[SF Exo]... Love Letter... (ChanBaek) - [SF Exo]... Love Letter... (ChanBaek) นิยาย [SF Exo]... Love Letter... (ChanBaek) : Dek-D.com - Writer

[SF Exo]... Love Letter... (ChanBaek)

คุณได้รับจดหมายของผมรึยังครับ? คุณได้อ่านจดหมายรักของผมหรือยังครับ?

ผู้เข้าชมรวม

378

ผู้เข้าชมเดือนนี้

2

ผู้เข้าชมรวม


378

ความคิดเห็น


7

คนติดตาม


9
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  20 ต.ค. 56 / 01:42 น.

แท็กนิยาย

ชานแบค chanbaek sf exo



ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้








Did you get my card ? 
Did you read my love letter? 


คุณได้รับจดหมายของผมรึยังครับ ?
คุณได้อ่านจดหมายรักของผมหรือยังครับ ?



.
.
.
.
.





กดเพลงนี้ฟังกันด้วยน๊ะ ^^


ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

     PS : ตัวอักษรสีดำคือเนื้อหาในจดหมายนะคะ ^^




     

    I hope these, Hope these words find you in the perfect mood 
    I wrote this letter according to my love for you 
    So I hope this paper will travel safely to where you are.

     

    ผมหวังว่า.. หวังว่าจดหมายนี้คงจะทำให้คุณรู้สึกดี
    ผมเขียนจดหมายนี้เพื่อบอกความรู้สึกของผมให้คุณรู้
    ผมจึงหวังว่า จดหมายนี้จะส่งไปถึงคุณ

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ผมเจอในวันฝนตก

     

                ผมคงต้องกล่าวคำว่าสวัสดีกับคุณก่อนเป็นอย่างแรก(ตามมารยาทแล้วมันควรจะเป็นแบบนั้นใช่มั๊ยครับ^^?) วันนี้เป็นวันศุกร์ ผมเห็นคุณยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าคณะดนตรี จำไม่ได้ว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า แต่ก็คิดอยู่ว่าคงไม่ เพราะผมไม่คุ้นหน้าคุณเลยแม้แต่น้อย คุณดูร้อนรนและเร่งรีบ ในมือของคุณโอบกอดสมุดภาพขนาดใหญ่เอาไว้ราวกับกลัวว่ามันจะเปียกฝนที่กำลังสาดลงมา ผมไม่แน่ใจว่าคุณจำผมได้มั๊ย แต่ผมคือคนที่เดินเข้าไปหาคุณในวันนี้เอ่ยถามว่าคุณไม่มีร่มมาหรือ และคำตอบก็คือคุณทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ส่ายหัวไปมาอย่างน่าเอ็นดู(อย่างน้อยก็ในความคิดของผม) ผมเลยตัดสินใจยื่นร่มคันใหญ่สีดำให้กับคุณไป คุณทำหน้าสงสัยน่าดูก่อนจะเอ่ยปฏิเสธผมอย่างนุ่มนวล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยัดเยียดมันให้กับคุณอีกครั้งและยกเอาสมุดภาพในอ้อมกอดของคุณมาเป็นข้ออ้าง คุณกัดริมฝีปากชั่งใจอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ตัดสินใจพยักหน้าเอื้อมมือมาคว้าร่มคันนั้นไป ปลายนิ้วของเราสัมผัสกันเพียงเล็กน้อยผมรู้สึกราวกับมีไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนจะจางหายไป อ๋า... ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า คุณยิ้มหวานให้ผม เอ่ยคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวานอ่อนโยนจนผมนิ่งไปราวกับต้องมนต์สะกด ผมยิ้มให้คุณก่อนที่จะหันหลังเดินกลับเข้าไปในตึก กลับมายังห้องซ้อมดนตรีอีกครั้งเพราะผมไม่มีร่มกลับบ้าน แต่คุณรู้มั๊ย... มันแปลกมากเลยที่ผมกลับรู้สึกดี รู้สึกอยากแต่งเพลงและเล่นกีต้าร์แทนการกลับบ้าน ผมลืมถามชื่อคุณ หากได้เจอกันอีกครั้ง... ผมหวังว่าผมจะได้ทราบชื่อของคุณ

     

    จาก...  เจ้าของร่มสีดำคันใหญ่

     

     

     

                มือหนาพับกระดาษในมือเป็นสี่ส่วน ก่อนจะจับใส่ลงไปในซองจดหมายสีขาวสะอาดที่มีตัวอักษรสีดำจ่าอยู่กลางซองด้วยลายมือที่เป็นระเบียบของเขาเอง ถึง... คุณคนนั้นที่ผมเจอในวันฝนตก ^^’ เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็วางลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆตัว ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากหากแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มกว้างเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่ฝนตกหลัก และเขาได้ให้ความช่วยเหลือคนตัวเล็กน่ารักด้วยการให้ยืมร่มไป สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองต้องกลับห้องเสียดึก แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รูทเมทของเขาได้แต่จ้องมองการกระทำแบบนั้น

     

     

                “ เป็นอะไรของมันวะ...” จงอินเอ่ยพึมพำกับตัวเองโดยไม่ละสายตาออกจากร่างสูงของรูทเมทและเพื่อนสนิทต่างคณะ มือหนายังคงขยี้ผมเช็ดตัวลงบนศีรษะของตนเองเพราะผมของเขายังคงเปียกอยู่ มันแปลกๆที่อยู่ปาร์ค ชานยอลเพื่อนรักของเขาจะเปล่งออร่าสีชมพูหวานซึ้งออกมาแบบนั้น แค่เห็นก็แอบสยองเบาๆแล้ว บรื๋อออ~

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง…  คุณคนนั้นที่ผมให้ยืมร่มไป

     

              วันนี้ฝนตกอีกแล้ว... แต่ผมไม่เห็นคุณที่หน้าคณะเหมือนเมื่อวาน ผมรู้สึกผิดหวังนิดๆล่ะ เอ่อ… คือไม่ได้ผิดหวังที่ผมไม่ได้ร่มคืนจากคุณนะครับ โปรดอย่างเข้าใจผิด แต่ผมผิดหวังที่ไม่ได้เห็นคุณ วันนี้ผมตัดสินใจที่จะวิ่งตากฝนกลับไปที่ห้อง ไม่ได้เดินกลับขึ้นตึกไปนั่งเล่นกีต้าร์เหมือนเมื่อวาน พอผมกลับมาถึงห้องผมก็รีบอาบน้ำทันทีเพราะผมเปียกไปทั้งตัว อ๋า... วันนี้ผมผิดหวังจัง ผมไม่ได้เจอคุณ ผมตากฝนจนตัวเปียก

     

    จาก... เจ้าของร่มสีดำคันใหญ่

     

     

