คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : レインコート 22
レインコート
`raincoat
22
แทฮยองเดินลากเท้าไปตามทางเดินอันคุ้นเคย เส้นทางที่เขาใช้เดินไปโรงเรียนทุกวัน อากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว แม้ว่าบนฟ้าจะมีก้อนเมฆแลดูขมุกขมัว แต่เขาก็เป็นคนที่ชอบอากาศครึ้ม ๆ เย็น ๆ มากกว่าแสงแดดสดใสอยู่แล้ว
เขายังไม่ไปเยี่ยมยุนกิตอนนี้ โรงเรียนกับโรงพยาบาลอยู่กันคนละทาง
ยุนกิเองก็เป็นคนบอกเองด้วยว่าให้มาตอนเย็น เขาจึงตั้งใจล้มเลิกความพยายามในการไปหาอีกคนตั้งแต่เช้าแล้วลากเท้าไปตามพื้นถนนสายที่จะพาเขาไปโรงเรียนแทน
เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปเรื่อยจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่พุ่มไม้สีเขียวดูสบายตา
ปกติแทฮยองก็เห็นมันทุกวันแต่วันนี้ดูมันจะสะดุดตาเป็นพิเศษ
ต้นโคลเวอร์
เหมือนใบของมันจะเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีนี่...
แทฮยองยืนอยู่นิ่ง ๆ
ทางเดินแทบไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาในช่วงเช้าตรู่แบบนี้
สายตาของเขามองไปที่พุ่มไม้ ตัดสินใจอยู่นานสองนานก่อนจะไปย่อตัวอยู่เบื้องหน้าพุ่มโคลเวอร์
ลองมาคิด ๆ ดู
ช่วงนี้พี่ยุนกิดูจะโชคร้ายไปหน่อยแล้ว
มือใหญ่แหวกไปตามพุ่มโคลเวอร์อย่างเบามือ
ที่เขาเคยได้ยินมา เหมือนกับว่าใบโคลเวอร์ที่มีสี่กลีบจะพิเศษกว่าใบอื่น แต่เท่าที่เขาเจอก็เห็นแต่จะมีสามกลีบเท่านั้น
"มันมีจริง ๆ เหรอ" แทฮยองบ่นพึมพำกับตนเอง
"มีสิ" จู่ ๆ
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง แทฮยองสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง
จองโฮซอกเพื่อนสนิทในกลุ่มของยุนกินั่นเอง ดูเหมือนอีกคนจะแวะกินข้าวที่ร้านใกล้ ๆ
นี่ก่อนจะไปโรงเรียนเลยบังเอิญมาเจอแทฮยองที่นี่ "หมายถึงโคลเวอร์สี่กลีบใช่ไหมล่ะ"
"ใช่ครับ"
แทฮยองพยักหน้าตอบไป
"มันมีแหละ แต่หายากหน่อย ถ้าง่าย ๆ
มันจะพิเศษกว่าอันอื่นได้ไง" โฮซอกว่าขณะที่เดินมาย่อตัวข้างเขา
น้ำเสียงและท่าทางของอีกคนดูร่าเริงจนแทฮยองรู้สึกว่าดีแล้วที่ยุนกิมีคนแบบนี้อยู่ใกล้ตัว
"ต้องใช้ความโชคดี – มันถึงได้เป็นใบไม้แห่งความโชคดียังไงล่ะ นึกดูสิ
หายากขนาดนี้ ไม่โชคดีก็คงหาไม่เจอ"
ไม่พูดเปล่าโฮวอกยังช่วยเขาหาอีกด้วย
แทฮยองพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาหาต่อ
"หาไปให้ยุนกิสินะ"
โฮซอกหันมาถาม "ใช่หรือเปล่า ถ้าไม่ได้หาไปให้ยุนกิฉันจะได้เลิกช่วยหา"
พอพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
แทฮยองรีบผงกศีรษะรัว ๆ ไปให้อีกคน
ลำพังตัวเขาเองคงจะไม่มาพยายามหาใบไม้สักใบไปเก็บไว้นำโชคอะไรเองหรอก –
แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาก็อยากจะทำให้ยุนกิบ้าง
"ต้องขอบคุณนายจริง ๆ นะ
ตั้งสองครั้งแหน่ะที่นายไปช่วยยุนกิไว้ได้ทัน"
