ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Murderer (Chanbaek) ft.BTS

    ลำดับตอนที่ #4 : Murderer : 3 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 79
      0
      1 เม.ย. 57

    3

                “เฮ้อชานยอลถอนหายใจแรงๆทันทีที่ทิ้งตัวเองลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นคลึงเค้นกระบอกตาทั้งสองข้างที่ปวดหนึบ ผลลัพธ์จากการที่ไม่ได้หลับพักผ่อนเต็มที่พากันย้อนกลับมาทำร้ายเค้า ไร้เรี่ยวแรง หมดซึ่งพลังงาน แบกร่างตัวเองมาที่ทำงานได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย ทำไมกูถึงรับปากว่าจะช่วยมึงทำคดีวะ อยู่เฉยๆก็ดีอยู่แล้วไอ้ชานยอลเอ๊ย...

     

                จงอินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะร่วนหลังจากที่ได้ฟังเพื่อนร่างสูงบ่นครวญคราง กูบอกแล้วว่ายังไงมึงก็ต้องช่วยกู คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะครับไอ้คุณปาร์ค

     

                “เพื่อนตาย? กูเนี่ยสิตาย!” ร่างสูงชักสีหน้า น้ำเสียงทุ้มตอบกึ่งตะคอก ตอนแรกก็อยากจะถอนตัวอยู่หรอก แต่ดันพูดโชว์พาวเวอร์ไว้ซะดิบดี มีสักขีพยานเป็นตำรวจในเหตุการณ์ร่วมยี่สิบชีวิตได้ รวมถึงเบื้องบนก็มีคำสั่งให้เค้าต้องทำคดีนี้ด้วย มัดมือชกกันชัดๆ

     

                ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากเกิดคดี การฆาตกรรมสุดหฤโหดนั้นก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน การดำเนินงานที่ดูเหมือนวิ่งไล่จับจนเกือบจะถึงตัวคนร้ายนั้น แท้จริงแล้วกำลังย่ำอยู่กับที่ ฝ่ายคนร้ายฝ่ายเดียวต่างหากที่กำลังวิ่งหนีไปไกล และกำลังจะติดปีกบินหนีไปด้วย ย๊า... อยากจะระเบิดตัวเองทิ้งจริงโว้ยว่าแล้วก็ทึ้งหัวตัวเองไปมาราวกับคนเสียสติไม่ปาน

     

                ทำอะไรแคร์สายตาชาวบ้านชาวช่องเค้าด้วย นี่ถ้าคนอื่นรู้ว่ามึงเป็นถึงสารวัตรล่ะก็ ประชาชนเค้าจะพากันเสื่อมศรัทธากันหมด

     

                ไม่แคร์ว่ะ... แล้วมีอะไรแดกบ้างเนี่ยกูหิวชานยอลถามเสียงอ่อนระโหย

     

                มาร้านกาแฟแดกข้าวมั้งครับคุณเพื่อน เอางี้เดี๋ยวกูสั่งให้มึงเอง กาแฟร้านนี้กูมาดื่มประจำ รับรองว่าถูกใจมึงแน่นอน

     

                “แล้วถ้าไม่ถูกใจอ่ะ?”

     

                “ก็กระดกลงคอไปไม่ต้องเรื่องมาก

     

                จงอินไม่รอให้เพื่อนรักยกเท้าถีบ ร่างโปร่งเดินตัวปลิวมาที่เคาท์เตอร์ซึ่งก็มีเจ้าของร้านร่างอ้วนท้วมท่าทางใจดีระบายยิ้มอ่อนๆต้อนรับอยู่แล้ว ว่าไงครับคุณลูกค้า วันนี้เหมือนเดิมรึเปล่า?” ถามลูกค้าประจำด้วยน้ำเสียงสดใส

     

                เหมือนเดิมครับ แต่ขอเป็นสองที่นะครับชายอ้วนเอียงคอสงสัย ชะเง้อมองโต๊ะของจงอินก็ทราบว่าทำไมคนผิวเข้มถึงสั่งเพิ่มเป็นสองที่ โอเคครับ แล้วรับของหวานอะไรเพิ่มมั้ย? เค้กไม่ก็คุกกี้เนยไว้ขบเคี้ยวเล่น

     

