The Last Vampire !!!!! [Minho x Jinki] - The Last Vampire !!!!! [Minho x Jinki] นิยาย The Last Vampire !!!!! [Minho x Jinki] : Dek-D.com - Writer

    The Last Vampire !!!!! [Minho x Jinki]

    แวมไพร์ตัวสุดท้ายจะเป็นใครกัน ต้องตามติดและติดตามนะคะ ^__^

    ผู้เข้าชมรวม

    1,145

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.14K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ย. 54 / 22:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น 555

    ไปติดตามกันเลยดีกว่าค่ะ

    ♀ ☼ ♀




    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      .
      .
      .
       
      ฟุ่บ..... ฟุ่บ ..... อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวได้เร็วและว่องไวกว่ามนุษย์ทั่วไป พยายามหลบหนีการตามล่า
      ของนักล่าแวมไพร์ ใช่แล้วสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวปานสายลมนั่นคือ 'แวมไพร์' นักล่าผู้กระหายเลือด

      ตึกๆๆ ตึกๆๆๆ เสียงฝีเท้าเร่งความเร็วขึ้นเพื่อตามเป้าหมายไปให้ทันก่อนที่จะมีแวมไพร์ตัวใหม่เกิดขึ้น

      "มิ นโฮ ทางนี้ เร็ว" เพื่อนซี้ที่มีความสูงเตี้ยกว่าเจ้าของชื่อนามว่า 'คิมจงฮยอน' ตะโกนเรียกเพื่อนที่ตามมาติดๆ มินโฮเร่งฝีเท้าเพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อจะได้ตามเพื่อนของตัวเองได้ทัน นักล่าในชุดคลุมสีดำมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้า

      .
      .
      .

      "น่า เบื่อโว้ย บ่นอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่แอบงีบในเวลางานนิดๆ หน่อยๆ เอง เฮ้อ" ชายหนุ่มหน้าหวานบ่นกระปอดกระแปดไปตามทางที่เดินมา สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ได้อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์นัก

      ตุบ !!!!

      "เฮ้ย อะไรฟระ" ร่างบางตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีบุคคลแปลกหน้ากระโดดลงมาประจันหน้ากับตัวเองอย่างกระทันหัน เขี้ยวแหลมคมสองซี่ที่โชว์เด่นหลาให้ได้เห็น ร่างบางตรงหน้าก็พอจะเดาได้แล้วว่าบุคคลแปลกหน้าที่เห็นอยู่คืออะไร และเป็นอะไร

      "วะ แวมไพร์ อ๊ากกก" ชายหนุ่มหน้าหวานตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบหันหลังหนีหมายมั่นในใจ ว่าจะวิ่งออกไปโดยเร็วแต่ติดตรงมือของแวมไพร์ที่ว่านั้นกำลังดึงคอเสื้อของตนเองไว้อยู่

      "ว๊ากกก ปล่อยข้านะ ปล่อย ฮือๆๆ อัปป๊าจ๋าออมม่าจ๋า ช่วยหนูด้วย"

      "ฮึๆๆ ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอกหนุ่มน้อย" แวมไพร์ดึงร่างของคนตรงหน้าเข้ามากระซิบบอก ขนภายในร่างกายพากันลุกชันเมื่อได้ยินเสียงเย็นเชียบนั้นดังออกมา แวมไพร์จับบังคับร่างของคนตรงหน้าให้หันมาเผชิญกับตนเอง พร้อมทั้งจ้องไปยังดวงตาของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจนทำให้ร่างบางในมือดู เหมือนจะหมดสติไป แวมไพร์โอบร่างบางไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็กัดเข้าไปที่ข้อมือตนเองหยดเลือดลงไปบนริมฝีปากบางของร่างที่หมด สติ

      "เจ้าจะเป็นผู้สืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของข้าต่อไป หนุ่มน้อย" ร่างบางเริ่มดิ้นทุรนทุรายเหมือนกับว่าเลือดนั้นเป็นดั่งยาพิษ

      "อั่กๆ อั่ก อ๊ากกกกก" ร่างบางกรีดร้องไปมาพร้อมทั้งดิ้นรนทุรนทุรายด้วยความทรมานบนพื้นตรงซอกระหว่างของตึก

      ตึกๆๆ ตึกๆๆๆ .....

      เสียง ฝีเท้านักล่าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้แวมไพร์ต้องวางร่างของคนไร้สติลงแล้วรีบวิ่งหนีออกไป ทิ้งให้ร่างบางนอนอยู่บนพื้นต่อไป โดยที่นักล่าทั้งสองคนไม่ได้เอะใจหรือจับพิรุธอะไรได้เลย

      "จงฮยอน ข้าจะไปดักหน้า เจ้ารอต้อนหลังไว้นะ" ด้วยความเร็วที่ไม่แพ้แวมไพร์ตนใด ทำให้มินโฮสามารถแซงหน้าแวมไพร์ไปได้

      "ไง พี่ซีวอน" แวมไพร์หยุดชะงักทันทีที่เห็นนักล่ายืนอยู่ด้านหน้า

      "ถึงเวลาที่พวกข้าจะได้พักผ่อนกันยาวสักที ท่านเป็นตัวสุดท้ายที่พวกข้าจะกำจัดแล้ว" จงฮยอนที่ตามมาทางด้านหลังเอ่ยขึ้น

      "ฮ่าๆๆๆ" แวมไพร์หัวเราะออกมาเสียงดัง เหมือนไม่ได้เกรงกลัวความตายเลยสักนิด

      "หัวเราะให้เต็มที่ เพราะต่อจากนี้ไปท่านคงไม่มีโอกาสได้ทำมันอีกแน่"

      "ฮ่าๆๆๆๆ" มินโฮพุ่งตัวเข้าหาแวมไพร์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ซีวอนก็รวดเร็วไม่แพ้กัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้แก่กัน สู้กันอยู่พักใหญ่จนซีวอนพลาดท่าโดนมินโฮซัดหมัดเข้าเต็มใบหน้าร่วงไป กองอยู่บนพื้น

      "หมดเวลาอันเป็นนิรันด์ของท่านแล้ว ท่านแวมไพร์กระหายเลือด" มินโฮหยิบอาวุธประจำกายของตัวเองขึ้นมา มันเป็นสายสร้อยเงินเส้นหนาที่ปลายสายจะมีสัญลักษณ์ไม้กางเขน ร่างสูงเริ่มเหวี่ยงมันไปกลางอากาศช้าๆ แล้วก็เพิ่มจังหวะเร็วขึ้น จากนั้นก็เหวี่ยงเข้าไปหาร่างของแวมไพร์ที่กำลังจะหมดอายุขัยในไม่ช้า ปลายไม้กางเขนถูกเปลี่ยนเป็นใบมีดแหลมคมตัดชับเข้าที่ลำคอจนศีรษะกระเด็นตก ไปอีกทาง ร่างของแวมไพร์ล้มลงไปนอนกองกับพื้นทันที ไร้การตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นมีแต่เพียงร่างที่ไร้วิญญาณนอนนิ่งสนิทอยู่

      "โปรด อภัยให้ข้าด้วย พี่ซีวอน" มินโฮเก็บอาวุธประจำกายไว้ที่เดิมแล้วเดินไปมองร่างที่ไร้วิญญาณซึ่งอดีตเคย เป็นรุ่นพี่ที่เคยผ่านการฝึกเป็นนักล่าแวมไพร์มาด้วยกันแต่ซีวอนไม่สามารถ ผ่านบททดสอบได้ จึงไม่สามารถเป็นนักล่าได้เต็มตัวเหมือนกับเขา และ ซีวอนเคยเกริ่นๆ ถึงความเป็นนิรันดร์หากว่าตนผ่านบททดสอบของการเป็นนักล่าแวมไพร์ เขาว่าจะทำพันธะสัญญาเป็นนักบุญพิฆาตเพื่อชีวิตอันเป็นนิรันดร์เชกเช่นแวมไพ ร์ แต่ในเมื่อความฝันไม่ได้เป็นไปตามความคิดเขาจึงได้ผันตัวเองไปอยู่กับแวม ไพร์เสียเองเพื่อชีวิตอันเป็นนิรันดร์ที่ตนเองใฝฝันนั่นเอง

      .
      .
      .

