คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไม่ได้บังคับ 100 %
แสงแดดจางๆที่ลอดผ่านม่านกั้นสีขาวทางหน้าต่าง ทำให้จีมินต้องหันหน้าหนีและเบี่ยงตัวให้พ้นทิศทางของแสง
แม้ว่าเจ้าตัวจะหลับเป็นตายมาทั้งคืนแล้ว แต่ก็ยังชดเชยความเหนื่อยล้าของเมื่อวานไม่พออยู่ดี ตัวบางที่ขยับเข้าใกล้อีกคนในตอนนี้ เริ่มรับรู้ถึงความนุ่มลื่นของผ้าปูนอนที่แปลกไป
จีมินจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองใช้แค่ผ้าห่มบางๆมาปูนอน ตาเรียวจึงค่อยๆปรือตาขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตา และรับรู้ถึงการขยับตัวของสิ่งมีชีวิตที่นอนอยู่ข้างๆ
“เฮ้ยยยย”
เผลอปากร้องเพราะความตกใจแล้วก็ใช้มือปิดปากตัวเองทันทีที่รู้ตัวว่าไม่ควรเสียงดัง รีบหันมองซ้ายขวาแล้วหาทางออกจากพื้นที่เสี่ยงนี้ให้เร็วที่สุด
“เอะอะโวยวายไรแต่เช้าวะ”
คนที่เหมือนจะหลับต่อเมื่อครู่ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสียแล้วทำหน้าตาไม่พอใจใส่ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าผมที่ไม่ได้ถูกเซ็ตเป็นทรงของจองกุก ในตอนที่ตื่นนอนใหม่ๆแบบนี้ทำให้ดูดีไปอีกแบบเหมือนกัน
ลุคเหมือนเด็กหนุ่มมอปลายยังไงยังงั้น แต่ว่า..ช่างมันเถอะ
ในเมื่อเขาเป็นคนที่จีมินเกลียดแล้วต่อให้หล่อแค่ไหนก็ไม่ใจสั่นหรอก.....ก็แค่จอนจองกุก
"บ้าไปละ"
จีมินตั้งสติได้ก่อนก็รีบกุลีกุจอลงจากเตียง ขณะที่อีกคนสะบัดศีรษะไล่ความง่วงสองสามทีแล้วหันมาจ้องคนตัวเล็กราวกับจะกัดกินให้ตายไป จีมินจึงทรงตัวขึ้นยืนเต็มความสูงอันน้อยนิดของตัวเอง แล้วเท้าสะเอวปั้นหน้าโกรธใส่จองกุกบ้าง
“กูมานอนอยู่บนเตียงได้ไง”
ปากถามออกไปพร้อมชี้นิ้วไปที่เตียง ส่วนอีกคนที่คล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ก็ตอบกลับมารวดเร็วเช่นกัน
“มึงขึ้นมาปล้ำกู”
คำตอบของจองกุกทำให้จีมินตาโตและหน้าชาไปแวปนึง
“กูเนี่ยนะ อย่ามาตลก”
มือเล็กหันมาชี้เข้าหาตัวเองเพื่อย้ำถามอีกครั้ง
“เออ......อยากได้กูเป็นผัวจนตัวสั่นสิ”
ปากร้ายใส่แม้กระทั่งตอนตื่นแบบนี้ ทำให้จีมินรู้ว่าตัวเองพลาดมากที่ยอมตกลงรับข้อเสนอแล้วแต่งงานกับจองกุกก็นาทีแหละ
“นี่.......อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ สรุปง่ายๆคือ........นอกจากกูจะไม่ได้อยากมีผัวเป็นมึงแล้ว แค่หน้ามึงกูก็ไม่อยากมองด้วยซ้ำ โอเคป่ะ”
“ปากดี”
จองกุกค่อยๆลุกยืนอีกฝั่งของเตียง
แล้วสาวเท้าหนีเข้าห้องน้ำอย่างไม่ใยดีกับคำที่จีมินพูดไปซักนิด
"โหยย ฮือ...กูอยากกลับบ้าน"
จีมินงอแงและถอนหายใจเมื่อเขาเดินลับสายตาไปแล้ว