                ชานยอลเก็บปากกาสีดำที่ใช้เขียนอย่างเบื่อหน่าย กระดาษถูกพับเป็นสีส่วนยัดใส่ลงซองจดหมายตามเดิม หากแต่คำจ่าหน้าซองเปลี่ยนจากเมื่อวานเป็น ถึง…  คุณคนนั้นที่ผมให้ยืมร่มไป วางลงไว้บนซองจดหมายที่วางอยู่ก่อนแล้วเมื่อวาน ชานยอลพาตัวเองลงมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียง พลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน ถอนหายใจออกมาเฮือกโตหลายครั้งติด จนรูมเมทอย่างจงอินทนไม่ไหวส่งสายตาปรามๆไปให้เพราะเริ่มรำคาญ ทำลายสมาธิการทำการบ้านของเขา ชานยอลเลยได้แต่พลุกตัวไปมาและถอนหายใจให้เสียงเบาลง

     

     

                “ ใกล้บ้าแล้วมั้งเพื่อนกู...” จงอินบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อวานเขายังเห็นชานยอลนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เลย แต่ดูวันนี้สิ่ กลับมานอนถอนใจแล้วถอนหายใจอีก อายุสั้นมาซัก 10 ปีได้แล้วมั้ง แล้วยังไอ้การพลิกตัวไปมาแบบนั้นอีก เฮ้อคนหล่อเพลีย~

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ผมเจอที่หอสมุด

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก อ๋า... หวังว่าคุณคงจะไม่โกรธใช้มั๊ยครับที่ผมถือวิสาสะเรียกคุณแบบนั้นโดยไม่ถามความสมัครใจคุณก่อน วันนี้ผมเจอคุณๆๆๆๆ หลังจากที่ไม่ได้เจอคุณอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นก็เกือบจะสี่วันแล้ว วันนี้คุณนั่งอยู่ด้านในสุดกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง(แน่นอนว่าผมไม่รู้จัก) ผมไม่กล้าเข้าไปทักคุณเพราะกลัวว่าคุณจะคิดว่าผมจะมาทวงร่มคืน (ผมไม่ได้เป็นคนขี้งกนะ ผมยกให้คุณไปแล้วผมไม่ทวงคืน เชื่อผมเถอะ^^)หรือบางทีคุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเดินผ่านโต๊ะที่คุณนั่งเพราะต้องไปหยิบหนังสือที่ชั้นหนังสือด้านใน ผมเหลือบเห็นบนโต๊ะที่คุณนั่ง รวมไปถึงหนังสือที่คุณกำลังสนใจอ่านอยู่เป็นหนังสือเกี่ยวกับศิลปะทั้งหมด ถ้าให้ผมเดาคุณคงจะต้องเรียนสถาปัตถ์แน่ๆเลย อ๋า... หวังว่าผมจะเดาถูกนะ เพราะมันก็ดูเหมือนว่าผมจะได้เข้าใกล้คุณอีกนิดแล้ว ผมเลือกหนังสือของตัวเองได้จนครบ ในตอนแรกที่วางแผนเอาไว้ผมคิดว่าผมจะเอาหนังสือเหล่านั้นกลับมาอ่านที่ห้อง แต่สุดท้ายผมก็เปลี่ยนใจ ผมเลือกนั่งห่างออกไปจากโต๊ะของคุณเกือบ 5 โต๊ะ นั่งเยื้องๆกับคุณ เพื่อที่คุณจะได้ไม่สังเกตเห็นผมเสียก่อน คุณรู้อะไรมั๊ย ผมแทบจำอะไรที่อ่านไปไม่ได้เลย ผมได้มองเห็นคุณในหลายๆอารมณ์ คุณยิ้มน้อยๆ แต่อีกซักพักคุณก็ยู่หน้า หรือบางครั้งคุณก็เบ้ปาก ผมไม่รู้เลยว่าคุณกำลังคิดอะไรกับตัวอักษรในหนังสือพวกนั้น แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือ ผมกำลังคิดว่า... คุณน่ารักมากๆเลยคุณตัวเล็ก ^^ ใจจริงผมยังไม่อยากจะกลับเลย แต่เพราะรูมเมทของผมเข้าห้องไม่ได้ผมจึงต้องรีบกลับ อยากนั่งมองคุณนานๆ... นานพอที่จะสร้างความกล้าให้ผมเดินเข้าไปถามชื่อคุณ

     

    จาก... คนที่นั่งเยื้องถัดจากคุณไป 5 โต๊ะในหอสมุด

     

     

     

                “ พรุ่งนี้ห้ามลืมเอากุญแจไปอีกเป็นอันขาดเลยนะครับคุณมึง” ชานยอลหันกลับไปบอกรูมเมทของตัวเองที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะรายการวาไรตี้ที่กำลังฉายอยู่ในจอทีวี เขารู้สึกอยากจะเตะไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้จริงๆ ลืมวันไหนไม่ลืม ดันมาลืมวันที่เขามีโอกาสจะได้มองคุณตัวเล็กนานๆ

     

     

                “ เออๆ... รู้แล้ว อารมณ์เสียอะไรนักหนาวะ มึงก็นะ คนมันลืมทำไงได้ อ๊ะ! ฮ่าๆๆๆๆๆ” พูดจบจงอินก็หันกลับไปให้ความสนใจกับหน้าจอทีวีอีกครั้ง โดนไม่หันกลับมาสนใจเพื่อนตัวโย่งของตัวเองอีกเลย

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ผมเจอที่หอสมุด(อีกครั้ง)

             

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก^^ ผมอดจะแปลกใจไม่ได้ที่มาเจอคุณที่หอสมุดอีกครั้ง คุณยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมพร้อมกับหนังสือมากมายเต็มโต๊ะ แต่วันนี้คุณมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ผมเห็นคุณส่งยิ้มให้กับเพื่อนตาโตข้างๆแล้วก้มลงขีดๆเขียนๆอะไรซักอย่างที่ผมก็ไม่ทราบได้ ผมเดินเฉียดไปที่โต๊ะของคุณเหลือบสายตาไปมอง วันนี้หนังสือส่วนใหญ่เป็นนวนิยาย วรรณกรรม การแสดงและบทละคร ในตอนแรกผมไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะผมเห็นหนังสือเรื่องโรมิโอกับจูเลียตที่อยู่ริมสุดของหนังสือทั้งหมด ผมเดินไปเลือกหนังสือที่ผมต้องการอ่านครู่ใหญ่ ผมไม่รีบร้อนเพราะคิดว่าเวลาที่คุณจะยังคงอยู่ในห้องสมุดนั้นค่อนข้างจะนาน ผมนั่งลงที่โต๊ะถัดจากคุณไป 2 โต๊ะคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะโต๊ะตัวเดิมที่ผมเคยนั่งนั้นถูกจับจองไปหมดแล้ว ใจผมกำลังตีกันวุ่นวายไปหมด ผมไม่แน่ใจว่าผมอยากให้คุณมองเห็นผมหรือมองไม่เห็นกันแน่ อ๋า... ผมนี่มันน่าอายจริงๆเลย ที่เคยบอกว่าคุณเรียนสถาปัตย์ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วล่ะ ก็อย่างที่ผมได้บอกไปหนังสือพวกนั้นที่คุณเลือกอ่านมันในวันนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าคุณเรียนศิลปกรรมซะมากกว่า ผมตั้งใจอ่านหนังสือควบคู่กับการเงยหน้ามามองคุณเป็นครั้งคราว ผมเห็นคุณหัวเราะกับเรื่องเล่าที่เพื่อนของคุณเล่า ผมเห็นคุณก้มอ่านหนังสืออย่างตั้งใจแล้วก็เริ่มขีดๆเขียนๆบนกระดาษอีกครั้ง  และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปครั้งสุดท้ายผมกลับมองไม่เห็นคุณแล้ว ที่นั่งของคุณว่างเปล่าพร้อมกับที่นั่งข้างๆของเพื่อนที่มากับคุณคราวก่อน อ๋า... ผมผิดหวังนิดๆอีกแล้วล่ะ