      ร่าง บางที่นอหมดสติลืมตาขึ้นมาแบบงงๆ ว่าทำไมตนเองถึงได้มานอนกลางถนนนี่ได้ จำได้ว่ากำลังจะเดินกลับบ้าน แล้วก็มาเจอกับแวมไพร์เข้าเมื่อนึกถึงแวมไพร์ร่างบางก็สะดุ้งแล้วรีบลุกขึ้น วิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านโดยเร็วแต่ในขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอยู่นั้นก็ชนเข้ากับใครบางคนจนทำให้ตัวเองเกือบล้มทั้งยืน

      "โอ๊ะ / จินกิ" ร่างบางเงยหน้ามองบุคคลที่เรียกชื่อตนเองซึ่งในตอนนี้ได้ตกอยู่ภายในอ้อมกอดของเจ้าของเสียงนั่นอีกด้วย

      "ปล่อยข้านะ มินโฮ" ร่างบางดิ้นรนเพื่อให้ตนเองหลุดจากพันธนาการทั้งสองมือนั่น

      "จินกิ เจ้าไปโดนอะไรมา เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมถึงมีเลือดออกที่ริมฝีปากเจ้าด้วย" มินโฮถามคนตรงหน้าเป็นชุด จนคนโดนถามตอบไม่ทัน

      "ละ เลือด อะไร เลือดตรงไหนอ่า มินโฮ" จินกิเริ่มตกใจ เขาไม่เห็นจะรู้สึกเจ็บอะไรเลยตรงบริเวณใบหน้าน่ะ

      "ตรงนี้ไง" มินโฮค่อยๆ เช็ดคราบเลือดตรงบริเวณริมฝีปากบางของคนตรงหน้าซึ่งตอนนี้ได้ยืนนิ่งๆ ยอมให้เช็ดแต่โดยดี หลังจากเช็ดเสร็จร่างสูงก็ยังไม่ได้ปล่อยใบหน้าคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ ดวงตาคมเข้มจ้องไปยังใบหน้าหวาน ทำให้ร่างบางตรงหน้าเริ่มรู้สึกขัดเขินขึ้นมา

      "ปล่อยข้าได้แล้ว เช็ดเสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง ห๊ะ !!!"

      "ยังซะหน่อย" มินโฮเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กอย่างช้าๆ

      "ไอ้เด็กทะลึ่ง !!!!" จินกิผลักร่างของคนตัวโตให้ออกห่าง แล้วรีบวิ่งหนีไปอีกทางเพื่อเดินทางกลับให้ถึงบ้านที่ตนเองตั้งใจไว้แต่แรก

      "ฮึ่ย จะฉวยโอกาสกับข้าอยู่เรื่อยเลยเจ้าเด็กบ้านี่" จินกิเดินไปบ่นไปจนถึงบ้านของตนเองในที่สุด

      "บ่นอะไรอ่ะ พี่จินกิ" คีย์น้องชายหน้าสวยทักขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นพี่ชายเดินเข้ามาภายในบ้าน

      "เกลียดคนฉวยโอกาส"

      "ใคร มินโฮหรอพี่จินกิ"

      "ไม่ต้องเอ่ยชื่อนั่นให้ข้าได้ยินเลยนะ ข้าไม่อยากได้ยิน"

      "ทำเป็นอารมณเสียไปได้น่าพี่จินกิ ทำตัวให้ชินได้แล้ว ไอ้มินโฮมันไม่มีวันปล่อยให้ท่านหลุดมือมันหรอกเชื่อข้าสิ คิกๆๆ"

      "ไม่ๆๆๆ ข้าไม่มีวันชอบเจ้าโย่งจอมฉวยโอกาสนั่นเด็ดขาด"

      "ไม่ๆๆๆ ยังไงท่านก็ไม่มีวันรอดมือมินโฮไปได้หรอกเชื่อข้าเหอะ มินโฮมันต้องทำให้ท่านรักจนได้สักวันแหล่ะน่า คิกๆๆ" คนเป็นน้องชายพูดเสียงเพื่อล้อเลียนพี่ชายของตนเอง

      "คีย์ นี่เจ้าเป็นน้องชายข้าหรือเปล่าเนี้ย ฮึ่ย" จินกิเริ่มหงุดหงิดที่เห็นน้องของตัวเองไปเข้าข้างเจ้าคนฉวยโอกาสคนนั้น

      "พี่คีย์ ซุนแดมาแล้ววววววว" เสียงเด็กหนุ่มอีกคนดังเข้ามาขัดจังหวะพอดี ก่อนที่จะมีการโต้เถียงกันมากไปกว่านี้

      แท มินเป็นน้องชายคนเล็กของตระกูล มีจินกิเป็นพี่ใหญ่ ส่วนคีย์เป็นคนกลางที่ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับจินกิและแท มินก็ตาม แต่ทั้งสามคนก็รักกันเหมือนดั่งครอบครัวเดียวกันเสมอมา แทมินเดินเข้ามาวางห่อของลงบนโต๊ะ

      "อ่า มาแล้ว มาแล้ว ข้าอยากกินมาตั้งหลายวันแล้ว" คีย์เดินตรงดิ่งเข้าไปแล้วเปิดห่อของนั่นออก ก็พบกับอาหารที่รูปร่างลักษณะเป็นไส้กรอกสีเลือดที่ถูกหั่นออกเป็นหลายๆ ชิ้น ซุนแดเป็นไส้กรอกข้าวที่ผสมกับเลือดหมูสดๆ คลุกเคล้ากันแล้วนำไปทำเป็นไส้กรอกนึ่งจนสุก

      "อี๋ ซุนแด คีย์ เจ้ากินไปได้อย่างไร เลือดน่ะ อี๋ๆๆ" เมื่อจินกิเห็นก็แสดงอาการว่าไม่ชอบเจ้าของกินชิ้นนั้นทันที

      "อร่อยจะตายไปพี่จินกิ ไม่ลองสักชิ้นหรอ นะๆ สักชิ้นแล้วจะติดใจ" คีย์ทำท่ายื่นซุนแดมาให้จินกิตรงหน้า

      "อี๋ ไม่ๆๆ คีย์ ไม่กิน ข้าไม่กิน" ฟุดๆ ฟิดๆ จินกิทำจมูกขยับไปขยับมาเมื่อเจ้าไส้กรอกเลือดนั่นเข้ามาใกล้จมูก ปากก็บอกว่าไม่กิน แต่ภายในตัวของจินกิตอนนี้มันเหมือนกับต้องการเจ้าสิ่งนั้น

      เอือก !!! จินกิกลืนน้ำลายที่จู่ๆ ก็ออกมามากเหลือเกินลงไปในลำคอแล้วจ้องเจ้าสิ่งนั้นเขม็ง

      "อ๊ะๆๆ อยากกินแล้วล่ะสิ พี่จินกิ" จินกิสบตากับคนเป็นน้องชาย เขาจ้องไปยังดวงตาของคนตรงหน้า จนคีย์ต้องหลบสายตาไป เพราะอะไรไม่รู้บอกได้คำเดียวว่า มันช่างเย็นชาเหลือเกิน

      "สักชิ้นก็ ได้" จินกิยื่นมือไปรับซุนแดจากคีย์แล้วยัดเจ้าสิ่งนั้นเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย คีย์ที่เมื่อสักครู่ได้สัมผัสคนเป็นพี่ชาย เขารู้สึกว่าร่างกายของจินกิช่างเย็นเยียบ ไม่มีไออุ่นอยู่เลย

      "อร่อย ดีแหะ" จินกิกลืนซุนแดลงคอพร้อมทั้งเดินไปหยิบชิ้นต่อไปขึ้นมากินอีก แล้วก็ตามด้วยชิ้นต่อๆ ไปจนเกลี้ยง แทมินซึ่งยืนมองดูพี่คนโตกินอย่างตั้งอกตั้งใจก็อดงงไม่ได้ ปรกติไม่ชอบแต่ทำไมวันนี้ถึงได้กินอย่างหน้าตาเฉย แถมกินเกลี้ยงไม่เหลือให้เขากับพี่คีย์ได้กินเลยนี่สิ

      "พี่จินกิอ่ะ กินเกลี้ยงเลย แล้วพวกข้าจะกินอะไรกันล่ะ"

