คลุมใจ-->ด้วยรัก
ฉันหาได้เดือดเนื้อร้อนใจ จะขึ้นคานก็หาเป็นกังวลไม่ แม่ใหญ่บอกเองว่าโรงงานแลร้านค้าทั้งหมดต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว ไว้แม่ใหญ่ตายฉันค่อยหาชายมาดูแลฉันก็ได้
ผู้เข้าชมรวม
5,474
ผู้เข้าชมเดือนนี้
33
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตลาดอโยธยา
ร้านธูปเทียนตะคันตะเกียงพลุตะไลไฟพะเนียงของแม่นายฟ้า
นกขมิ้นเห็นโชติยืนมอง ๆ
ตะเกียงแบบใหม่ของร้านจึงเดินไปดู
“สนใจชิ้นไหนหรือจ๊ะ”
โชติเงยหน้ามองคนถามด้วยอัธยาศัย เห็นเป็นหญิงสาวจึงยิ้มให้
“ชิ้นนี้ขายเท่าใดจ๊ะแม่ค้า”
นกขมิ้นมองจากมือของโชติแล้วตอบ
“10 เบี้ยจ๊ะ”
โชติมองแล้วชี้ไปอีกอันใกล้ ๆ กัน
“แล้วข้างนั่นเล่า”
“อันนั้น 15 เบี้ยจะ”
“แล้วข้าง 15
เบี้ยนั่นเท่าใดจ๊ะแม่ค้า”
“อ๋อ อันนั้นของมาใหม่จากสำเภา 25
เบี้ยจะ”
โชติมองแล้วคิด
ชายหนุ่มเปิดห่อเงินในมือแล้วนับเบี้ยที่ติดตัวมาด้วย
...10 เบี้ย...
โชติเงยหน้าแล้วยิ้มถาม
“แม่ค้าจ๊ะ ฉันสงสัยข้อหนึ่ง
ตะเกียงทั้งสามนั้นใช้งานเหมือนกัน ให้แสงสว่างเหมือนกัน
เหตุใดจึงตั้งราคาไม่เท่ากันเล่าจ๊ะ”
นกขมิ้นยืนทำหน้าเหวอ งง นิ่ง
กระพริบตาสองสามครั้งแล้วพิจารณาหาคำตอบ
...คนผู้นี้ยังไงกัน
ไม่เคยออกมาเดินตลาดดอกหรือ...
“ก็ตั้งตามความเห็นของแม่ค้าอย่างไร
ตะเกียงทั้งสามต่างกันที่รูปแบบ แลใหม่เก่าไม่เหมือนกัน ราคาจึงแตกต่างกัน”
“ทั้ง ๆ
ที่ทั้งสามใช้งานเหมือนกันเช่นนั้นหรือ
ในเมื่อใช้งานเหมือนกันเหตุใดจึงไม่ตั้งราคาให้เท่ากันเล่าจ๊ะ”
นกขมิ้นมองโชติอย่างไม่รู้จะหาคำพูดใดมาต่อความดี
อารมณ์ไม่พอใจก็เริ่มจะตั้งเค้า จึงเม้มปากแล้วเอ่ยตัดปัญหา
“เช่นนี้
พ่อคิดว่าทั้งสามควรจะราคาเท่าใดเล่า”
“ทั้งสามควรจะตั้งราคาเท่ากัน ประมาณ
10 เบี้ย”
โชติเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ขณะที่นกขมิ้นคิดหนัก ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเป็นต่อ
“เช่นนั้น พ่อก็คงจะพอใจในตะเกียงอันแรกที่ราคา
10 เบี้ยใช่หรือไม่”
โชติเงยหน้ามองนกขมิ้นที่มีรอยยิ้มเย้ย
“แม่ค้าหมายความว่าอย่างไรเล่าจ๊ะ”
“ก็พ่อบอกฉันว่าตะเกียงทั้งสามควรจะมีราคาเท่ากันที่
10 เบี้ย แลทั้งสามก็มีการใช้งานเหมือนกัน ให้แสงเหมือนกัน เช่นนี้ แสดงว่าพ่อพอใจที่จะซื้อตะเกียงอันแรกที่ราคา
10 เบี้ย”
โชติมองท่าทีการกล่าวแก้ของนกขมิ้นแล้วยิ้มบาง
ๆ ก่อนจะพยักหน้าจนแต้ม
“ใช่จ้ะ เช่นที่แม่ค้ากล่าว
ฉันพอใจตะเกียงอันแรก
แต่ว่าหากแม่ค้าจะเมตตาช่วยลดราคาตะเกียงอันแรกให้ฉันสักน้อยจะได้หรือไม่”
นกขมิ้นเริ่มหน้าตึง ลูกค้าคนนี้อย่างไรพูดจาโย้ไปเย้มา
จึงเอ่ยตัดรำคาญไปตามทางของแม่ค้าที่ดี
“พ่อพอใจที่ราคาเท่าใดเล่า
หากฉันลดได้ ฉันจะลดให้”
“อืม..5 เบี้ยดีหรือไม่”
“5 เบี้ย!!”
