ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS จบแล้ว] レインコート `raincoat ❥ vga & kookmin .

    ลำดับตอนที่ #22 : レインコート 22

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      46
      18 พ.ค. 59

    レインコート

    `raincoat

     

     

    22
     

     


     

     

     

     

    แทฮยองเดินลากเท้าไปตามทางเดินอันคุ้นเคย เส้นทางที่เขาใช้เดินไปโรงเรียนทุกวัน อากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว แม้ว่าบนฟ้าจะมีก้อนเมฆแลดูขมุกขมัว แต่เขาก็เป็นคนที่ชอบอากาศครึ้ม เย็น มากกว่าแสงแดดสดใสอยู่แล้ว

    เขายังไม่ไปเยี่ยมยุนกิตอนนี้ โรงเรียนกับโรงพยาบาลอยู่กันคนละทาง ยุนกิเองก็เป็นคนบอกเองด้วยว่าให้มาตอนเย็น เขาจึงตั้งใจล้มเลิกความพยายามในการไปหาอีกคนตั้งแต่เช้าแล้วลากเท้าไปตามพื้นถนนสายที่จะพาเขาไปโรงเรียนแทน

    เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปเรื่อยจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่พุ่มไม้สีเขียวดูสบายตา ปกติแทฮยองก็เห็นมันทุกวันแต่วันนี้ดูมันจะสะดุดตาเป็นพิเศษ

    ต้นโคลเวอร์

    เหมือนใบของมันจะเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีนี่...

    แทฮยองยืนอยู่นิ่ง ๆ ทางเดินแทบไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาในช่วงเช้าตรู่แบบนี้ สายตาของเขามองไปที่พุ่มไม้ ตัดสินใจอยู่นานสองนานก่อนจะไปย่อตัวอยู่เบื้องหน้าพุ่มโคลเวอร์

    ลองมาคิด ๆ ดู ช่วงนี้พี่ยุนกิดูจะโชคร้ายไปหน่อยแล้ว

    มือใหญ่แหวกไปตามพุ่มโคลเวอร์อย่างเบามือ ที่เขาเคยได้ยินมา เหมือนกับว่าใบโคลเวอร์ที่มีสี่กลีบจะพิเศษกว่าใบอื่น  แต่เท่าที่เขาเจอก็เห็นแต่จะมีสามกลีบเท่านั้น

    "มันมีจริง ๆ เหรอ" แทฮยองบ่นพึมพำกับตนเอง

    "มีสิ" จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง แทฮยองสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง จองโฮซอกเพื่อนสนิทในกลุ่มของยุนกินั่นเอง ดูเหมือนอีกคนจะแวะกินข้าวที่ร้านใกล้ ๆ นี่ก่อนจะไปโรงเรียนเลยบังเอิญมาเจอแทฮยองที่นี่ "หมายถึงโคลเวอร์สี่กลีบใช่ไหมล่ะ"

    "ใช่ครับ" แทฮยองพยักหน้าตอบไป

    "มันมีแหละ แต่หายากหน่อย ถ้าง่าย ๆ มันจะพิเศษกว่าอันอื่นได้ไง" โฮซอกว่าขณะที่เดินมาย่อตัวข้างเขา น้ำเสียงและท่าทางของอีกคนดูร่าเริงจนแทฮยองรู้สึกว่าดีแล้วที่ยุนกิมีคนแบบนี้อยู่ใกล้ตัว "ต้องใช้ความโชคดี – มันถึงได้เป็นใบไม้แห่งความโชคดียังไงล่ะ นึกดูสิ หายากขนาดนี้ ไม่โชคดีก็คงหาไม่เจอ"

    ไม่พูดเปล่าโฮวอกยังช่วยเขาหาอีกด้วย แทฮยองพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาหาต่อ

    "หาไปให้ยุนกิสินะ" โฮซอกหันมาถาม "ใช่หรือเปล่า ถ้าไม่ได้หาไปให้ยุนกิฉันจะได้เลิกช่วยหา"

    พอพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แทฮยองรีบผงกศีรษะรัว ๆ ไปให้อีกคน ลำพังตัวเขาเองคงจะไม่มาพยายามหาใบไม้สักใบไปเก็บไว้นำโชคอะไรเองหรอก – แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาก็อยากจะทำให้ยุนกิบ้าง

    "ต้องขอบคุณนายจริง ๆ นะ ตั้งสองครั้งแหน่ะที่นายไปช่วยยุนกิไว้ได้ทัน" โฮซอกเอ่ยขณะที่สายตายังจับจ้องไปตามใบโคลเวอร์ต่าง ๆ แทฮยองชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกคนพูดออกมาแบบนั้น – เขาน่าจะเป็นคนที่ได้รับการกล่าวโทษต่างหาก

    "ไม่หรอกครับ" แทฮยองว่า น้ำเสียงทุ้มฟังดูหนักอึ้ง "จริง ๆ ผมก็มีส่วนผิดนะครับ"

    "เรื่องความลับของนายน่ะเหรอ" โฮซอกหันมาถาม "ยุนกิเพิ่งเล่าให้ฟังช่วงที่นายสองคนทะเลาะกันน่ะ – ก็นะ ฉันไม่เห็นการที่นายไม่เชื่อยุนกิจะเป็นความผิดของนายเลย ที่ยุนกิไปตีกับเจ้าบ้าซอนบินนั่นก็ไม่ใช่เพราะนายหรอกน่า"