      "ถ้าเป็นเลือดสดน่าจะอร่อยกว่านี้" จินกิไม่ได้สนใจที่แทมินพูดเลย กลับพูดออกมาอีกอย่างจนน้องชายทั้งสองคนอึ้งกับคำพูดของพี่ชายตนเอง

      แล้วเหมือนจินกิจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วจึงขอตัวกลับเข้าห้องของตนเองไป โดยมีสายตาของน้องชายทั้งสองคนมองดูการเคลื่อนไหวจนลับตาไป

      "พี่คีย์ว่า พี่จินกิดูแปลกๆ ไปไหมฮะ" คีย์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้าๆ

      ++**++**++**++**++**++**++**++**++**++

      เมื่อ จินกิเดินเข้ามาภายในห้อง เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงไปเขารู้สึกมันได้เป็น อย่างดี ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำยืนมองกระจกสีดวงตาจากที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้มตอน นี้กลับกลายเป็นสีน้ำตาลเรืองแสงไปแล้ว รูม่านตาก็เบิกขยายขึ้นอีกเป็นสองเท่า แล้วอีกอย่างที่เขาสัมผัสได้จากร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปคือ เขี้ยวทั้งสองข้างของเขามันยาวขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าเช่นกัน

      "ฮึกๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวข้า ฮึกๆๆ" จินกิเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อรับรู้ว่าร่างกายของตัวเองแปรเปลี่ยนไป เขารู้ว่ากำลังจะกลายเป็นอะไรเพราะลักษณะที่เขาเห็นตอนนี้มันคือ 'แวมไพร์' ชัดๆ

      "ข้ากำลังจะเป็นแวมไพร์อย่างนั้นหรอ ฮึกๆ" จินกิสะอื้นไห้จนตัวโยน ถ้าหากว่ามินโฮรู้จะปล่อยเขาไปหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว หากไม่มีเขาน้องชายทั้งสองคนจะสามารถดูแลตัวเองได้หรือเปล่า

      ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสติของจินกิให้กลับมา

      "พี่ฮะ เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่าฮะ" แทมินเรียกพี่ชายที่อยู่ในห้องน้ำ

      "เปล่าๆ พี่กำลังจะอาบน้ำ พวกเจ้าก็รีบเข้านอนได้แล้ว"

      "พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะครับ" คีย์ถามขึ้นอีกคน

      "อืม พี่สบายดี รีบๆ เข้านอนไปซะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรือไง"

      "ครับๆ พวกข้าไปนอนก่อนนะ" แล้วคีย์ก็พาแทมินเดินออกไปจากห้องของพี่ชาย ปล่อยให้จินกิจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไป

      .
      .
      .

      "แล้ว ต่อไปพวกเราจะทำอะไรกันดีวะ ไอ้มินโฮ แวมไพร์ตัวสุดท้ายก็โดนกำจัดไปแล้ว คงไม่มีใครมาจ้างพวกเราไปทำงานอีกแล้วล่ะ" จงฮยอนเพื่อนร่างเตี้ยเอ่ยถามคนที่กำลังวุ่นกับการเตรียมเครื่องดื่มอยู่

      "ข้าจะขอจินกิแต่งงาน ข้าอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่ข้ารัก"

      "โห ไอ้ไวไฟ พี่จินกิเขาตกลงปลงใจกับแกแล้วหรือไง ถามพี่เขาหรือยังว่าจะยอมแต่งด้วยหรือเปล่าน่ะ"

      "ยอมไม่ยอม เดี๋ยวก็รู้ ข้ามีตัวช่วยตั้งสองคนนะ แกลืมไปแล้วหรือไง หึๆๆ"

      "คีย์กับแทมินน่ะหรอ เข้าทางน้องนี่หว่า"

      "มันก็ต้องเล่นแบบนี้แหล่ะ หึๆๆ"

      "เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้จะเลือกใคร คีย์หรือแทมิน หรือจะทั้งสองดีวะ ข้ารู้สึกว่าข้ารักทั้งคู่เท่าๆ กันเลยล่ะ"

      "จับปลาสองมือ ระวังจะอดทั้งคู่นะเพื่อน"

      "ไม่อวยพรกันเลยนะไอ้มินโฮ เดี๋ยวก็ไม่ช่วยเรื่องพี่จินกิเสียหรอก"

      "หึๆๆ ไม่มีแกข้าก็สามารถทำให้จินกรักข้าได้ คอยดู"

      "เออ ไอ้หล่อ ข้าจะคอยดูแกน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะพี่จินกิไม่รัก ฮ่าๆๆ"

      .
      .
      .

      เช้า รุ่งขึ้นทางกระทรวงการปกครองของรัฐได้ประกาศข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ การสูญพันธุ์ของแวมไพร์ เพราะตัวสุดท้ายก็ได้ถูกกำจัดไปเมื่อคืน ประชาชนต่างพากันตื่นเต้นดีใจที่ตอนนี้ความเป็นอยู่จะดีขึ้นไม่ต้องมาคอย หวาดกลัวกับแวมไพร์อีกต่อไปแล้ว

      จินกิที่เดินใส่เสื้อผ้าหนาชิ้น ใส่หมวกปีกปิดจนแทบไม่เห็นใบหน้าตรงดิ่งไปยังร้านขายซุนแดที่มีชื่อเสียงของย่านนี้

      "ขอซุนแดที่หนึ่ง เอ่อ ข้าขอสดๆ เลยได้ไหม พอดีว่าเดี๋ยวข้าจะเอากลับไปนึ่งเองที่บ้านน่ะ"

      "ได้ๆๆ ครับ รอสักครู่" คนขายรีบจัดการหยิบมันใส่ห่อบรรจุให้อย่างดี

      "ขอบ ใจ" จินกิรับห่อของแล้วเดินต่อไปยังบ้านพักของตนเองเมื่อเข้าไปด้านในก็รีบถอด หมวกถอดเสื้อคลุมออกทันทีแล้วรีบจัดการกับซุนแดที่ถือมาอย่างเอร็ดอร่อย

      "อืม เห็นไหม ข้าว่าแล้วถ้ามันเป็นเลือดสดๆ มันต้องอร่อยกว่าแน่ๆ" กินไปก็พูดไปอยู่คนเดียว เขาแสดงอาการพอใจมากกับการได้กินเลือดสดๆ แบบนี้

      ก๊อกๆๆๆ จินกิหันไปมองทางประตูที่เสียงดังขึ้น แล้วก็รีบจัดการกับซุนแดชิ้นสุดท้ายจากนั้นก็เดินเข้าไปเปิดประตู

      "มินโฮ"

      "สวัสดีครับ จินกิ"

      "พี่จินกิสิ บอกไม่เคยจำ เจ้าน่ะอายุน้อยกว่าข้าสองปีเชียวนะ มินโฮ ชอบทำตัวปีนเกลียวอยู่เรื่อย" ร่างบางบ่นไปตามประสาของตนเอง

      "ก็ข้าไม่อยากเป็นน้องของเจ้านี่นา"

      "เจ้าเด็กไม่มีสัมมาคาราวะ แล้วมีอะไรถึงมาเคาะประตูหน้าบ้านข้าแต่เช้าเนี้ย"

      "คิดถึง ไม่ได้เจอหน้าแค่ชั่วโมงเดียวข้าก็คิดถึงแล้ว"

      "เฮ้อ พอๆๆ ถ้าจะมาพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ พอเลย มาทางไหนกลับไปทางนั้น"

      "โธ่ จินกิ เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีเนี้ย ไม่สงสารข้าบ้างหรือ"

      "ไม่ !!! รีบกลับไปเลยไป๊" จินกิออกปากไล่อีกครั้งแล้วก็ทำท่าว่าจะปิดประตูนั่นลงแต่กลับโดนมือแกร่งนั่นผลักต้านไว้ไม่ให้ปิด

      "ข้าไม่กลับ" มินโฮดันประตูสวนแรงคนตัวเล็กที่อยู่ด้านในจนล้มก้นไปกระแทกบนพื้นอย่างจัง

