ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Murderer (Chanbaek) ft.BTS

    ลำดับตอนที่ #3 : Murderer : 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 123
      1
      6 เม.ย. 57

    2

                    เบื่อ คำเดียวที่อธิบายความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของชานยอลได้ในตอนนี้ บทสนทนาระหว่างสองสุภาพสตรีบนโต๊ะอาหารที่ดูจะออกรสออกชาติราวกับไม่ได้คุยกันมานานนับสิบปี อาหารที่สั่งมานานแล้วกว่าชั่วโมงครึ่งยังไม่พร่องลงแม้แต่น้อย ต่างจากผู้ชายคนเดียวในโต๊ะที่กินแล้วก็กินฆ่าเวลา จนรู้สึกว่าควรจะหยุดเพราะอาหารที่บริโภคไปนั้นขึ้นมาจ่อรอที่คอหอยแล้ว เลยขอนั่งฟังสองสาวคุยกันเงียบๆแม้จะไม่เข้าใจในบางเรื่องที่ทั้งสองคุยกันก็ตาม


                "ใครจะไปรู้ว่าเด็กอ้วนจอมแสบแถมขี้เกียจนี่จะกลายมาเป็นสารวัตรไปได้" น้ำชาอุ่นๆที่กำลังจะไหลลงคอสำลักพรวดออกมา ชานยอลไอแค่กจนน้ำตาไหล แต่แทนที่แม่จะเป็นห่วง กลับหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆแทน นี่เรียกเค้ามากินข้าวเย็นหรือเรียกมาเผากันแน่นะ


                "เหมือนกับลูกชายฉันเลย เมื่อก่อนทั้งร่างกายอ่อนแอ ขี้โรคสารพัด ขาดเรียนก็บ่อยหัวก็ไม่ไว แต่พอขึ้นมัธยมมาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียน ..." ประโยคขาดช่วงไป เพื่อนของคุณนายปาร์คเงียบไปราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แววตาที่อ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองชั่ววินาที แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับควันเทียนต้องลม "สุดท้ายก็สอบติดหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี ฉันเลยหมดห่วง..."


                "แหม อยากจะเจอลูกชายของเธอจัง ดูไว้เลยนะตาปาร์ค จะมาขยันเอาตอนวินาทีสุดท้ายแบบลูกน่ะมันไม่ได้หรอก หัดทำตัวให้พ่อแม่สบายใจบ้าง" 


                "เธอก็พูดเหมือนไม่เคยเจอ เมื่อก่อนฉันก็พาลูกไปเล่นกับชานยอลออกบ่อย เดี๋ยวพอเห็นหน้าเธอจะร้องอ๋อเลยแหละ" สองแม่ลูกกลับทำหน้ามึน ดวงตาฉายแววสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เรื่องมันผ่านมาสิบกว่าปีแล้วใครจะไปจำได้ โดยเฉพาะคนที่เคยได้ใกล้ชิดกับคนที่ว่าอย่างปาร์คชานยอล ยิ่งต้องงงเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้นั้นจำอะไรไม่ได้เลย 


                "เอ... แต่เมื่อไหร่จะมาตาคนนี้ ไหนบอกขอเลทแปบเดียว นี่ก็รอมันตั้งนานแล้วนะ...ตำหนิอีกคนยังไม่ทันจบประโยค คุณหมอที่ชานยอลพึ่งได้พบเจอเมื่อเช้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เหงื่อใสๆผุดพรายตามรูปหน้าหวาน หมอหนุ่มก็เลยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีครีมขึ้นมาตามซับเช็ดจนหมดเกลี้ยง



                "แฮ่กๆ... ขอโทษครับคุณแม่... คือ... พึ่งมีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามา ผมก็เลย..." 

     

                “แบคฮยอน...

     

                “คุณชานยอล... แพทย์หนุ่มตกใจเล็กน้อย เป็นเพราะไม่คาดคิดว่าคนที่แม่บอกให้มาพบจะเป็นคนที่ร่วมงานกันอยู่อย่างชานยอล เอ่อสวัสดีครับ...