     

    จาก... คนที่นั่งเยื้องถัดจากคุณไป 2 โต๊ะในหอสมุด

     

     

              “ ไปหอสมุดมาอีกแล้วหรอวะ” จงอินเอ่ยถามรูมเมททันทีที่เห็นหนังสือที่วางอยู่บนเตียงของชานยอล ปกติถ้าไม่มีลงเรียนวิชาเลือกหรือมีรายงานพวกเขาก็ไม่ค่อยไปยืมหนังสือกันหรอก แม้จะแปลกใจอยู่บ้านที่ชานยอลไปห้องสมุด 2 วันติดก็เถอะ

     

     

                “ จงอิน...”

     

                “ หือ ?”

     

                “ เปล่า... ไม่มีอะไร” ว่าแล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนอน เอาผ้าห่มคลุมมิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆอย่างมีความสุข ทำเอาคนมองได้แต่แอบตกใจ บ่นพึมพำถึงความประหลาดของเพื่อนตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือเล่มหนาที่คว้ามาจากบนเตียงของชานยอล

     

     

                โรมิโอกับจูเลียต

     

     

              เดี๋ยวนะไอ้คุณเพื่อน... เดี๋ยวนี้คุณมึงอ่านนิยายแบบนี้แล้วหรอ แปลกนะเนี่ย! บรื๋อออ~

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง... คุณตัวเล็กคณะสถาปัตถ์หรือศิลปกรรม

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก... ผมเห็นคุณอีกครั้ง คุณยังคงเร่งรีบเหมือนเดิมจนผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นนิสัยของคุณกันแน่ คุณทำหน้าบึ้งตึงกอดหนังสือในอ้อมกอดเอาไว้แน่น คิ้วเรียวสวยของคุณขมวดมุ่น เห็นแล้วผมอยากเอามือดันให้มันคลายออกจากกันเหลือเกิน อ๋า... อย่าหาว่าผมโรคจิตนะครับ แหะๆๆ สุดท้ายผมก็ยังไม่แน่ใจว่าคุณเรียนอะไรกันแน่เพราะเส้นทางที่คุณใช้เดินผ่านตึกเรียนของผมนั้นมันไปทั้งสองคณะนั้นได้ ตอนเย็นผมไปที่หอสมุดด้วยล่ะ หวังว่าจะได้เจอกับคุณอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง ผมบอกตัวเองว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปหาคุณผมแค่เอาหนังสือไปคืน โรมิโอกับจูเลียตน่ะ เพราะบนโต๊ะคุณมีเล่มนี้ที่ผมมองเห็นได้ชัดที่สุด อ๋า... ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสโตกเกอร์ยังไงก็ไม่รู้ วันนี้ตอนที่ผมกำลังกลับห้องฝนตกด้วยล่ะครับ ผมหวังว่าคุณจะพกร่มสีดำคันนั้น แม้มันจะใหญ่ไปซักหน่อยแต่มันก็ทำให้คุณไม่เปียกฝนแน่นอน ผมกลัวว่าคุณจะไม่สบายจังเลย คุณตัวเล็กต้องรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^

     

    จาก... เจ้าของร่มสีดำคณะดนตรี

     

     

                จดหมายถูกพับเป็นสีส่วนก่อนจะใส่ลงไปในซองจดหมายที่จ่าหน้าตามอย่างที่ในจดหมายได้เขียนบอกไว้ ชานยอลค่อยๆบรรจงวางลงไปในกล่องสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งหาซื้อมาได้ไม่นาน เพ่งมองซองจดหมายที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะมันทำให้เขานึกถึงคนที่เขาเขียนไปถึง แต่ถึงอย่างนั้นก็ช่างน่าหัวเราะจริงๆที่จดหมายพวกนี้ยังคงอยู่ตรงนี้ ในที่เดิม...

     

     

                “ ทำไรวะคุณมึง... ข้าวน่ะจะกินมั๊ยครับคุณเพื่อน” จงอินเอ่ยเรียกรูมเมทที่ดูจะจิตหลุดเข้าไปในความคิดของตัวเองให้ตื่น เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็หิวจนจะรอไม่ไหวแล้ว

     

                “ กินดิ่ คุณมึงจะหิวอะไรขนาดนั้นวะ”

     

                “ ก็คนเขาใช้สมองในการเรียนอะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องน่ะ เข้าใจมั๊ยครับคุณมึง”

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ผมเจอที่สนามกีฬา

     

              ให้ตายเถอะคุณตัวเล็ก! คุณลงไปวิ่งเล่นอะไรในสนามกีฬาในตอนแดดจ้าขนาดนั้น ผมเห็นคุณนะ... คุณกำลังวิ่งไล่เตะกับเพื่อนคนนั้นของคุณที่ผมเคยเห็น คุณยิ้มกว้างมากๆเลยล่ะ อ๋า... คุณดูมีความสุขจนผมอดที่จะยิ้มกว้างตามคุณไปด้วยไม่ได้ และนั่นทำให้ผมโดนเพื่อนล้อและเพื่อนผมคนนั้นก็จับได้ว่าผมแอบมองคุณ เขาชมว่าคุณน่ารักด้วยนะ แต่ผมไม่รู้ทำไมถึงไม่ชอบใจเอาซะเลย! ผมนั่งเล่นกีตาร์อยู่ข้างสนาม เหลือบตามองคุณเป็นพักๆ คุณเต้นเพลงอะไรซักอย่างที่ผมไม่แน่ใจอย่างเต็มที่จนผมหลุดขำออกมา แน่นอนว่าผมโดนเพื่อนแซวอีกครั้ง แล้วอยู่ๆคุณก็รีบวิ่งมาทางผม ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกในตอนที่เราสบตากัน คุณพูดขึ้นมาว่า อ๊ะ! นาย... แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เพื่อนของคุณก็มาลากคุณให้ออกวิ่งตามไปด้วยกัน คุณอยากจะพูดอะไรกับผมงั้นหรอคุณตัวเล็ก? แต่เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำให้ผมรู้แล้วว่า... คุณจำผมได้ ^____^

     

    จาก... ศิลปินข้างสนาม

     

     

                “ คุณมึงทำอะไรวะครับ? การบ้าน?” จงอินเอ่ยถามเมื่อเห็นชานยอลก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ อันที่จริงเขาไม่ได้สอดรู้สอดเห็นหรอกนะ แต่เห็นว่าไอ้คุณเพื่อนของเขาเนี่ยเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ก็เลยสงสัยว่าเรียนคณะดนตรีงานมันจะเยอะขนาดนั้นเลยหรอ?