      "จิ นกิ ข้าขอโทษ" มินโฮรีบเข้าไปดูร่างบางทันที แต่กลับโดนจินกิผลักกลับคืนไปจนมินโฮกระเด็นไปอีกทาง มินโฮรู้สึกแปลกใจกับแรงมหาศาลที่คนร่างบางมี นี่ท่านไปเอาแรงมาจากไหนกันเนี้ย ส่วนจินกิเองก็ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน นั่งเงียบกันอยู่สักพักจนจินกิลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้

      "เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด" มินโฮเดินตามคนร่างบางไปแล้วนั่งลงข้างๆ

      "มินโฮ ถ้าแวมไพร์ตนนั้นไม่ได้เป็นแวมไพร์ตัวสุดท้ายล่ะ" จินกิเปิดฉากถามร่างสูงตรงหน้าทันที สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลอย่างชัดเจน

      "จิ นกิ นั่นตัวสุดท้ายจริงๆ เชื่อข้า" มินโฮเลื่อนมือของตนเองไปกุมมือคนตัวเล็กไว้ มินโฮรู้สึกได้ถึงร่างกายอันเย็นเชียบของร่างบางตรงหน้า

      "จินกิ เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเป็นนักล่าแวมไพร์ ข้าจะไม่ให้แวมไพร์ตนใดมาแตะต้องเจ้าได้แม้แต่เพียงปลายเล็บ"

      "....." จินกิได้แต่นิ่งเงียบแล้วก้มหน้ามองพื้นแค่นั้น

      "แต่ง งานกับข้าได้ไหม จินกิ ข้ารักเจ้า ชีวิตทีเหลือของข้าต่อไปนี้ ข้าอยากใชัมันร่วมกับเจ้า" จินกิเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมอย่างตกใจ

      "เจ้าไปหาคนที่เหมาะกับเจ้ามากกว่าข้าเถอะ มินโฮ"

      "อย่าปฏิเสธข้าได้หรือเปล่า จินกิ ข้ารักเจ้าอย่างสัจจริง"

      "ไม่ ข้าจะไม่แต่งกับเจ้าและจะไม่มีวันเป็นไปได้ด้วย" เมื่อได้ยินร่างบางปฏิเสธแบบนั้น หัวใจที่คิดว่าแกร่งพอจะรับเรื่องแบบนี้ได้มันกลับอ่อนระทวยจนไร้เรี่ยวแรง แม้จะพยุงตัวขึ้นให้เดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้

      "ทำไม จินกิ ทำไม หรือเจ้ามีคนที่เจ้ารักอยู่แล้ว บอกข้าได้หรือไม่"

      "มินโฮ ถ้าข้าเป็นอะไรไป เจ้าช่วยรับปากข้าได้ไหมว่าเจ้าจะดูแลน้องชายของข้าทั้งสองคนเป็นอย่างดี"

      "เจ้าพูดอะไร จินกิ"

      "มินโฮ ฮึกๆ ที่ข้าถามเจ้าเมื่อสักครู่ ว่า ถ้าหากว่านั่นไม่ใช่แวมไพร์ตัวสุดท้ายล่ะ เจ้าจะว่ายังไง"

      "จินกิ เจ้ากำลังจะบอกอะไรข้า"

      "ถ้า หากว่าแวมไพร์ตัวสุดท้ายมันคือข้าล่ะ มินโฮ เจ้าจะทำอย่างไร" หัวใจของชายหนุ่มตรงหน้ากระตุกวูบด้วยความตกใจกับข้อความที่ได้ยินจากปากของ ร่างบางตรงหน้า

      "หึ จินกิ หาข้ออ้างอื่นมาปฏิเสธข้า ข้ายังจะเชื่อเจ้ามากกว่านี้นะ" แต่มินโฮก็ยังไม่ปักใจเชื่อ

      เมื่อ มินโฮจ้องมองไปยังดวงตาทั้งสองของร่างบางตรงหน้า เขาเองก็รู้ได้ทันทีที่สบตา เขารู้แล้วว่า จินกิไม่ได้โกหกตนเอง แต่เขาเองก็ไม่อาจจะยอมรับได้เช่นกันว่า คนที่ตัวเองรักอยู่ตอนนี้ไปติดเชื้อแวมไพร์ มาตอนไหน ทำไมเขาถึงช่วยอะไรคนที่เขารักไม่ได้เลย

      "จินกิ"

      "แฮ่ . . . ." จินกิแยกเขี้ยวออกมาเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูด

      "จิ นกินี่เล่นกลเก่งจังนะ จะหลอกให้ข้ากลัวแล้วหนีไปใช่ไม๊ เผอิญว่าข้าไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ เสียด้วยสิ" มินโฮพยายามทำตัวให้ดูเป็นปรกติที่สุดแล้วพูดให้ติดตลกเข้าไว้

      "เจ้า รู้หรือเปล่าล่ะ ว่าแวมไพร์มันดูดเลือดกันยังไง ถ้าไม่รู้ข้าจะสอนให้" มินโฮจับร่างบางดึงเข้ามาหาตนเอง แล้วซุกใบหน้าเข้าไปที่ลำคอขาวเนียนของจินกิทันที เมื่อได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งทำให้ตนเองเกือบหลงลืมไปว่ากำลังจะทำอะไร มินโฮตัดสินใจกัดไปที่ลำคอระหงส์ของคนตรงหน้า

      "โอ้ยยยยยยยย เจ้าบ้า เจ้าทำอะไรน่ะ" จินกิผลักคนที่กัดคอตนเองให้ออกไปห่างๆ แล้วลูบไปที่ลำคอตนเองเบาๆ เพื่อหวังให้หายเจ็บโดยเร็ว

      "เอ้า ก็ข้ากำลังสอนเจ้าให้รู้จักการดูดเลือดไง"

      "เจ้าบ้า ข้าเป็นแวมไพร์นะ เจ้าไม่กลัวข้าเลยหรือไง"

      "ถ้าแวมไพร์น่ารักแบบเจ้า ข้าไม่กลัวหรอก" มินโฮยิ้มหน้าระลื่น

      "แล้วเจ้าจะฆ่าข้าหรือไม่" จินกิยิงคำถามเด็ดออกไป

      ".............." มินโฮได้แต่นิ่งเงียบไปโดยปริยาย

      "มินโฮ ข้าถามว่า เจ้าจะฆ่าข้าหรือไม่"

      "เจ้าคือดวงใจของข้า แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถทำร้ายดวงใจของตัวเองได้ไหมล่ะ" จินกิจ้องไปยังบุคคลตรงหน้า

      "แต่เจ้าเป็นนักล่าแวมไพร์ เจ้าจะปล่อยให้ข้ารอดไปยังงั้นหรือ"

      "เมื่อไหร่ อาการเจ้าออกเมื่อเไหร่ แล้วเจ้าไปติดเชื้อตอนไหน" มินโฮเลิกล้อร่างบางเล่นแล้วพูดถามออกไปด้วยท่าทีที่จริงจังมากขึ้น

      "เมื่อ วานตอนที่ข้าเจอกับเจ้านั่นแหล่ะ ข้าเจอกับแวมไพร์มาก่อนที่จะพบเจ้า มันให้ข้าดื่มเลือดของมัน ทำไมมันถึงไม่กัดที่คอเหมือนกับคนอื่นๆ ที่โดนกัดกันล่ะ"

      "ให้เจ้าดื่มเลือด มันต้องการจะสืบเผ่าพันธุ์ของมันโดยใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ มันไม่ต้องการเจ้าไปเป็นทาส การกัดที่คอแล้วดื่มเลือดคือการนำคนๆ นั้นไปเป็นทาสรับใช้แค่นั้นซึ่งแวมไพร์ที่ถูกกัดจะไม่สามารถล่าเหยื่อได้ ด้วยตนเอง นอกจากจะดื่มเลือดที่เจ้านายมันประทานมาให้เท่านั้น แล้วเจ้าไปทำอะไรแถวนั้นถึงได้ไปเจอกับมัน ห๊ะ" มินโฮเริ่มจะแสดงอาการโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ที่ไม่สามารถดูแลปกป้องคนที่ตัวเองรักได้

      "อ๊ะ ข้าเจ็บนะ เจ้าบ้า" จินกิร้องท้วงเมื่อร่างสูงตรงหน้าบีบเข้าที่แขนของตนเองอย่างแรง