     

                “อ้าว นี่จำกันไม่ได้รึไงแบคฮยอน นี่ชานยอล ที่เด็กๆลูกชอบไปวิ่งเล่นกับเค้าไง ร่างบางยิ้มแหยพลางส่ายหน้าน้อยๆ ที่พอจะจำได้เกี่ยวกับสารวัตรหนุ่มตรงหน้าก็คือเพื่อนของเจ้าของคดีฆาตกรรมที่เค้าได้มีส่วนร่วมในการชันสูตรศพเพียงเท่านั้นเอง

               

                จำไม่ได้เลยครับ...

     

                “อะไรกันเด็กสมัยนี้ เดี๋ยวนี้โตขึ้นหน้าตาเปลี่ยนไปนิดหน่อยแค่นี้ก็จำไม่ได้แล้ว แย่จริงๆเลยร่างบางโค้งขอโทษมารดาของตนก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆกับร่างสูง ชานยอลแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าสวยข้างๆอย่างเผลอตัว จนกระทั่งถูกคุณนายปาร์คทักขึ้นมา

     

                เอ้าๆ ตานี่ก็มองใหญ่ ทำไมหรือว่าจำได้หืม?”

     

                “ไม่ใช่ครับแม่ คือหมอแบคฮยอนเค้าเป็นหมอที่มาช่วยทำคดีกับเพื่อนผมเฉยๆ เมื่อเช้าพึ่งเจอกันก็เลย... ตกใจนิดหน่อย คนที่ตกใจคงไม่ได้มีเพียงเค้าคนเดียว ร่างเล็กที่ถูกกล่าวถึงเองก็ด้วยเช่นกัน

     

                “แต่ต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับ คือผมจำไม่ได้จริงๆ... เอ่อ รวมถึงนายด้วยนะ แบคฮยอนชานยอลพูดเสียงแผ่วในประโยคท้าย ซึ่งแบคฮยอนเองก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

     

     

     

               

                ผมขอตัวไปเดินเล่นแถวนี้นะครับตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่นานรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัว เอาแต่ท่องโซเชียลได้ซักพักก็เริ่มเบื่อ ขอไปสูดออกซิเจนนอกร้านอาหารแก้เซ็งแทน ผมไปด้วยสิครับ

     

                ชานยอลที่ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงหันไปสบตาแบคฮยอน ได้สิครับ ถ้าจะกลับเมื่อไหร่โทรเรียกผมแล้วกันนะแม่นะมารดาโบกมือไล่ส่งๆก็ถือว่าเป็นอันเข้าใจ พยัคฆ์หนุ่มเลยขอตัวเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร โดยมีร่างบางที่เดินตามมาติดๆ


     

     

     

                ผมพึ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนคนที่เปิดบทสนทนาแทรกความเงียบระหว่างทั้งสองขึ้นมาคือแบคฮยอน ดวงตากลมใสฉายแววซุกซนและขี้เล่นเมื่อได้มาอยู่กันสองต่อสอง ต่างจากเมื่อครู่ที่คุณหมอหนุ่มนั้นรักษามาดนิ่งสงบเอาไว้จนชานยอลเผลอคิดไปว่าชายร่างเล็กตรงหน้าเป็นคนหยิ่งๆซะอีก

     

                ฮะๆ นั่นสิครับ

     

                แล้วคุณพอจะคุ้นหน้าผมบ้างมั้ยคำถามนี้เรียกให้ชานยอลหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มสังเกตทุกรายละเอียดบนใบหน้าของแบคฮยอน แต่สุดท้ายเค้าก็ส่ายหัวแบบจนใจ เฮ้อ ผมไม่รู้จริงๆ พยายามนึกแล้วนึกอีกก็นึกไม่ออก

     