    แทฮยองไม่ได้ตอบอะไรอีกคนไปนอกจากใช้ปลายนิ้วแตะไปตามใบโคลเวอร์อย่างใจเย็น โฮซอกเห็นเป็นแบบนี้ก็พอรู้ได้เลยว่ารุ่นน้องคนนี้ยังไม่หายคิดมาก

    โฮซอกเป็นคนร่าเริงดูไม่คิดอะไรมาก แต่เป็นคนที่พึ่งพาได้ที่สุดคนหนึ่งของมินยุนกิ ในเวลาที่เคว้งคว้าง โฮซอกจะเป็นแรงโน้มถ่วงของเพื่อน ๆ

    "แบบ... จะว่ายังไงดีล่ะ โฟกัสแค่ตรงคนร้ายในคดีพยายามฆ่านะ นายไปทันช่วยยุนกิทั้งสองครั้ง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดนายเลยด้วย แม้ว่าครั้งหลังยุนกิจะเจ็บหนักเพราะเพิ่งโดนพวกซอนบินทำร้าย ถ้านายคิดว่ามันเกี่ยวกับนาย นายคงรับผิดชอบความผิดนั้นไปแล้ว"

    เขาไม่เก่งเรื่องจัดเรียงคำสวย ๆ ให้ฟังง่ายเท่าไหร่ ที่ออกจากปากของเขาก็แค่ความจริงในมุมมองเขา ที่อาจจะช่วยคนฟังได้บ้างก็เท่านั้น

    "เอาเถอะ เดี๋ยวพอนายไปเจอยุนกิก็คงรู้เองแหละว่าจะเป็นยังไง" โฮซอกเอ่ยอย่างสบาย ๆ ก็มันเป็นเรื่องระหว่างสองคนนั้น แทฮยองจะโล่งใจได้หรือไม่ ความรู้สึกตอนเขาอยู่กับยุนกิจะตัดสินเอง

    "คงอย่างนั้นแหละครับ เดี๋ยวนะ – เหมือนผมจะเจอแล้วครับ ๆ ใบนี้มันมีสี่กลีบ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างดีใจ เขาเด็ดใบนั้นออกมาอย่างเบามือด้วยรอยยิ้มกว้าง

    "โชคดีจังน้า" โฮซอกยิ้มร่าก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเหยียดแขน

    แทฮยองยังคงยิ้มไม่หุบ แต่พอนึกได้ว่ากว่าจะได้ไปหายุนกิก็เย็น เจ้าใบโคลเวอร์ไม่เหี่ยวแห้งไปก่อนแล้วเหรอ 

    "เอาใส่ไว้หนังสือหนา ๆ ก็ได้นะ" โฮซอกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแทฮยองเริ่มขมวดคิ้วมองใบโคลเวอร์ในมือ "ยังไงถ้าให้ยุนกิไปก็ต้องหาสักวิธีเก็บไว้อยู่ดี เอาอันนี้แหละเบสิกสุด"

    แทฮยองพยักหน้าตามที่อีกคนว่า เขาปลดกระเป๋าเป้ออก หยิบหนังสือจำพวกข้อสอบเล่มหนาออกมาเปิดหน้ากลาง ๆ แล้ววางใบโคลเวอร์สี่กลีบลงไปบนแผนกระดาษ เขาเหลือบไปที่พุ่มไม้เล็กน้อย จะให้เอาไปใบเดียวโดด ๆ แทฮยองก็รู้สึกว่ามันโล่งไป เขาจึงย่อตัวลงอีกครั้งแล้วเด็ดใบโคลเวอร์ที่มีสามกลีบมาใส่ลงไปด้วยอีกสองใบก่อนจะปิด

    "แบบนั้นแหละ" โฮซอกว่า "งั้นฉันไปก่อนนะ ตอนเย็นอาจจะได้เจอกันที่โรงพยาบาล"

    "ครับ ขอบคุณมากครับพี่"

     

    レインコート

     

    ไม่มีทางที่จอนจองกุกจะมีสมาธิเรียน ไม่มีทาง...

     

     

    ทั้งแทฮยองและจองกุกนั่นแหละที่แทบไม่มีสมาธิจะตั้งใจเรียน จองกุกรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาขยับอย่างเชื่องช้าเกินกว่าปกติราวกับมีหินที่มองไม่เห็นมาถ่วงการขยับ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังทำได้แค่นั่งจดสิ่งที่ครูเขียนบนกระดานลงสมุด เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีทางไปหายุนกิกับจีมินตอนนี้ได้แน่ ๆ

    "แกไม่ใช่ยาวิเศษ ไปไม่ไปพี่จีมินดีขึ้นเพราะตัวเองกับหมอ ไม่ใช่เพราะแก" นัมจุนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของจองกุก แทฮยองเหลือบมองเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ อยู่ก็อดขำไม่ได้ ก็จองกุกดูท่าจะอยากลุกแล้ววิ่งไปโรงพยาบาลเสียให้ได้ ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรเสียก็ยังไปตอนนี้ไม่ได้ก็ตาม