โฮซอกเอ่ยขณะที่สายตายังจับจ้องไปตามใบโคลเวอร์ต่าง ๆ
แทฮยองชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกคนพูดออกมาแบบนั้น –
เขาน่าจะเป็นคนที่ได้รับการกล่าวโทษต่างหาก
"ไม่หรอกครับ"
แทฮยองว่า น้ำเสียงทุ้มฟังดูหนักอึ้ง "จริง ๆ ผมก็มีส่วนผิดนะครับ"
"เรื่องความลับของนายน่ะเหรอ"
โฮซอกหันมาถาม "ยุนกิเพิ่งเล่าให้ฟังช่วงที่นายสองคนทะเลาะกันน่ะ – ก็นะ
ฉันไม่เห็นการที่นายไม่เชื่อยุนกิจะเป็นความผิดของนายเลย
ที่ยุนกิไปตีกับเจ้าบ้าซอนบินนั่นก็ไม่ใช่เพราะนายหรอกน่า"
แทฮยองไม่ได้ตอบอะไรอีกคนไปนอกจากใช้ปลายนิ้วแตะไปตามใบโคลเวอร์อย่างใจเย็น
โฮซอกเห็นเป็นแบบนี้ก็พอรู้ได้เลยว่ารุ่นน้องคนนี้ยังไม่หายคิดมาก
โฮซอกเป็นคนร่าเริงดูไม่คิดอะไรมาก
แต่เป็นคนที่พึ่งพาได้ที่สุดคนหนึ่งของมินยุนกิ ในเวลาที่เคว้งคว้าง
โฮซอกจะเป็นแรงโน้มถ่วงของเพื่อน ๆ
"แบบ... จะว่ายังไงดีล่ะ โฟกัสแค่ตรงคนร้ายในคดีพยายามฆ่านะ
นายไปทันช่วยยุนกิทั้งสองครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดนายเลยด้วย
แม้ว่าครั้งหลังยุนกิจะเจ็บหนักเพราะเพิ่งโดนพวกซอนบินทำร้าย
ถ้านายคิดว่ามันเกี่ยวกับนาย นายคงรับผิดชอบความผิดนั้นไปแล้ว"
เขาไม่เก่งเรื่องจัดเรียงคำสวย ๆ ให้ฟังง่ายเท่าไหร่
ที่ออกจากปากของเขาก็แค่ความจริงในมุมมองเขา ที่อาจจะช่วยคนฟังได้บ้างก็เท่านั้น
"เอาเถอะ
เดี๋ยวพอนายไปเจอยุนกิก็คงรู้เองแหละว่าจะเป็นยังไง" โฮซอกเอ่ยอย่างสบาย ๆ
ก็มันเป็นเรื่องระหว่างสองคนนั้น แทฮยองจะโล่งใจได้หรือไม่
ความรู้สึกตอนเขาอยู่กับยุนกิจะตัดสินเอง
"คงอย่างนั้นแหละครับ เดี๋ยวนะ –
เหมือนผมจะเจอแล้วครับ ๆ ใบนี้มันมีสี่กลีบ"
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างดีใจ เขาเด็ดใบนั้นออกมาอย่างเบามือด้วยรอยยิ้มกว้าง
"โชคดีจังน้า"
โฮซอกยิ้มร่าก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเหยียดแขน
แทฮยองยังคงยิ้มไม่หุบ แต่พอนึกได้ว่ากว่าจะได้ไปหายุนกิก็เย็น
เจ้าใบโคลเวอร์ไม่เหี่ยวแห้งไปก่อนแล้วเหรอ
"เอาใส่ไว้หนังสือหนา ๆ ก็ได้นะ"
โฮซอกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแทฮยองเริ่มขมวดคิ้วมองใบโคลเวอร์ในมือ "ยังไงถ้าให้ยุนกิไปก็ต้องหาสักวิธีเก็บไว้อยู่ดี
เอาอันนี้แหละเบสิกสุด"
แทฮยองพยักหน้าตามที่อีกคนว่า เขาปลดกระเป๋าเป้ออก
หยิบหนังสือจำพวกข้อสอบเล่มหนาออกมาเปิดหน้ากลาง ๆ
แล้ววางใบโคลเวอร์สี่กลีบลงไปบนแผนกระดาษ เขาเหลือบไปที่พุ่มไม้เล็กน้อย
จะให้เอาไปใบเดียวโดด ๆ แทฮยองก็รู้สึกว่ามันโล่งไป
เขาจึงย่อตัวลงอีกครั้งแล้วเด็ดใบโคลเวอร์ที่มีสามกลีบมาใส่ลงไปด้วยอีกสองใบก่อนจะปิด
"แบบนั้นแหละ" โฮซอกว่า "งั้นฉันไปก่อนนะ
ตอนเย็นอาจจะได้เจอกันที่โรงพยาบาล"
"ครับ ขอบคุณมากครับพี่"
レインコート
ไม่มีทางที่จอนจองกุกจะมีสมาธิเรียน
ไม่มีทาง...
