าตึง ลูกค้าคนนี้อย่างไรพูดจาโย้ไปเย้มา จึงเอ่ยตัดรำคาญไปตามทางของแม่ค้าที่ดี

    “พ่อพอใจที่ราคาเท่าใดเล่า หากฉันลดได้ ฉันจะลดให้”


    “อืม..5 เบี้ยดีหรือไม่”


    “5 เบี้ย!!

    นกขมิ้นอุทานในทันที

    “พ่อคุณ ฉันตั้งราคาตะเกียงละ 10 เบี้ย พ่อต่อฉันเหลือ 5 เบี้ยเท่านั้นหรือ”


    “ใช่จ้ะ ฉันเห็นว่าตะเกียงนี้เก่าแล้ว มีแบบใหม่ ๆ จากสำเภามาแทนแล้ว ตะเกียงนี้อาจจะขายไม่ได้แล้ว จะเป็นไรไป หากแม่ค้าจะลดราคาให้ฉันเหลือเพียง 5 เบี้ย ขายเอาสินค้าออกไปได้ 5 เบี้ย ดีกว่าแขวนไว้ฝุ่นเกาะ ขายไม่ได้เลยนะจ๊ะแม่ค้า”


    “ตกลงว่าพ่อคุณจะต่อให้ได้ราคา 5 เบี้ยใช่หรือไม่”


    “ใช่จ้ะแม่ค้า ฉันต่อราคาตะเกียงนี้ที่ 5 เบี้ยจ๊ะ”


    น้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวและรอยยิ้มซื่อ ๆ ที่โชติฉายออกมาทำให้นกขมิ้นควันออกหู เธอรู้ว่ารอยยิ้มนั้นแฝงความเจ้าเล่ห์เพทุบายเอาไว้ มีหรือจะดูไม่ออก โชติยิ้มให้ จริงดังที่นกขมิ้นคิด แววตาของโชติจับจ้องอาการนางไม่วางตาคล้ายจะดูผลการกวนประสาทของเขา อดไม่ไหวแล้ว นกขมิ้นเม้มปากแล้วเอ่ยคำอย่างที่ใจคิดออกไป

    “จะยืนต่อให้ได้เรือสำเภาเลยไหมเล่าพ่อ ไป ไป ไปหาซื้อเสียที่อื่น มัวขายให้พ่อ ลูกค้าฉันเห็นทีจะหายหนีเสียหมด”


    “อันใดกัน เป็นแม่ค้ามาไล่ลูกค้าเช่นนี้ได้อย่างไร”


    “ฉันขายให้ลูกค้าเช่นพ่อหนึ่งคน เท่ากับลูกค้าฉันหายไปสามคน พ่อคิดว่ามันได้หรือเสียกันเล่า”


    “เอ...แม่ค้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ฉันเป็นลูกค้า ฉันจะถามจนกว่าจะพอใจเท่าใดก็ได้ เมื่อพอใจแล้ว ฉันจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ เอาความพอใจของฉันเป็นที่ตั้ง เช่นนี้ผิดตรงที่ใด”


    “ไม่ผิดตรงที่ใด แต่ฉันไม่ขายให้พ่อเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”


    โชติเห็นท่าจะสู้ไม่ได้จึงหันรีหันขวางแล้วยกมือป้องปากตะโกนออกไป คล้ายจะประจานนกขมิ้นกลางตลาด

    “เจ้าข้าเอ๊ย ๆ ร้านธูปแม่นายฟ้าไม่ขายของให้ฉัน ด้วยเพราะฉันถามมาก เจ้าข้าเอ๊ย ๆ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นความผิดไปเสียได้ ดูหน้าแม่ค้าใจร้ายผู้นี้เอาเถิด หน้าตาสะสวย ไม่น่าจะใจดำเป็นอีกาเลย”


    นกขมิ้นของขึ้นคว้าธูปหนึ่งกำมาแพ่นกบาลโชติอย่างเหลืออด


    “โอ้ย..นี่ทำร้ายฉันด้วยเหตุใด”