    "อ๋อ... คืนดีกันแล้วสินะ นี่นึกภาพแกออกเลยว่าถ้าพี่ยุนกิไม่โทรมาเมื่อคืนแกจะนั่งติดเก้าอี้อยู่ไหม" จองกุกหันไปพูดกับแทฮยอง แต่เขาก็รู้ว่าความจริงแล้วแทฮยองเองก็เป็นห่วงยุนกิเองไม่น้อยและความกังวลในใจก็คงไม่มีทางหมดไปหรอก แค่เบาใจไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง

    "แล้วแกกับพี่จีมินมีอะไรหรือเปล่า ถึงได้ดูไม่สบายใจขนาดนี้เนี่ย" นัมจุนถาม จองกุกถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า

    "แค่เป็นห่วง ก็น่าจะรู้กันนี่" จองกุกเอ่ยออกมา เขาเลื่อนสายตาไปมองที่แทฮยอง คนผิวแทนพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว แต่นัมจุนกลับยังขมวดคิ้วอย่างสงสัยอยู่

    "คิมซอนบินไง" แทฮยองตอบขึ้นมา ปลายนิ้วเคาะหนังสือเล่มหน้าที่เขาใส่ใบโคลเวอร์ไว้เล่น พอพูดชื่อน้องชายต่างบิดาของรุ่นพี่ตัวเล็กขึ้นมาแบบนี้นัมจุนก็พอจะเข้าใจได้ในทันที ปัญหาไม่ใช่แค่ซอนบินคนเดียว แต่เด็กนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจจีมินของครอบครัวได้อย่างดี

    "แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี" จองกุกเป็นคนพูดออกมาเองก่อนจะถอนหายใจ จะให้ทิ้งเรื่องเรียนไปก็ไม่ใช่เรื่อง แล้วมันก็จริงอย่างที่นัมจุนพูด ต่อให้เขายอมทิ้งการเรียนไปก็ช่วยให้จีมินหายไวขึ้นไม่ได้แถมรุ่นพี่ตัวเล็กอาจจะไม่ชอบใจที่เขาทำแบบนั้น

    แทฮยองเบนสายตากลับไปมองโจทย์คณิตศาสตร์ตรงหน้าต่อ เพราะไม่อยากเสียเวลาเปล่าจึงเอามาทำเรื่อย ๆ แบบที่ติดเป็นนิสัย ทำไปได้สักพักโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นเตือน เขาวางมันไว้ข้าง ๆ สมุดพอดีเลยเห็นได้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งไลน์มาหาเขา

    "พี่กีส่งไลน์มาแหละ" แทฮยองว่าขณะที่หยิบโทรศัพท์มาปลดล็อกหน้าจอ จองกุกหันมามองหน้าเขาในทันที "พี่เขาบอกว่าเมื่อเช้าแวบไปโรงพยาบาลก่อนเข้าเรียนน่ะ บอกว่าพี่ยุนกิกับพี่จีมินโอเคดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"

    "โรงเรียนพี่เขาอยู่ใกล้โรงพยาบาลนี่เนอะ" จองกุกบ่นอุบอิบออกมา

    "แล้วก็อยู่ม.ปลายปีสาม – เป็นนายจะเข้าเรียนตรงเวลาหรือไง ปีสุดท้ายแล้วนะ" นัมจุนเอ่ยกลั้วหัวเราะ

    พวกเขาคุยเล่นกันอีกได้ไม่นานจุนฮเวก็ถลากลับมานั่งที่โต๊ะของตนเองข้างนัมจุน เป็นอันรู้กันว่าคุณครูคาบต่อไปเตรียมจะเข้าสอนแล้ว

     

    レインコート

     

    และแล้วเวลาเลิกเรียนที่จองกุกและแทฮยองรอคอยก็มาถึงเสียที พอถึงเวลาเลิกเรียนพวกเขาก็ตรงดิ่งไปรอรถที่หน้าโรงเรียนพร้อมกับนัมจุนด้วย ตอนแรกจุนฮเวก็ว่าจะไปด้วยกันแต่ดันต้องรีบกลับบ้านเสียก่อน

    ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลและตัดสินใจไปเยี่ยมยุนกิก่อนเพราะห้องถึงก่อนอยู่แล้ว แทฮยองลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับยุนกิ ความกลัวที่เป็นตะกอนในใจถูกตีรวนอีกครั้ง เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนคิดมาก แต่จากที่รู้สึกได้ตอนนี้ดูท่าว่าที่เขาคิดนั้นจะผิด เขากังวลขึ้นมาจนเผลอเลียปากซ้ำ ๆ อย่างที่ติดเป็นนิสัย

    ตอนนั้นเขาเห็นยุนกิเจ็บไปทั้งตัว

    ตอนนี้บาดแผลพวกนั้นยังคงไม่หายไป ความรู้สึกเจ็บยังคงอยู่กับยุนกิ พอคิดอย่างนั้นเขาก็อดโกรธตัวเองขึ้นมาไม่ได้อีกจริง ๆ

    แต่ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เดินมาหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยของยุนกิแล้ว

    คนเปิดประตูเข้าไปก็คือเขาเองนี่แหละ

    "มาแล้วเหรอ! โอ๊ย..."

    "อย่าลุกขึ้นเร็วแบบนี้สิ" กีฮยอนร้องเสียงหลงตอนที่จู่ ๆ ยุนกิก็เด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างกับจะกระโจนไปที่ประตู พี่ซอกจินฝากให้เขาดูยุนกิไว้ให้หน่อย ถ้ามาตกเตียงแขนขาหักเขาจะโดนดุไปด้วยน่ะซิ!!