ทั้งแทฮยองและจองกุกนั่นแหละที่แทบไม่มีสมาธิจะตั้งใจเรียน
จองกุกรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาขยับอย่างเชื่องช้าเกินกว่าปกติราวกับมีหินที่มองไม่เห็นมาถ่วงการขยับ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังทำได้แค่นั่งจดสิ่งที่ครูเขียนบนกระดานลงสมุด
เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีทางไปหายุนกิกับจีมินตอนนี้ได้แน่ ๆ
"แกไม่ใช่ยาวิเศษ ไปไม่ไปพี่จีมินดีขึ้นเพราะตัวเองกับหมอ
ไม่ใช่เพราะแก" นัมจุนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของจองกุก แทฮยองเหลือบมองเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้าง
ๆ อยู่ก็อดขำไม่ได้ ก็จองกุกดูท่าจะอยากลุกแล้ววิ่งไปโรงพยาบาลเสียให้ได้
ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรเสียก็ยังไปตอนนี้ไม่ได้ก็ตาม
"อ๋อ... คืนดีกันแล้วสินะ
นี่นึกภาพแกออกเลยว่าถ้าพี่ยุนกิไม่โทรมาเมื่อคืนแกจะนั่งติดเก้าอี้อยู่ไหม"
จองกุกหันไปพูดกับแทฮยอง แต่เขาก็รู้ว่าความจริงแล้วแทฮยองเองก็เป็นห่วงยุนกิเองไม่น้อยและความกังวลในใจก็คงไม่มีทางหมดไปหรอก
แค่เบาใจไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
"แล้วแกกับพี่จีมินมีอะไรหรือเปล่า
ถึงได้ดูไม่สบายใจขนาดนี้เนี่ย" นัมจุนถาม จองกุกถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า
"แค่เป็นห่วง ก็น่าจะรู้กันนี่"
จองกุกเอ่ยออกมา เขาเลื่อนสายตาไปมองที่แทฮยอง คนผิวแทนพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว
แต่นัมจุนกลับยังขมวดคิ้วอย่างสงสัยอยู่
"คิมซอนบินไง" แทฮยองตอบขึ้นมา ปลายนิ้วเคาะหนังสือเล่มหน้าที่เขาใส่ใบโคลเวอร์ไว้เล่น
พอพูดชื่อน้องชายต่างบิดาของรุ่นพี่ตัวเล็กขึ้นมาแบบนี้นัมจุนก็พอจะเข้าใจได้ในทันที
ปัญหาไม่ใช่แค่ซอนบินคนเดียว แต่เด็กนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจจีมินของครอบครัวได้อย่างดี
"แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี"
จองกุกเป็นคนพูดออกมาเองก่อนจะถอนหายใจ จะให้ทิ้งเรื่องเรียนไปก็ไม่ใช่เรื่อง
แล้วมันก็จริงอย่างที่นัมจุนพูด ต่อให้เขายอมทิ้งการเรียนไปก็ช่วยให้จีมินหายไวขึ้นไม่ได้แถมรุ่นพี่ตัวเล็กอาจจะไม่ชอบใจที่เขาทำแบบนั้น
แทฮยองเบนสายตากลับไปมองโจทย์คณิตศาสตร์ตรงหน้าต่อ
เพราะไม่อยากเสียเวลาเปล่าจึงเอามาทำเรื่อย ๆ แบบที่ติดเป็นนิสัย
ทำไปได้สักพักโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นเตือน เขาวางมันไว้ข้าง ๆ
สมุดพอดีเลยเห็นได้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งไลน์มาหาเขา
"พี่กีส่งไลน์มาแหละ"
แทฮยองว่าขณะที่หยิบโทรศัพท์มาปลดล็อกหน้าจอ จองกุกหันมามองหน้าเขาในทันที
"พี่เขาบอกว่าเมื่อเช้าแวบไปโรงพยาบาลก่อนเข้าเรียนน่ะ
บอกว่าพี่ยุนกิกับพี่จีมินโอเคดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"
"โรงเรียนพี่เขาอยู่ใกล้โรงพยาบาลนี่เนอะ"
จองกุกบ่นอุบอิบออกมา
"แล้วก็อยู่ม.ปลายปีสาม –
เป็นนายจะเข้าเรียนตรงเวลาหรือไง ปีสุดท้ายแล้วนะ" นัมจุนเอ่ยกลั้วหัวเราะ
พวกเขาคุยเล่นกันอีกได้ไม่นานจุนฮเวก็ถลากลับมานั่งที่โต๊ะของตนเองข้างนัมจุน
เป็นอันรู้กันว่าคุณครูคาบต่อไปเตรียมจะเข้าสอนแล้ว
レインコート
และแล้วเวลาเลิกเรียนที่จองกุกและแทฮยองรอคอยก็มาถึงเสียที
พอถึงเวลาเลิกเรียนพวกเขาก็ตรงดิ่งไปรอรถที่หน้าโรงเรียนพร้อมกับนัมจุนด้วย
ตอนแรกจุนฮเวก็ว่าจะไปด้วยกันแต่ดันต้องรีบกลับบ้านเสียก่อน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลและตัดสินใจไปเยี่ยมยุนกิก่อนเพราะห้องถึงก่อนอยู่แล้ว
แทฮยองลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับยุนกิ
ความกลัวที่เป็นตะกอนในใจถูกตีรวนอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนคิดมาก
แต่จากที่รู้สึกได้ตอนนี้ดูท่าว่าที่เขาคิดนั้นจะผิด
เขากังวลขึ้นมาจนเผลอเลียปากซ้ำ ๆ อย่างที่ติดเป็นนิสัย
ตอนนั้นเขาเห็นยุนกิเจ็บไปทั้งตัว
ตอนนี้บาดแผลพวกนั้นยังคงไม่หายไป
ความรู้สึกเจ็บยังคงอยู่กับยุนกิ
พอคิดอย่างนั้นเขาก็อดโกรธตัวเองขึ้นมาไม่ได้อีกจริง ๆ
แต่ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เดินมาหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยของยุนกิแล้ว
คนเปิดประตูเข้าไปก็คือเขาเองนี่แหละ
"มาแล้วเหรอ! โอ๊ย..."
"อย่าลุกขึ้นเร็วแบบนี้สิ"
กีฮยอนร้องเสียงหลงตอนที่จู่ ๆ ยุนกิก็เด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างกับจะกระโจนไปที่ประตู
พี่ซอกจินฝากให้เขาดูยุนกิไว้ให้หน่อย ถ้ามาตกเตียงแขนขาหักเขาจะโดนดุไปด้วยน่ะซิ!!