                ร่างโปร่งยืนคิดซักพัก งั้นเอาคุกกี้เนยมาแล้วกันครับคาดว่ากาแฟอย่างเดียวคงจะไม่ทำให้ชานยอลฟื้นตัวได้ ต้องอัดพวกขนมอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตให้มันเพิ่มไปอีก คนที่เดินหายไปหลังร้านซักพักก็ออกมาพร้อมจานไม้เนื้อดีที่มีคุกกี้อบร้อนๆโรยช็อคโกแลตชิพน่าทานและคาปูชิโน่หอมกรุ่นเสิร์ฟเคียง จงอินรับมาแล้วเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ร่างสูงในสภาพซากซอมบี้พอได้กลิ่นขนมเข้าก็กระเด้งตัวขึ้นมา รับขนมจากเพื่อนมานั่งกินอย่างตะกละตะกลาม ไม่รู้ว่าเพราะคุกกี้มันอร่อยมากหรือคนตรงหน้าจงอินนั้นหิวมากกันแน่

     

                เออกูขอถามเรื่องงานแปบนะชานยอล ถามจริงตอนนี้พอจะได้อะไรเพิ่มมารึเปล่าวะร่างสูงที่เคี้ยวคุกกี้ตุ้ยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับจงอิน จะว่าเจอก็เจอคุกกี้ที่ถูกกัดแหว่งหายไปครึ่งหนึ่ง เด็กคนที่ตายทำงานอยู่ที่บาร์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ

     

                “ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆนับตั้งแต่ทำคดีนี้มา แล้วยังไงต่อ?”

     

                “คนที่บาร์บางคนอาจจะเห็นหน้าคนร้ายตอนอยู่กับผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ คืนนี้ฉันว่าจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเหมือนกัน สนใจไปด้วยกันมั้ยล่ะ?”

     

                จงอินถอนหายใจ ถึงจะบอกว่าไม่ไป ยังไงก็ต้องถูกลากตัวไปอยู่ดีว่ะ คาปูชิโน่ถูกยกขึ้นดื่มจนพร่องหายไปเหลือเพียงครึ่งแก้วในคราเดียว

     

     

     

     


     

                หลังจากดวงตะวันคล้อยจากไป ผืนฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แสงสีหลอกตาจากฝีมือมนุษย์ก็เริ่มสว่างไสวเข้าแทนที่ ย่านสถานอโคจรเริ่มคึกคักผิดจากช่วงกลางวันที่เงียบเหงา ผู้คนมากหน้าหลายตาในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยดึกเดินกันขวักไขว่ จุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือต้องการที่พักผ่อนหย่อนใจ คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานนอกเหนือจากการนอนหลับ

                หญิงสาวจำนวนไม่น้อยออกมานั่งรับลูกค้าที่หน้าร้านของตนเอง อวดเรือนร่างอันน่าเย้ายวนชวนสัมผัส หน้าอกเต่งตึงล้นทะลักคับอาภรณ์ชิ้นน้อยที่สวมใส่

               

    แต่ยกเว้นกับสถานเริงรมย์แห่งนี้

     

                ไนท์บารอน ไม่ใช่ตัวละครในการ์ตูนชื่อดัง แต่มันเป็นชื่อบาร์เกย์แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายบางอย่างยากจะถอนตัว อาจจะแปลกใจว่าทำไมบาร์ของเพศที่สามถึงได้ดึงดูดลูกค้าได้ดีนัก ในร้านไม่มีสารเสพติด อย่างพวกสารนิโคตินเคลือบกลิ่นผลไม้หอม หรือแม่เสือสาวหุ่นเอ็กซ์มาคอยนั่งคุยแก้เหงา ชวนดื่มย้อมใจ



                แต่ที่นี่เปลี่ยนจากผู้หญิงสวยๆ ทรวดทรงองค์เอวได้สัดส่วน มาเป็นหนุ่มๆหน้าตาดี ทำหน้าที่เดียวกับพวกเด็กดริ้งค์สาวๆตามผับปกติทั่วไป เด็กในร้านจะทำหน้าที่เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา พร้อมรับฟัง เป็นที่ระบายให้กับบรรดาเหล่าลูกค้าที่มีปัญหาหนักใจ หรือถ้าลูกค้าต้องการมากกว่านั้น หนุ่มๆเหล่านี้ก็พร้อมจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เช่นกัน ผับแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาชายชาตรีที่มีรสนิยมรักร่วมเพศหรือจะเป็นชายทั้งแท่งที่คิดอยากลองของแปลกก็มี