     

     

                “ เปล่า...”

     

                “ แล้วทำอะไรวะ ?”

     

                “ ไม่บอก คุคิ”

     

                “ เฮือก... อย่าทำเสียงแบบนั้นได้มั๊ย กูจะอ้วก บรื๋อ~” จงอินทำท่าลูบแขนตัวเองไปมา ทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อได้ยินเสียงหวานของชานยอล ให้ตายเถอะ... ขนลุกซู่กันเลยทีเดียว

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง...  คุณคนนั้นที่ผมยังไม่รู้ชื่อ(ซักที)

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก ตั้งแต่ที่สนามกีฬาวันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าคุณเรียนคณะอะไร รูมเมทของผมบอกล่ะ... เพื่อนตาโตคนนั้นของคุณที่อยู่ด้วยกันบ่อยๆน่ะ บังเอิญว่ารูมเมทของผมมันมาเปิดรูปคนที่มันกำลังแอบชอบอยู่ให้ดูล่ะ ผมจำได้ทันทีว่าเป็นเพื่อนของคุณ ผมนั่งฟังรูมเมทของผมบอกชื่อ คณะที่เรียนแล้วก็บรรยายความน่ารักของเพื่อนคุณให้ผมฟังเป็นชั่วโมงๆ ผมอยากถามออกไปเหลือเกินว่ารู้จักคุณหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกไป... ใจนึงผมก็เสียดายแต่อีกใจก็คิดว่าอยากจะถามคุณด้วยตัวเอง(เมื่อผมกล้าพอ ฮ่าๆๆ) คุณเรียนคณะสถาปัตถ์ อย่างน้อยๆถ้าผมอยากจะเจอคุณผมก็จะไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนั้น หวังว่าจะได้เจอกันในไม่ช้านี้นะครับ คุณตัวเล็ก ^^

     

    จาก... ศิลปินข้างสนาม เจ้าของร่มคันสีดำ ที่นั่งเยื้องกับคุณในห้องสมุด

    ปล. ตำแหน่งผมเริ่มจะยาวขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ่ ;D

     

     

     

                “ ชานยอล มึงว่างยังไงเนี่ย” จงอินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าร่างสูงปิดกล่องที่อยู่บนโต๊ะตามเดิมหลังจากที่วางซองอะไรซักอย่างที่เขาเดาว่าเป็นจดหมายใส่ลงไป

     

                “ เออๆ ว่างแล้วทำไมวะ” ชานยอลทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพลางหันหน้ามาถามรูมเมทผิวเข้ม จงอินทำหน้าเคลิ้มเล็กน้อย ทำเอาเขาถึงกับช็อค อันนี้ช็อคจริงๆนะ ก็มันปกติซะที่ไหน อยู่ดีๆก็มาทำหน้าชวนฝันแบบนั้น เฮือก... ชานยอลอยากจะอ้วก!

     

     

                “ จะเล่าเรื่องคยองซูต่อ... คยองซูน่ะเค้าน่ารักมากๆเลยนะ วันนั้นเว้ย.....” แล้วเรื่องราวมากมายของเพื่อนคุณตัวเล็กของชานยอลนามว่าโด คยองซูก็ถูกถ่ายถอดออกมาจากปากของคิม จงอินที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพื่อนมีความสุขก็ดีนะ... แต่ช่วยดูเวลาบ้างอะไรบ้าง นี่มันก็เกือบจะตี 2 อยู่แล้ว

     

     

                แล้วคืนนี้จะได้หลับได้นอนมั๊ยเนี่ย ไอ้คุณเพื่อน!!

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณตัวเล็ก พยอน แบคฮยอน

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก พยอน แบคฮยอน ^^ ในที่สุดผมก็รู้ชื่อคุณซักที เอาจริงๆผมแปลกใจมากที่เห็นคุณที่หน้าตึกเรียนของผมในวันนี้พร้อมกับร่มสีดำคันใหญ่ในมือ คุณหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ และผมก็รู้คำตอบเมื่อเราสบตากัน คุณส่งยิ้มมาให้ผม รอยยิ้มน่ารักๆนั้นทำเอาตาของผมพร่ามัว แต่ผมจะโทษว่าแดดแรงๆของช่วงบ่ายต่างหากที่เป็นคนทำ ผมอายเกินกว่าจะยอมรับว่าเป็นเพราะคุณ(ผมแก้ตัวไม่ขึ้นแล้วใช่มั๊ยครับ ฮ่าๆๆ) คุณก้าวเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เอ่ยเสียงหวานที่ทำให้ผมเคลิ้มคล้ายต้องมนต์สะกดเหมือนวันนั้น... วันที่ฝนตก แต่แตกต่างออกไปเพราะในน้ำเสียงนั้นมีความสดใสเจืออยู่มากมาย คุณบอกว่าเอาร่มมาคืน ขอบคุณมาก แล้วยัดร่มคันนั้นใส่มือมาให้ผม ผมพยายามบอกว่าผมให้คุณแต่ก็คุณยู่หน้าและปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่ารับไว้ไม่ได้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยการเอ่ยถามชื่อผม พอผมตอบกลับไปคุณก็ยิ้มกว้างพูดชื่อผมซ้ำไปซ้ำมาเหมือนจะพยายามจำมันให้ได้แม่นๆ คุณบอกว่าไว้โอกาสหน้าจะตอบแทนผม แต่ตอนนี้คุณต้องไปแล้วเพราะเพื่อนๆรอคุณอยู่ที่คณะ อ๋า... ผมไม่อยากให้เวลาของเราจบลงเท่านี้ ผมอยากขอยืดเวลาออกไปอีกซักหน่อยจะได้มั๊ย แต่ผมรู้ว่าคำตอบก็คือไม่ได้ ผมยิ้มและพยักหน้ารับบอกกับคุณไปว่าผมจะรอ คุณให้คำสัญญาก่อนบอกลาแล้วเดินจากไป อ่อ... ผมลืมเล่าไปถึงเรื่องที่มาขอชื่อคุณใช่มั๊ย หลังจากที่คุณทวนชื่อผมจนพอใจ คุณก็พูดออกมาว่า ฉันพยอน แบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จักนะชานยอล!’ ผมผิดหวังนิดๆนะที่ไม่ได้เป็นฝ่ายถามชื่อคนก่อน แต่ใครจะสนล่ะ... แค่คุณกับผมรู้จักกันมันก็โอเคแล้ว

     

    จาก... เจ้าของร่ม ปาร์ค ชานยอล

                 

     

                “ อ้าว! ร่มมาได้ไงวะชานยอล” จงอินเอ่ยถามเมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล้วเหลือบตาไปเห็นร่มสีดำคันใหญ่ที่เป็นอาวุธประจำห้องเวลาฝนตก แต่หายไปได้เกือบจะ 2 อาทิตย์กว่าๆแล้วอย่างงงๆ ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยักไหล่แล้วหันไปสนใจกระดาษในมือต่อ จงอินก็เลยไม่ได้ใส่ใจต่อ ก็ดีเหมือนกัน... เผื่อวันไหนฝนตกเขาจะได้ไม่ต้องตากฝนกลับห้องให้หัวเปียก

     

                “ คุณมึงๆๆ...”