      "เจ้าเคยดื่มเลือดมนุษย์แล้วหรือยัง" จินกิส่ายหัว

      "ข้ามีโอกาสหายหรือเปล่า"

      "ใครที่ถูกเลือกแล้ว ไม่มีโอกาสหายหรอก จินกิ"

      "แล้ว ที่ว่าชีวิตอันเป็นนิรันดร์ มันก็เป็นจริงอย่างนั้นหรอ ข้าไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น ชีวิตที่ต้องเห็นคนที่ข้ารักจากไปทีละคนๆ โดยที่ข้าไม่สามารถรั้งชีวิตเขาไว้ได้เลยหรือว่าข้าจะทำให้น้องของข้าเป็น แบบข้าด้วย"

      "เจ้าหยุดคิดแบบนั้นเสีย จินกิ เจ้าคิดว่าน้องชายของเจ้าทั้งสองคนจะต้องการชีวิตอันเป็นอันเป็นนิรันดร์เหมือนเจ้าหรือ"

      "ฮึกๆ แล้วจะให้ข้าทำยังไง ฮือๆๆ มินโฮ ข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากเสียครอบครัวของข้าไป ฮึกๆๆ" จินกิร้องไห้คร่ำครวญออกมาเสียงดัง จนมินโฮต้องดึงร่างของคนเศร้ามาไว้ในอ้อมกอด

      "ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้าเอง ไม่ต้องกลัว"

      "ฮึกๆ มินโฮ แล้วข้าควรทำอย่างไรต่อไป"

      "อย่า ให้ใครรู้ว่าเจ้าเป็น ไม่ว่าจะเป็นน้องชายของเจ้าทั้งสองคนนั้น โดยเฉพาะจงฮยอน เพราะถ้าเจ้านั่นรู้ มันจะไม่มีวันปล่อยท่านไว้แน่ๆ" จินกิเริ่มตัวสั่นเมื่อได้ยินร่างสูงบอกแบบนั้น

      "ละ แล้วเจ้า จะไม่กำจัดข้าหรือ"

      "ข้า ทำไม่ได้ จินกิ เพราะข้ารักท่าน" มินโฮเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ร่างบางเพิ่มมากขึ้นเพื่อประทับลงบนริมฝีปากบาง ที่เย้ายวนนั่น แต่ด้วยความที่จินกิไม่ได้ระวังทำให้เขี้ยวแหลมคมโดนกับริมฝีปากของร่างสูง ตรงหน้าจนทำให้เกิดรอยบาดแผลขึ้นมา จินกิได้ลิ้มลองเลือดของมนุษย์เป็นครั้งแรกจึงทำให้ไม่สามารถควบคุมสติของตน เองได้ จู่โจมร่างสูงเพื่อหวังให้ได้ลิ้มรสชาติเลือดเพิ่มมากขึ้น

      "จิ นกิ พอ หยุดก่อน ควบคุมสติหน่อยจินกิ หยุด !!!" มินโฮพยายามละใบหน้าและรั้งร่างบางที่ตอนนี้มีพละกำลังมหาศาลให้ออกห่างซึ่ง เป็นการยากสำหรับเขาเหลือเกิน เขาไม่อยากจะใช้กำลังทำร้ายร่างบางเลยเพราะถ้าหากว่าใช้กำลังมากกว่านี้ก็ อาจจะทำให้ร่างบางตรงหน้าบาดเจ็บได้

      "เลือด ข้าต้องการมัน" จินกิพยายามระงับสติของตนเองอย่างยากลำบาก

      "มิ นโฮ มาหาพี่จินกิแต่เช้าเลยน๊า" คีย์ที่เดินลงมาจากด้านบนเห็นเพื่อนร่างสูงของตัวเองกำลังอยู่ใกล้ชิดพี่ชาย ของเขาก็อดแซวไม่ได้ แต่ด้วยสีหน้าท่าทางของทั้งคู่ดูแปลกๆ คีย์จึงชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงสวีทหรือมีปัญหากัน แน่

      "สองคนนี่มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า" จินกิหันหน้าหนีไปอีกทางส่วนมินโฮก็หันมาบอกเพื่อนของตนเอง

      "ข้าแค่แกล้งจินกิแรงไปหน่อย จนพี่ชายเจ้างอนข้าน่ะ"

      "อย่างนั้นหรอ พี่จินกิ อย่างอนมันเลย ที่มันชอบแกล้ง ชอบแหย่ท่านก็เพราะว่า มินโฮมันรักท่านจริงๆ นะพี่จินกิ"

      "อือๆ" แล้วจินกิก็เดินตรงไปทางห้องครัว

      "วันนี้วันหยุดพี่นี่นา ทำอาหารเย็นรอข้ากับแทมินด้วยล่ะ ข้าอยากกิน ซุปกิมจิกระดูกหมู ทำให้ข้าทานหน่อยนะ พี่จินกิ"

      "อือๆ" จินกิตอบแค่นั้นก็หายเข้าไปในห้องครัวทันที

      "ไปเรียนกันเถอะ มินโฮ" คีย์เอ่ยชวนเพื่อนร่างสูงให้เดินออกไปด้วยกัน มินโฮเดินตามคีย์ไปติด แต่ในใจก็อดห่วงอีกร่างไม่ได้

      "แล้วแทมินล่ะ"

      "เห็นว่าออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะ ทำไมหรอ"

      "อ๋อ เปล่าๆ คีย์ไปก่อนนะ ข้าลืมของไว้ที่บ้านคีย์น่ะ เดี๋ยวตามไปนะ"

      "อืมๆๆ ตามมาเร็วๆ ล่ะ"

      "ตกลง แล้วจะรีบตามไป"

      พอ ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องครัวก็พบว่าจินกิกำลังนั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง ในห้องครัว ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วที่บรรจุของเหลวสีแดงข้นจากนั้นก็ส่งยื่นให้ จินกิ

      "ดื่มซะ จินกิ" จินกิมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

      "อะไร"

      "เลือด ไงล่ะ" จินกิสังเกตเห็นว่าข้อมือของชายหนุ่มพันด้วยผ้าสีขาวและมีคราบเลือดติดปน อยู่ เขาก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าไอ้เลือดที่เจ้าตัวบอกนั้นเป็นของใคร

      "ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้"

      "จินกิ ท่านรู้อยู่แล้วว่าทำไมข้าต้องทำเช่นนี้"

      "ฮึกๆ เจ้าไม่ควรจะมาใส่ใจแวมไพร์อย่างข้า กำจัดข้าซะเถอะ ข้ามันเป็นตัวอันตรายนะ"

      "ดื่ม ซะ" มินโฮยื่นแก้วเข้าไปใกล้ใบหน้าของจินกิ มันทำให้ร่างกายที่ตอนแรกปฏิเสธแต่ภายหลังได้กลิ่นคาวเลือดนั่นก็ทำให้เขา รีบยกดื่มมันหมดอย่างรวดเร็ว

      "ขอบใจเจ้ามาก มินโฮ"

      "ไม่เป็นไร"

      "เจ้าไปเรียนเถอะ"

      "อืม ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปไหนเด็ดขาด" จินกิพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก่อนที่มินโฮจะลุกออกไปจากห้องครัว คนร่างสูงจอมฉวยโอกาสก็ไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆ มินโฮก้มลงไปหอมแก้มนวลเสียฟอดใหญ่

      "นี่ถือเป็นรางวัลสำหรับข้านะ จินกิ" หอมเสร็จก็รีบลุกขึ้นเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

      "อ๊ะ เจ้าเด็กบ้า เจ้าเด็กทะลึ่ง" จินกิต่อว่าไปเสียยกใหญ่ แต่คนร่างสูงก็ไม่ได้อยู่ฟังเพราะต้องรีบตามคีย์ไปให้ทันก่อนที่เพื่อนของ เขาจะสงสัยเสียก่อน

      ++**++**++**++**++**++**++**++**++**++

      .
      .
      .

      เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ ทุกคนภายในครอบครัวของจินกิก็ยังไม่ได้เอะใจใดๆ ทั้งสิ้นในตัวของคนเป็นพี่ชาย แต่ที่ผิดสังเกตก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียวคือ ความสนิทสนมระหว่างพี่ชายของตระกูลกับมินโฮที่ตอนนี้ได้กลับมาเรียนอย่าง เต็มตัวแล้วหลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลาเกือบเดือน เนื่องจากต้องไปทำภาระกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเสียก่อน ทั้งคู่ดูสนิทกันมากขึ้นจนดูเหมือนคู่รักที่เพิ่งจะเริ่มตกลงคบกันใหม่ก็ไม่ ปาน ลูกชายคนที่สองแห่งตระกูลเคยลองถามทั้งคู่แล้วตกลงว่าเป็นอะไรกัน คนเป็นพี่ชายก็จะคอยปฏิเสธอยู่ร่ำไป

      "อ่า มินโฮเลือดเจ้าคราวนี้อร่อยกว่าคราวที่แล้วอีกนะ" การที่จินกิได้ดื่มเลือดของมินโฮทุกครั้งมันจะทำให้เขาสามารถอยู่ได้เป็น อาทิตย์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มคนนี้เดือดร้อนเลย มินโฮจะพยายามสรรหาอาหารที่มันจะช่วยบำรุงโลหิตให้ได้มากที่สุดจนบางที เพื่อนร่างบางของตนเองจะชอบเอ่ยแซวเสมอๆ ว่ากลายเป็นหนุ่มรักสุขภาพไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้านี่ทำให้จินกิคนที่เขารักมีความสุข เขาพร้อมที่จะทำมันได้เสมอ

      "งั้นครั้งนี้ ข้าขอรางวัลเพิ่มจากครั้งก่อนๆ ได้ไหม" มินโฮทำหน้ากรุ่มกริ่มใส่คนตัวเล็กตรงหน้า

      "ไอ้ เด็กทะลึ่ง ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้าทำแบบนี้เพื่อข้าสักหน่อย ใยข้าจะต้องมีรางวัลให้เจ้าด้วยเล่า" จินกิหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลบหน้าชายหนุ่มเพราะความเขินอาย

      "โธ่ จินกิ นิดๆ หน่อยๆ ให้ข้าชื่นใจได้หรือไม่" จินกิหันหน้ากลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอย่างพอใจที่คนตัว เล็กเห็นใจตนเอง มินโฮใช้มือช้อนใบหน้าจินกิให้เงยขึ้นแล้วมอบความอ่อนโยนให้แก่บุคคลตรงหน้า เขาแตะเพียงแผ่วเบาแล้วผละออกเพื่อดูปฏิกิริยาจากคนตัวเล็ก แต่ร่างบางตรงหน้าเพียงแค่หลับตาพริ้มรอรับสัมผัสจากเขาแค่นั้นเอง มินโฮมอบสัมผัสเพิ่มมากขึ้นจากครั้งแรกส่วนจินกิก็ตอบรับสัมผัสจากเขาได้ดี ทีเดียว มินโฮเริ่มใช้มือเกาะเกี่ยวร่างของบุคคลตรงหน้าเข้ามาแนบชิดมากขึ้น จากนั้นริมฝีปากก็พยายามลุกล้ำเข้าไปมากกว่าเดิมซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ห้าม แต่อย่างใดเพียงแต่โอนอ่อนตามอย่างว่าง่าย

      "อะแฮ่ม / โครมมมมม!!!!!!!" แล้วเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกันอย่างรวดเร็วโดยที่มินโฮกระเด็นไปอยู่อีกฝั่ง หนึ่งของห้อง

      "มินโฮ เป็นอะไรมากหรือเปล่า" คีย์รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเพื่อนที่โดนพี่ชายของตนเองผลักกระเด็นไปอีกฝั่งเลยทีเดียว

      "ฮ่าๆๆ จินกิ เขินแรงไปไหมเนี้ย ถ้าเพื่อนข้าเป็นอะไรไปจะว่ายังไง" จงฮยอนที่เดินตามคีย์เข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้าก็อดที่จะเอ่ยแซวร่างบางไม่ได้

      "มินโฮ เจ้าบ้า เจ้าหน้าไม่อาย" พูดแค่นั้นก็รีบหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้โดยเร็ว

      "มินโฮ ทำไมเจ้ามีแผลที่ข้อมืออีกแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้เห็นเป็นทุกอาทิตย์เลยนะ"

      "ก็ อุบัติเหตุนิดๆ หน่อยๆ เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ" มินโฮรีบชักมือหนีออกจากการจับกุม แล้วลุกขึ้นเดิมตามร่างบางที่เพิ่งออกไปจากห้องนี้ทันที แต่ก่อนที่จะได้พ้นประตูก็ถูกจงฮยอนดึงมือไว้ ปรากฏให้เห็นสัญลักษณ์ที่เขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคืออะไร

      "นักบุญพิฆาต" มินโฮรีบชักมือหนีหลบทันที

      "มินโฮ แกไปทำพันธะสัญญาตอนไหน ทำไมไม่บอกข้า แล้วนี่อะไร แกไม่เคยต้องการความเป็นนิรันดร์ไม่ใช่หรือไง"

      "แต่ตอนนี้ข้าต้องการมัน"

      "แล้วจินกิล่ะ แกจะทนเห็นคนรักจากไปได้อย่างนั้นหรือ"

      "(ข้าทำเพื่อเขานี่ไง ไอ้จง)" มินโฮได้แต่คิดในใจไม่ได้ตอบออกมา

      "ห๊ะ ทำไมแกไม่ตอบ ไอ้มินโฮ"

      "ไม่ต้องมายุ่งกับข้า" แล้วมินโฮก็กระชากแขนหนีเพื่อนร่างเตี้ยไปแต่ก็หนีไม่พ้น

      "ต้องพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้"

      "แล้วทำไม ข้าจะต้องการความเป็นนิรันดร์ไม่ได้ ห๊ะ ไอ้จง"

      "ที่ นี่ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีนักบุญพิฆาตอีกแล้ว ทำไมแกต้องเลือกที่จะเป็น ไม่เคยมีนักล่าแวมไพร์คนไหนต้องการความเป็นนิรันดร์นอกจากคนๆ นั้น แต่นี่แกกำลังจะเป็นแบบพี่ซีวอน"

      "ไอ้จง ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ตลอดเวลาแบบนี้แหล่ะ ข้าว่าก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ที่ข้าจะมีชีวิตเป็นอมตะบ้าง หึๆๆ"

      "ข้าไม่เข้าใจ"

      "เลิก ยุ่งกับข้าสักที ข้าจะเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร มันก็เรื่องของข้า" พูดเสร็จ มินโฮก็เดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้เพื่อนร่างเตี้ยกำหมัดแน่นเพื่อระบายอารมณ์ที่มันกำลังครุกรุ่นขึ้น ให้เย็นลง

      มือบางแตะลงไปบนกำปั้นที่กำแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่มีให้ ทุเลาเบาลง พอได้รับไออุ่นจากคนด้านข้างก็ดูเหมือนว่าเขากำลังมีสติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง สายตาหันไปมองคนหน้าหวานตรงหน้า

      "ใจเย็นๆ นะพี่จง คีย์ว่าค่อยๆ พูดกันดีกว่า" จงฮยอนถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งยาวๆ แล้วก็พยักหน้ารับคนตรงหน้า เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ โดยมีร่างบางเดินตามไปติดๆ นั่งลงได้พักเดียวก็มีมือปริศนามาปิดตาตนเองไว้ทั้งสองข้าง จงฮยอนรู้ได้ทันทีว่าความขี้เล่นของคนๆ นี้จะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่คนเป็นน้องเล็กของตระกูลลี

      จงฮยอนจับมือเล็กที่ปิดตานั้นลูบคลำไปมาไม่ยอมปล่อยจนเจ้าของมืออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา

      "ทายสักทีสิฮะ พี่จงฮยอน"

      "จะ มีใครล่ะที่ชอบเล่นปิดตาพี่แบบนี้ สู้พี่ไม่ตอบแล้วจับมือนิ่มๆ แบบนี้นานๆ ไม่ดีกว่าหรอ จริงไม๊" แทมินรีบชักมือออกมาจากมือแกร่ง เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังเสียเปรียบอยู่ เพี๊ยะ!!! แล้วเสียงดังเพี๊ยะก็ดังขึ้นเนื่องจากจงฮยอนเจอฝ่ามืออรหันต์เข้าให้แบบ เต็มๆ