                ชายหน้าหวานแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ไม่เป็นไรครับ แต่ผมคุ้นๆคุณอยู่นะ สมัยเด็กผมมีเพื่อนคนนึง คล้ายคุณมากเลย สูงๆ หูกางๆ ตาโตๆ ดูลนลานตลอดเวลาเหมือนกลัวอะไรซักอย่างงั้นแหละชานยอลหัวเราะในลำคอ ไอ้ที่พูดนี่คล้ายๆกับเค้าเลยนี่หว่า... แต่ยังไงก็คงไม่ใช่หรอก เค้าคงคิดมากไปเองมากกว่า

     

                ผมไม่เคยลืมเค้าเลยนะ ถึงผมจะย้ายโรงเรียน ย้ายบ้านหรือแม้แต่ย้ายไปอยู่ประเทศอื่น พบเจอเพื่อนใหม่ๆ ผมก็ไม่เคยลืมเค้าเลยไม่รู้ทำไมพอแบคฮยอนพูดออกมาแบบนี้แล้วคนหูกางต้องรู้สึกขวยเขิน แบคฮยอนไม่ได้พูดถึงเค้าซักหน่อย หรอ แย่จังเลยนะ แล้วตอนนี้ลืมคนๆนั้นไปรึยังล่ะ?”

     

                ร่างบางที่ก้มหน้าพูดอยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนฟัง จ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เต็มไปด้วยความรู้สึกและอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ไม่เคยลืมเลยครับ ไม่เคยเลย

     

                ขนแขนภายใต้เสื้อเชิ้ตพร้อมใจกันลุกเกรียวกับคำตอบ ทั้งๆที่ความหมายของมันก็ไม่ได้เกินเลยไปกว่าคำว่า ไม่ลืมแท้ๆ แต่ทำไมมันถึงชวนขนลุกแบบนี้ ...คงเป็นเพื่อนที่คุณรักมากสินะครับ เป็นผม ผมก็ไม่ลืมหรอก คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราทั้งคน จะไปลืมลงได้ยังไง

     

                นั่นสินะครับแบคฮยอนถอนหายใจเฮือก ผมว่าเรากลับกันดีกว่าครับคุณชานยอล นี่ก็ดึกมากแล้ว ขืนรอให้สองคนนั้นโทรมาตาม เราคงไม่ได้กลับบ้านกันแน่เลยชานยอลพยักหน้าเห็นด้วย ป่านนี้คุณนายทั้งสองคงคุยกันจนน้ำลายท่วมร้าน ก่อนจะลุกขึ้นตามแบคฮยอนออกไป


     

     

     

                ‘ขอแลกเบอร์ไว้แล้วกันนะครับคุณตำรวจ เพื่อมีอะไรเร่งด่วน เราจะได้ติดต่อกันได้

     

                ร่างสูงเดินตัวเบาออกมาจากห้องน้ำหลังชำระล้างเหงื่อไคลที่สะสมมาทั้งวัน หยิบเสื้อกล้ามและบ๊อกเซอร์สีน้ำเงินเข้มมาสวมใส่ให้เรียบร้อย พลางนึกถึงตอนที่ร่างบางขอเบอร์เค้าเมื่อช่วงค่ำ แปลกไปหน่อยสำหรับคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับมาขอเบอร์ติดต่อโดยใช้คำพูดเสมือนกับว่าพึ่งเคยพบกันครั้งแรก มันดูตลกแต่ถ้าเค้าเป็นฝ่ายขอก็คงพูดแบบนี้เหมือนกัน

     

                ชานยอลหยุดให้ความสนใจกับเรื่องของแบคฮยอน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งเต็มไปด้วยบรรดากองเอกสารทั้งเก่าและใหม่ แก้วกาแฟค้างคืนที่เค้าจำได้ว่าดื่มมันไปหมดแล้วเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ห่อขนมขบเคี้ยวแก้เซ็ง

     

    และรูปโพลารอยด์หน้าท้องของเหยื่อที่มีรอยสลักอยู่

     