    "อ้าว... ไม่ใช่แหะ" ยุนกิเอ่ยออกมาเสียงเบา ๆ แต่สีหน้ากลับดูคลายกังวลไป ทั้งสามคนมองรุ่นพี่ตัวขาวที่ต้องนี้มีรอยช้ำบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับรอยบีบและรอยเล็บบนลำคอขาวดูน่ากลัว

    "มีอะไรเหรอครับ" เป็นจองกุกที่ถามออกมาเพราะแทฮยองยังเอาแต่เงียบ ก็เข้าใจอยู่ ยุนกิทำท่าเหมือนจะรอใครสักคนอยู่แต่พอเห็นว่าเป็นพวกเขากลับบอกว่าไม่ใช่เสียอย่างนั้น

    "จีมิน" ยุนกิตอบออกมาขณะค่อย ๆ ขยับตัวไปพิงกับหมอนใบโตที่กีฮยอนช่วยเอาไปวางพาดกับผนังห้องไว้อีกที ใบหน้ามีรอยฟกช้ำเหยเกด้วยความเจ็บอย่างดูน่าสงสาร "คือว่า... เรื่องที่ฉันโดนกระทืบน่ะ"

    พูดถึงตรงนี้ยุนกิทำหน้าคว่ำ มินยุนกิก็ยังเป็นมินยุนกิ พอต้องยอมรับว่าสุดท้ายแล้วต้องนอนกุมหัวให้ไอ้พวกบ้านั้นกระทืบแล้วมันรู้สึกเสียศักดิ์ศรีสุด ๆ

    "พอเกี่ยวกับคดีเข้า เรื่องพวกนี้ก็เลยถึงหูตำรวจไง ก็เป็นคดีอะไรนะ... ทำร้ายร่างกายโดยเจตนาอะไรงี้ป่ะ นั่นแหละ... แต่แบบนี้จีมินซวยแน่ ๆ"

    ขณะที่พูดอยู่ยุนกิก็เงยหน้ามาสบตากับแทฮยองพอดี ร่างสูงเห็นความกังวลในดวงตาคู่นั้นชัดเจน

    ใช่ – มินยุนกิก็ยังเป็นยุนกิที่ห่วงเรื่องของเพื่อนเสมอ

    แทฮยองพยักหน้าให้ยุนกิเบา ๆ อย่างเข้าใจในความวิตกนั้น แม้ว่าเขาจะคิดว่าซอนบินสมควรถูกจัดการอย่างเด็ดขาดได้แล้วก่อนที่จะทำเหลวแหลกไปมากกว่านี้

    "ตอนนี้ตำรวจกำลังไปคุยกับซอนบินแล้วก็ผู้ปกครองของหมอนั่น ก็พ่อเลี้ยงกับแม่ของจีมินนั่นแหละ ฮยอนอูกับโฮซอกก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนจีมินก่อน ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง"

    "ไม่เป็นอะไรหรอกครับ" จองกุกเอ่ยขึ้นมา "ซอนบินผิด – ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เรื่องนั้นมันอาจจะกระทบต่อจีมินแต่คนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมันก็เพราะคิมซอนบิน"

    ยุนกิทำท่าจะเม้มปาก แต่ความรู้สึกเจ็บทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าครุ่นคิดแล้วจึงพยักหน้ารับที่จองกุกพูด – มันก็จริง... ซอนบินผิด การที่เขาไม่อยากให้เป็นคดีในการดำเนินงานของตำรวจเพราะอาจทำให้ครอบครัวของจีมินมีปัญหา คนโดนทำร้ายก็เป็นยุนกิเพื่อนสนิทของจีมิน แต่คนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้คือซอนบินเอง คือตัวซอนบินเองทั้งนั้น

    "แล้วพี่เป็นยังไงบ้างน่ะครับ" จองกุกถามต่อ ยุนกิถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแต่คนที่เป็นคนตอบคือกีฮยอนแทน

    "ก็ระบมน่ะสิ"

    "ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรใช่ป่ะครับ" นัมจุนถามพร้อมกับยกมือทำท่ากระแทกที่ศีรษะประกอบ

    "แน่นอน!! นี่มินยุนกินะ" ยุนกิโพล่งขึ้น แม้ว่าตอนที่อ้าปากตอบไปเสียงดังแบบนี้จะเจ็บใบทั้งใบหน้าและผิวตามลำคอก็ตาม

    "อ่อ... พี่หัวแข็งสินะ" นัมจุนพยักหน้า ยุนกิชะงักคิดไปแวบหนึ่งก่อนจะทำท่าลุกขึ้นมา – ได้แค่ทำท่านั่นแหละ เจ็บจนระบมไปทั้งตัวแบบนี้

    "หุบปากไปเลยไป" เสียงแหบ ๆ ตอบกลับมาอย่างแกล้งทำเป็นหัวเสียทำเอาคนมองอดหลุดขำออกมาไม่ได้ แม้แต่แทฮยองเอง พอเห็นยุนกิเป็นแบบนี้เขารู้สึกโล่งขึ้นมากจริง ๆ

    "ครับ ๆ" นัมจุนเอ่ยทั้ง ๆ ที่ยังหัวเราะอยู่ "ยังไงก็หายไว ๆ แล้วกันนะครับ ทันแข่งเคนโด้หรือเปล่าน่ะครับ"

