คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แต่งงานกันนะคนเลว 100 %
"ถ้ามึงยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็แต่งงานกับกูซะ"
ประโยคคำสั่งนี้หลุดออกมาจากปากจอนจองกุกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แล้วเขาก็ค่อยๆยกแก้วแอลกอฮอล์จรดริมฝีปากบางช้าๆด้วยความใจเย็น
ซึ่งต่างจากคนฟังที่เผลอกำมือแน่นด้วยความโกรธเคือง แววตาที่แสดงความรู้สึกผิดหวังในโชคชะตาก็กำลังจ้องมองเขาด้วยท่าทีรังเกียจ
"กูมีสิทธิ์เลือกอะไรได้บ้างล่ะ"
ร่างเล็กแสดงท่าทีไม่พอใจใส่เขาแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป โดยไม่ปริปากต่อล้อต่อเถียงให้มากความไปกว่านี้
ปึ่ก !
เพล้งงง
"ตกลงตามนั้นครับ เอ่อ..ตอนนี้ผมไม่ค่อยสะดวกคุย เอาไว้เดี๋ยวผมโทรกลับไปนะครับ"
จองกุกได้ยินเสียงเหมือนของแข็งถูกปาลงไปที่พื้น เขาจึงรีบกดวางสายก่อนจะก้าวไวๆขึ้นไปดูคนข้างบนชั้นสอง
"ให้ตายสิวะ!!"
เขากัดฟันกรอดทันทีที่สายตาไปตกกระทบเข้าที่แจกันราคาแพงที่เขาเพิ่งจะนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้มันได้แตกละเอียดแทบจะเป็นผุยผงซะแล้ว
สายตาคู่คมกวาดไปรอบห้องก็พบว่าผ้าปูที่นอนบนเตียงของเขายับยู่ยี่ไปหมด ส่วนข้าวของต่างๆก็กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณห้อง และมันไม่ใช่ฝีมือของใครหน้าไหนทั้งนั้น
"มึงกล้าหรอจีมิน!"
จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ พร้อมส่งสายตานิ่งๆไปจ้องมองร่างเล็กโดยไม่ละสายตา และเขาก็พยายามอย่างหนักในการสงบสติอารมณ์ เพราะอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงวาระของงานสำคัญ เขาไม่อยากให้เสียแผนเพราะคนๆเดียว
แต่จะให้เขาปล่อยไอ้ตัวแสบรอดตัวไปเฉยๆก็คงจะไม่ได้หรอก
"กูกล้า! แล้วมึงจะทำไม"
จองกุกกัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้นชัด เมื่อได้ฟังจีมินตะโกนใส่อย่างสุดเสียงแล้วก็ต้องบังคับมือให้อยู่นิ่ง ทั้งที่ใจเขาอยากจะฟาดมันลงไปบนปากอิ่มนั่นมากๆ
"อึ่ก"
จองกุกใจร้อนจนต้องบีบคางจีมินอย่างแรง จนกระทั่งร่างบางทำสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด หากแต่เวลานี้จีมินยังกล้าเชิดหน้าขึ้นจ้องเขากลับอย่างอวดเก่งไม่ถอย
แววตาคมดุจพญาเหยี่ยวนั้นจดจ้องใบหน้าหวานที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ทำให้เขาได้มองจีมินในระยะที่ใกล้มากๆ จนสามารถสังเกตเห็นหางตาเรียวที่มีน้ำซึมออกมาน้อยๆ กับจมูกเล็กที่แดงเปล่ง
"คงร้องไห้หนักน่าดู"
จองกุกยิ้มเยาะเพราะเขารู้สึกดีมากที่ทำให้อีกคนร้องไห้ และด้วยความพอใจจนรอยยิ้มผุดออกมาที่มุมปาก ทำให้มือหยาบผ่อนแรงลงและผละออกไปเอง
คืนนี้เขาจะลงโทษปาร์คจีมินด้วยการขังไว้ในห้องเก็บของ
"โอ๊ยยย"
ร่างกายบางๆของจีมินถูกลากลงมาจากชั้นสองด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากเจ้าตัวไม่ยอมเดินตามจนเขาต้องกระชากตัวปลิว จากนั้นก็ถูกผลักร่างให้พ้นบานประตูสีดำเข้าไปในห้องมืด
ปัง!
กริ๊ก
บานประตูถูกปิดลงและมันถูกล็อคอย่างแน่นหนาโดยคนข้างนอก ร่างน้อยของจีมินจึงได้แต่ขดตัวนั่งอยู่บนผ้ากำมะหยี่ที่ดูคล้ายว่ามันน่าจะเป็นพรมเช็ดเท้า
ตาเล็กหลับลงไปทันทีหลังจากที่พบว่าสภาพในห้องมันแย่มาก และจีมินสามารถพูดได้เต็มปากว่ามันแย่พอๆกับเจ้าของบ้านนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าเขาจะให้คนๆหนึ่งทนนอนหลับไปได้ยังไงกัน ทั้งเครื่องดูดฝุ่น ไม้กวาด ไม้ถูพื้น โต๊ะ เก้าอี้ทำงาน กองหนังสือที่ฝุ่นเกาะ และอีกมากมายสารพัดสิ่งวางเกะกะแทบจะเต็มไปทั่วทุกพื้นที่
ยิ่งเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานยิ่งเห็นมีใยแมงมุมเกรอะเต็มไปหมด
"ฮัดเช่ย!"