                โง่งั้นหรอ? ตลกมากไปมั้งสิ่งที่คนร้ายทิ้งไว้ให้เป็นคำใบ้ที่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้กว้างขวางเหลือเกิน ถ้าฆาตกรเป็นพวกอาจารย์โรคจิต เครียดกับการสอนมากจนกระทั่งลงมือฆ่าคนแล้วทิ้งโค้ดลับไว้ว่าโง่ล่ะจะเป็นไปได้ไหม หรือจะเป็นพวกวิปริตที่ลงมือสังหารคนไม่เลือกหน้าแล้วก็ทิ้งข้อความไว้เพื่อท้าทายตำรวจ ทุกอย่างที่เค้าคิดล้วนเป็นไปได้ทุกอย่าง

     

    Rrrrrr…

     

                เสียงสั่นจากโทรศัพท์เรียกความสนใจให้ร่างสูงที่นั่งหนักใจอยู่ละสายตาไปสนใจมันแทน หน้าจอไอโฟนแสดงชื่อของสารวัตรผู้เป็นเพื่อนขึ้นมา ชานยอลจึงคว้ามันขึ้นมากดรับสายและกรอกเสียงตอบกลับไปทันทีเลยเวลาทำงานแล้ว มีอะไรให้ติดต่อกูพรุ่งนี้นะครับคุณเพื่อน

     

                [มึง กูเจอหลักฐานอีกหนึ่งชิ้นแล้ว] ชานยอลได้ยินไม่ถนัดนักด้วยเสียงฝนที่แทรกซ้อนเข้ามา มึงพูดว่าอะไรนะ กูไม่ได้ยิน

     

                [กูเจอหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับคดีเมื่อเช้า!]

     

                แล้วยังไง บอกกูทำไม?”  

     

                [มันเกี่ยวแน่ เพราะไม่ได้มีแต่หลักฐานที่โผล่มา มีคนตายเพิ่มอีกแล้ว!]


     

     

     

                เสียงไซเรนรถตำรวจดังก้องกังวานแข่งกับเสียงสายฟ้าฟาดลงมาเป็นระยะๆ ดึกแล้วแท้ๆแต่โดยรอบสถานที่เกิดเหตุกลับเต็มไปด้วยประชาชนที่พากันมามุงดูผู้เสียชีวิต การทำงานของตำรวจเลยต้องลำบากขึ้นเป็นสองเท่า หนึ่งต้องคอยรักษาสภาพของสถานที่เกิดเหตุก่อนกองพิสูจน์หลักฐานจะมาถึงเพราะน้ำฝนที่ตกลงมานั้นอาจจะชะล้างเอารอยเท้าหรือรอยเลือดหายไป สองคือผู้คนที่มามุงนั้นต่างก็ยืนเบียดเสียดกัน เป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปโดยไม่รู้ตัว

     

    จงอินเริ่มจะหงุดหงิด...

     

                ในขณะที่กำลังจะม่อยหลับไป โทรศัพท์เจ้ากรรมก็หวีดร้องขึ้นมาปลุกเค้าให้ฟื้นมา ในทีแรกจงอินก็กะจะด่าคนที่โทรมาให้หูดับกันไปข้างหนึ่ง แต่พอฟังสิ่งที่ปลายสายพูดมานั้น ตาที่เคยปรือก็พลันสว่างขึ้นมาทันที

     

    แต่เค้าจะไม่ยอมแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาคนเดียวหรอก

     

                ชานยอลเป็นคนที่เค้ากริ๊งไปหาต่อมา แอบหวั่นอยู่บ้างว่าไอ้โย่งหูกางจะด่าเค้ากลับมาเหมือนที่เค้าคิดจะทำกับสายตรวจที่โทรมาหาในตอนแรก แต่พอบอกว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ชานยอลก็บอกว่าจะรีบมาก่อนจะกดตัดสายทิ้งไป

     

                กองพิสูจน์หลักฐานมาถึงแล้วครับสารวัตร

     

                จงอินพยักหน้ารับ ส่วนหน่วยงานที่พูดถึงนั้นก็เริ่มลงพื้นที่มาทีละคนสองคน ดี งั้นเอาหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ไปตรวจสอบหาคราบเลือดเลย ฉันต้องการข้อยืนยันที่แน่ชัดว่าไอ้มีดเล่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่แล้วรึเปล่า