    "อีกประมาณเดือนกว่า ๆ – เหลือเฟือน่า" ยุนกิตอบออกมา น้ำเสียงซ่อนความกังวลเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นแทฮยองก็ยังรู้สึกได้

    เขามั่นใจว่าหายทันแน่ ๆ แต่เรื่องเวลาซ้อมน่ะสิ ยิ่งต้องแข่งประเภทเดี่ยว ยุนกิแบกความรับผิดชอบเอาไว้เต็ม ๆ

    "อย่างนายสบายมากอยู่แล้ว" กีฮยอนเองก็รู้ว่ายุนกินั้นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย ศีรษะกลมของคนที่นั่งอยู่บนเตียงพยักหน้าหงึกหงัก

    "ช่าย – มินยุนกิน่ะน่ากลัวจะตายไป" จองกุกทำน้ำเสียงล้อเลียนพร้อมกับทำท่าจับชิไนหวด ยุนกิทำเสียง เหอะออกมาเรียกร้อยยิ้มกว้างจากเด็กขี้แกล้งไปได้ กับรอยยิ้มจาง ๆ ของคนที่ยังเอาแต่ยืนเงียบ

    "อยากซ้อมกับฉันก็บอกมา" ยุนกิทำปากขมุบขมิบบ่น จองกุกยักไหล่ให้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวยุนกิ เว้นก็แต่ตอนอีกคนโมโหแล้วมีชิไนอยู่ในมือ เรียกได้ว่าฟาดไม่ยั้ง

    มีก็แต่แทฮยองนั่นแหละที่ดูจะรับมือกับการเล่นเคนโด้ของยุนกิตอนมีน้ำโหได้อย่างสบาย ๆ

    อย่างที่เขาเคยบอกจองกุกไว้ พอยุนกิโกรธน่ะ ก็เอาแต่จ้องจะฟาดหัวอีกฝ่าย ช่องว่างเต็มไปหมด แต่จะรับมือได้ก็ต้องตาไวแถมมีทักษะไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นโดนคนที่เล่นมานานฟาดมารัว ๆ แบบนั้นจะตั้งรับทันได้อย่างไร

    "งั้นเดี๋ยวผมไปดูพี่จีมินหน่อยนะ" จองกุกชี้ไปที่ประตูซึ่งยุนกิก็พยักหน้ารับ เขารู้น่า ว่าเด็กนี่น่ะเป็นห่วงจีมินขนาดไหน

    "ไปเหอะ" เอ่ยตอบงึม ๆ งำ ๆ แต่กลับต้องชะงักตอนหันไปเห็นแทฮยอง นี่ใจคอจะไม่พูดอะไรหน่อยเลยหรือไงกันนะ...

    "เดี๋ยวตามไปนะ" แทฮยองบอกกับจองกุกและนัมจุน ซึ่งทั้งคู่ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    "มานั่งนี่สิ" กีฮยอนกวักมือเรียกให้แทฮยองไปที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยอีกตัวข้าง ๆ กันกับเขา และชั่งใจอยู่ว่าควรจะออกไปให้สองคนนี่อยู่กันสองคนดีไหม แต่ก็กลัวว่าพอเขาลุกออกไปจะกลายเป็นการสร้างความอึดอัดแทน ยังไงถ้าสองคนนั้นอยากคุยกันแค่สองคนยุนกิคงไล่เขาเองแหละ

    "ครับ" แทฮยองตอบและเดินไปนั่งเก้าอี้ตามที่กีฮยอนว่า

    "นี่" พอนั่งลงได้ยุนกิก็เอ่ยเสียงเครียดจนแทฮยองแทบทำตัวไม่ถูกไปเลย เขาเงยหน้ามองอีกคนอย่างเป็นกังวล "หน้าฉันดูแย่มากป่ะ"

    คนตัวเล็กเอานิ้วชี้ไปที่หน้างอ ๆ เต็มไปด้วยรอยช้ำม่วง ๆ เหลือง ๆ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่ามีแผลเยอะขนาดนี้ยุนกิจะยังดูน่ารัก และไม่ว่ายังไงก็ตาม สำหรับแทฮยอง ยุนกิน่ะ น่าทะนุถนอมที่สุดอยู่แล้ว

    "ไม่หรอกครับ" แทฮยองส่ายหน้า พอได้ยินคำตอบที่น่าพอใจยุนกิก็เลิกคว่ำปากและคลายคิ้วที่ขมวดไว้

    "กีฮยอนบอกว่าน่ากลัวน่ะ"

    "ไม่ต้องมาทำเป็นฟ้องน้อง ส่องกระจกดูตัวเองสิว่ามันน่ากลัวขนาดไหน เห็นแล้วยังเสียวคอแทนเลย" กีฮยอนโวยขึ้นมา ตอนแรกที่เขาเห็นนี่เล่นเอาไม่กล้ามองเลยด้วยซ้ำ

    "ฮูย... ตอนโดนบีบนึกว่าจะตายไปเสียแล้ว" ยุนกิพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะนิ่งไป ผ่านไปครู่ไหล่เล็กก็สั่นไหวเล็กน้อย

    "พี่ยุนกิ" แทฮยองรีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเป็นเช่นนั้น ความกลัวตอนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่จะลบไปได้ง่าย ๆ มันคงอยู่นานกว่าแผลที่อยู่บนลำคอไปอีกนาน

    "มะ ไม่เป็นไร" ยุนกิเงยหน้ามาบอกด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