    “จะหยุดปากรึไม่ หาไม่ ฉันจะแพ่นกบาลให้เลือดอาบบัดเดี๋ยวนี้”


    “เจ้าข้าเอ๊ย ๆ แม่ค้าทำร้ายฉัน ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ทางการ ทางการช่วยฉันด้วย”

     



    พุ่มนั่งมองจำเลยและโจทก์ที่ปั้นหน้าปั้นปึงใส่กัน จะเอ่ยว่าอย่างไรดี คนกันเองทั้งนั้น คนหนึ่งก็หลานเมีย คนหนึ่งก็คนในเรือน 


    มองไปมองมา โจทก์ก็เอ่ยความ

    “ออกพระต้องตัดสินให้ความเป็นธรรมแก่กระผมนะขอรับ กระผมเพียงแต่ไปหาซื้อตะเกียง กลับถูกทำร้ายมาเสียได้ หากเป็นเช่นนี้เรื่อยไป บ้านเมืองจะไม่สงบสุขเอาได้นะขอรับ”


    พุ่มฟังความจากโชติที่เท้าความใหญ่โตไปไกลถึงขนาด แล้วมองไปยังจำเลยที่ปั้นหน้าเหยียดโจทก์อย่างไม่ปิดบัง

    “มีกระไรจะแก้ต่างหรือไม่ เจ้านกขมิ้น”


    “ไม่มีเจ้าค่ะ มีเพียงคำถาม จะขอถามคุณพระให้แน่แก่ใจเท่านั้น”


    “ถามว่ากระไร”


    นกขมิ้นตวัดสายตามองโชติด้วยความอาฆาต โชติมองตอบด้วยความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

    “หากฉันตีหัวผู้อื่นแตก แลฉันไม่ต้องการถูกจำตรุ จะต้องเสียค่าปรับเท่าใด จึงจะพ้นโทษเจ้าคะ”


    “เห็นหรือไม่ขอรับคุณพระ หญิงผู้นี้มีเจตนาจะทำร้ายกระผม กระผมไม่ยอมนะขอรับ กระผมขวัญอ่อน บัดนี้จิตใจกระเจิดกระเจิงไปไกลเสียแล้ว จะต้องจ่ายอัฐเป็นค่าทำขวัญให้กระผมด้วย”


    พุ่มฟังแล้วถอนหายใจ

     




    จันทร์ฟังเรื่องจากพุ่มแล้วขันเบา ๆ ด้วยกลัวว่าดาวที่นอนเอามือจับมือตนอยู่จะตื่น จันทร์เอ่ยถามเรื่องต่อ

    “พี่พุ่มตัดสินว่าอย่างไรเจ้าคะ”


    “เป็นโทษปรับ ฐานสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สำหรับข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็เป็นโทษปรับไป ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจำตรุ”

    พุ่มเล่าไปตบหลังเดือนและเด่นที่นอนคว่ำหน้า 


    จันทร์มองภาพนั้นด้วยความรัก แต่เรื่องที่ฟังมาก็ทำให้อดจะเอ่ยขำ ๆ ออกมาไม่ได้

    “ไม่รู้ว่าวันนี้แม่จะปวดหัวเท่าใดนะเจ้าคะ”


    พุ่มยิ้มมองลูกชายตัวน้อยทั้งสองที่เห็นว่าหลับดีแล้ว จึงลุกมาประคองจันทร์ไปนอน

    “ปวดหัวรึ พี่ว่าต้องมากกว่าสมัยเจ้าแน่นอน เพราะเงื่อนไขของเจ้านกขมิ้นนั้นน่าดูทีเดียว ท่าจะยากกว่าเจ้าโข”


    จันทร์ฟังแล้วยิ้ม

    “นับเป็นบุญของเจ้านะ ที่เพลานั้นกรุงศรีอยุธยายังมีพี่ หาไม่แล้วเจ้าคงจะต้องขึ้นคานเป็นแน่”