จมูกเล็กฟุดฟิดและจามติดต่อกันอยู่หลายครั้ง เพราะไรฝุ่นมันหนาเตอะเกินไป
"ฮึกๆ"
ไหล่เล็กสั่นไหวและกอดเข่าตัวเองร้องไห้อยู่ลำพัง และจีมินได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆอย่างนึกไม่ตกว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมหนักอะไรไว้ ชาตินี้ทำไมถึงต้องมาชดใช้ให้กับคนอย่างจอน จองกุก
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
จีมินทำใจยอมรับสภาพตัวเองและคิดได้ว่าร้องไห้ไปก็คงไร้ประโยชน์ จึงคิดหาวิธีต่อรองกับจองกุกเพื่อให้ตัวเองไม่สูญเสียอะไรไปมากกว่านี้ แต่ไม่นานนักเปลือกตาหนักๆก็เผลอหลับลงไปด้วยความเหนื่อยล้า
23.00 น.
ร่างสูงของใครคนนึงหยุดยืนที่หน้าประตูห้องเก็บของนั้นอีกครั้ง
ครั้นจะปล่อยให้จีมินนอนในห้องนี้ถึงเช้า เขาก็กลัวว่าเพื่อนตัวดีของเขาจะมาเห็นเข้า เพราะห้านาทีที่แล้ว เจโฮป กับ พี่ซอกจิน ได้โทรมาบอกว่าใกล้มาถึงกันแล้ว
ที่จริงแล้วจองกุกก็ลืมสนิทไปเลยว่านัดสองคนนี้ไว้ เพราะจะให้พวกเขามาช่วยดูแลเรื่องสถานที่ต่างๆให้ เนื่องจากเขาไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานสำคัญนี้ ก็เลยมีแค่คนสนิทของเขามาร่วมงานเท่านั้น
ถ้าหากคนพวกนั้นรู้ว่าเขาพา 'ว่าที่เจ้าสาว' มาขังในห้องเก็บของ มีหวังว่าแผนเขาคงแตกหมดพอดี จองกุกเลยต้องกัดฟันเดินลงมาเรียกจีมินด้วยอารมณ์ขุ่นๆ
แกร๊กก
มือแกร่งดันประตูเข้าไปช้าๆ และเขาทำเพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความสมเพช เพราะภาพแรกที่เขาเห็นคือจีมินนอนหลับอยู่บนพื้นกับกองฝุ่นคลุ้ง
"อือ"
เท้าจองกุกเขี่ยไปที่ขาของจีมินเพื่อปลุกเจ้าตัวสองสามครั้ง จีมินเลยส่งเสียงพึมพำออกมาในลำคอ
พอไม่เห็นอีกคนลุกขึ้นมา เขาก็ยืนพิจารณาคนๆนี้อย่างสมเหตุสมผล ก็ไม่เห็นว่าจะมีคำตอบดีๆมาสนับสนุนความคิดของจีมินเลยสักข้อ
ทั้งที่เป็นแค่คนอาศัย ไม่รู้กล้าดียังไงมาทำลายข้าวของในบ้านเขา
นิสัยแบบนี้เขาเรียกรนหาที่ตายชัดๆ
"ลุกขึ้นมา!!"