     

                ระหว่างที่จงอินกับเจรจากับลูกน้องอยู่นั้น ร่างโปร่งก็เดินแหวกดงมนุษย์เข้ามา ก่อนจะตรงปรี่มาหาคนผิวเข้มในทันทีที่เห็น ไอ้จงอิน ไหนหลักฐานของมึง

     

                “ก่อนที่มึงจะไปดูหลักฐาน กูอยากให้มึงดูอะไรก่อนจงอินกึ่งดึงกึ่งลากร่างสูงให้เดินตามมา ชานยอลรู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ มันแทบจะระเบิดออกมาถ้าเป็นไปได้ แต่ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า หัวใจที่เคยเต้นระรัวราวรัวกลองก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่มโดยพลัน

     

                ร่างกายที่ไร้ลมหายใจตรงหน้าช่างน่าเวทนาสำหรับผู้พบเห็น เด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าปีนอนจมกองเลือดกองใหญ่ ศีรษะถูกทุบด้วยของแข็งอย่างแรงจนทำให้กะโหลกศีรษะนั้นยุบลงไป ช่วงล่างของเด็กชายเปล่าเปลือย แต่ที่น่ากลัวชวนขนลุกขนพองคืออวัยวะเพศของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้นถูกเฉือนออกมา องคชาติไร้สีเลือดถูกนำมาวางไว้บนหน้าผากเกลี้ยงของเจ้าตัว

     

    ซึ่งที่หน้าผากของเขานั้นก็มีคำว่า ‘stupid’ ที่เกิดขึ้นจากของมีคมกรีดไม่ต่างจากคดีแรก

     

                มีร่องรอยการถูกข่มขืนแต่ไม่พบคราบอสุจิ คงจะถูกซื้อตัวมา หลังจากเสร็จภารกิจมันก็ฆ่าหมอนี่ทิ้ง... มือเล็กๆของศพกำเงินไว้แน่น ราวกับว่าถ้าเผลอคลายมือเมื่อใด เงินที่ได้รับมานั้นจะหายไปในทันที ฉันไปสอบถามคนแถวนี้มาแล้ว เด็กนี่ทำงานเป็นโสเภณีชายก็จริง แต่ก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล แม่ก็เป็นอัมพาตแถมยังมีน้องอีกสองยังเล็กๆอยู่เลย

     

                “แล้วมึงบอกแม่เค้ารึเปล่า ว่าลูกชายถูกฆ่าตาย

     

                “บอก ถึงกูจะไม่บอก ยังไงซักวันเค้าก็ต้องรู้อยู่ดี ทำงานเป็นตำรวจมาก็นานหลายไป ไม่เคยพบคดีอะไรที่อุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญขนาดนี้ ชานยอลรู้สึกได้ว่าการลงมือของคนร้ายเริ่มจะรุนแรงและทวีคูณยิ่งขึ้น ประหนึ่งว่าถ้ายังไม่สามารถตามหาตัวคนร้ายได้ ก็จะมีเหยื่อเคราะห์ร้ายศพแล้วศพเล่าสังเวยให้กับเกมส์วิ่งไล่จับนี้ต่อไป

     

    ถ้าพลาดหนึ่งก้าว ก็เท่ากับสูญเสียผู้บริสุทธิ์ไปหนึ่งชีวิต

     

    เค้าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้ว!

     

                 รายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐาน พรุ่งนี้กูต้องได้มันทั้งหมด

     

                “...มึงหมายความว่าไง?”             

     

                กูขอเอาตำแหน่งสารวัตรใหญ่แห่งกองสืบสวนเป็นเดิมพัน กูต้องลากคอไอ้เศษมนุษย์เข้าคุกให้ได้!”