แค่แต่งงานกันได้แค่วันเดียวเอง ทำไมเหมือนมันยาวนานเป็นชาติก็ไม่รู้ แล้วที่แน่ๆคือต้องเล่นสงครามประสาทกับจองกุกอีกตั้ง สองเดือนยี่สิบเก้าวัน
ระหว่างที่รอเขาออกมาจากห้องน้ำคนตัวเล็กก็จัดเตียงนอนให้เข้าที่ พอจัดเสร็จแล้วก็นั่งหลับรออาบน้ำที่ปลายเตียงไปพลางๆ
นานเกือบยี่สิบนาทีถึงพบว่าคนตัวสูงออกจากห้องน้ำมา และเขาก็ปล่อยให้หยดน้ำเกาะตามตัวอย่างกับพระเอกในซีรีย์ ไหนจะผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบเอวสอบๆนั่นอีก
พอเดินเสยผมหล่อๆเดินมาถึงปลายเตียง เขาก็เรียกคนที่เบือนหน้าหนีไปอีกทางให้หันกลับมาสนใจตนเอง
“ไปเก็บกวาดรอบห้องให้สะอาด อย่าให้บอกอีก”
คนฟังได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็เดินไปหยิบไม้กวาดมาถือไว้ในมือ ก้มเก็บข้าวของและผ้าห่มที่กระจัดกระจายอยู่ข้างเตียง จากนั้นก็จัดการพับมันอย่างดีก่อนจะเดินเอาไปเก็บในตู้เหมือนเดิม
มือเล็กๆแกว่งไม้กวาดไปมาจนพื้นสะอาดเรียบร้อย ในขณะที่จีมินเองก็ลืมไปเลยว่าจองกุกอยู่ในห้องนี้ด้วยกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั้นดังขึ้นมา
“ทีหลังให้กูออกไปก่อนค่อยทำความสะอาด”
เขาเอ่ยขึ้นขณะที่มือกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวไปด้วย
“อืม”
ร่างบางแค่ตอบปัดๆไปเพราะไม่อยากเถียงกับจองกุก
“ให้เวลาห้านาที รีบอาบน้ำแล้วไปเจอกูข้างล่าง”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อได้ยินระยะเวลาที่จองกุกกำหนดมา
“ให้ตายเถอะ ห้านาทีกูยังถอดเสื้อผ้าไม่เสร็จเลยนะ” ปากเล็กๆบ่นออกมาให้เขาได้ยิน
“งั้นก็..”
เขาพูดค้างไว้แค่นั้นทำให้จีมินนึกดีใจว่าเขาน่าจะเพิ่มเวลาให้รึเปล่า
“ถอดให้หมดตรงนี้ แล้วกูจะเริ่มนับตอนมึงอาบน้ำ”
“… ”
ร่างบางที่ออกแรงวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เขามองแล้วก็แอบขำออกมาเหมือนกัน
สิบสองนาทีผ่านไป
แฮ่กๆ
เสียงหอบหายใจหนักๆของคนที่วิ่งลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านจนเกือบจะตกบันไดหัวทิ่มลงมา ได้มาหยุดยืนที่โต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อย ทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของจองกุก
แต่มันกินเวลาไปเพียงแค่ชั่ววินาทีเท่านั้น เพราะเขาจะไม่ยิ้มให้คนๆนี้มากกว่านั้นเด็ดขาด
“ช้าไปเจ็ดนาที กูหักเจ็ดเปอร์เซ็นต์”
"ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเนี่ยนะ"