นกขมิ้นอุทานในทันที
“พ่อคุณ ฉันตั้งราคาตะเกียงละ 10 เบี้ย
พ่อต่อฉันเหลือ 5 เบี้ยเท่านั้นหรือ”
“ใช่จ้ะ ฉันเห็นว่าตะเกียงนี้เก่าแล้ว
มีแบบใหม่ ๆ จากสำเภามาแทนแล้ว ตะเกียงนี้อาจจะขายไม่ได้แล้ว
จะเป็นไรไป หากแม่ค้าจะลดราคาให้ฉันเหลือเพียง 5 เบี้ย ขายเอาสินค้าออกไปได้ 5 เบี้ย
ดีกว่าแขวนไว้ฝุ่นเกาะ ขายไม่ได้เลยนะจ๊ะแม่ค้า”
“ตกลงว่าพ่อคุณจะต่อให้ได้ราคา 5
เบี้ยใช่หรือไม่”
“ใช่จ้ะแม่ค้า ฉันต่อราคาตะเกียงนี้ที่
5 เบี้ยจ๊ะ”
น้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวและรอยยิ้มซื่อ
ๆ ที่โชติฉายออกมาทำให้นกขมิ้นควันออกหู
เธอรู้ว่ารอยยิ้มนั้นแฝงความเจ้าเล่ห์เพทุบายเอาไว้ มีหรือจะดูไม่ออก โชติยิ้มให้
จริงดังที่นกขมิ้นคิด แววตาของโชติจับจ้องอาการนางไม่วางตาคล้ายจะดูผลการกวนประสาทของเขา
อดไม่ไหวแล้ว นกขมิ้นเม้มปากแล้วเอ่ยคำอย่างที่ใจคิดออกไป
“จะยืนต่อให้ได้เรือสำเภาเลยไหมเล่าพ่อ
ไป ไป ไปหาซื้อเสียที่อื่น มัวขายให้พ่อ ลูกค้าฉันเห็นทีจะหายหนีเสียหมด”
“อันใดกัน
เป็นแม่ค้ามาไล่ลูกค้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ฉันขายให้ลูกค้าเช่นพ่อหนึ่งคน เท่ากับลูกค้าฉันหายไปสามคน
พ่อคิดว่ามันได้หรือเสียกันเล่า”
“เอ...แม่ค้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก
ฉันเป็นลูกค้า ฉันจะถามจนกว่าจะพอใจเท่าใดก็ได้ เมื่อพอใจแล้ว ฉันจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้
เอาความพอใจของฉันเป็นที่ตั้ง เช่นนี้ผิดตรงที่ใด”
“ไม่ผิดตรงที่ใด
แต่ฉันไม่ขายให้พ่อเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
โชติเห็นท่าจะสู้ไม่ได้จึงหันรีหันขวางแล้วยกมือป้องปากตะโกนออกไป
คล้ายจะประจานนกขมิ้นกลางตลาด
“เจ้าข้าเอ๊ย ๆ
ร้านธูปแม่นายฟ้าไม่ขายของให้ฉัน ด้วยเพราะฉันถามมาก เจ้าข้าเอ๊ย ๆ
เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นความผิดไปเสียได้ ดูหน้าแม่ค้าใจร้ายผู้นี้เอาเถิด หน้าตาสะสวย
ไม่น่าจะใจดำเป็นอีกาเลย”
นกขมิ้นของขึ้นคว้าธูปหนึ่งกำมาแพ่นกบาลโชติอย่างเหลืออด
“โอ้ย..นี่ทำร้ายฉันด้วยเหตุใด”
“จะหยุดปากรึไม่ หาไม่ ฉันจะแพ่นกบาลให้เลือดอาบบัดเดี๋ยวนี้”
“เจ้าข้าเอ๊ย ๆ แม่ค้าทำร้ายฉัน
ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ทางการ ทางการช่วยฉันด้วย”