    จนกระทั่งเกิดเรื่อง


                คิมจงแดนั่งเหม่อมองบรรยากาศภายในร้านด้วยแววตาเฉยชา ตั้งแต่เด็กในร้านถูกฆ่าตายไป เหล่าพนักงานในร้านหลายคนก็พากันยื่นใบลาออก เพราะต่างก็กลัวว่าฆาตกรโฉดนั้นอาจจะเล็งเป้ามาเล่นงานตนก็เป็นได้ เจ้าของร้านอย่างจงแดก็ทำได้เพียงพยักหน้า แสร้งเป็นว่าเข้าใจในเหตุผล ยอมเซ็นอนุมัติลาออกให้เด็กในสังกัดหลายคน ที่เหลืออยู่ก็มีแต่พวกที่ทำงานกับเค้ามานาน มีความผูกพันกับร้านมากพอที่จะยอมเสี่ยงชีวิตทำงานนี้ต่อไป

                คนดูบางตาลงไปมากเมื่อเทียบกับก่อนเกิดคดีฆาตกรรม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยลงไปเลยเสียทีเดียว วันนี้เป็นวันพิเศษที่ทางร้านจะมีจัดโชว์ แต่ก็คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ คิดแล้วก็ทอดถอนใจออกมายาวๆอย่างเบื่อหน่าย


    จุ้บ!


                "เฮ้ย"



                "ผลวิจัยเค้าบอกว่าถอนหายใจมากๆจะทำให้แก่เร็วนะครับ" จงแดลูบแก้ม นึกหงุดหงิดบุคคลตรงหน้าขึ้นมาดื้อๆ คิมซอกจินเป็นหนึ่งคนที่ยังยืนหยัดอยู่เคียงข้างเค้า เด็กลามกนี่เป็นคนที่มีแต้มสะสมยอดลูกค้าสูงที่สุด คำพูดที่นุ่มนวลแสนสุภาพบุรุษบวกกับน้ำเสียงอ่อนหวานชวนให้คล้อยตาม ก็เป็นกาวชั้นดีที่ยึดลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น



                "อย่าทำแบบนี้อีกนะจิน ฉันไม่ชอบ"


                ร่างสูงที่ยืนเท้าคางจ้องใบหน้าจงแดอยู่ข้างๆยิ้มละมุน "ผมขอโทษ ก็เห็นพี่เหม่อ ก็เลยทำให้หายเหม่อแค่นั้นเอง" เด็กหนุ่มพูดไปตามความจริง "พี่เลิกคิดมากเรื่องร้านได้แล้วนะ มีแค่ผมร้านนี้ก็รวยระเบิดแล้ว นี่ยังไม่นับไอ้แป๊ะหน้าขาวกับไอ้สุดติ่งกระดิ่งแมวด้วยนะเนี่ย"



                ร่างเล็กก้มหน้าลง พลางส่ายหัวไปมา "ปัญหามันไม่ใช่ตรงนั้นหรอก ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่"จงแดเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปรอบๆ คิดถึงวันวานเก่าๆที่มีทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า



                "พี่อย่าไปใส่ใจเลย ยังไงพี่ก็มีน้องคนนี้อยู่นะ" ซอกจินกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ รั้งเอวบางของคนมีศักดิ์เป็นนายจ้างมากอดแน่นๆ ซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังเนียนไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของอีกฝ่าย "ไอ้เด็กเวร ปล่อยนะเว้ย! ฉันจะหักเงินเดือนนายแน่ถ้ายังไม่ยอมปล่อย!"



                จงแดดิ้นขลุกขลักอยู่ซักพักก็นิ่ง จนฝ่ายกอดแปลกใจคลายแรงที่รัดเอาไว้ออก หันไปตามที่จงแดกำลังจ้องมองไปอยู่ "มีอะไรหรอพี่?"


                ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองนิ่งไปที่คนสองคนที่กำลังก้าวเข้ามาในร้าน ตำรวจ

     

     

     

                “ก็ดูดีกว่าที่คิดนะร่างสูงถูจมูก ภาพในความคิดนั้นดูผิดไปมากเมื่อได้มาเห็นของจริงกับตา ไฟในร้านมืดสลัว แต่ก็สว่างพอจะเห็นคนในผับที่นั่งกันอยู่ประปราย กลิ่นหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆลอยวนในอากาศ คลอเคล้าด้วยเสียงดนตรีแจ๊สเพราะๆฟังสบายหู ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่ เปียโนหลังใหญ่มันเงาตั้งอยู่ด้านบน แต่ไร้ซึ่งนักดนตรีที่ทำหน้าที่บรรเลงมัน

     

                ชานยอลไม่สนใจตรงนั้น ชายหนุ่มเดินตรงปรี่ไปที่เคาท์เตอร์โดยที่มีจงอินเดินตามหลังมาติดๆ สวัสดีครับ ไนท์บารอนยินดีต้อนรับจงแดกล่าวต้อนรับแขกอย่างที่ทำเป็นปกติ ส่วนจินนั้นเพียงแค่มองหน้าลูกค้าทั้งสองคนด้วยแววตาเรียบเฉย แล้วจึงเดินหลบออกไป

     

                ร่างสูงแสดงตราประจำตัวให้อีกฝ่ายดู จงแดไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกอะไรนัก ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่หล่นมาปรกหน้าให้พ้นสายตา ช้อนตาขึ้นมองทั้งสองคน อะไรดลใจให้คุณตำรวจแวะมาเยี่ยมเยียนได้ครับ ผมมั่นใจว่าร้านของผมนี่ปลอดเรื่องยาเสพติดนะ

     

                "ผมไม่ได้มาเรื่องนั้นหรอก ไม่ต้องกังวล ผมจะมาสอบถามเรื่องเด็กที่เสียชีวิต" 



                ร่างบางก้มมองต่ำ สูดลมหายใจลึกๆ "... ถามมาสิครับ" จงแดยืดตัวขึ้น หมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับทั้งสองตรงๆ "คุณพอจะจำได้รึเปล่าว่าใครเป็นคนออฟเด็กคนนั้นออกไป?"

    .

    .

    .

    .



                'นี่ค่ากองกลางอาทิตย์นี้ ส่วนนี่ค่าออฟครับพี่เฉิน' เด็กหนุ่มหน้าหวานเดินยิ้มร่าเข้ามา วางแบงค์วอนหลายใบไว้ให้ แบ่งออกเป็นสองกอง ร่างบางที่กำลังง่วนกับการจัดของละงานที่กำลังทำอยู่หันมามองอีกฝ่าย

              'ทำไมจ่ายก่อนล่ะ มีคนออฟนายหรอ?'


              'ใช่ มีถุงยางมั้ยอ่ะ' เด็กหนุ่มยิ้มแหย งานลักษณะนี้มีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ตลอดเดือนนี้ก็นับรวมได้ไม่ต่ำสิบกว่าครั้ง เข้าออกร้านสะดวกซื้อเพื่อไปซื้อถุงยางเป็นว่าเล่นจนแคชเชียร์จำหน้าได้แล้ว

              จงแดพยักหน้าหงึก หยิบห่อพลาสติกสีดำมันจากกระเป๋ากางเกงให้อีกคน 'ว้าว~ แบบขรุขระ พี่ชอบแบบนี้หรอ?'


              'ทะลึ่ง' เจ้าของร้านร่างเล็กวาดมือตบเข้าตรงแขนที่อีกฝ่ายเท้าอยู่ด้วยความหมั่นไส้ 'อย่าเอาแต่รับงานแบบนี้สิ หัดปฏิเสธซะบ้าง ถ้าเงินเดือนไม่พอใช้ก็บอกเดี๋ยวฉันเพิ่มให้'


              'ไม่เอาเดือดร้อนพี่เปล่าๆ ผมไปก่อนนะ ลูกค้ารอนานแล้ว' 


              'เดี๋ยวก่อน'


              'ครับ?' เด็กหนุ่มหยุดชะงักก่อนหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่เรียกตนเอาไว'ลูกค้าคนไหนที่ซื้อเวลานายไป ชี้หน้าให้ฉันดูหน่อยสิ'


              เด็กหนุ่มพยักหน้ารัว นิ้วเรียวชี้ตรงไปที่ผู้ชายร่างสูงแต่งตัวภูมิฐาน ใส่แว่นกันแดดสีชาปกปิดดวงตาเอาไว้ ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเค้านั้นเป็นใคร