"อ้าว... ไม่ใช่แหะ"
ยุนกิเอ่ยออกมาเสียงเบา ๆ แต่สีหน้ากลับดูคลายกังวลไป
ทั้งสามคนมองรุ่นพี่ตัวขาวที่ต้องนี้มีรอยช้ำบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับรอยบีบและรอยเล็บบนลำคอขาวดูน่ากลัว
"มีอะไรเหรอครับ"
เป็นจองกุกที่ถามออกมาเพราะแทฮยองยังเอาแต่เงียบ ก็เข้าใจอยู่
ยุนกิทำท่าเหมือนจะรอใครสักคนอยู่แต่พอเห็นว่าเป็นพวกเขากลับบอกว่าไม่ใช่เสียอย่างนั้น
"จีมิน"
ยุนกิตอบออกมาขณะค่อย ๆ
ขยับตัวไปพิงกับหมอนใบโตที่กีฮยอนช่วยเอาไปวางพาดกับผนังห้องไว้อีกที
ใบหน้ามีรอยฟกช้ำเหยเกด้วยความเจ็บอย่างดูน่าสงสาร "คือว่า...
เรื่องที่ฉันโดนกระทืบน่ะ"
พูดถึงตรงนี้ยุนกิทำหน้าคว่ำ
มินยุนกิก็ยังเป็นมินยุนกิ
พอต้องยอมรับว่าสุดท้ายแล้วต้องนอนกุมหัวให้ไอ้พวกบ้านั้นกระทืบแล้วมันรู้สึกเสียศักดิ์ศรีสุด
ๆ
"พอเกี่ยวกับคดีเข้า
เรื่องพวกนี้ก็เลยถึงหูตำรวจไง ก็เป็นคดีอะไรนะ...
ทำร้ายร่างกายโดยเจตนาอะไรงี้ป่ะ นั่นแหละ... แต่แบบนี้จีมินซวยแน่ ๆ"
ขณะที่พูดอยู่ยุนกิก็เงยหน้ามาสบตากับแทฮยองพอดี
ร่างสูงเห็นความกังวลในดวงตาคู่นั้นชัดเจน
ใช่ –
มินยุนกิก็ยังเป็นยุนกิที่ห่วงเรื่องของเพื่อนเสมอ
แทฮยองพยักหน้าให้ยุนกิเบา ๆ
อย่างเข้าใจในความวิตกนั้น
แม้ว่าเขาจะคิดว่าซอนบินสมควรถูกจัดการอย่างเด็ดขาดได้แล้วก่อนที่จะทำเหลวแหลกไปมากกว่านี้
"ตอนนี้ตำรวจกำลังไปคุยกับซอนบินแล้วก็ผู้ปกครองของหมอนั่น
ก็พ่อเลี้ยงกับแม่ของจีมินนั่นแหละ ฮยอนอูกับโฮซอกก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนจีมินก่อน
ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่เป็นอะไรหรอกครับ"
จองกุกเอ่ยขึ้นมา "ซอนบินผิด – ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เรื่องนั้นมันอาจจะกระทบต่อจีมินแต่คนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมันก็เพราะคิมซอนบิน"
ยุนกิทำท่าจะเม้มปาก
แต่ความรู้สึกเจ็บทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าครุ่นคิดแล้วจึงพยักหน้ารับที่จองกุกพูด
– มันก็จริง... ซอนบินผิด การที่เขาไม่อยากให้เป็นคดีในการดำเนินงานของตำรวจเพราะอาจทำให้ครอบครัวของจีมินมีปัญหา
คนโดนทำร้ายก็เป็นยุนกิเพื่อนสนิทของจีมิน แต่คนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้คือซอนบินเอง
คือตัวซอนบินเองทั้งนั้น
"แล้วพี่เป็นยังไงบ้างน่ะครับ"
จองกุกถามต่อ ยุนกิถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแต่คนที่เป็นคนตอบคือกีฮยอนแทน
"ก็ระบมน่ะสิ"
"ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรใช่ป่ะครับ"
นัมจุนถามพร้อมกับยกมือทำท่ากระแทกที่ศีรษะประกอบ
"แน่นอน!!