ครั้งนี้จองกุกไม่ทำแค่ยืนมองแล้วปลุกเฉยๆ แต่เขายื่นเท้าไปเขี่ยที่ข้อมือจีมิน จนตาเล็กๆนั่นค่อยๆเปิดขึ้นมามองอย่างฉุนๆ
"กูต้องทำตามที่มึงบอกด้วยหรอ"
เสียงเล็กเอ่ยเบาๆ อย่างหมดแรงเพราะร่างกายขาดน้ำและเสียพลังงานไปมาก
"ไม่ไปก็ได้ แต่กูจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ"
เขายืนเอาไหล่พิงขอบประตู แล้วเหยียดยิ้มให้ด้วยความเย้ยหยันจีมินในสภาพนี้สุดๆ ตัวที่อ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้อย่างมั่นคง ก็ทำให้เจ้าตัวแทบจะล้มกลับลงไป
พรึ่บ
มือหนาเอื้อมไปบีบไหล่บางจนจีมินตกใจอยากเบี่ยงร่างออก แต่ยังไม่วายโดนเขาจับยึดไว้แล้วกระชากออกมาข้างนอก
"กูเจ็บนะ โอ๊ยยยย"
ปากอิ่มเผยอขึ้นร้องโอดโอยด้วยเสียงที่ขาดห้วงไปเพราะเริ่มคอแห้งและหิวน้ำอย่างมาก
"อย่ามาแกล้งทำตัวอ่อนแอ"
ปึงๆๆๆๆ
ตลอดทางที่เดินกลับไปนอนที่ชั้นสอง เท้าเล็กก็กระแทกหนักๆลงบนพื้นในทุกจังหวะของการก้าวขา เพื่อไม่ให้ถูกเขามองว่าทำตัวอ่อนแอใส่
แอ๊ด
จองกุกเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปก่อน จากนั้นเขาก็ผลักร่างจีมินแรงๆจนตัวบางเซถลาแทบล้มหัวขมำ
ตาคมได้ไล่มองไปรอบๆบริเวณห้องนอนที่สภาพมันเละตุ้มเป๊ะมาก เหตุผลก็เพราะจีมินทำมันพังเกือบทั้งหมด
เขายืนเท้าสะเอวและถอนหายใจออกมาครั้งนึง ก่อนจะหันหน้ามาหาจีมินที่ยืนเอามือลูบแขนตัวเองเหมือนคนกำลังหนาว
"เก็บของเข้าที่ให้หมด ก่อนที่กูจะบีบคอมึง"
พอออกคำสั่งจบแล้วเขาก็เดินหนีออกไปหยุดยืนที่หน้าประตู และหันเสี้ยวมาหาเพื่อบอกย้ำอีกเรื่อง
"มึงควรอยู่ในห้องนี้ ห้ามเสนอหน้าออกไปข้างนอกเด็ดขาด"
จีมินไม่ได้ตอบอะไรและยืนนิ่งเงียบใส่ตามเดิม เขาก็ไม่รอฟังให้เสียเวลาจึงปิดประตูดังปังใส่จีมินที่มองอยู่
"เฮ้อ นี่มันวันอะไรวะเนี่ย"
ถึงจะทิ้งตัวทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสิ้นหวัง ร่างเล็กก็ยังนึกขอบคุณสวรรค์ที่ยังมอบเรื่องดีๆมาให้เห็นอยู่บ้าง อย่างน้อยๆในคืนนี้จีมินก็มีโอกาสนอนแยกตัวออกจากจองกุก เพราะเขายอมลงไปนอนกับเพื่อนๆตรงห้องโถงข้างล่าง
มันก็ยังมากพอให้จีมินได้หายใจหายคออยู่บ้างซักเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นคงต้องทนฝืนกับความอึดอัดใจทุกนาทีแน่ๆ
แค่หายใจร่วมโลกเดียวกันกับเขาจีมินยังไม่นึกชอบมัน ต่อไปอาจจะต้องมาหายใจร่วมห้องเดียวกันนั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยล่ะ
>รุ่งเช้า วันแต่งงาน<
"สวยมาก เริศมากค่า"
เมื่อลิปสติกสีเข้มจรดลงริมฝีปากอิ่มเรียบร้อย สาวประเภทสองที่มาในนามคนสนิทของซอกจินเพื่อมารับหน้าที่แต่งหน้าเจ้าสาว ถึงกับต้องออกปากชมจีมินไม่หยุด
"พี่ละอิจฉาจริงๆ หนูทำบุญด้วยอะไรเนี่ย"
จีมินได้แต่ยิ้มแห้งๆให้อย่างเหนื่อยใจเท่านั้น ถ้าหากรู้ล่วงหน้าว่าทำบุญแล้วต้องมาเจอกับจองกุก จีมินคงจะทำบาปหนักซักแปดพันอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงคนๆนี้
มันแน่นอนอยู่แล้วว่าคนอื่นต้องมองเห็น 'ความเพอร์เฟค' ของจองกุกในทุกๆด้าน แต่ดันไม่มีใครสามารถเข้าถึงจนรู้นิสัยเสียๆอันน่ารังเกียจนั่นต่างหาก
แค่นึกถึงหน้าจองกุก ร่างเล็กก็อยากจะเอาเล็บข่วนหน้าเขาให้หมดหล่อไปเลย
ในความเป็นจริงแล้วการแต่งงานในครั้งนี้ ควรจะจัดใหญ่โตให้สมเกียรติของตระกูลสำหรับคนมีอิทธิพลอย่างจอนจองกุก แต่เป็นเพราะว่าเขามีเหตุผลที่จำเป็น จึงต้องจัดมันอย่างเงียบๆ
แม้แต่บุคคลที่มาร่วมงาน ยังมีเพียงญาติผู้ใหญ่และคนสนิทของเจ้าบ่าว ที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาเป็นเพียงพยานรักหลอกๆของทั้งสองในครั้งนี้
.
.
.