พุ่มนั่งมองจำเลยและโจทก์ที่ปั้นหน้าปั้นปึงใส่กัน จะเอ่ยว่าอย่างไรดี คนกันเองทั้งนั้น คนหนึ่งก็หลานเมีย คนหนึ่งก็คนในเรือน
มองไปมองมา โจทก์ก็เอ่ยความ
“ออกพระต้องตัดสินให้ความเป็นธรรมแก่กระผมนะขอรับ
กระผมเพียงแต่ไปหาซื้อตะเกียง กลับถูกทำร้ายมาเสียได้
หากเป็นเช่นนี้เรื่อยไป บ้านเมืองจะไม่สงบสุขเอาได้นะขอรับ”
พุ่มฟังความจากโชติที่เท้าความใหญ่โตไปไกลถึงขนาด แล้วมองไปยังจำเลยที่ปั้นหน้าเหยียดโจทก์อย่างไม่ปิดบัง
“มีกระไรจะแก้ต่างหรือไม่ เจ้านกขมิ้น”
“ไม่มีเจ้าค่ะ มีเพียงคำถาม
จะขอถามคุณพระให้แน่แก่ใจเท่านั้น”
“ถามว่ากระไร”
นกขมิ้นตวัดสายตามองโชติด้วยความอาฆาต
โชติมองตอบด้วยความรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ
“หากฉันตีหัวผู้อื่นแตก แลฉันไม่ต้องการถูกจำตรุ
จะต้องเสียค่าปรับเท่าใด จึงจะพ้นโทษเจ้าคะ”
“เห็นหรือไม่ขอรับคุณพระ หญิงผู้นี้มีเจตนาจะทำร้ายกระผม
กระผมไม่ยอมนะขอรับ กระผมขวัญอ่อน บัดนี้จิตใจกระเจิดกระเจิงไปไกลเสียแล้ว
จะต้องจ่ายอัฐเป็นค่าทำขวัญให้กระผมด้วย”
พุ่มฟังแล้วถอนหายใจ
จันทร์ฟังเรื่องจากพุ่มแล้วขันเบา ๆ ด้วยกลัวว่าดาวที่นอนเอามือจับมือตนอยู่จะตื่น
จันทร์เอ่ยถามเรื่องต่อ
“พี่พุ่มตัดสินว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“เป็นโทษปรับ
ฐานสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สำหรับข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็เป็นโทษปรับไป
ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจำตรุ”
พุ่มเล่าไปตบหลังเดือนและเด่นที่นอนคว่ำหน้า
จันทร์มองภาพนั้นด้วยความรัก แต่เรื่องที่ฟังมาก็ทำให้อดจะเอ่ยขำ ๆ ออกมาไม่ได้
“ไม่รู้ว่าวันนี้แม่จะปวดหัวเท่าใดนะเจ้าคะ”
พุ่มยิ้มมองลูกชายตัวน้อยทั้งสองที่เห็นว่าหลับดีแล้ว จึงลุกมาประคองจันทร์ไปนอน
“ปวดหัวรึ
พี่ว่าต้องมากกว่าสมัยเจ้าแน่นอน เพราะเงื่อนไขของเจ้านกขมิ้นนั้นน่าดูทีเดียว ท่าจะยากกว่าเจ้าโข”
จันทร์ฟังแล้วยิ้ม
“นับเป็นบุญของเจ้านะ ที่เพลานั้นกรุงศรีอยุธยายังมีพี่
หาไม่แล้วเจ้าคงจะต้องขึ้นคานเป็นแน่”
“นี่กำลังทวงบุญคุณกันอยู่หรือเจ้าคะ”
“ใช่เสียเมื่อไหร่
เพียงแต่จะขอความเห็นใจ ให้เจ้าเมตตาพี่สักน้อยจะได้หรือไม่”