     

     

     

     

     

            เอาล่ะครับ ขอให้ประชาชนทุกท่านกลับเข้าที่พักให้เรียบร้อยนะครับ ตอนนี้ทางตำรวจได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ขอความกรุณาทุกท่านกลับเข้าที่พักด้วยครับผู้คนพอได้ฟังคำประกาศจากเจ้าหน้าที่แล้ว ต่างก็ทยอยพากันกลับเข้าบ้านเรือนของตน บางคนก็ได้เรื่องไปคุยต่อพรุ่งนี้ตอนเช้า หรือบางคนอาจจะจำภาพนั้นฝังใจไปจนวันตายเลยก็มี

     

                ชายที่สูงผิดคนทั่วไปใต้ร่มสีดำสนิทยืนมองกลุ่มตำรวจที่กำลังขนเหยื่อเคราะห์ร้ายอยู่ห่างๆ สายตาของร่างสูงดูเย็นชาต่อเหตุการณ์ตรงหน้า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ละโมบโลภมาก อยากได้อยากมีไม่รู้จักที่สิ้นสุด ถวิลหาแต่สิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่สามารถรู้ได้

     

    เช่นเดียวกับเด็กชายผู้น่าสงสารในวันนี้

     

                ร่างกายที่ร่านราคะ ให้ความรู้สึกสะอิดสะเอียนแก่เค้ายิ่งนักยามที่พ่อหนุ่มน้อยนั้นกอดรัดแขนของเค้าเอาไว้  มันทั้งโสโครกและสกปรกจนอยากจะสะบัดทิ้งออกไปใจแทบขาด แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกร้อง ร่างสูงเองก็คงจะไม่ปฏิเสธ เก็บเอาความรังเกียจที่มีต่อโสเภณีผู้นี้ซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากแก้วที่ตนได้สร้างขึ้นมา ตอบรับข้อเสนอพร้อมกับบรรเลงบทรักร้อนแรงจนอีกฝ่ายร้องครวญครางเสียงกระเส่าอย่างสุขสม

     

    แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นช่างน้อยนิด

     

                หลังจากทำการสังหารอีกฝ่ายเรียบร้อย เค้าก็จงใจทิ้งหลักฐานเอาไว้ เพราะอดจะสงสารพวกตำรวจโง่ๆไม่ได้ ค้อนเปื้อนเลือดจึงถูกโยนทิ้งไว้ข้างๆกับศพ และชายปริศนาก็ไม่ลืมที่จะทิ้งข้อความที่บอกให้พวกสุนัขในเครื่องแบบได้ทราบว่า คนที่ฆ่าหมอนี่ คือฉันเองแหละ ด้วย

     

                ร่างสูงยืนมองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรถพยาบาลได้เคลื่อนออกไป เหลือเพียงตำรวจไม่กี่นายที่ยังเคลียร์พื้นที่อยู่รวมถึงคนที่เค้าคาดว่าจะได้พบหน้าอย่างปาร์คชานยอลก็ด้วย

               

    เกลียด... ความรู้เกลียดมันท่วมท้นจนแทบทะลักออกมา

     

                มือหนากำร่มแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เล็บยาวที่จิกลงไปในเนื้อนั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เค้าเลยแม้แต่น้อย ความชังมันบดบังจนหน้ามืดตามัว อยากจะตรงเข้าไปกระชากร่างโปร่งมา กระสวกมีดลงไปบนแผ่นอกเรียบ ลำคอ ใบหน้า ศีรษะ ทุกส่วนของร่างกายที่คมมีดจะทะลุเนื้อผ่านเข้าไปได้ เฝ้ามองดูจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของมันหมดไปด้วยน้ำมือของสิ่งที่เรียกว่า ความตาย

     

    แค่จินตภาพเหตุการณ์ เค้าก็ตื่นเต้นจนเนื้อสั่น!

     

                แต่มันยังไม่ถึงเวลาหรอก ชายหนุ่มยังอยากเล่นสนุกมากกว่านี้ ร่างสูงตัดสินใจหันหลังเดินออกไป พร้อมแสยะยิ้มเย็น เดินฝ่าสายฝนที่เริ่มซาเพียงลำพัง ก่อนจะถูกความมืดมิดกลืนกิน เหลือเพียงความว่างเปล่าและสายฝนพรำยามค่ำคืน

     

     

    Tbc.

               

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×