สายตาคมของร่างสูงที่จ้องมองมาที่จีมินอย่างไม่ลดละ ตั้งแต่เจ้าตัวเดินออกมากระทั่งนั่งลงตรงหน้า ทำให้จีมินเริ่มทำตัวไม่ถูกจนต้องแอบแขวะเขาเบาๆให้พอได้ยินกันคนสองคน
"มองไรนักหนา"
"มองดูทาสรับใช้ให้ชัดๆ"
จองกุกก้มไปกระซิบกลับเบาๆแล้วผละออกมายิ้มให้คนอื่นอย่างเนียนๆ ทำเอาจีมินอยากจะเบะปากมองบนแต่ต้องรักษาอาการเพราะคนอื่นๆจ้องมาที่พวกเขาทั้งสองคนอยู่
"น่ารักจังเลยลูก"
คุณอาของจองกุกเอ่ยชมไม่ขาดปากพร้อมมือที่ยกมาลูบผมจีมินอย่างเอ็นดู ร่างเล็กเลยยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณแล้วส่งยิ้มหวานไปให้
และสาเหตุหลักๆเป็นเพราะใบหน้าจิ้มลิ้ม บวกกับน้ำเสียงหวานและความนอบน้อมของจีมิน ทำให้ใครๆต่างก็คิดว่าเจ้าตัวช่างเหมือนผู้หญิงมากเหลือเกิน
“ได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว เริ่มพิธีสวมแหวนเลยนะครับ”
ชายสูงวัยท่าทางใจดีได้บอกกล่าวให้เตรียมพร้อม จากนั้นเขาก็สะกิดบอกให้จองกุกเปิดตลับแหวนเพชรเพื่อหยิบมันออกมา
จองกุกมองค้างอยู่สักพักเพราะมันคือแหวนเพชรของคุณแม่ แต่บัดนี้มันกำลังจะไปอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของปาร์คจีมิน พอคิดได้แบบนี้แล้วเขาก็ดันหวงแหวนวงนี้ขึ้นมาซะงั้น
"สวมแหวนให้น้องได้แล้วจองกุก"
คุณอาเอ่ยเบาๆและใช้มือจับเข้าที่ไหล่ของหลานชาย จองกุกก็หันมาหาเพื่อส่งยิ้มให้คืน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับเอามือซ้ายของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวขึ้นมา
".........."
ทันใดที่นิ้วมือเรียวยาวตวัดมาจับเข้าที่มือน้อยๆ จีมินก็หายใจติดขัดและมือสั่นจนเขารู้สึกได้ ทั้งสองคนจึงเริ่มมองตากันและเงียบอยู่แบบนั้น
“จองกุกลูก สวมแหวนให้น้องเร็วเข้าสิ”
สตรีท่านผู้ใหญ่ในฐานะคุณแม่ของซอกจินส่งเสียงเร่งจองกุกอีกครั้ง เมื่อเขานั่งมองเจ้าสาวแบบตาไม่กระพริบ
“ครับ”
เขาตอบกลับไปเบาๆแล้วเริ่มสอดแหวนเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายให้จีมิน พอสวมเรียบร้อยเขาก็ตวัดดวงตาคมขึ้นมามองหน้าจีมินอีกครั้ง
“........”
จีมินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไป และเมื่อคิดว่าสู้สายตาเขาไม่ไหวจีมินจึงรีบไหว้ขอบคุณทันที ฝ่ายเจ้าบ่าวก็ยกมือขึ้นมารับไหว้แล้วแกล้งยิ้มให้
"จีมิน คราวนี้หนูสวมแหวนให้พี่จองกุกนะลูก"
คุณแม่ของซอกจินยื่นมือมาแตะเขาที่ไหล่เล็กของจีมิน เพราะสังเกตเห็นว่าจีมินกำลังประหม่าและตื่นเต้นมากๆ จากนั้นมือน้อยนี้ก็ต้องสั่นอีกรอบเมื่อไปจับเข้าที่ข้อนิ้วเย็นๆของจองกุก ไม่นานก็ค่อยๆบรรจงสวมแหวนให้เขาอย่างตั้งใจ
“ขอบคุณครับ”
เมื่อเจ้าสาวเป็นฝ่ายสวมแหวนให้คืนเรียบร้อย จองกุกจึงแกล้งตามน้ำไปและแสดงออกอย่างเป็นมืออาชีพ โดยไม่เผยอาการให้คนอื่นจับได้ไล่ทันแม้แต่นิดเดียว
.
.
.