      "คีย์ พี่เจ็บนะ ยาหยี"

      "แทมินยังเด็กอยู่นะครับพี่จง พูดอะไรหรือเล่นอะไรให้มันน้อยๆ หน่อย"

      "ทำไม หึงพี่กับแทมินหรือไง ไม่ต้องห่วงนะ พี่น่ะ รักเท่าๆ กันนั่นแหล่ะน่า"

      "พี่จง !!!!" คีย์เริ่มเสียงดังขึ้น

      "โอเคๆๆๆ พี่จะพยายามควบคุมสติให้ได้ ท่องไว้ๆ น้องยังเด็ก แต่ถ้าโตแล้ว พี่ก็จัดการได้ใช่ไม๊"

      โป๊ก !!!! จงฮยอนเจอไปเต็มๆ กับสันหนังสือเล่มหนาที่แทมินเหน็บเอาไว้ข้างๆ แขน เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมาฟาดลงไปบนศีรษะของชายหนุ่มที่เพิ่งพูดจบไปเมื่อสัก ครู่

      "โอ๊ะ ผมขอโทษนะฮะ พี่จงฮยอน มันหลุดมือพอดีน่ะ คิกๆๆ" แทมินพูดเสร็จก็หลุดขำออกมานิดหน่อย

      "แท มิน มานี่เลยทำพี่เจ็บแล้วจะหนีพี่ไปง่ายๆ แบบนี้หรอ ห๊ะ ไม่มีทางเสียหรอก เสียเชิงชายพี่หมด" จงฮยอนเดินไปดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่แทมินกลับหลับตาพริ้มเพราะกลัวว่าจงฮยอนจะทำอะไรนั่นเอง ชายหนุ่มยิ้มกับภาพที่ได้เห็น ความน่ารักของแทมินนั้นไม่ได้เป็นรองคนเป็นพี่ชายเลยจริงๆ มันถึงทำให้เขาไม่สามารถตัดใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้เสียที

      "ไม่ต้องมาหลับตาหนีความผิดเลยนะ เด็กน้อย"

      "ข้า เปล่า ข้าไม่ได้กลัวท่านสักหน่อย" ทั้งๆ ที่ยังหลับตาแต่ปากก็ยังกล้าอยู่ใช่น้อย มันน่าจับลงโทษชะมัดแต่ติดตรงที่เพิ่งบอกร่างบางอีกคนไปว่าตนเองจะพยายามควบ คุมสติให้ได้ว่าน้องยังเด็กอยู่ จึงยอมปล่อยแต่โดยดี

      "ฝากไว้ก่อนเถอะ เด็กน้อย" แทมินรีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชายรองทันที

      "ลงโทษน้องไม่ได้ ลงกับพี่แทนได้ไม๊เนี้ย"

      "เข้า มาสิ ข้าจะชกตาพี่ให้เขียวทั้งสองข้างเลยคอยดู พี่จงฮยอน" คีย์ทำท่าตั้งกาดอย่างแข็งขัน นึกว่าเขาจะกลัวกับท่าทางนั้นหรอ ฝันไปเถอะ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เดินลงไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขำกับคนร่างบาง ตรงหน้าที่ทำท่าทางแบบนั้น

      สุดท้ายคีย์ก็ยอมวางกำปั้นลงแล้วเดินเข้า ครัวไปทำอาหารต่อโดยมีแทมินเดินตามเข้าไปด้วย เพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนที่เผลอเมื่อไหร่ไม่ได้จะต้องแอบมากินเล็กกินน้อยกับ ตนเองเสมอ แทมินรู้ว่าพี่จงฮยอนคิดยังไงกับตนเองและพี่คีย์ ใช่ว่าพวกเราสองคนพี่น้องจะไม่เคยคุยกันเลยเสียเมื่อไหร่ พวกเราต่างก็บอกความรู้สึกของตนเองให้รับรู้ซึ่งกันและกันแล้ว

      สรุป ว่าเราทั้งคู่รู้สึกดีกับพี่จงฮยอนซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่ จะทำใจยอมมีคนรักเป็นคนๆ เดียวกัน แต่สำหรับพวกเรา มันง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร แค่เรายอมรับในสิ่งที่มันเป็นไปก็เท่านั้น ความรักของพวกเราอาจจะไม่ใช่แค่คนสองคนแต่ความรักในแบบฉบับพวกเราคือ คนสามคนที่รักกันก็แค่นั้นเอง

      .
      .
      .

      มินโฮเดินไปง้อจิ นกิจนเป็นผลสำเร็จพากลับเข้ามาภายในบ้าน ก็เห็นคีย์และแทมินกำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็น จินกิขอตัวเข้าไปช่วยน้องๆ ภายในห้องครัว ทิ้งให้ชายหนุ่มทั้งสองนั่งมองหน้ากันไปมา โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันทั้งสิ้น จนกระทั่ง ....

      "พี่ จินกิ พี่ทำอะไรแทมินอ่ะ พี่ๆ ปล่อยแทมินนะ พี่จินกิ !!!!!! ช่วยด้วย พี่จง ช่วย แทมินด้วย !!!" เสียงคีย์ดังออกมาจากในครัวดูเหมือนว่ากำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มทั้งสองคนรีบวิ่งเข้าไปตามเสียงที่ดังออกมา

      เมื่อเข้ามาก็ พบกับร่างของแทมินที่กำลังนนอนหน้าซีดเหมือนคนที่สูญเสียเลือดไปจำนวน มากอยู่ แล้วก็เห็นจินกิกำลังดูดนิ้วของแทมินอยู่ด้วยหน้าตาที่เหมือนเคลิบเคลิ้ม แล้วมีความสุขอย่างมาก มินโฮรีบเข้าไปกระชากตัวของจินกิให้ออกมาจากร่างของน้องชายทันที จงฮยอนรีบเข้ามารับร่างของแทมินที่ดูเหมือนว่าจะหมดสติไปแล้ว

      "จินกิ ตั้งสติสิ จินกิ !!!!" มินโฮพยายามเรียกสติของคนตัวเล็กในอ้อมกอดเอาไว้

      "แทมิน แทมิน!!!" จงฮยอนอุ้มร่างของคนที่หมดสติออกไปจากห้องแล้วพาไปนอนลงบนโซฟาพยายามนวดไป ตามร่างกายเพื่อเรียกให้แทมินฟื้นคืนสติเร็วๆ เขาสังเกตดูบาดแผลจากนิ้วมือเรียวของร่างบางที่ตอนนี้ไม่มีเลือดสักหยดไหล ออกมาเลย ส่วนคีย์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ยังคงยืนอึ้งมองหน้าคนเป็นพี่ชายด้วย ความหวาดกลัว

      จงฮยอนปล่อยให้แทมินนอนหลับพักผ่อน สักพักก็คงฟื้นแล้วรีบเดินกลับเข้ามาหาร่างบางอีกคนที่กำลังช็อคกับอะไรสัก อย่าง ชายหนุ่มดึงร่างของคีย์เข้ามากอดปลอบไว้ ร่างของคีย์ยังไงสั่นเทาอยู่ไม่หาย สายตาก็ยังคงจ้องมองไปยังพี่ชายที่อยู่ในอ้อมกอดของมินโฮ

      จงฮยอนพยายามประมวลเหตุการณ์ที่มันกำลังเกิดขึ้น เขาสัเกตพฤติกรรมของจินกิมาตลอดระยะเวลาอาทิตย์กว่าแล้วที่ไม่ยอมแตะต้อง อาหารเลยเป็นอาทิตย์ๆ แล้วไหนจะไอ้บาดแผลตรงข้อมือของเพื่อนเขาอีกที่มันเกิดขึ้นทุกอาทิตย์เช่น เดียวกัน แล้วก็เหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้นกับแทมิน ลักษณะของแทมินเหมือนคนขาดเลือดแบบกระทันหันโดยมีจินกิที่นั่งดูดนิ้วตรงที่ มีบาดแผลของแทมินจนทำให้บาดแผลถูกเปิดกว้างขึ้นแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยดซึ่งดูเหมือนกว่าแทมินโดนดูดเลือดไปเกือบจนหมดตัวนั่นเอง