นี่มินยุนกินะ"
ยุนกิโพล่งขึ้น
แม้ว่าตอนที่อ้าปากตอบไปเสียงดังแบบนี้จะเจ็บใบทั้งใบหน้าและผิวตามลำคอก็ตาม
"อ่อ... พี่หัวแข็งสินะ"
นัมจุนพยักหน้า ยุนกิชะงักคิดไปแวบหนึ่งก่อนจะทำท่าลุกขึ้นมา –
ได้แค่ทำท่านั่นแหละ เจ็บจนระบมไปทั้งตัวแบบนี้
"หุบปากไปเลยไป" เสียงแหบ ๆ
ตอบกลับมาอย่างแกล้งทำเป็นหัวเสียทำเอาคนมองอดหลุดขำออกมาไม่ได้ แม้แต่แทฮยองเอง
พอเห็นยุนกิเป็นแบบนี้เขารู้สึกโล่งขึ้นมากจริง ๆ
"ครับ ๆ" นัมจุนเอ่ยทั้ง ๆ
ที่ยังหัวเราะอยู่ "ยังไงก็หายไว ๆ แล้วกันนะครับ
ทันแข่งเคนโด้หรือเปล่าน่ะครับ"
"อีกประมาณเดือนกว่า ๆ – เหลือเฟือน่า"
ยุนกิตอบออกมา น้ำเสียงซ่อนความกังวลเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นแทฮยองก็ยังรู้สึกได้
เขามั่นใจว่าหายทันแน่ ๆ
แต่เรื่องเวลาซ้อมน่ะสิ ยิ่งต้องแข่งประเภทเดี่ยว ยุนกิแบกความรับผิดชอบเอาไว้เต็ม
ๆ
"อย่างนายสบายมากอยู่แล้ว"
กีฮยอนเองก็รู้ว่ายุนกินั้นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย
ศีรษะกลมของคนที่นั่งอยู่บนเตียงพยักหน้าหงึกหงัก
"ช่าย – มินยุนกิน่ะน่ากลัวจะตายไป"
จองกุกทำน้ำเสียงล้อเลียนพร้อมกับทำท่าจับชิไนหวด ยุนกิทำเสียง ‘เหอะ’ ออกมาเรียกร้อยยิ้มกว้างจากเด็กขี้แกล้งไปได้
กับรอยยิ้มจาง ๆ ของคนที่ยังเอาแต่ยืนเงียบ
"อยากซ้อมกับฉันก็บอกมา"
ยุนกิทำปากขมุบขมิบบ่น จองกุกยักไหล่ให้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวยุนกิ
เว้นก็แต่ตอนอีกคนโมโหแล้วมีชิไนอยู่ในมือ เรียกได้ว่าฟาดไม่ยั้ง
มีก็แต่แทฮยองนั่นแหละที่ดูจะรับมือกับการเล่นเคนโด้ของยุนกิตอนมีน้ำโหได้อย่างสบาย
ๆ
อย่างที่เขาเคยบอกจองกุกไว้ พอยุนกิโกรธน่ะ
ก็เอาแต่จ้องจะฟาดหัวอีกฝ่าย ช่องว่างเต็มไปหมด
แต่จะรับมือได้ก็ต้องตาไวแถมมีทักษะไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นโดนคนที่เล่นมานานฟาดมารัว
ๆ แบบนั้นจะตั้งรับทันได้อย่างไร
"งั้นเดี๋ยวผมไปดูพี่จีมินหน่อยนะ"
จองกุกชี้ไปที่ประตูซึ่งยุนกิก็พยักหน้ารับ เขารู้น่า ว่าเด็กนี่น่ะเป็นห่วงจีมินขนาดไหน
"ไปเหอะ" เอ่ยตอบงึม ๆ งำ ๆ
แต่กลับต้องชะงักตอนหันไปเห็นแทฮยอง นี่ใจคอจะไม่พูดอะไรหน่อยเลยหรือไงกันนะ...
"เดี๋ยวตามไปนะ"
แทฮยองบอกกับจองกุกและนัมจุน
ซึ่งทั้งคู่ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"มานั่งนี่สิ"
กีฮยอนกวักมือเรียกให้แทฮยองไปที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยอีกตัวข้าง ๆ กันกับเขา
และชั่งใจอยู่ว่าควรจะออกไปให้สองคนนี่อยู่กันสองคนดีไหม
แต่ก็กลัวว่าพอเขาลุกออกไปจะกลายเป็นการสร้างความอึดอัดแทน ยังไงถ้าสองคนนั้นอยากคุยกันแค่สองคนยุนกิคงไล่เขาเองแหละ
"ครับ"
แทฮยองตอบและเดินไปนั่งเก้าอี้ตามที่กีฮยอนว่า
"นี่"
พอนั่งลงได้ยุนกิก็เอ่ยเสียงเครียดจนแทฮยองแทบทำตัวไม่ถูกไปเลย
เขาเงยหน้ามองอีกคนอย่างเป็นกังวล "หน้าฉันดูแย่มากป่ะ"
คนตัวเล็กเอานิ้วชี้ไปที่หน้างอ ๆ เต็มไปด้วยรอยช้ำม่วง
ๆ เหลือง ๆ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีแผลเยอะขนาดนี้ยุนกิจะยังดูน่ารัก
และไม่ว่ายังไงก็ตาม สำหรับแทฮยอง ยุนกิน่ะ น่าทะนุถนอมที่สุดอยู่แล้ว
"ไม่หรอกครับ" แทฮยองส่ายหน้า
พอได้ยินคำตอบที่น่าพอใจยุนกิก็เลิกคว่ำปากและคลายคิ้วที่ขมวดไว้
"กีฮยอนบอกว่าน่ากลัวน่ะ"
"ไม่ต้องมาทำเป็นฟ้องน้อง ส่องกระจกดูตัวเองสิว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