    “นี่กำลังทวงบุญคุณกันอยู่หรือเจ้าคะ”


    “ใช่เสียเมื่อไหร่ เพียงแต่จะขอความเห็นใจ ให้เจ้าเมตตาพี่สักน้อยจะได้หรือไม่”


    จันทร์ยิ้มหวานยั่วเย้าแล้วเอามือสองข้างขึ้นคล้องรอบคอพุ่ม

    “สุดแต่พี่พุ่มจะพอใจเจ้าค่ะ”


    พุ่มหอมแก้มนวลของจันทร์หนึ่งฟอดแล้วช้อนร่างจันทร์ขึ้นอุ้มตรงเข้าห้องไปทันที

     



    แม่นายฟ้านั่งอิงหมอนสามเหลี่ยมวีพัดหางนกยูงด้วยความเร็วปานกลาง ปรายตามองหลานสาวที่นั่งพับเพียบเม้มปากอยู่ด้านล่าง

    “ไม่เจ็บไม่ปวดที่ใดใช่รึไม่”


    นกขมิ้นหน้างอ นั่งเม้มปากเงียบกริบ ชมบ่าวคนสนิทของแม่นายจึงเอ่ยตอบ

    “จะเจ็บจะปวดที่ใดได้เจ้าคะ ก็คุณนกขมิ้นเธอไล่ตีพ่อโชติ ตีเอา ตีเอา ไล่กันเสียทั่วตลาดออกอย่างนั้น”


    “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีที่ทางการเป็นพ่อพุ่ม หาไม่แล้วคงจะได้ไปเยี่ยมที่คอกเป็นแน่”


    “แม่ใหญ่จะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก นายโชตินั่นต่างหากที่ผิด ทำการค้าเราเสียหาย ไหนยังจะมาถูกปรับอีก คราวหน้าฉันจะเอาเทียนพรรษาฟาดให้หัวแตกเลือดอาบเสียเลย”


    “เอาเข้าไป เสียโทษปรับไปไม่สาแก่ใจ จะต้องถูกจำตรุด้วยรึจึงจะพอใจ”


    “แม่ใหญ่”


    “เจ้าเป็นแม่ค้ามาทั้งชีวิต ไม่รู้รึว่าต้องจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างไร แม่นกขมิ้น”


    นกขมิ้นคอตก แม่นายฟ้าวีพัดช้าลง


    “ไปนอนเสียปะ วันพรุ่งต้องไปดูของลงจากสำเภามิใช่รึ”


    “จ้ะแม่ใหญ่”


    นกขมิ้นขยับตัวเดินเข้าห้อง คล้อยหลังนกขมิ้น แม่นายฟ้าขยับมากระซิบกับชม

    “พ่อโชตินี่ใครกัน ไปสืบความมาให้ข้าทีแม่ชม”


    “ชมสืบมาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”


    แม่นายยิ้มกับความรวดเร็วรู้ใจของบ่าวคนสนิท

    “อย่างนั้นพ่อโชตินี่เป็นใครกัน”


    “ไม่รู้เจ้าค่ะ”


    “เอ๊ะ..อย่างไรแม่ชม”


    “จริงนะเจ้าคะ บ่าวไปถามความตามสืบมาแล้ว คนในเรือนขุนมั่นบอกว่าแม่ชบาเป็นคนหามาเจ้าค่ะ พอถามแม่ชบา ก็เล่าว่าไปเจอที่ตลาด เห็นว่ามีความขยันขันแข็ง ฝีมือทำครัวไม่แพ้คุณจันทร์จึงนำตัวมารับใช้ท่านขุนแลคุณหญิงที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”


    “ไม่ได้การแล้ว ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจะพาเข้าเรือนไปอย่างนี้ได้อย่างไร วันพรุ่งเรียกแม่ชบามาหาข้าทีนะแม่ชม”


    “เจ้าค่ะ”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น