    "ตอนนี้คนร้ายก็โดนจับได้แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ" กีฮยอนเอ่ยขึ้นมาบ้าง ถึงจะเป็นเด็กที่ดูอวดเก่งแค่ไหนแต่เรื่องแบบนี้มันก็น่ากลัวเกินไปหน่อย

    "เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องคนร้ายน่ะ"

    "ก็ปัญหาส่วนตัวน่ะ แก้แค้นที่เคยโดนอีกคนฟ้อง โชคร้ายก็ตรงที่ยุนกิไปเห็นพอดี แต่ก็ถือเป็นโชคดีของผู้เสียหายแหละ ถ้ายุนกิไม่ไปเจอคง...ไม่น่ารอด"

    "แต่ก็เอาซะฉันเกือบไม่รอดเหมือนกันแหะ" ยิงมุกออกมาพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ เขาโดนพี่ซอกจินดุไปนิดหน่อย แต่อีกคนก็บอกว่าครั้งนี้ภูมิใจในตัวเขาจริง ๆ

    แล้วชายคนที่โดนแทงก็ปลอดภัยแล้ว ยุนกิลบความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขาโดนแทงแผลที่สองต่อหน้าต่อตาไปได้ ต่อให้จะไม่ใช่คนดีอะไรมากมายแต่ถ้าคนที่เขาปล่อยให้โดนแทงต่อหน้าตายไป เป็นใครก็รู้ไม่ดีเป็นแน่

    "แต่ก็รอดมาได้ แหม่ ดวงแข็งจริง ๆ" ยุนกิพูดเองเออเองทั้งหมดเสร็จสรรพ กีฮยอนเห็นแล้วอยากจะตบกะโหลกอีกคนสักป้าป แต่แค่นี้ยุนกิก็ช้ำไปทั้งตัวแล้วจึงได้ส่ายหน้าหน่าย ๆ แทน

    "อย่าซ่านักน่า"

    "อะไรเล่า!! ไม่ได้ซ่าเสียหน่อย มันบังเอิญหรอกน่า" ยุนกิหันไปโวยวายกับเพื่อนที่ซ้อมเคนโด้ด้วยกันมานาน กีฮยอนบึนปากใส่เล็กน้อยเป็นเชิงหยอก เขาก็รู้แหละว่าไม่มีใครตั้งใจให้เกิด ยุนกิเองก็ไม่อยากช้ำไปทั้งตัวแบบนี้ตอนก่อนแข่งครั้งสำคัญหรอก

    "แล้วเรื่องซอนบิน..." แทฮยองเอ่ยออกหลังจากที่นั่งคิดมาสักพักแล้วว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า

    "หมายถึงว่าฉันเอาตัวเองไปให้พวกนั้นรุ่มกระทืบได้ยังไงน่ะเหรอ"

    "น้องเขาถามว่าทำไมโง่จัง จู่ ๆ ก็เอาตัวเองไปรองเท้าคนอื่น" กีฮยอนขัดขึ้น

    โหย..!! ขึ้นเลย แบบนี้ขึ้น

    "ฉันไม่ได้เป็นพรมเช็ดเท้านะ!!!" ถึงตอนแหกปากจะทำเจ็บแผลตรงผิวทั้งหมดที่เมื่อตะเบ่งเสียงจะรู้สึกก็เจ็บก็ตาม แต่มันขึ้นโว้ย เสียศักดิ์ศรีจริง ๆ เลย

    "พี่ใจเย็น ๆ นะครับ" แทฮยองรีบยกมือขึ้นปราม จะหายช้าก็เพราะแบบนี้นี่แหละ

    "เออ!! ยอมรับก็ได้ว่าตอนนั้นมันหัวร้อนนี่หว่า"

    "ก็แบบนี้ตลอดอะ"

    "ย่าห์!! ยูกีฮยอน!!"

    "พี่ครับ... คือนี่มันโรงพยาบาลนะครับ" – เดี๋ยวพยาบาลก็ได้แตกตื่นกันพอดีเล่นโวยวายขนาดนี้

    พอโดนเตือนแบบนั้นยุนกิก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะส่งเสียงดังตามใจชอบได้ เลยได้แต่ส่งตาขวาง ๆ ไปมองเพื่อนของตน

    "เฮ้อ... ไอ้บ้านั่นมันส่งข้อความมายั่วโมโหฉันน่ะ แบบ... แค่ทำฉันกับนายทะเลาะกัน แล้วก็เอาเรื่องเคนโด้ก็น่าโมโหมากพออยู่แล้ว ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าอยากจะชกสักหมัดเท่านั้นแหละ" ยุนกิว่า แทฮยองรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น

    "แล้วเป็นไง"

    "ก็ได้ชก"

    "แล้วยังไงต่อ" กีฮยอนถามอีก

    "ก็อย่างที่เห็นนี่ไงยูกีฮยอน!" ยุนกิเอ่ยตอบอย่างประชด ๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าของตนเอง

    "ผม...ขอโทษ" จู่ ๆ แทฮยองก็เอ่ยออกมา เขาแทบจะไม่ออกเสียงจนแทบจะเป็นเพียงลมที่ผ่านริมฝีปากออกมา คนตัวเล็กที่เอาแต่โวยวายอยู่ถึงกับนิ่งไป

    "จริง ๆ ก็เสียใจนะที่นายไม่เชื่อฉันน่ะ" ยุนกิว่า "แต่ฉันก็เข้าใจนะ ตอนนี้ไม่เสียใจอะไรแล้วแหละ"

    ยุนกิแกล้งทำเป็นยักไหล่ใส่อีกคน แต่พอเห็นอีกคนยังนิ่งไปแบบนั้นเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ แทฮยองรู้สึกผิดมากขนาดนี้แล้ว เขาคงจะไม่โกรธหรือรู้สึกแย่ ๆ อะไรทั้งนั้นแล้วแหละ อีกคนเล่นรู้สึกแย่กับตัวเองเกินกว่าความผิดไปมากขนาดนี้ แล้วก็ใช่ว่ายุนกิไม่ผิดเสียหน่อย...