"เจ้าสาวมองกล้องด้วยค๊าบบ"
เจโฮปยกมือขึ้นบอกให้จีมินมองมายังกล้องตัวใหญ่ที่กำลังจับภาพอยู่ เพราะจีมินเอาแต่สาละวนอยู่กับการปฏิเสธมือของจองกุกที่กำลังโอบเข้าที่ช่วงเอว
"เอามือออกไป"
จีมินเบี่ยงหน้าออกไปหาจองกุกที่ยืนทำหน้าทะเล้นใส่ และบอกเขาให้เลิกจับบริเวณสะโพกได้แล้ว
"เก็บภาพความทรงจำของเราไงครับ ช่วยหันไปยิ้มให้กล้องด้วยนะ"
จองกุกตั้งใจพูดให้คุณอาได้ยินด้วย ก่อนที่มือนั้นจะบีบเข้าที่เอวเล็กๆของจีมินอย่างแรง และเจ้าตัวก็ปฏิเสธไม่ออกเมื่อหันไปเห็นคุณอาของจองกุกมองมาด้วยความรัก
หลังจากถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเสร็จสรรพ ทุกอย่างจึงดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ท่านผู้ใหญ่จึงได้พากันเดินขึ้นมาที่ชั้นสองของตัวบ้านเพื่อที่จะส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ
คุณอาของจองกุกที่ทำหน้าตายิ้มแย้มได้เดินมาลูบผมของจีมินอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งเอ่ยคำอวยพรให้กับหลานทั้งสอง
“ชีวิตคู่ต่อจากนี้คือการใช้ชีวิตร่วมกันผัวเมีย ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรหนูห้ามถอดใจจากจองกุกนะ....เมื่อไม่เข้าใจกันให้แบ่งรับแบ่งสู้ และช่วยกันประคองชีวิตรักไปได้เรื่อยๆ”
พอคุณอาพูดจบแล้วก็เอื้อมไปจับมือของทั้งสองคนมาวางซ้อนกันแล้วกล่าวต่อ ตาเล็กๆจึงหันไปมองจองกุกก่อนแวปนึง เมื่อจองกุกหันมาสบตาเข้าพอดี ต่างคนก็ต่างรีบหันไปมองคุณอาเพื่อเลี่ยงสายตากันและกัน
“จองกุกก็เหมือนกัน จะทำอะไรให้คิดถึงน้องก่อนเสมอ
เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ ต่อให้เจออุปสรรคอะไรก็ให้จับมือกันไว้นะลูก”
“ครับ”
เมื่อจองกุกรับปากอย่างดิบดีแล้วคุณอาจึงกลับลงไปข้างล่าง หลังจากนั้นก็มีเพื่อนๆของจองกุกเข้ามายืนออกันที่หน้าประตูเพื่ออวยพรให้
"ขอให้มึงได้เป็นพ่อบ้านใจกล้าอยู่เสมอเลยเพื่อนรัก"
"มีเมียแล้วก็หัดทำตัวดีๆ อย่าหลีสาว อย่าวอกแวก"
"คืนนี้ขอให้พากันได้นอนตอนสว่างไปเลยละกัน"
"ส่วนจีมิน อืม....จะบอกอะไรดีล่ะ....เอาเป็นว่า......ทนมันได้ก็ทนนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"
ทั้งสองแกล้งพยักหน้ารับคำก่อนจะเผยรอยยิ้มให้พวกเขาเพื่อจะได้ดูสมจริง
"มึงอย่าวู่วาม ลองหัดใจเย็นลงหน่อย แล้วก็.....สามวันนะห้ามออกไปไหน"
นัมจุนมาอวยพรเป็นคนสุดท้าย พร้อมกำชับไม่ให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวออกจากห้อง
"เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้หอมแก้มกันเลยอ่ะ คุณอาลืมช็อทนี้ไปได้ยังไงกัน"
แทฮยองดึงแขนเจโฮปไว้ไม่ให้ก้าวลงบนไดต่อ ทุกคนเลยหยุดชะงักและหันหน้ามามองจองกุกกับจีมิน
"กลับออกไปได้ละ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกหรอก.....เดี๋ยวทำกันเอง"
ปังงง
จองกุกคว้าบานประตูเข้ามาปิดดังปังเพื่อหนีเพื่อน นัมจุนที่ยืนเก้อรอชมฉากหวานๆอยู่หน้าประตูถึงกับหมดหวัง และก้าวขาออกไปหาพวกเจโฮปที่ยืนไล่กันอยู่ขั้นบันได
"ดูมันปิดประตูแล้วกูเป็นห่วงจีมินเลยเนี่ย ฮ่าๆ"
แทฮยองพูดกลั้วขำแล้วก็ช่วยกันปิดล็อกประตูบ้านให้จองกุก ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
.
.
.