    แต่จงแดรู้ รู้จักดีเสียด้วย


              'ผมไปก่อนนะพี่ พรุ่งนี้เจอกัน' น้ำเสียงทุ้มฉุดชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ขึ้นมา ต้องรีบห้ามก่อนที่เด็กคนนั้นจะไป แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว แต่ในขณะที่จงแดกำลังเปล่งเสียงร้องเรียก ชายปริศนาคนนั้นก็รั้งเอวเด็กหนุ่มเข้ามาชิดกาย กดศีรษะเล็กลงซุกกับอก หันมามองที่เค้า รับรู้ถึงแววตาแข็งกร้าวที่ถูกบดบังไว้ด้วยเลนส์แก้วราคาแพง ริมฝีปากหนาขยับเป็นคำพูด แม้ไม่ได้ยินเสียง ความรู้สึกหวาดกลัวที่มีต่อชายร่างสูงคนนั้นก็ทำให้ขนบนร่างกายพากันลุกชัน

     

    อย่า-สะ-เออะ

    .

    .

    .

    .




                เมื่อคิดถึงคำพูดนั้นแล้ว ร่างบางก็เลือกที่จะส่ายหัว "จำไม่ได้ คนเยอะแยะจะตายผมไม่มีเวลามาสนใจลูกค้าแต่ละคนหรอกนะ" ริมฝีปากบางแห้งผาก อยู่ๆก็รู้สึกกระหายน้ำ เผลอยกค็อกเทลที่มิกซ์ไว้ในแก้วทรงสวยขึ้นมาดื่ม หนีไม่พ้นกับสายตาเคลือบแคลงของของตำรวจร่างสูงที่มองจงแดทุกอิริยาบถ


                "งั้นหรอ…" จงอินลากเสียงยานคาง "ถ้ามีใครซักคนมาซื้อชั่วโมงพนักงานของคุณไป อย่างน้อยคุณก็ต้องจำหน้าได้ลางๆแหละ นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นพวกไม่ใส่ใจชาวบ้าน สนใจเอาแต่เงินอย่างเดียวใครจะไปไหนทำอะไรก็ช่าง" ชานยอลกระทุ้งศอกใส่เพื่อนเมื่อเห็นว่าใช้คำพูดไม่ให้เกียรติกับพยานปากสำคัญ จงแดหันขวับ มือเรียวเล็กกำแน่นจนข้อซีดขาว พยายามเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้ใต้ใบหน้าหยิ่งยโส

     

                “จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ อยู่ในวงการนี้สิ่งที่ผมต้องการอย่างเดียวก็คือเงินร่างเล็กตอบน้ำเสียงหยาบกระด้าง ลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มฉายแววไม่เป็นมิตรแก่สองคนตรงหน้า ผมว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วล่ะคุณลูกค้า ถ้าไม่ได้มาใช้บริการ ก็ขอเชิญทั้งสองท่านออกไปจากร้านของผมด้วย ผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะ

     

                จงแดเดินหลบทั้งคู่ออกไปในทันที ทิ้งให้สองสารวัตรนั่งคอตกด้วยความผิดหวัง อะไรวะ แค่พูดแขวะนิดหน่อยถึงกับต้องอารมณ์เสีย เป็นเมนส์เปล่าวะคิมจงอินทุบโต๊ะเบาๆระบายความหงุดหงิด ตอนนี้คนที่อารมณ์เริ่มไม่คงที่ถัดจากจงแดคงจะเป็นพ่อหน้ามึนจงอินเสียแล้ว แต่ชานยอลไม่ใช่แบบนั้น

     

                วันพระไม่ได้มีหนเดียว ซักวันหมอนั่นก็ต้องคายสิ่งที่ปิดบังเอาไว้ออกมาเองนั่นแหละ


     

     

               

                จงแดรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก การที่เค้าเลือกจะให้การเท็จกับตำรวจไม่ใช่สิ่งที่ดี ตอนนี้ถึงได้มาลนราวกับหนูติดจั่นอยู่ในห้องแต่งตัวนักแสดงที่อยู่หลังเวที บ้าชะมัด! แบคฮยอนก็ติดต่อไม่ได้ซักที!” หงุดหงิดจนอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง

     