จันทร์ยิ้มหวานยั่วเย้าแล้วเอามือสองข้างขึ้นคล้องรอบคอพุ่ม
“สุดแต่พี่พุ่มจะพอใจเจ้าค่ะ”
พุ่มหอมแก้มนวลของจันทร์หนึ่งฟอดแล้วช้อนร่างจันทร์ขึ้นอุ้มตรงเข้าห้องไปทันที
แม่นายฟ้านั่งอิงหมอนสามเหลี่ยมวีพัดหางนกยูงด้วยความเร็วปานกลาง
ปรายตามองหลานสาวที่นั่งพับเพียบเม้มปากอยู่ด้านล่าง
“ไม่เจ็บไม่ปวดที่ใดใช่รึไม่”
นกขมิ้นหน้างอ นั่งเม้มปากเงียบกริบ ชมบ่าวคนสนิทของแม่นายจึงเอ่ยตอบ
“จะเจ็บจะปวดที่ใดได้เจ้าคะ ก็คุณนกขมิ้นเธอไล่ตีพ่อโชติ ตีเอา ตีเอา ไล่กันเสียทั่วตลาดออกอย่างนั้น”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีที่ทางการเป็นพ่อพุ่ม
หาไม่แล้วคงจะได้ไปเยี่ยมที่คอกเป็นแน่”
“แม่ใหญ่จะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก
นายโชตินั่นต่างหากที่ผิด ทำการค้าเราเสียหาย ไหนยังจะมาถูกปรับอีก
คราวหน้าฉันจะเอาเทียนพรรษาฟาดให้หัวแตกเลือดอาบเสียเลย”
“เอาเข้าไป เสียโทษปรับไปไม่สาแก่ใจ
จะต้องถูกจำตรุด้วยรึจึงจะพอใจ”
“แม่ใหญ่”
“เจ้าเป็นแม่ค้ามาทั้งชีวิต ไม่รู้รึว่าต้องจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างไร แม่นกขมิ้น”
นกขมิ้นคอตก แม่นายฟ้าวีพัดช้าลง
“ไปนอนเสียปะ วันพรุ่งต้องไปดูของลงจากสำเภามิใช่รึ”
“จ้ะแม่ใหญ่”
นกขมิ้นขยับตัวเดินเข้าห้อง คล้อยหลังนกขมิ้น แม่นายฟ้าขยับมากระซิบกับชม
“พ่อโชตินี่ใครกัน
ไปสืบความมาให้ข้าทีแม่ชม”
“ชมสืบมาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นายยิ้มกับความรวดเร็วรู้ใจของบ่าวคนสนิท
“อย่างนั้นพ่อโชตินี่เป็นใครกัน”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ”
“เอ๊ะ..อย่างไรแม่ชม”
“จริงนะเจ้าคะ บ่าวไปถามความตามสืบมาแล้ว คนในเรือนขุนมั่นบอกว่าแม่ชบาเป็นคนหามาเจ้าค่ะ
พอถามแม่ชบา ก็เล่าว่าไปเจอที่ตลาด เห็นว่ามีความขยันขันแข็ง
ฝีมือทำครัวไม่แพ้คุณจันทร์จึงนำตัวมารับใช้ท่านขุนแลคุณหญิงที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้การแล้ว
ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจะพาเข้าเรือนไปอย่างนี้ได้อย่างไร
วันพรุ่งเรียกแม่ชบามาหาข้าทีนะแม่ชม”
“เจ้าค่ะ”
ผลงานอื่นๆ ของ sweet_word ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sweet_word
ความคิดเห็น