หลังจากที่ถูกปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อยู่กันเพียงลำพังสองคนผัวเมีย จองกุกก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อน จีมินจึงไปนั่งแกะกิ๊บติดผมที่โต๊ะเครื่องแป้งและใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะดึงออกมันออกมาได้ครบหมด
พอถอดเครื่องประดับออกจากข้อมือ สายตาเจ้ากรรมก็พลันมองไปยังแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วบ่นกับตัวเอง
"แต่งงานครั้งเดียวยังต้องแอบทำหรอเนี่ย"
จีมินพูดจบยังไม่ทันไรเจ้าบ่าวหมาดๆก็เดินตัวปลิวออกมาจากห้องน้ำมา และบนร่างกายเขาตอนนี้ได้มีเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาวเรียบร้อยแล้ว
แกร๊ก
จีมินหันไปมองตามเสียงก็เห็นเขาเปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบเอาบุหรี่มาถือไว้ในมือ จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ระเบียงโดยไม่สนใจจีมินที่นั่งมองอยู่ และคงต้องขอบคุณที่เขายังอุตส่าห์มีน้ำใจเลื่อนกระจกใสปิดไว้ก่อนที่จะจุดบุหรี่สูบ
ส่วนจีมินที่วุ่นวายกับการแกะอุปกรณ์ต่างๆออกจากผมเสร็จ ยังต้องมาวุ่นวายกับชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่เอื้อมมือไปรูดซิปข้างหลังไม่ได้
“คนแต่งงานเขาลำบากกันขนาดนี้เลยหรอวะ”
จีมินไม่ค่อยคุ้นชินกับอะไรแบบนี้บ่นเสียงดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่ยืนพ่นควันบุหรี่อยู่ที่ระเบียง กำลังจ้องผ่านกระจกใสเข้ามาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ตื้ดดดดดดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดดด
เสียงมือถือของจองกุกที่ถูกตั้งระบบสั่นไว้ ดึงความสนใจของร่างบางให้หันมามอง ก่อนเจ้าตัวจะชะเง้อคอไปมองเจ้าของมันที่ระเบียง แต่ตอนนี้เขาได้เบือนหน้าออกไปมองทางอื่น ซึ่งดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจคนในห้องเลยสักนิด
หลังทนฟังเสียงสั่นของมันได้ไม่นาน มือเล็กจึงคว้าเอามือถือราคาแพงของจองกุกขึ้นมาถือ หอบกระโปรงที่ลากยาวฟูฟ่องขึ้นมาเพื่อให้เดินสะดวก ก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังระเบียง ทิ้งชายกระโปรงลงและเอื้อมมือไปเลื่อนบานประตูใสเปิดมันออกอย่างรวดเร็วและยื่นมือถือให้เขา
"นี่....มึง"
“อะไร” จองกุกหันหน้ามามองก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“มีคนโทรมา”
เขายืนพิงระเบียงและไม่ยอมเดินเข้ามาหา จีมินเองก็กลัวว่าปลายสายจะวางไปก่อน จึงรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้จองกุกซะเอง
“รับโทรศัพท์ก่อนสิ”
จองกุกไม่ตอบแต่หันไปดูดควันเข้าปาก จากนั้นก็ยื่นหน้ามาเป่าควันใส่จีมินเต็มๆ ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับสำลักควัน
“แค่กๆ”
จีมินไอออกมาสองสามครั้งก่อนจะเงยหน้าไปจ้องตัวต้นเหตุที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างหน้าตาเฉย
“นิ...สัย!”
ร่างเล็กเน้นเสียงด่าเขาด้วยความไม่พอใจ และหยิบเอามืออีกข้างของจองกุกขึ้นมาวางมือถือลงไปที่ฝ่ามือของเขาอย่างแรง ก่อนจะหมุนตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาข้างในห้อง
"หึ...มึงมันน่ารำคาญ"
จองกุกเอาแต่มองตามคนอีกคนแล้วแค่นหัวเราะในลำคอ ไม่ได้สนใจมือถือนั่นเลยซักนิด เพราะเขาทำเพียงแค่ปรายตาลงมองดูหน้าจอแล้วกดปิดเครื่องไป จากนั้นก็ยืนดูดบุหรี่ต่ออีกสักพักถึงได้กลับเข้ามาในห้อง
ส่วนจีมินก็ใช้เวลาในห้องน้ำเกือบครบชั่วโมงก่อนก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่ผมเปียก ในมือก็กำลังถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมไปด้วย
“กูคิดว่ามึงไปตาย”
คนที่นอนกระดิกเท้าดูทีวีอยู่บนเตียงแขวะมาอีก จีมินก็ไม่อยากคุยอะไรกับเขามากนัก เลยเลี่ยงคำตอบที่น่าจะทำให้ทะเลาะกัน และเลือกตอบในเรื่องที่เป็นความจริงแทน
“ชุดมันถอดยากเหอะ”
จีมินแค่ตอบไปแบบไม่ใส่ใจนัก แต่มันทำให้จองกุกหันหน้าไปมองมากขึ้น
“ไม่เรียกกูล่ะ กูรอถอดให้อยู่”
พูดจบเขาก็จ้องมองมาที่คนตัวเล็ก ซึ่งเจ้าตัวกำลังเป่าผมอยู่บนโซฟา แต่จีมินไม่ชอบใจเวลาที่เขาแกล้งพูดเรื่องแบบนี้ใส่ บวกกับเรื่องที่เขาพ่นควันใส่หน้าจึงเลือกที่จะไม่ตอบอะไรไป วินาทีนั้นเป็นต้นไปทั้งห้องก็เดดแอร์เงียบหมดไม่มีเสียงใดๆอีก
พอผ่านไปสักพัก เมื่อผมเริ่มแห้งจีมินก็เดินมาหยุดยืนที่เตียงอีกฝั่ง จองกุกจึงละสายตาจากจอทีวีเพื่อหันไปมองและก็ทำให้เขาเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย เมื่ออีกคนคว้าหมอนไปหนึ่งใบ
“ไปไหน มานอนนี่!”