     

                “ หือ ?”

     

                “ เปล่า ไม่มีไรล่ะ...” ชานยอลว่าก่อนจะหันกลับไปสนใจรายการในทีวีที่ดูค้างเอาไว้ ทิ้งให้จงอินได้แต่งงกับรูมเมทตัวเอง อะไรของมันวะ! จะถามก็ไม่ถาม

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณตัวเล็กพยอน แบคฮยอน

     

              ผมไม่อยากจะทวงสัญญาระหว่างเราที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนหรอกนะครับ เพียงแต่ผมแค่คิดว่าคุณอาจจะลืมหรือเปล่า วันนี้เราเจอกันที่โรงอาหารคณะผม คุณยิ้มหวานๆให้ผมก่อนจะเร่งรีบเดินจากไปกับเพื่อนที่ชื่อคยองซู เรายังไม่ทันได้พูดอะไรกันซักคำ คุณเหมือนพยายามจะพูดกับผม แต่คุณก็พูดมันไม่ได้เพราะเพื่อนของคุณกำลังดันหลังให้คุณรีบออกเดิน อ๋า... ผมงอนคยองซู จะบอกให้รูมเมทของผมเลิกชอบด้วย! แหะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมมีข้อสงสัยล่ะคุณแบคฮยอน ทำไมเวลาที่คุณกับผมเจอกัน คุณจะต้องรีบร้อนเสียทุกครั้ง มันทำให้ผมเสียดายนะที่ผมมีเวลาเพียงน้อยนิดในการได้แอบมองคุณ แต่ก็นะ... ผมจะมาเรียกร้องอะไรแบบนั้นจากคุณได้ยังไงกัน บางทีผมอาจจะต้องเขียนจดหมายไปหาพระเจ้า ถามท่านว่าทำไมกันถึงให้เวลาผมในการพบเจอกับคุณน้อยเหลือเกิน ผมออกนอกเรื่องอีกแล้วสิ่นะ...

     

    จาก... ปาร์ค ชานยอลคนที่คุณยิ้มให้ที่โรงอาหาร

     

     

                ชานยอลได้แต่ยิ้มกับตัวเอง เขาพับกระดาษและใส่มันลงไปในซองสีขาวสะอาดที่จ่ายหน้าซองถึงคุณตัวเล็กพยอน แบคฮยอน ยิ้มน้อยๆก่อนจะวางลงบนกองซองจดหมายอื่นๆในกล่องสีน้ำตาล จริงๆเขาถ้าเขาอยากจะติดต่อกับร่างบางก็ทำได้ง่ายๆด้วยการขอเบอร์ หรือช่องทางสื่อสารด้านอื่นๆ แต่เขากลับเลือกที่จะเขียนจดหมาย ยิ่งเขียนเขาเองก็ยิ่งสนุก เขาชอบ...

     

     

                คลาสสิกออก... ส่งจดหมายหากัน ^^

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง...  คุณคนที่คงจะลืมผมไปแล้ว พยอน แบคฮยอน

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็กแบคฮยอน ผมไม่ได้จะตัดพ้อต่อว่าคุณหากว่าคุณลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมไปแล้ว ผมก็แค่น้อยใจ ครับ... ผมน้อยใจทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะน้อยใจ เราเจอกันอีกครั้งที่โรงอาหารเหมือนเมื่อ  2 วันก่อน แต่วันนี้คุณไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก คุณเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับส่งยิ้มทักทายและถามว่าผมสบายดีมั๊ย ผมเองก็ตอบกลับไปว่าสบายดี จากนั้นบทสนทนาของเราก็จบลง คุณยิ้มให้ผมก่อนจะบอกว่าต้องไปแล้ว ทานข้าวให้อร่อยนะ อ๋า... ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกแปลกๆกับคุณ ไม่ใช่แปลกเหมือนที่เคยเป็น มันเหมือนกับว่าคุณกับผมช่างห่างไกลกันเหลือเกิน ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆที่คุณคงดูไม่ออกว่ามันฝืนมากแค่ไหน คุณโบกมือลาแล้วหันหลังเดินห่างออกไปช้าๆ ผมควรจะเรียกเพื่อรั้งคุณเอาไว้มั๊ยครับ ? นั่นคือสิ่งที่ผมอยากทำล่ะถ้าคุณอยากรู้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำมัน ผมไม่แม้แต่จะถามว่าคุณทางข้าวมาหรือยังแล้วชวนคุณนั่งทานข้าวด้วยกัน นั่นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมอยากจะทำแต่ไม่ได้ทำ ผมมันงี่เง่า!! ผมได้แต่หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมได้ทักทายคุณก่อน ชวนคุณทานข้าว และทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมนะครับ

     

    จาก... ปาร์ค ชานยอลคณะดนตรี

    ปล. ผมเริ่มจะเพ้อเจ้อจนกู่ไม่กลับซะแล้วสิ่

     

     

                “ คุณมึง...”

     

                “ ว่า ?”

     

                “ เพื่อนคยองซูสุดที่รักของมึงอะ”

     

                “ คนไหนวะ คยองซูของกูมีเพื่อนเป็นร้อย”

     

                “ คนที่สนิทที่สุดสิ่ๆ”

     

                “ หือ... มินซอก?” จงอินบอกชื่อออกไป แต่ชานยอลกลับส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่ใช่ๆ ต้องมีอีกสิ่ พอเขาบอกออกไปอีกคนก็ไม่ใช่อีก เอาจริงๆนะ... คยองซูน่ะมีเพื่อนสนิทหลายคนอยู่ แล้วก็เท่าๆที่เขารู้จักก็จะเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่ชมรมเดียวกับคยองซู หรือคนที่ไอ้ชานยอลมันอยากรู้จะเป็นเพื่อนสนิทที่คณะ?

     

     

                “ อ่อๆ... คนที่สนิทสุด เพื่อนที่คณะชื่อแบคฮยอน...”

     

                “ เออๆๆ แบคฮยอนๆๆ คนนั้นแหละๆ!

     

                “ ทำไมวะ ?”

     

                “ เค้าเอ่อ... เอ่อ... แบบว่า... เค้ามี... มี...”

     

                “ ไลน์มาหากูแล้วกันนะครับคุณเพื่อน ถ้ามึงจะติดอ่างขนาดนี้!

     

                “ เค้ามีแฟนยังวะ!?