เห็นแล้วยังเสียวคอแทนเลย" กีฮยอนโวยขึ้นมา ตอนแรกที่เขาเห็นนี่เล่นเอาไม่กล้ามองเลยด้วยซ้ำ
"ฮูย... ตอนโดนบีบนึกว่าจะตายไปเสียแล้ว"
ยุนกิพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะนิ่งไป ผ่านไปครู่ไหล่เล็กก็สั่นไหวเล็กน้อย
"พี่ยุนกิ"
แทฮยองรีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเป็นเช่นนั้น
ความกลัวตอนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่จะลบไปได้ง่าย ๆ มันคงอยู่นานกว่าแผลที่อยู่บนลำคอไปอีกนาน
"มะ ไม่เป็นไร"
ยุนกิเงยหน้ามาบอกด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
"ตอนนี้คนร้ายก็โดนจับได้แล้ว
ไม่ต้องกลัวแล้วนะ" กีฮยอนเอ่ยขึ้นมาบ้าง
ถึงจะเป็นเด็กที่ดูอวดเก่งแค่ไหนแต่เรื่องแบบนี้มันก็น่ากลัวเกินไปหน่อย
"เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องคนร้ายน่ะ"
"ก็ปัญหาส่วนตัวน่ะ
แก้แค้นที่เคยโดนอีกคนฟ้อง โชคร้ายก็ตรงที่ยุนกิไปเห็นพอดี
แต่ก็ถือเป็นโชคดีของผู้เสียหายแหละ ถ้ายุนกิไม่ไปเจอคง...ไม่น่ารอด"
"แต่ก็เอาซะฉันเกือบไม่รอดเหมือนกันแหะ"
ยิงมุกออกมาพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ เขาโดนพี่ซอกจินดุไปนิดหน่อย
แต่อีกคนก็บอกว่าครั้งนี้ภูมิใจในตัวเขาจริง ๆ
แล้วชายคนที่โดนแทงก็ปลอดภัยแล้ว
ยุนกิลบความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขาโดนแทงแผลที่สองต่อหน้าต่อตาไปได้
ต่อให้จะไม่ใช่คนดีอะไรมากมายแต่ถ้าคนที่เขาปล่อยให้โดนแทงต่อหน้าตายไป
เป็นใครก็รู้ไม่ดีเป็นแน่
"แต่ก็รอดมาได้ แหม่ ดวงแข็งจริง ๆ"
ยุนกิพูดเองเออเองทั้งหมดเสร็จสรรพ กีฮยอนเห็นแล้วอยากจะตบกะโหลกอีกคนสักป้าป
แต่แค่นี้ยุนกิก็ช้ำไปทั้งตัวแล้วจึงได้ส่ายหน้าหน่าย ๆ แทน
"อย่าซ่านักน่า"
"อะไรเล่า!!
ไม่ได้ซ่าเสียหน่อย
มันบังเอิญหรอกน่า" ยุนกิหันไปโวยวายกับเพื่อนที่ซ้อมเคนโด้ด้วยกันมานาน
กีฮยอนบึนปากใส่เล็กน้อยเป็นเชิงหยอก เขาก็รู้แหละว่าไม่มีใครตั้งใจให้เกิด
ยุนกิเองก็ไม่อยากช้ำไปทั้งตัวแบบนี้ตอนก่อนแข่งครั้งสำคัญหรอก
"แล้วเรื่องซอนบิน..."
แทฮยองเอ่ยออกหลังจากที่นั่งคิดมาสักพักแล้วว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า
"หมายถึงว่าฉันเอาตัวเองไปให้พวกนั้นรุ่มกระทืบได้ยังไงน่ะเหรอ"
"น้องเขาถามว่าทำไมโง่จัง จู่ ๆ
ก็เอาตัวเองไปรองเท้าคนอื่น" กีฮยอนขัดขึ้น
โหย..!! ขึ้นเลย
แบบนี้ขึ้น
"ฉันไม่ได้เป็นพรมเช็ดเท้านะ!!!"
ถึงตอนแหกปากจะทำเจ็บแผลตรงผิวทั้งหมดที่เมื่อตะเบ่งเสียงจะรู้สึกก็เจ็บก็ตาม
แต่มันขึ้นโว้ย เสียศักดิ์ศรีจริง ๆ เลย
"พี่ใจเย็น ๆ นะครับ"
แทฮยองรีบยกมือขึ้นปราม จะหายช้าก็เพราะแบบนี้นี่แหละ
"เออ!!
ยอมรับก็ได้ว่าตอนนั้นมันหัวร้อนนี่หว่า"
"ก็แบบนี้ตลอดอะ"
"ย่าห์!!
ยูกีฮยอน!!"
"พี่ครับ... คือนี่มันโรงพยาบาลนะครับ"
– เดี๋ยวพยาบาลก็ได้แตกตื่นกันพอดีเล่นโวยวายขนาดนี้
พอโดนเตือนแบบนั้นยุนกิก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะส่งเสียงดังตามใจชอบได้
เลยได้แต่ส่งตาขวาง ๆ ไปมองเพื่อนของตน
"เฮ้อ... ไอ้บ้านั่นมันส่งข้อความมายั่วโมโหฉันน่ะ
แบบ... แค่ทำฉันกับนายทะเลาะกัน แล้วก็เอาเรื่องเคนโด้ก็น่าโมโหมากพออยู่แล้ว
ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าอยากจะชกสักหมัดเท่านั้นแหละ" ยุนกิว่า
แทฮยองรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น
"แล้วเป็นไง"
"ก็ได้ชก"
"แล้วยังไงต่อ" กีฮยอนถามอีก
"ก็อย่างที่เห็นนี่ไงยูกีฮยอน!"