เขาชี้นิ้วไปตรงที่ว่างข้างๆและตบมือแปะๆลงบนที่นอนเพื่อบอกให้จีมินขึ้นมานอนด้วยกัน
“จะไปนอนที่โซฟา มึงก็นอนที่เตียงไป”
จองกุกดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีและคว้ามือมาดึงแขนของอีกคนเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว จนร่างบางปลิวกระแทกอกเขาเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“ปล่อยก่อน เราคุยกันแล้วนะว่าแต่งหลอกๆน่ะ”
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น จองกุกก็จับมือข้างซ้ายของคนตัวเล็กขึ้นมาแล้วมองหน้าจีมินอย่างเอาเป็นเอาตาย
“มึงก็เลยไม่ยอมใส่แหวนงั้นหรอ”
“คือ..กูวางไว้โต๊ะเครื่องแป้งก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ พอกลับออกมาก็เลยลืมใส่”
จีมินมองไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของจองกุก ก็พบว่าเขายังสวมแหวนอยู่ก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง
“มึงทำผิดกฏ ใช่มั้ย?”
น้ำเสียงดุๆที่ถามมานั้นเหมือนคนกำลังจะโมโหเต็มที
“กูไม่ชิน เอาเป็นว่าคราวหน้ากูจะใส่ละกัน”
จีมินพูดออกมาแล้วถอนหายใจใส่ ตัวเล็กๆก็ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า ยิ่งทำให้กลิ่นกายหอมอ่อนละมุนลอยปะทะจมูกของเขา
“อย่างงั้นหรอ”
“กูว่าหาแหวนปลอมๆมาสวมก็ได้อันนี้มันแพงไป ถ้าเกิดว่ากูทำหาย.....มึงต้องฆ่ากูตายแน่เลย”
"ใช่ กูทำแน่ๆจีมิน"
สายตานิ่งๆแต่มีเลศนัยแฝงของเขาทำให้จีมินนึกกลัวจนเผลอเอามือดันไหล่เขาไว้
“เอ่อ...กูว่าไม่จำเป็นต้องนอนเตียงเดียวกันหรอก ไม่มีใครเขามาตอนนี้หรอกน่า แค่แต่งงานกันแบบหลอกๆ แบบปลอมๆมึงอย่าลืมสิ”
ปากเล็กๆรีบพูดเตือนสติของเจ้าบ่าวอีกครั้ง จนกระทั่งเขาดึงร่างเล็กเข้าหาอกแกร่งมากขึ้นและจงใจพูดให้ชัดถ้อยชัดคำกว่าเดิม
"งั้นลองเป็นผัวเมียกันปลอมๆ แต่เอากันจริงๆมั้ยล่ะ"
ประโยคดังกล่าวก็คงไม่ใช่แค่คำขู่ ถ้าหากว่าจองกุกคิดจะทำอะไรอย่างว่าขึ้นมาจริงๆ จีมินเลยต้องลุกขึ้นมาป้องกันเอกราชของตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด แต่สถานการณ์ล่อแหลมที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ มันยากต่อการที่จะขยับตัวหนีคนอย่างจองกุกมากๆ
"อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ กูไม่ชอบ"
จีมินทำใจกล้าพูดออกไป ทั้งที่อีกฝ่ายยังจับมือเล็กๆของเอาไว้อย่างแน่นหนา
"กูก็ทำให้มึงไม่ชอบไงล่ะ"
จองกุกพูดสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมปล่อยมือเล็กๆออกก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นปลายคางแทน
"โอ๊ยย"
มือแกร่งบีบเข้าที่คางของจีมินก่อนจะดันขึ้นมาจ่อตรงใบหน้าคมของเขาพอดี
"อย่ามาจับ"
จีมินที่เห็นว่าตนเองกำลังจะไม่ปลอดภัยก็พยายามดึงมือของจองกุกออก แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะอีกฝ่ายแข็งแรงกว่ามาก และไม่ทันที่สมองของจีมินจะคิดหาวิธีหลีกหนีได้ ก็รู้สึกว่าร่างบางของตนเองถูกผลักลงไปนอนราบกับเตียงอย่างแรง
"จองกุก มึงอย่าเข้ามา!!"
จีมินลุกขึ้นเพื่อถลาตัวเข้าไปใกล้หัวเตียงอย่างรวดเร็วและรีบลงจากเตียงเพื่อสาวเท้าวิ่งหนีเขา แต่จอนจองกุกก็ไม่เคยพลาดเช่นกัน เพราะเขาใช้ความเร็วในการเข้าประชิดตัวร่างเล็กได้โดยใช้เวลาไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น คนที่ถูกจับกุมอยู่จึงเริ่มขวัญเสียขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
"ปล่อยสิ"
เมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กของจีมินสั่นหนักมากจนเขารู้สึกได้ จองกุกจึงอยากป้อนคำถามไม่ดีให้ตอบเล่นๆบ้าง
"กลัว หรือ อยาก?"