     

                “ อ่ออออออออออ....” คนถูกถามได้ทีเลยแกล้งลากเสียงซะยาวเป็นการยื้อเวลาในการตอบ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าเพื่อนตัวเอง หลิ่วตาให้นิดๆยักคิ้วให้หน่อยๆหมายจะกวนอารมณ์ของเพื่อนตัวเองและมันก็ได้ผลเมื่อชานยอลดูจะร้อนรนที่ยังไม่ได้คำตอบจากเขา

     

     

              “ ไม่รู้ว่ะ ฮ่าๆๆๆ”

     

     

              แม่ง!!! ไอ้สัดคุณเพื่อนครับ กูเกลียดมึงเบาๆ

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณตัวเล็กพยอน แบคฮยอนคนนั้น

     

              สวัสดีครับคุณตัวเล็ก วันนี้ผมเห็นคุณ... ครับ เห็นคุณแค่ฝ่ายเดียว เมื่อคืนผมถามรูมเมทของผมเรื่องคุณ และก็เอ่ยถามถึงเรื่องคนรักของคุณ เพื่อนผมบอกว่าไม่รู้ แต่คุณเองก็มีคนมาจีบอยู่หลายคน ผมชัดกลัวซะแล้วซิ่ ผมเป็นแค่คนที่แอบชอบคุณโดยไม่ได้เปิดเผยให้คุณรู้ เป็นแค่คนที่เขียนจดหมายที่คุณอาจจะคิดว่ามันบ้าๆบอๆก็ได้ แต่ผมก็ยังยืนยันแบบเดิมว่าผมชอบที่จะทำมัน ผมเห็นคุณ... ครับ กลับมาที่เรื่องเดิม ผมเห็นคุณเดินกับใครบางคนที่ผมจำได้ว่าไม่ใช่คยองซูเพื่อนสนิทของคุณหรือไม่ใช่แม้แต่เพื่อนในกลุ่มของคุณ คุณยิ้มและหัวเราะขณะที่เดินเคียงข้างเค้า มือบางๆของคุณยกขึ้นตีลงที่แขนของคนๆนั้น เค้าทำหน้าโอดครวญเจ็บปวด พอคุณเห็นคุณก็เอามือลูบตรงที่คุณเพิ่งจะตีลงไปแล้วส่งยิ้มหวานซึ่งทำให้คนๆนั้นยิ้มตามออกมาอย่างง่ายๆ อ๋า... ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่ดูเหมือนคุณกับเค้าจะสนิทกันมากเลยทีเดียว  ในตอนแรกผมคิดว่าจะลองทักคุณดู แต่พอเห็นคนที่เดินมาด้วยกับคุณ ผมว่า... อย่าจะดีกว่า

     

    จาก... คนที่มองเห็นคุณ

     

     

                “ มึงๆ...”

     

                “ ว่า ?”

     

                “ มึงจีบคุณคยองซูติดยังวะ?”

     

                “ กูเพิ่งจะไปตีเนียนอยู่ใกล้ๆเค้าเองเหอะ ยังไม่ได้ทันได้เริ่มจีบเลย”

     

                “ หรอ... เออ ดีว่ะ! น่าอิจฉา...” พูดจบแล้วก็หลับตา ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดทั้งตัว ทิ้งให้คนที่มองอยู่ได้แต่นั่งงงกับเพื่อนของตัวเอง เขาว่าคนมีความรักมักไม่มีสมาธิและสติ ท่าทางจะจริง!

               

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

               

    ถึง... คุณตัวเล็กที่เดินจับมือมากับเค้าคนนั้น

     

              ผมเจ็บนะคุณตัวเล็กแบคฮยอน!!! คุณลืมสัญญาผม ผมไม่ว่า แต่การที่คุณเดินจับมือกับเค้าคนนั้นผ่านหน้าคณะของผมมันทำผมเจ็บปวดจนแทบจะร้องไห้ คุณจับมือกัน... คุณส่งยิ้มให้กัน.. และคุณก็หัวเราะให้กัน ส่วนผมทำได้แค่มอง ผมควรจะหยุดเพ้อเจ้อเสียทีใช่มั๊ยครับ? ผมควรจะเปิดเผยตัวเองและความรู้สึกให้มากกว่านี้ ให้คุณได้รับรู้ แต่ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว... คนๆนั้นเค้าอยู่ข้างกายคุณ ส่วนผมทำได้แค่มอง ทำได้แค่มอง ทำได้แค่มอง ผมจะท่องจำมันไว้ให้ขึ้นใจ

     

    จาก... ผมคนนี้ที่ทำได้แค่มอง

     

     

    “ คุณเพื่อนมึงเป็นอะไรวะครับ ทำหน้าเหมือนท้องผูกมาหลายวัน” รูมเมทผิวเข้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าเหยเกของเพื่อนตัวสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ตั้งแต่กลับมาถึงห้องเขาก็เห็นชานยอลเป็นแบบนี้ เดี๋ยวก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วก็ถอนหายใจออกมา มันต้องเกี่ยวกับแบคฮยอนเพื่อนสนิทของคยองซูแน่ๆเลย จงอินฟันธง!

     

     

              “ กูอกหักว่ะ... อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลย แม่งเอ้ยยย... กูเศร้า ฮือออ~

     

     

              เอิ่ม... จงอินควรจะปลอบ หรือจะหัวเราะดี ก็ไอ้ท่าทางแบบนั้นของชานยอลมันโคตรจะตลกเลย!

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ผมพบในวันฝนตก(อีกครั้ง)

     

              ผมไม่รู้ว่าฝนตกได้ยังไงกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นฝนหลงฤดู ผมพาตัวเองเดินลงมาจากตึกเรียนในมือถือร่มคันใหญ่สีดำ ผมคิดว่าอย่างน้อยๆไม่มีคุณอยู่ข้างๆ มีร่มที่เป็นความทรงจำกันยังดี นึกขอบคุณที่ความคิดถึงที่มีต่อคุณทำให้วันนี้ผมไม่ต้องตากฝนกลับห้อง หลังจากที่พบคุณครั้งสุดท้ายก็เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนพร้อมกับภาพบาดตาบาดใจ ผมเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ายังอยากพบคุณอยู่อีกหรือเปล่า เพราะถ้าพบคุณก็เท่ากับผมต้องพบกับคนๆนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆคุณ มันทำให้ผมเจ็บปวด ผมตั้งใจจะกางร่มเพื่อเดินกลับหอแต่แล้วก็ต้องหยุดทุกอย่างเมื่อผมเห็นคุณยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่เดิมที่เราพบกันในวันแรก ใบหน้าของคุณดูเหนื่อยล้าและเศร้าหมองอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คุณยืนกำมือแน่นจนมือแทบจะเป็นสีขาวจัด ผมไม่ลังเลที่จะก้าวเข้าไปหาคุณ คุณเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยเสียงแผ่วเบา จ้องมองหน้าผมเมื่อผมถามออกไปว่าคุณเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้จากคุณมีเพียงแค่การส่ายหน้า ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคุณดี ผมควรรั้งคุณเข้ามากอดมั๊ย? คำตอบคือ ไม่! ผมไม่มีสิทธิ์ ชานยอล... จะกลับแล้วหรอ?คุณเอ่ยถามผมหลังจากที่เราเงียบกันอยู่นาน ผมตอบคุณว่าอืม คุณเตรียมตัวจะบอกลาผม แต่ผมกลับยื่นร่มคันนั้นให้กับคุณแทน คุณมองมันแล้วยิ้มบางๆส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆนั่นล่ะ ผมบังคับให้คุณรับมันไปและคุณก็ถือมันเอาไว้ในมือ เอ่ยคำขอบคุณ พอผมหันหลังจะเดินออกมาผมกลับได้ยินเสียงสะอื้นจากด้านหลัง นั่นเป็นเสียงของคุณ ผมทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ดีๆคุณก็ร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น ผมควรรั้งคุณเข้ามากอดมั๊ย? เป็นคำถามที่ดังขึ้นในใจผมอีกครั้ง และคำตอบก็ยังคงเป็น ไม่... ผมทำได้แค่เพียงเอื้อมมือไปวางลงบนบ่าของคุณค่อยๆลูบขึ้นลงเป็นการปลอบโยน ผมทำได้แค่นี้จริงๆ ได้แต่ปลอบคุณในใจพร้อมกับจ้องมองฝนที่ตกอยู่บนใบหน้าคุณอย่างเงียบงัน ผมไม่รู้ว่าคุณร้องไห้ทำไม แต่เมื่อคุณเศร้า... ผมก็เศร้าไปด้วยกับคุณ