                สองคนนั้นออกไปแล้วครับพี่ จองกุกดันประตูเข้ามารายงานสถานการณ์ข้างนอกตามที่คนเป็นเจ้านายได้สั่งเอาไว้ จงแดถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ขอบคุณมาก นายไปทำงานต่อเถอะหนุ่มหน้าสวยพยักหน้า ก่อนจะงับประตูปิดให้เรียบร้อยเหมือนเดิม

     

                พอได้กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง ร่างบางก็จมกับความฟุ้งซ่าน ความหวาดกลัวจากแรงกดดันหลายๆด้านที่ถาโถมเข้ามาราวกับพายุลูกใหญ่ กลืนกินหัวใจดวงน้อยที่เต้นตุบๆในอก และความกล้าที่ต้องเตรียมใจรับกับการมาเยือนของตำรวจ ซึ่งจงแดมั่นใจอย่างแน่นอนว่าชานยอลและจงอินจะต้องมาเหยียบที่นี่อีก

     

    Rrrrrr…

     

                ร่างบางค่อยๆหันไปมองสมาร์ทโฟนที่วางไว้บนโซฟาข้างๆตัว มันสั่นครืดคราด หน้าจอกระพริบโชว์เบอร์ตามจังหวะไฟสว่าง

     

                แบคฮยอน

     

                “ไอ้บ้า! นี่มึงมัวทำอะไรอยู่วะ! กูโทรไปตั้งหลายสิบรอบทำไมไม่รับสาย!” ทันทีที่กดรับสาย จงแดก็ระเบิดออกมาทันที ไม่เหลือมาดผู้ชายสุขุมนุ่มลึก คนที่มักมีสติทุกครั้งไม่ว่าจะพูดหรือกระทำตอนนี้ภาพลักษณ์แบบนั้นถูกฉีกทึ้ง ขาดกระเจิงเป็นที่เรียบร้อย

     

                [กูก็มีงานต้องทำนะ ไม่ใช่นั่งเฝ้าผู้ชายแบบมึงนะ แล้วนี่มีอะไรทำไมเสียงดูไม่ค่อยโอเคเลย]

     

                “พี่คริส...

     

                [อะไรนะ?]

     

                “พี่คริสกลับมาเกาหลีแล้วแบคฮยอน!” สิ้นเสียงจงแด ปลายสายก็เงียบลงไปทันที [...แล้วยังไง? มึงมาบอกกูทำไม]

     

                “มึงจำคดีฆาตกรรมเด็กที่ทำงานร้านกูที่กูโทรไปเล่าให้มึงฟังเมื่อสามสี่วันก่อนได้รึเปล่า คนที่อยู่กับเด็กคนนั้นเป็นคนสุดท้ายน่ะคือพี่คริส!” พูดถึงตรงนี้น้ำอุ่นๆก็รื้นขอบตาเรียว มือเล็กยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่ตามมา

     

                [มึงจะบอกว่าพี่คริสเป็นคนฆ่างั้นหรอเฉิน? มึงแน่ใจหรอ]

     

                กูไม่มั่นใจ แต่คนสุดท้ายที่กูเห็นว่าอยู่กับเด็กกูคือพี่เค้า มึงรู้มั้ยว่าวันนี้ตำรวจมาถามกูถึงร้าน!” เสียงแหลมขาดห้วง กูควรจะทำยังไงดีแบค กูกลัว...

     

                จงแดได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจ [โอเคๆ มึงใจเย็นๆนะ กูอยากให้มึงตั้งสติ แต่ถ้าตำรวจมาถามอะไรอีก มึงก็ปฏิเสธไป]

     

                “ท... ทำไมล่ะแบค

     

                [ทำตามที่กูบอกก็พอ] จงแดจับเสียงปลายสายได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเริ่มหงุดหงิด อาจจะเป็นเพราะว่าเค้าโทรไปรบกวน ...ก็ได้ๆ งั้นแค่นี้นะแบคฮยอน ขอบคุณมาก

     

                [โอเคๆ งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวจะโทรไปใหม่]

     

                แบคฮยอนกดตัดสายทิ้งไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้ระบายและขอความคิดเห็นจากเพื่อนแล้ว จงแดก็รู้สึกโล่งใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้วางใจไปเสียทีเดียว มีบางอย่างที่ทำให้จงแดรู้สึกสงสัยในตัวแฟนเก่าของเพื่อน

     

    การกลับมาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอันตราย....

     

     

    Tbc.

     

                .

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×