    "เอ่อ... เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำเปล่าไว้ดีกว่า เหมือนจะหมดแล้ว" กีฮยอนเห็นท่าไม่ดีเลยคิดว่าเลี่ยงไปก่อนดีกว่าจึงลุกขึ้น ดูท่าจะเป็นเรื่องของสองคนนี้แล้วจริง ๆ ให้คุยกันเองน่าจะดีกว่า

    "อ้าว" พอเห็นเพื่อนตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยุนกิก็ได้แต่โวยใส่อีกคนอยู่ในใจ นั่งด้วยกันมาตั้งนาน อยู่ ๆ มาทิ้งกันไว้เฉย

    "ผมไม่รู้สิ..." แทฮยองขยับปากพูดช้า ๆ "แล้วตอนนี้พ่อของผมก็อนุญาตให้เล่นเคนโด้ได้แล้วนะ"

    "จริงเหรอ!" น้ำเสียงของคนตัวเล็กกว่าเก็บความดีใจไว้แทบไม่มิด แทฮยองฝืนยิ้มรับกับพยักหน้า "นี่ – แล้วทำไมยังทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นกัน นี่มันเรื่องดี ๆ เชียวนะ"

    "พี่เจ็บตัวเพราะเรื่องนี้เลยนะครับ แต่ผมกลับเป็นคนที่ดันได้ประโยชน์น่ะ ผมอึดอัดที่ต้องโกหกพ่อกลับเคลียร์ทุกเรื่องได้แต่พี่กลับต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ พี่คิดว่า...แบบนี้ผมจะรู้สึกดีได้ยังไง พี่เจ็บขนาดนี้นะ" แทฮยองโพล่งออกมาพร้อมกับยืนขึ้น ข้างในใจของเขาเจ็บไปหมดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ "ผมน่ะ...อยากเป็นคนที่ปกป้องพี่ต่างหาก"

    ยุนกิอึ้งไปไม่น้อยเมื่อแทฮยองพูดตามที่ตนเองรู้สึกออกมาจริง ๆ เขาได้มีโอกาสรู้จักมุมแบบนี้ของคิมแทฮยองมาแล้ว และมันก็ทำให้เขาใจเต้นแรง—อีกแล้ว

    "แทฮยองอา" ยุนกิเรียกชื่ออีกคนเบา ๆ ก่อนจะขยับตัวไปโผกอดอีกคนไว้ มันเจ็บจี๊ดไปหมด แต่พอได้กอดอีกคนนิ่ง ๆ แล้วความเจ็บก็บางเบาลงไป แทฮยองเบิกตากว้างเมื่อยุนกิทำแบบนั้น แขนเล็กที่มีรอยช้ำกอดรอบตัวเขาไว้หลวม ๆ ศีรษะกลมวางลงกับแผ่นอกของเขา แทฮยองทำอะไรไม่ถูก อยากจะกอดอีกคนกลับก็กลัวจะทำร่างเล็กที่บอบช้ำอยู่ต้องเจ็บ

    มือใหญ่วางลงบนไหล่ของยุนกิอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ว่าตรงนี้จะช้ำหรือเปล่าเพราะมีเสื้อคนไข้ปิดไว้เขาจึงระวังไว้ให้มากที่สุด

    "ขอบใจนะ" เอ่ยออกมาทั้งที่ยังซบกับอกของอีกคน รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนริมฝีปากบางที่มีรอยแผลแตก

    เขาอยากกอดแทฮยอง แล้วก็หวังว่าอ้อมกอดของเขาจะช่วยบรรเทาอีกคนได้บ้างเช่นกัน

    "ฉันดีใจเป็นบ้าเลย" ยุนกิกระซิบ ความเงียบรอบตัวทำให้แทฮยองได้ยินเสียงของคนตัวขาวชัดเจน "ดีใจทุกเรื่องเลย อย่าคิดมากเลยนะ – อย่างนายน่าจะเป็นคนทำอวดเก่งมาสอนฉันมากกว่าไม่ใช่หรือไง"

    ปิดท้ายแบบมินยุนกิพร้อมกับดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกคน ทำหน้ายุ่ง ๆ เล็กน้อยเรียกให้อีกคนหัวเราะออกมาได้ไม่ยาก

    "ครับ ๆ เข้าใจแล้วครับ" แทฮยองตอบ ยุนกิยิ้มจนตาหยีแม้ว่ามันจะทำให้เจ็บไปทั้งหน้าเลยก็ตาม