      "มินโฮ เกิดอะไรขึ้นกับจินกิ นี่ใช่ไหมเหตุผลที่แกไปทำพันธะสัญญาเป็นนักบุญพิฆาตน่ะ เพื่อที่จะได้อยู่กับจินกิตลอดไปใช่ไหม" จงฮยอนเอ่ยถามเพื่อนของตนเอง แต่มินโฮยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร

      "จินกิจะต้องถูกกำจัด แกเข้าใช่ไหม มินโฮ"

      "ไม่ !!!!!!!! ข้าจะรับผิดชอบเขาเอง ไม่ต้องห่วง นี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาแค่ดื่มเลือดของข้าก็อยู่ได้แล้ว แกไม่เห็นหรือไง"

      "แล้ว นั่นล่ะที่นอนอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ แกจะอธิบายยังไง แทมินเกือบโดนดูดเลือดจนหมดตัว แวมไพร์มักจะลืมตัวเมื่อได้เห็นเลือดอยู่ใกล้ๆ จินกิจะไม่มีสติรับรู้ว่า ใครคือน้องชายเขาอีกแล้ว"

      มินโฮนิ่งเงียบกอดร่างของคนรักไว้แน่น ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว จินกิร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินประโยคของจงฮยอนที่พูด

      "ข้าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว"

      "ไม่มีครั้งหน้าแน่ ไอ้มินโฮ เพราะจินกิจะต้องถูกกำจัดในคืนนี้" จงฮยอนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนตนเอง

      "ข้าจะดูแลเขาเอง ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ข้าสัญญา"

      "จินกิอันตรายกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั้งแก ไอ้มินโฮ"

      "ใช่สิ แกก็พูดได้ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่แกรักนี่ ถ้าคีย์หรือแทมินเป็นขึ้นมาบ้าง แกจะทำยังไง ห๊ะ ไอ้จง !!!"

      "......"

      "ไง ตอบไม่ได้ใช่ไหม / ฆ่าข้าเถอะ จงฮยอน" จินกิที่เงียบอยู่นาน ดูเหมือนจะได้สติของคนๆ เดิมกลับมาแล้ว มินโฮจ้องมองหน้าคนรักที่พูดออกมาแบบนั้น

      "จินกิ พูดอะไรออกมาแล้วข้าจะไปทำพันธะสัญญาบ้าๆ นั่นไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้า ข้าจะอยู่กับเจ้าเอง จินกิไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลเจ้าเอง" จินกิผลักคนตัวโตให้ออกห่างตนเอง

      "กำจัดข้าซะ มินโฮ ข้าขอร้อง ข้าทำร้ายน้องตัวเอง ข้าทำใจไม่ได้หรอกนะ ฮึกๆๆ"

      จงฮยอนปล่อยร่างของคีย์ออกจากอ้อมกอดที่ยังคงช็อคไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น แล้วเดินตรงมายังร่างของจินกิที่ร้องไห้อยู่เงียบๆ ความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ว่าจินกิเป็นอันตรายสำหรับทุกคนจริงๆ เขาจึงจำเป็นต้องทำ เขารู้ว่ามินโฮทำไม่ได้แน่ๆ เขาจึงตัดสินใจจะเป็นคนที่ทำมันเสียเอง จงฮยอนหยิบอาวุธประจำกายขึ้นมา พร้อมที่จะปฏิบัติการ

      "ถ้าแกจะฆ่าจินกิ ข้ามศพข้าไปก่อน" มินโฮเดินเข้ามายืนขวางร่างของคนรักเอาไว้

      "ถอยไป มินโฮ ข้าไม่อยากเสียเวลา"

      มินโฮนำอาวุธของตนเองออกมาเช่นกัน สายตามุ่งมั่นมากที่จะปกป้องคนที่ตนเองรักเอาไว้ จินกิยังคงยืนร้องไห้อยู่ที่เดิม

      "ข้าฝากน้องๆ ของข้าด้วยนะ จงฮยอน ฝากดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย ฮึกๆ มินโฮ ข้าขอร้อง กำจัดข้าซะ อย่าได้ปล่อย่ข้าไว้เลย มันจะเป็นอันตรายสำหรับเจ้า ข้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อข้าหิวหรือได้กลิ่นคาวเลือด เจ้าก็เห็น ฮึกๆ ฉะนั้น เถอะนะ กำจัดข้าซะ"

      "ข้าทำไม่ได้จินกิ เชื่อข้า ว่าข้าจะดูแลเจ้าได้ เชื่อข้าสิ" มินโฮกอดร่างบางเอาไว้แน่น หยดน้ำตาที่ไม่เคยไหลให้กับใครมาก่อน ตอนนี้มันกลับไหลออกมาเพื่อขอร้องร่างบางให้อยู่กับเขาต่อไป

      "ฮึกๆ มินโฮ ดูแลตัวเองดีๆ นะ ฮึกๆ ข้ายังไม่เคยบอกเจ้าใช่ไหม ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน มินโฮ ฮือๆ" จินกิใช้แรงผลักร่างของคนรักที่ตนเองเพิ่งจะบอกความในใจออกไปกระเด็นไปอีก ฝั่ง พอที่่่จงฮยอนจะมีเวลาทำภาระกิจที่ตั้งใจไว้ได้ทัน

      "จงฮยอน ข้าฝากน้องๆ ของข้าด้วย"

      "ได้ ข้าจะดูแลคีย์กับแทมินให้ท่านเอง จินกิ อภัยให้ข้าด้วย" จินกิพยักหน้าพร้อมทั้งหลับตายอมรับชะตากรรมที่เขากำลังจะได้รับมันในไม่ช้า

      "อย่า นะ ไอ้จง !!!!!!" มินโฮตะโกนร้องขอเพื่อนตัวเองไว้ เขารีบลุกขึ้นเพื่อหวังให้ทันเข้าไปขวางการกระทำของเพื่อนตัวเตี้ย จงฮยอนเริ่มหมุนอาวุธเพื่อเตรียมที่จะกำจัดคนตรงหน้า ปลายมีดเริ่มปรากฏให้เห็นจากนั้นก็ ..........

      หมับ !!!

      "พี่จง อย่าทำอะไรพี่จินกิเลย ข้าขอร้อง ฮือๆๆ" จงฮยอนหยุดชะงักการกระทำเอาไว้แค่นั้นแล้วหันมามองร่างบางที่เดินเข้ามากอด เอวของตนเองไว้ ส่วนมินโฮที่ตอนนี้วิ่งเข้ามาถึงตัวอของคนรักแล้ว เขาดึงร่างของจินกิเข้าไปกอดไว้จนแน่น เมื่อสักครู่นี้เขาคิดว่าเขาจะเสียคนที่เขารักไปเสียแล้ว แต่พระเจ้าคงเห็นความดีที่เขาได้ทำมาทั้งหมดช่วยเหลือคนรักของตนเองเอาไว้

      "คีย์"

      "นะ คีย์ขอร้อง อย่าทำร้ายพี่จินกิของคีย์เลยนะพี่จงฮยอน ฮือๆ"

      "ข้าจะพาจินกิไปจากที่นี่ จะพาไปอยู่ในที่ห่างๆ จากมนุษย์ และข้าสัญญาว่าเจ้าจะไม่ได้เห็นแวมไพร์ตัวสุดท้ายตนนี้อีกต่อไป... ไอ้จง"

      มิ นโฮอุ้มร่างบางของจินกิขึ้นแล้วเริ่มวิ่งพาออกไปจากตัวบ้านแล้วตัวหมู่บ้าน เขาจะพาจินกิหนีจากมนุษย์พวกนี้ จะพาไปในที่ๆ เหลือแค่เขากับจินกิเท่านั้น จากนี้ตลอดไปจวบจนตลอดกาลจะมีแค่เขาและจินกิเท่านั้น เขาทั้งคู่จะไม่มีวันแยกจากกันตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์

      .
      .
      .



      The End

      จบแล้วค่ะ มันจบแล้ว ฮ่าๆๆ จบแบบห้วนไปไหมอ่า เหอๆๆ เค้าต่อมะได้แล้วอ่ะ จบเถอะนะ แหะๆๆๆ แล้วจะพยายามในเรื่องต่อๆ ไปนะคะ


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×