เขาถามแล้วเอามือลูบไล้กรอบหน้าของจีมินไปด้วย เมื่อจีมินเอียงหน้าหนีและไม่ตอบคำถาม เขาจึงโน้มใบหน้าคมเข้าหาลำคอขาว ทันใดนั้นปลายจมูกโด่งก็สูดดมกลิ่นหอมเบาๆจนร่างบางขนลุกซู่
"โอ๊ย ปล่อยนะ"
จีมินกลั้นหายใจและพยายามถดตัวหนี เขาเคลื่อนตัวตามไปติดๆโดยการแนบลำตัวลงไปหาจนเนื้อตัวชิดกัน และไม่ปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างร่ายกายเลยแม้แต่หนึ่งมิลลิเมตร ก่อนจะใช้ฟันกัดเข้าที่ลำคอขาวอย่างแรงจนร่างบางอ้าปากร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บ
"โอ๊ยยยยย กูเจ็บ!!"
จีมินใช้มือทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งของจองกุกเต็มเหนี่ยว เขาจึงผละใบหน้าหล่อออกมาเพื่อก้มมองไปที่ผลงานชิ้นเอกของตัวเอง และเห็นว่าจีมินในเวลานี้มีรอยสีแดงที่คอชัดมาก ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาด้วยนิดหน่อย แล้วมันก็ทำให้เขาก็รู้สึกพอใจกับมันไม่น้อยเลย
"คิดว่ากูพิศวาสมึงหรอ....เหอะ....อย่าฝันสูงขนาดนั้น อย่างมึงก็เป็นแค่ผงใต้ตีนกูเท่านั้นแหละ"
พูดจบเขาก็ดึงตัวจีมินออกห่างจากผนังห้องเล็กน้อย จากนั้นก็ผลักจีมินเข้าไปใหม่จนตัวเล็กๆนั่นปลิวเข้าไปกระแทกผนังห้องแข็งๆ
"อึ่ก"
ร่างเล็กที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่บ่อยครั้งก็ค่อยๆทรุดนั่งลงกับพื้นเบาๆด้วยความจุก เพราะท้ายทอยถูกแรงกระแทกไปด้วย แถมแผ่นหลังบางก็รู้สึกเจ็บแสบไม่แพ้กัน
"นี่คือค่าแจกันที่มึงทำแตก"
.
.
.
จองกุกขึ้นเตียงมานอนฟังเสียงจีมินนั่งสูดจมูกร้องไห้อยู่บนพื้น แล้วเขาก็รำคาญจนต้องคว้าหูฟังมาเสียบและเล่นเกมส์ต่อ หากแต่ดวงตาคมยังแอบแวปไปมองอยู่เป็นบางครั้งบางครา
ความจริงแล้วเมื่อวานเขาโกรธมากแต่ยังยั้งตัวเองได้เพราะไม่อยากให้จีมินร้องไห้ตาบวมเข้าพิธีไปมากกว่านี้
เดี๋ยวคนอื่นสงสัยขึ้นมาจะให้ตอบว่าจีมินดีใจมากที่ได้แต่งงานกับเขาก็เลยร้องไห้ทั้งคืน มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เขาจึงเก็บมาระบายอารมณ์ใส่จีมินในวันนี้นั่นแหละ
นานเกือบสิบนาทีร่างบางจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและจ้องมองอีกคนไม่วางตา แต่นั่นยิ่งทำให้จองกุกรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่ ยิ่งเป็นสายตาของคนที่คิดจะต่อกรกับเขาแล้ว ยิ่งทำให้เขาอยากรังแกมากขึ้นไปอีกร้อยเท่า
"กูเกลียดมึงจองกุก!!"
มือเล็กลูบไปที่คอตัวเองเบาๆ และตะโกนด่าเขาอย่างเหลืออด ทั้งที่ทำใจมาแล้วแท้ๆว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่จีมินก็ยังตั้งการ์ดป้องกันตัวเองไม่ได้
ถึงวันนี้จะแพ้แต่รับรองว่าสักวัน จองกุกจะต้องจดจำชื่อจีมินไปตลอดกาล ไว้คอยดูละกัน
Talk 1
ตอนแรกเรากลับมาอ่านแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยสนุก เราเลยเอาไปรีไรท์ใหม่
ทำให้อัพตอนต่อไปช้ามาก ข้ามปีกันเลยทีเดียว
เพราะไม่อยากแต่งแบบลวกๆ อยากให้มันออกมาดี
แต่ก็ขอบคุณนะที่ยังรออ่านกันอยู่ รับรองว่าสมการรอคอยแน่นอน
จากนี้ก็จะทยอยเปิดให้อ่าน และมาอัพใหม่เรื่อยๆไม่ให้รอนานแล้ววว อิอิ
ยังไงก็ขอ คอมเม้นต์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
อ่านแล้วก็อย่าลืมกด 'ให้กำลังใจ' ด้วยน๊าาาา
ความคิดเห็น