    "งั้นแบบนี้นายก็ไปซ้อมได้แล้วน่ะสิ" ยุนกิเอ่ยถามขณะขยับตัวไปนั่งตามเดิม เขาไม่คิดว่าตัวเองเขินอายที่ทำแบบนั้นไปหรอกนะ แต่ทำไมหน้าถึงร้อนเห่อแปลก ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน

    "ใช่ครับ" แทฮยองพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงตามเดิม "ก็...รอพี่มาซ้อมด้วยกันน่ะ"

    ยุนกิอยากจะโวยวายใส่อีกคนที่พูดจาฟังดูเลี่ยน ๆ แบบนี้ออกมา แต่พอนึก ๆ ดูแล้วมันก็ไม่ได้เลี่ยนอะไรนี่นา... เขาเลยทำเพียงพยักหน้าตอบอีกคนไป

    แน่นอนว่าเขาจำที่แทฮยองกระซิบบอกก่อนเขาหมดสติไปได้ รวมทั้งแน่ใจแล้วว่าจูบของแทฮยองก่อนหน้านั้นเป็นของจริงไม่ใช่เพราะเขาเลอะเลือนไปเอง

    "พี่ยุนกิ..." แทฮยองเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ น้ำเสียงเหมือนพูดเล่นนั่นทำเอายุนกิไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนแม้แต่น้อย ไม่อยากจะรู้หรอกว่าแทฮยองทำสีหน้าแบบไหนตอนที่พูดแบบนี้กับเขา "พี่หน้าแดงแหละครับ"

    "อะ ไอ้บ้า!! หุบปากไปเลยนะ" ยุนกิหลับตาตะเบ็งเสียงออกไปอย่างรนราน ให้ตายสิ – ได้ทีเอาใหญ่เลยนะหมอนี่...

    "อ่อ... ผมมีอะไรจะให้พี่ด้วยแหละ" แทฮยองเอ่ยขณะที่รูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ ยุนกิมองอีกคนอย่างสนใจ

    อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อแทฮยองหยิบหนังสือเล่มหนาออกมา จะให้เขามานั่งทำโจทย์ตอนนี้นี่ไม่มีทางหรอกนะ

    แต่แทฮยองก็ไม่ได้ยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้ เขาเปิดมันออกไปที่หน้าหน้าหนึ่งแล้วจึงยื่นหนังสือเล่มนั้นไปให้ยุนกิ

    "หื้ม" ยุนกิเห็นใบโคลเวอร์ที่ถูกทับไว้อยู่ในนั้น พอมองใกล้ ๆ แล้วเขาก็อดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นไม่ได้ "ใบนี้มีสี่กลีบนี่!!"

    "ผมให้"

    "ใบโคลเวอร์นี่น่ะเหรอ นายเป็นคนเจอเหรอ" ยุนกิหันมาถามอย่างกระตือรือร้นจนแทฮยองแทบกลั้นขำไม่อยู่ ใบหน้ามีรอยช้ำกับแก้มบวม ๆ เพราะถูกชกจนระบมแบบนี้แต่กลับตื่นเต้นกับใบโคลเวอร์สี่กลีบ – มินยุนกิเป็นคนน่าเอ็นดูจะตาย

    "ครับ"

    "โห... โชคดีจังนะ"

    "ผมให้พี่" แทฮยองเอ่ยขึ้นอีก "หมายถึง...ความโชคดีของผม"

    ยุนกิทำหน้าเหวออย่างงงงวยอยู่สักพัก ช่วงนี่แทฮยองทำให้เขารู้สึกวูบวาบแปลก ๆ จนพาลทำตัวไม่ถูกอยู่เรื่อย

    "ตะ แต่นายเป็นคนเจอ" แน่นอนว่ายุนกิไม่ได้คิดจะปฏิเสธใบโคลเวอร์อยู่แล้ว เห็นตอนแรกก็ตาลุกวาว แต่พอแทฮยองพูดแบบนั้นเขาก็ทำตัวไม่ถูกน่ะสิ

    "ผมอยากให้พี่" แทฮยองตอบกลับอย่างหนักแน่น "พี่มีหนังสือไว้ใส่หรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีเอาไว้ในเล่มนี้ก่อนก็ได้"

    "ไม่มีอะ" ยุนกิส่ายหน้า แทฮยองยิ้มรับก่อนจะปิดหนังสือแล้ววางไว้ข้างตัวยุนกิ

    จู่ ๆ ยุนกิก็นึกขึ้นมาได้...

    ใบโคลเวอร์สี่กลีบ – อีกหนึ่งความหมายของมันคือ เป็นของฉันนะ

    อ่า... แทฮยองจะรู้ความหมายนี้หรือเปล่านะ..?

     

    TBC

     ฮะะะะโหล งุ้ยยย ใกล้จบแย้วววว55555555 คิดว่าคง25ตอน ไม่ก็26-27ประมาณนี้แหละค่ะ เอาให้รู้สึกว่าโอเค จบแบบนี้แล้วกันเนอะค่ะ5555555555555 แล้วก็วันที่26นี้เปิดรวมเล่มค่ะ!! ขอไปกะหน้าให้พอดี ๆ ก่อนนะคะจะได้กะราคาถูก กลัวจะถึงสี่ร้อยอะแง้ๆๆๆ แต่คงไม่เกินแน่ๆค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามและเก็บไว้พิจารณาหน่อยนะคะ เยิ้บบบบบ


    #ฟิคเรนโค้ท อย่าลืมเมนต์ให้เค้าด้วยน้าาา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×