ยุนกิเอ่ยตอบอย่างประชด ๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าของตนเอง
"ผม...ขอโทษ" จู่ ๆ
แทฮยองก็เอ่ยออกมา เขาแทบจะไม่ออกเสียงจนแทบจะเป็นเพียงลมที่ผ่านริมฝีปากออกมา
คนตัวเล็กที่เอาแต่โวยวายอยู่ถึงกับนิ่งไป
"จริง ๆ ก็เสียใจนะที่นายไม่เชื่อฉันน่ะ"
ยุนกิว่า "แต่ฉันก็เข้าใจนะ ตอนนี้ไม่เสียใจอะไรแล้วแหละ"
ยุนกิแกล้งทำเป็นยักไหล่ใส่อีกคน
แต่พอเห็นอีกคนยังนิ่งไปแบบนั้นเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ แทฮยองรู้สึกผิดมากขนาดนี้แล้ว
เขาคงจะไม่โกรธหรือรู้สึกแย่ ๆ อะไรทั้งนั้นแล้วแหละ อีกคนเล่นรู้สึกแย่กับตัวเองเกินกว่าความผิดไปมากขนาดนี้
แล้วก็ใช่ว่ายุนกิไม่ผิดเสียหน่อย...
"เอ่อ... เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำเปล่าไว้ดีกว่า
เหมือนจะหมดแล้ว"
กีฮยอนเห็นท่าไม่ดีเลยคิดว่าเลี่ยงไปก่อนดีกว่าจึงลุกขึ้น
ดูท่าจะเป็นเรื่องของสองคนนี้แล้วจริง ๆ ให้คุยกันเองน่าจะดีกว่า
"อ้าว"
พอเห็นเพื่อนตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยุนกิก็ได้แต่โวยใส่อีกคนอยู่ในใจ
นั่งด้วยกันมาตั้งนาน อยู่ ๆ มาทิ้งกันไว้เฉย
"ผม… ไม่รู้สิ..." แทฮยองขยับปากพูดช้า ๆ "แล้วตอนนี้พ่อของผมก็อนุญาตให้เล่นเคนโด้ได้แล้วนะ"
"จริงเหรอ!"
น้ำเสียงของคนตัวเล็กกว่าเก็บความดีใจไว้แทบไม่มิด แทฮยองฝืนยิ้มรับกับพยักหน้า "นี่ –
แล้วทำไมยังทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นกัน นี่มันเรื่องดี ๆ เชียวนะ"
"พี่เจ็บตัวเพราะเรื่องนี้เลยนะครับ
แต่ผมกลับเป็นคนที่ดันได้ประโยชน์น่ะ ผมอึดอัดที่ต้องโกหกพ่อกลับเคลียร์ทุกเรื่องได้แต่พี่กลับต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้
พี่คิดว่า...แบบนี้ผมจะรู้สึกดีได้ยังไง พี่เจ็บขนาดนี้นะ"
แทฮยองโพล่งออกมาพร้อมกับยืนขึ้น
ข้างในใจของเขาเจ็บไปหมดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ "ผมน่ะ...อยากเป็นคนที่ปกป้องพี่ต่างหาก"
ยุนกิอึ้งไปไม่น้อยเมื่อแทฮยองพูดตามที่ตนเองรู้สึกออกมาจริง
ๆ เขาได้มีโอกาสรู้จักมุมแบบนี้ของคิมแทฮยองมาแล้ว และมันก็ทำให้เขาใจเต้นแรง—อีกแล้ว
"แทฮยองอา" ยุนกิเรียกชื่ออีกคนเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวไปโผกอดอีกคนไว้ มันเจ็บจี๊ดไปหมด
แต่พอได้กอดอีกคนนิ่ง ๆ แล้วความเจ็บก็บางเบาลงไป แทฮยองเบิกตากว้างเมื่อยุนกิทำแบบนั้น
แขนเล็กที่มีรอยช้ำกอดรอบตัวเขาไว้หลวม ๆ ศีรษะกลมวางลงกับแผ่นอกของเขา
แทฮยองทำอะไรไม่ถูก อยากจะกอดอีกคนกลับก็กลัวจะทำร่างเล็กที่บอบช้ำอยู่ต้องเจ็บ
มือใหญ่วางลงบนไหล่ของยุนกิอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่รู้ว่าตรงนี้จะช้ำหรือเปล่าเพราะมีเสื้อคนไข้ปิดไว้เขาจึงระวังไว้ให้มากที่สุด
"ขอบใจนะ" เอ่ยออกมาทั้งที่ยังซบกับอกของอีกคน
รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนริมฝีปากบางที่มีรอยแผลแตก
เขาอยากกอดแทฮยอง
แล้วก็หวังว่าอ้อมกอดของเขาจะช่วยบรรเทาอีกคนได้บ้างเช่นกัน
"ฉันดีใจเป็นบ้าเลย" ยุนกิกระซิบ
ความเงียบรอบตัวทำให้แทฮยองได้ยินเสียงของคนตัวขาวชัดเจน "ดีใจทุกเรื่องเลย
อย่าคิดมากเลยนะ – อย่างนายน่าจะเป็นคนทำอวดเก่งมาสอนฉันมากกว่าไม่ใช่หรือไง"
ปิดท้ายแบบมินยุนกิพร้อมกับดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกคน ทำหน้ายุ่ง
ๆ เล็กน้อยเรียกให้อีกคนหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก
"ครับ ๆ เข้าใจแล้วครับ" แทฮยองตอบ
ยุนกิยิ้มจนตาหยีแม้ว่ามันจะทำให้เจ็บไปทั้งหน้าเลยก็ตาม
"งั้นแบบนี้นายก็ไปซ้อมได้แล้วน่ะสิ"
ยุนกิเอ่ยถามขณะขยับตัวไปนั่งตามเดิม
เขาไม่คิดว่าตัวเองเขินอายที่ทำแบบนั้นไปหรอกนะ แต่ทำไมหน้าถึงร้อนเห่อแปลก ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน
"ใช่ครับ" แทฮยองพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงตามเดิม "ก็...รอพี่มาซ้อมด้วยกันน่ะ"
ยุนกิอยากจะโวยวายใส่อีกคนที่พูดจาฟังดูเลี่ยน
ๆ แบบนี้ออกมา แต่พอนึก ๆ ดูแล้วมันก็ไม่ได้เลี่ยนอะไรนี่นา...