จองกุกจ้องอีกคนไม่วางตาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเคยแล้วใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะให้เกิดเสียง เพื่อบอกให้ตนตัวเล็กมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ แต่ร่างเล็กทำทีไม่สนใจและเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาแทน
“มีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า”
จีมินที่ไม่อยากมองหน้าจองกุกนานๆ จึงถามถึงสิ่งที่อยากรู้
"หน้าที่ของเมียมีอะไรบ้าง หวังว่ามึงคงรู้ดี"
เขายื่นกระดาษขนาดเอสี่มาให้โดยเนื้อหาในนั้นมีประมาณหกเจ็ดบรรทัดได้ จีมินจึงไล่อ่านแต่ละข้ออย่างรอบคอบแล้วไปสะดุดที่บรรทัดล่างสุด ก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นมองจองกุกช้าๆ
“สงสัยก็ถามมา กูมีธุระอย่างอื่นต้องไปทำ”
“ไปเพิ่มมาทำไมอีกตั้งสี่ข้อวะ ทำแบบนี้กูก็เสียเปรียบดิ.........ข้ออื่นๆพอรับได้นะ แต่ข้อสุดท้ายกูไม่โอเค"
"อย่าลิมสิว่าทำห้องกูเละเทะเสียหาย กูปรับเพิ่ม"
จองกุกดึงกระดาษกลับมาแล้วจรดปากกาลงไปเซ็นต์ชื่อกำกับไว้ข้างล่าง แล้วยื่นมันกลับไปให้จีมินอีกครั้ง ร่างเล็กก็ตวัดสายตาไปมองบริเวณที่มีลายเซ็นต์ของจองกุกกำกับอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนน่าอึดอัด
“กูไม่ได้บังคับ.......เรื่องมากนักก็เอาไปแค่นั้น ส่วนที่เหลือกูจะหักลบกลบหนี้ให้หมด”
“มึงแม่ง”
จีมินกำลังอารมณ์เสียที่ถูกเขากดดันทางอ้อมจึงได้สบถคำหยาบออกไปกับลมกับฟ้า รวมถึงกระดาษเจ้าปัญหาในมือนี้ด้วย
.”ตกลงจะไม่เซ็นต์?”
เขาเคาะนิ้วลงไปบนโต๊ะเพื่อเร่งจีมิน แต่ด้วยท่าทีสบายเกินไปของเขาที่แสดงออกมายิ่งทำให้จีมินอารมณ์เสียมากขึ้น
"มึงเป็นคนเฮงซวยที่สุด เท่าที่กูเคยเจอมาเลย"
คนตัวเล็กยู่หน้าไม่พอใจและแล้วก็จรดปลายปากกาลงไปเร็วๆ
"ดีมาก ปาร์คจีมิน"
เขาเอื้อมมือไปดึงกระดาษแผนนั้นกลับมา แล้วตั้งใจยิ้มมุมปากในแบบที่จีมินเกลียดให้ทีนึง ก่อนลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาอย่างคนอารมณ์ดีนักหนา
“ห้ามเบี้ยวนะจองกุก”
ร่างเล็กที่ลุกยืนตามเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จนจองกุกต้องหันไปฟังชัดๆ
“ได้ยินมั้ยว่าห้ามเบี้ยว ลูกผู้ชายต้องรักษาสัญญานะ” ร่างเล็กพูดย้ำอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเขากำลังตั้งใจฟังอยู่ มือเล็กๆก็ส่งนิ้วก้อยมาให้จองกุกเหมือนเด็กๆ เขามองมันสลับกับใบหน้าของร่างบางอยู่ครู่หนึ่ง
“ปัญญาอ่อน”
ร่างสูงเอ่ยว่าตนตัวเล็กที่ยังไม่ยอมลดมือลง จนมือหนาของเขาต้องส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วเล็กของจีมินแล้วออกแรงเขย่าไปมาซะเอง
.
.
.
13.00 น.