     

    จาก... คนที่ยืนอยู่กับคุณที่หน้าคณะดนตรีในวันฝนตก

     

     

                “ จงอิน...”

     

                “ ว่า ?”

     

                “ ถ้าคยองซูร้องไห้ มึงจะทำยังไงวะ ?”

     

                “ อืมมม.. ก็คงจะดึงเค้าเข้ามากอดมั้ง”

     

                “ แต่มึงกับเค้ายังไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย...”

     

                “ แล้วไงวะ... กอดปลอบนะเว้ย ไม่เคยได้ยินรึไงว่าเวลาที่เศร้าใจน่ะ อ้อมกอดช่วยได้” ชานยอลพยักหน้ารับ ก่อนจะนึกถึงใบหน้าหวานของแบคฮยอนที่เปราะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ครั้งหน้าถ้าแบคฮยอนเสียใจเขาสัญญากับตัวเองว่าจะดึงแบคฮยอนเข้ามากอด

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ถึง... ผู้ยืมร่ม พยอน แบคฮยอน

     

              วันนี้คุณมาหาผมที่คณะด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่หลงเหลือความเศร้าหมองเหมือนเมื่อ 3 วันก่อน คุณยื่นร่มสีดำคันใหญ่ให้กับผม ผมยื่นมือไปรับแล้วส่งยิ้มตอบคุณกลับไป คุณขอบคุณที่ผมให้ยืมร่มและยอมอยู่เป็นเพื่อนคุณจนคุณร้องไห้จนพอใจ ผมเอ่ยถามคุณไปว่าสรุปแล้ววันนั้นคุณร้องไห้เรื่องอะไร แต่คุณก็ตอบกลับมาว่าเป็นความลับ ผมเองก็เลยเลิกที่จะเซ้าซี้ต่อ ผมกลัวว่าคุณจะรำคาญผม คุณบอกว่าอยากตอบแทนผม ผมบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ในใจของผมกำลังกลัว... กลัวว่าจะผิดหวังกับคำสัญญาของคุณอีกครั้ง ผมบอกคุณไปว่าผมเกรงใจแฟนของคุณ คุณมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกแล้วตอบรับกลับมาเพียงคำสั้นๆว่า อืม แล้วบอกลาผมในทันที ผมไม่เข้าใจท่าทางแบบนั้นของคุณ... คุณเหมือนกำลังผิดหวังที่ผมรู้ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แต่ผมคงคิดไปเอง คุณคงไม่ได้คาดหวังอะไรจากผมหรอก ผมไม่มีอะไรที่น่าคาดหวังซักนิด คุณเดินลับสายตาของผมไปแล้ว บอกตามตรงว่าวันนี้เป็นวันที่ความรู้สึกของผมแรงมากที่สุด... ความรู้สึกว่าผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแอบรักคุณ อ๋า... แย่ชะมัดเลย

     

    จาก... เจ้าของร่มคนเดิม ปาร์ค ชานยอล

     

     

                “ เออ ชานยอล ที่มึงถามกูวันนั้นอะ”

     

                “ หือ ?”

     

                “ เรื่องแฟนของแบคฮยอนเพื่อนคยองซูน่ะ...”

     

                “ อ่อ... กูรู้แล้วแหละ ขอบใจมึงมาก” พูดจบก็คลุมโปงหนีทันที กลัวว่าจะหลุดทำหน้าเหยเกออกมาให้ไอ้เพื่อนตัวดีได้หัวเราะเยาะอีก ส่วนคนที่ถูกเมินยังคงงงกับการกระทำของชานยอล ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง

     

    อะไรของมันวะ...

              ถ้ารู้ว่าแบคฮยอนยังไม่มีแฟน แล้วมันจะเศร้าทำถ้วยอะไร คนหล่องง~!

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ถึง... คุณคนนั้นที่ทำเมินใส่ผม

     

              วันนี้เราเจอกันที่หอประชุมใหญ่ของมหา’ลัย ผมเห็นคุณกับเพื่อนของคุณรวมทั้งเค้าคนนั้นของคุณด้วย ผมมั่นใจว่าคุณเองก็เห็นผม คุณมองมาแล้วเบนตาหลบทำเป็นมองอย่างอื่น คุณคงไม่อยากให้คนๆนั้นที่อยู่ข้างๆคุณเห็นว่าคุณมองผม มองผู้ชายคนอื่นนอกจากเค้า ผมเองจะทำอะไรได้นอกจากพยายามเลิกมองไปที่คุณ วันนี้คุณก็ยังคงดูสดใสร่าเริงเหมือนเดิม ผมยกกีต้าร์ขึ้นมาดีดเบาๆ รอคอยรูมเมทที่วันนี้บังคับให้ผมมาหา ผมรู้ว่ามันอยากให้ผมได้พบคุณ แต่มันก็อาจจะไม่รู้ว่าคุณไม่อยากพบผม ผมไม่มองไปที่คุณอีกเลยหลังจากนั้นเพราะพยายามเพ่งสมาธิไปที่เครื่องดนตรีในมือ รูมเมทของผมเรียกสติผมคืนมาและเมื่อผมเงยหน้าขึ้น ผมก็ต้องมองไปที่คุณเป็นอย่างแรก แต่สิ่งที่ผมเห็นมันกลับทำให้ผมแปลกใจ คนๆนั้นของคุณกำลังกอดร่างบางผิวขาวที่ไม่ใช่คุณและบรรจงจูบลงไปที่แก้มใสๆนั้น ในขณะที่คุณเองก็นั่งอยู่ข้างๆเค้าทั้งสองคน คุณยังคงยิ้มและหัวเราะพร้อมทั้งตีมือลงไปที่แขนของคนๆนั้น ยู่หน้าใส่ด้วยความหมันไส้ อ๋า... เดี๋ยวนะ! นี่ผมเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า สติผมเหมือนกำลังจะหลุดลอยและมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นคุณจ้องมองมาด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะยกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วหันหน้าหนีผมไป ผมงงไปหมดแล้วนะเนี่ย!