เขาเลยทำเพียงพยักหน้าตอบอีกคนไป
แน่นอนว่าเขาจำที่แทฮยองกระซิบบอกก่อนเขาหมดสติไปได้
รวมทั้งแน่ใจแล้วว่าจูบของแทฮยองก่อนหน้านั้นเป็นของจริงไม่ใช่เพราะเขาเลอะเลือนไปเอง
"พี่ยุนกิ..." แทฮยองเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
น้ำเสียงเหมือนพูดเล่นนั่นทำเอายุนกิไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนแม้แต่น้อย
ไม่อยากจะรู้หรอกว่าแทฮยองทำสีหน้าแบบไหนตอนที่พูดแบบนี้กับเขา "พี่หน้าแดงแหละครับ"
"อะ ไอ้บ้า!!
หุบปากไปเลยนะ"
ยุนกิหลับตาตะเบ็งเสียงออกไปอย่างรนราน ให้ตายสิ – ได้ทีเอาใหญ่เลยนะหมอนี่...
"อ่อ... ผมมีอะไรจะให้พี่ด้วยแหละ"
แทฮยองเอ่ยขณะที่รูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ ยุนกิมองอีกคนอย่างสนใจ
อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อแทฮยองหยิบหนังสือเล่มหนาออกมา
จะให้เขามานั่งทำโจทย์ตอนนี้นี่ไม่มีทางหรอกนะ
แต่แทฮยองก็ไม่ได้ยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้
เขาเปิดมันออกไปที่หน้าหน้าหนึ่งแล้วจึงยื่นหนังสือเล่มนั้นไปให้ยุนกิ
"หื้ม" ยุนกิเห็นใบโคลเวอร์ที่ถูกทับไว้อยู่ในนั้น
พอมองใกล้ ๆ แล้วเขาก็อดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นไม่ได้ "ใบนี้มีสี่กลีบนี่!!"
"ผมให้"
"ใบโคลเวอร์นี่น่ะเหรอ นายเป็นคนเจอเหรอ"
ยุนกิหันมาถามอย่างกระตือรือร้นจนแทฮยองแทบกลั้นขำไม่อยู่
ใบหน้ามีรอยช้ำกับแก้มบวม ๆ เพราะถูกชกจนระบมแบบนี้แต่กลับตื่นเต้นกับใบโคลเวอร์สี่กลีบ
– มินยุนกิเป็นคนน่าเอ็นดูจะตาย
"ครับ"
"โห... โชคดีจังนะ"
"ผมให้พี่" แทฮยองเอ่ยขึ้นอีก "หมายถึง...ความโชคดีของผม"
ยุนกิทำหน้าเหวออย่างงงงวยอยู่สักพัก
ช่วงนี่แทฮยองทำให้เขารู้สึกวูบวาบแปลก ๆ จนพาลทำตัวไม่ถูกอยู่เรื่อย
"ตะ แต่นายเป็นคนเจอ"
แน่นอนว่ายุนกิไม่ได้คิดจะปฏิเสธใบโคลเวอร์อยู่แล้ว เห็นตอนแรกก็ตาลุกวาว
แต่พอแทฮยองพูดแบบนั้นเขาก็ทำตัวไม่ถูกน่ะสิ
"ผมอยากให้พี่"
แทฮยองตอบกลับอย่างหนักแน่น "พี่มีหนังสือไว้ใส่หรือเปล่าครับ
ถ้าไม่มีเอาไว้ในเล่มนี้ก่อนก็ได้"
"ไม่มีอะ" ยุนกิส่ายหน้า
แทฮยองยิ้มรับก่อนจะปิดหนังสือแล้ววางไว้ข้างตัวยุนกิ
จู่ ๆ ยุนกิก็นึกขึ้นมาได้...
ใบโคลเวอร์สี่กลีบ – อีกหนึ่งความหมายของมันคือ
เป็นของฉันนะ
อ่า... แทฮยองจะรู้ความหมายนี้หรือเปล่านะ..?
TBC
ฮะะะะโหล งุ้ยยย ใกล้จบแย้วววว55555555 คิดว่าคง25ตอน ไม่ก็26-27ประมาณนี้แหละค่ะ เอาให้รู้สึกว่าโอเค จบแบบนี้แล้วกันเนอะค่ะ5555555555555 แล้วก็วันที่26นี้เปิดรวมเล่มค่ะ!! ขอไปกะหน้าให้พอดี ๆ ก่อนนะคะจะได้กะราคาถูก กลัวจะถึงสี่ร้อยอะแง้ๆๆๆ แต่คงไม่เกินแน่ๆค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามและเก็บไว้พิจารณาหน่อยนะคะ เยิ้บบบบบ
#ฟิคเรนโค้ท อย่าลืมเมนต์ให้เค้าด้วยน้าาา
ความคิดเห็น