ขายาวก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย เหมือนเขาเพิ่งจะนึกเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างออก ไม่นานร่างสูงที่เพิ่งเดินลับตาขึ้นไปชั้นสองก็เดินลนลานออกมายืนส่งเสียงเรียกจีมินให้ตามไป
"ขึ้นมาข้างบนเดี๋ยวนี้"
ขาเล็กๆรีบวิ่งขึ้นไปอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมก่นด่าเขาในใจไม่หยุด
พอเท้าเล็กไปหยุดยืนที่ขอบเตียงข้างๆบริเวณที่จองกุกนั่งอยู่ เขาก็ชี้นิ้วไปที่กระเป๋าลากที่วางอยู่ใกล้โซฟา สั่งให้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าให้ พร้อมกำชับให้เอาเสื้อเชิ้ตตัวโปรดของเขาใส่เข้าไปด้วย
“เสร็จแล้ว”
ร่างเล็กปิดกระเป๋าเสื้อผ้าลงและเอ่ยบอกคนข้างๆ แต่อีกคนกลับนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะพยักหน้าให้ด้วยซ้ำ
ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“โทรศัพท์”
เสียงหวานบอกอีกคนเมื่อเห็นว่ามีสายเรียกเข้ามาซักพักแล้ว จีมินมั่นใจว่าจองกุกได้ยินแต่เขาทำเป็นไม่สนใจ มือเล็กจึงยันค้ำตัวเองขึ้นจากพื้นและแอบมองคนตัวสูงอยู่เงียบๆ
เห็นจองกุกหยิบกระเป๋าหนังสีดำขนาดพกพาออกมาหนึ่งใบ ตามด้วยกระเป๋าสีขาวในตู้นิรภัยข้างหัวเตียงอีกหนึ่งที่ขนาดไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ เขาก้มๆเงยๆอยู่ตรงนั้นสักพักแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เก็บวัตถุสีดำเงาลงในกระเป๋าทั้งสองใบ รูดซิปปิดอย่างดีแล้วกดรหัสล็อคตู้นิรภัยอย่างรอบคอบ และจีมินเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร
“กูจะไปกับพี่นัมจุน”
ร่างบางได้ยินคำที่เขาพูดชัดเจนดี แต่ฟังดูคล้ายคลึงประโยคบอกเล่าตัวเองซะมากกว่าก็เลยไม่ได้ขานรับอะไรออกไป
“มึงฟังอยู่มั้ยเนี่ย” เขาส่งสายตามาดุใส่จีมิน
“อือ จะไปไหนก็ไปสิ”
จีมินพูดไปแค่นั้นแม้ในใจจะอยากรู้ว่าเขาไปไหน แต่ก็ไม่ควรถามออกไปเพราะมันเป็นธุระส่วนตัวของจองกุก เพราะฉะนั้นจีมินจะไม่ไปก้าวก่ายจนกว่าเขาจะอยากบอกเอง
“กูไปอยู่แล้ว ส่วนมึงห้ามออกจากบ้านเข้าใจมั้ย”
จีมินได้ยินแบบนั้นจึงตอบโต้ไปบ้าง
“เอ้า กูออกไปดูตู้ปลาหน้าบ้านก็ไม่ได้หรอ .......โอ๊ยยยยย”
“อย่ากวนตีนกู”
เขาเหวี่ยงกระเป๋าสีดำใบนั้นใส่จีมิน
จนเจ้าตัวเอามือลูบศรีษะป้อยๆ
"หัวกูแตกป่ะวะ"
จองกุกมองดุใส่อีกทีจีมินก็เลยหลบตาเขา
“แล้วถ้าเกิด....อยู่หอไม่ครบสามวัน คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ”
พูจบจีมินก็อยากเอามือตบปากตัวเอง ที่เผลอหลุดปากถามคำถามที่ไม่ควรถามไปแล้วจึงทำได้แค่เพียงรอฟังเสียงสะท้อนกลับมา ส่วนจองกุกได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“แต่รอยที่คอมึง น่าจะชัดเจนครบสามวันอยู่นะ”
ขายาวก้าวเข้าหาเหมือนจะแกล้ง ทำให้ร่างบางค่อยๆถอยหลัง
“อ้อ....เมื่อคืนกอดกูแน่นมาก คงอ่อยกูสินะ”
รอยยิ้มดูเย้ยหยันในทีของเขา
ทำให้จีมินพาลนึกเกลียดในความรู้สึกมากขึ้น
“ต่อให้โลกนี้เหลือมึงเป็นผู้ชายคนเดียว กูก็ไม่คิดจะอ่อยมึงหรอกนะ.....บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสำคัญตัวผิด”
“ปากเก่งเข้าไป เดี๋ยวมึงโดนซักทีสองทีดีมั้ย”
เขาเข้าใกล้จนร่างบางต้องยกมือขึ้น ยันไหล่กว้างของเขาออกห่างด้วยท่าทีขยะแขยงบ้าง
"จะได้เรียกกูว่าผัวได้คล่องปาก"
Talk
ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้หน่อยน๊าาาาาาาา
และก็ขอให้ทุกคน
จงมีความสุขกับการอ่านจ้า
ความคิดเห็น