     

    จาก... ปาร์ค ชอนยอลที่กำลังงงมากๆและถูกคุณเมิน

     

     

                “ จงอิน... คนตัวสูงๆที่กอดกับอีกคนที่อยู่ข้างๆแบคฮยอนวันนี้น่ะใครวะ” จงอินทำหน้านึกอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบออกมา

     

                “ อ่อ... เพื่อนแบคฮยอนชื่ออี้ชิงกับแฟนเค้าน่ะ รู้สึกจะชื่ออู๋ฟาน เห็นคยองซูบอกว่าเป็นรุ่นพี่ชมรมเดียวกับแบคฮยอน”

     

     

              นั่นไง! คิดเอง เออเอง เจ็บเอง เข้าใจผิดเอง ฮึยยยย!!

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

                ชานยอลจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินมาถึงคณะสถาปัตถ์ได้ยังไง เขามาตั้งแต่เช้าก่อนที่เขาจะไปเข้าเรียนซะอีก หลังจากทบทวนกับตัวเองมาทั้งคืน ก็ได้คำตอบอะไรหลายๆอย่างรวมถึงความกล้าด้วย ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความรู้สึกของตัวเองเพราะคิดว่าแบคฮยอนมีคนรักแล้ว แต่เมื่อเกมส์พลิกคนๆนั้นเป็นแฟนของเพื่อนแบคฮยอน เขาก็ไม่ลังเลที่จะบอกแบคฮยอนออกไป

     

     

                กลัว... เพราะต่อจากนี้เขากลัวว่าจะมีใครตัดหน้าอีก และครั้งนี้ถ้าเป็นแบบนั้นชานยอลก็คงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ เขารักแบคฮยอนไปแล้ว... แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก แต่มันก็เป็นไปแล้ว ความรักมันก็เป็นแบบนี้... ไม่ต้องมองหาเหตุผมมากมายจากมันนักหรอก แค่รู้สึกว่ารัก แค่นั้นก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว

     

     

                ชานยอลก้มมองซองจดหมายในมือด้วยใจที่เต้นรัว ในตอนแรกคิดว่าจะเอาฉบับเดียวที่เขาเขียนมาให้ แต่สุดท้ายเขาก็ดันคว้าเอามันมาทั้งหมดที่อยู่ในกล่อง เขาสอดส่องสายตาเพื่อมองหาแบคฮยอน จงอินบอกว่าวันนี้คยองซูมีเรียนเช้าที่คณะ และแน่นอนว่าแบคฮยอนก็จะต้องมาเรียนด้วยเหมือนกัน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อชานยอลเหลือบไปเห็นคนที่เขาต้องการพบกำลังเดินใกล้เข้ามา

     

               

                “..............” แบคฮยอนดูจะตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้ทักทายออกไป ดวงตากลมจ้องมองไปยังชานยอลหมายจะถามว่าต้องการอะไร

     

                “ เอ่อ... ขอคุยด้วยหน่อยได้มั๊ย?”

     

                “ ได้สิ่...” แบคฮยอนรับปากก่อนจะหันไปบอกให้เพื่อนๆขึ้นห้องเรียนไปก่อน คยองซูเหลือบมองคนตัวสูงก่อนจะส่งยิ้มล้อๆมายังแบคฮยอนที่ได้แต่จ้องกลับด้วยสายตาที่บอกว่าเจอกันแล้วโดนดีแน่

     

     

     

                “ มีอะไรรึป่าว?”

     

                “......................”

     

                “ ชานยอล...”

     

               

                ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่ยื่นซองจดหมายที่อยู่ในมือมาให้แบคฮยอน มือบางเอื้อมไปหยิบเอาไว้ จ้องมองหน้าซองด้านบนสุดที่จ่าหน้าถึงคนที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาเขางงไปหมด ชานยอลค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากพื้น ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆแล้วจ้องมองมายังแบคฮยอนอีกครั้ง

     

     

                “ อ่านสิ่ครับ...”

     

                “ แต่หน้าซองมันจ่าถึง...”

     

     

     

              “ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้... และตอนนี้ก็มีแค่คุณ”

     

     

     

                แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆแกะซองนั้นอย่างเบามือ หยิบเอาแผ่นกระดาษที่พับเป็นสี่ส่วนในซองออกมากางออก ใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการอ่านตัวอักษรที่เรียงกันเป็นระเบียบอยู่ในนั้น รอยยิ้มหวานค่อยๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง ก่อนจะกว้างขึ้นเรื่อยๆจนเห็นฟันสวยๆเกือบครบทุกซี่ ชานยอลยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหวานขยับขึ้นลงพร้อมกับรอยยิ้ม

     

     

     

    ถึง... คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้

     

              พยอน แบคฮยอนครับ... ผมมีอะไรจะบอก “ผมรักคุณ”

              ปาร์ค ชานยอลตกหลุมรักคุณตั้งแต่วันนั้น

              วันที่เราเจอกันในวันฝนตกที่หน้าคณะของผม

              ผมไม่กล้าที่จะบอกออกไปตรงๆกับคุณ แต่ผมกล้าที่จะเขียนบอกคุณ หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะตอบอย่างไรเมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แต่ผมก็คิดว่าผมจะไม่ผิดหวังใช่มั๊ย ?

             

              แบคฮยอนครับ... คุณรู้สึกกับผม เหมือนที่ผมรู้สึกกับคุณหรือเปล่า ^^?

     

     

    จาก... คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณตอนนี้

     

     

     

                แบคฮยอนอ่านทบทวนจดหมายนั้นอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อสะกั้นเสียงสะอื้น หยดน้ำตาใสๆไหลผ่านแก้มเนียน หากแต่ไม่เหมือนกับน้ำตาในวันนั้น น้ำตาแห่งความสุขที่ชานยอลเองก็รับรู้ได้จากแววตาของแบคฮยอน แม้จะเบลอไปนิดเพราะน้ำตาที่คลออยู่ ร่างสูงยิ้มให้คนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้อีกนิด

     

     

                ใกล้อีกนิด...

     

     

     

                ใกล้อีกนิด...

     

     

     

                ใกล้อีกนิด...

     

     

     

     

     

     

     

              สุดท้าย... พยอน แบคฮยอนก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของปาร์ค ชานยอล

     

     

     

     

     

    Did you get my card ? 
    Did you read my love letter? 
    Did it touch your heart, When you read my love letter 

    คุณได้รับจดหมายของผมรึยังครับ ?
    คุณได้อ่านจดหมายรักของผมหรือยังครับ ?
    คุณรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจบ้างไหม... ตอนที่คุณอ่านจดหมายรักของผม

     

     

     

     

    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
    ถามว่าชานยอลเพ้อไหม ฉันตอบเลยว่ามากกกกกกก~ 555
    แลดูมุ้งมิ้งอย่างบอกไม่ถูก ><





    © Tenpoints!

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×