ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS จบแล้ว] レインコート `raincoat ❥ vga & kookmin .

    ลำดับตอนที่ #23 : レインコート 23

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.55K
      40
      21 มิ.ย. 59

    レインコート

    `raincoat

     

      23 


     

     







    วันที่ฝนฟ้าคะนองอาจจะเป็นวันแย่ ๆ อาจจะเป็นมรสุมที่หนักหนาแต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป... 


    เดี๋ยวจีมินก็จะผ่านมันไปได้



    เด็กหนุ่มร่างเล็กบนเตียงคนไข้กำมือข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นการบอกให้ตัวเองเข้มแข็ง เสียงในใจที่ตะโกนบอกอย่างนั้นดังก้องจนเขาไม่มีสมาธิใส่ใจฟังการโต้เถียงของผู้ปกครองภายในห้อง กลิ่นของโรงพยาบาลที่เขาคุ้นชินตอนนี้ตีรวนอยู่ตรงปลายจมูกเมื่อมันผสมปนเปกับกลิ่นฝนที่ดูชัดเจนขึ้น


    อากาศช่วงนี้ก็เป็นแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบนักหรอก พัคจีมินจะรู้สึกเหงาทุกครั้งที่อยู่ภายในห้องของตนเองที่บ้านตามลำพังแล้วฝนตก อากาศเย็น ๆ ทำให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวไปหมด


    พอย้ายมาเป็นห้องเล็ก ๆ ในโรงพยาบาล – เสียงโต้เถียงทำให้บรรยากาศเหล่านั้นตามมาอยู่ดี...


    จนสุดท้ายพยาบาลก็ต้องเข้ามาถามเมื่อเสียงเหล่านั้นดังจนเล็ดรอดออกไป


    "จีมิน" 


    เจ้าของชื่อนั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียง ไหล่เล็กสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากของเพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาหลังจากแม่และพ่อบุญธรรมเดินออกไปจากห้อง


    "โอเคหรือเปล่า" ฮยอนอูถามขึ้นอีกรอบ จีมินเหลือบมองคนที่เดินเข้ามา นอกจากฮยอนอูกับโฮซอกเพื่อนสนิทของเขาแล้ว ด้านหลังยังมีเด็กหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งที่เป็นที่ดึงดูดสายตาใครต่อใคร


    จีมินไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าจองกุก


    ในสายตาของคนคนนั้น พัคจีมินไม่อยากดูละอายไปมากกว่านี้แล้ว


    แต่ไม่ไหว...


    กลั้นไว้ไม่ไหวอีกแล้ว


    "ฮึก—" เสียงสะอื้นที่พยายามสะกดกลั้นไว้หลุดออกมา จีมินรีบงับริมฝีปากล่างไว้แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับร่วงหล่นลงมาพอดี


    "จีมินอา" ฮยอนอูรีบเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงทันที เขาลูบไหล่ของเพื่อนที่สั่นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง คำพูดทั้งหมดที่อยากจะใช้มาปลอบเพื่อนกลายเป็นอะไรที่ดูยากไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปด้วยซ้ำ


    มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน… ถ้าต้องยืนอยู่จุดเดียวกับจีมิน พวกเขาก็ไม่รู้จะอดทนได้สักครึ่งหนึ่งของคนตัวเล็กคนนี้ไหม


    "ฮึก – มะ ไม่ไหวแล้ว ฮึก ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ ฮือออออออ" จีมินปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ มือเล็กข้างหนึ่งกุมแถว ๆ แผลของตนที่โดนแทงเพราะแรงสะอื้นทำให้กระเทือนเข้าเลยเจ็บเข้าไปใหญ่


    "อย่าร้องไห้สิ จีมินอา เดี๋ยวเจ็บไปมากกว่านี้หรอก" โฮซอกรีบร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าจีมินก็ดูจะเจ็บไม่น้อย เขายิ่งเคืองพวกผู้ใหญ่มากขึ้น – ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าจีมินยังเจ็บอยู่แบบนี้ทำไมถึงไม่เห็นใจกันบ้างนะ… ไม่เห็นเป็นลูกก็เห็นเป็นเด็กคนหนึ่งก็ยังดี


    "ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ฮึก" จีมินยังคงร้องไห้อยู่ คำพูดที่ออกมาฟังดูอู้อี้ ๆ แทบไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่ทำให้เจ็บแผลที่จีมินก็ยังร้อง – มันแปลว่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ 


    "ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอกนะ" โฮซอกว่า ใจจริงเขาอยากจะดึงจีมินมากอด แต่ติดที่กลัวจะทำให้เจ็บแผล โฮซอกกับฮยอนอูเลยได้แต่ไปยืนข้าง ๆ เตียงแล้วจับมือเพื่อนเอาไว้ "ถ้าคิดว่าเป็นความผิดนายล่ะก็ เลิกคิดไปเลยนะ"


    ส่วนจองกุก – มันเป็นเรื่องยากในการวางตัว เขาอยากปลอบ อยากทำอะไรสักอย่างให้จีมินรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง แต่ที่เขาทำได้ตอนนี้คือยืนมองอีกคนเงียบ ๆ เท่านั้น แถมไม่รู้ว่าการที่เขาอยู่ตรงนี้จะทำให้จีมินยิ่งอึดอัดหรือเปล่า...


    "ทำไมมันถึงไม่ขึ้น ฮึก ไม่มีอะไร – ดีขึ้นเลย ฮือออออ" จีมินยังคงพร่ำเอ่ยออกมาอย่างอดกลั้น จองกุกพอจะเข้าใจได้บ้างหลังจากได้พบป้าของจีมิน ที่จีมินอดทนอยู่อย่างนี้เพราะคงจะหวังว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น หรืออย่างน้อย ๆ ก็พอที่จะอยู่ร่วมกันให้ใกล้คำว่าครอบครัวที่สุด


    ถึงได้ยอมซอนบินมาตลอด


    "ฉันแค่ไม่อยากเป็นส่วนเกินของบ้าน...อึก" จีมินเอ่ยออกมาเบา ๆ พยายามกัดริมฝีปากไว้ขณะที่น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง

    "ไม่ใช่นะ ไม่ใช่" ฮยอนอูส่ายหน้ารัว ๆ พร้อมกับลูบหลังมือจีมินเบา ๆ "นายเป็นเด็กดีมาตลอด สักวันพวกเขาต้องภูมิใจในตัวนายนะ"


    "ใช่ ๆ" โฮซอกรีบเสริม ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ชินกับเรื่องแบบนี้เสียที ครอบครัวสำคัญกับเขาแค่ไหนเขาเข้าใจดี และจีมินก็คงไม่ต่างกัน แม้ทุกอย่างจะพังลงแต่มือเล็ก ๆ นั่นก็ยังพยายามก่อให้เป็นรูปเป็นร่าง ถึงจะไม่ต่างอะไรกับการเก็บเศษแก้วมาต่อก็ตาม 


    สำหรับจีมิน นั่นอาจจะเป็นเศษแก้วล้ำค่า 


    แต่ดูเหมือนว่าเขาจะต่อมันไม่สำเร็จ


    "ฉันไม่ไหวแล้ว" จีมินส่ายหน้า "ยอมแพ้แล้ว ฮึก ไม่เอาแล้ว"


    "หมายความว่ายังไงจีมิน" น้ำเสียงของโฮซอกเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เขาอยากให้ยุนกิอยู่ด้วย ให้เพื่อนรักทุกคนของจีมินมาอยู่เป็นกำลังใจข้าง ๆ


    "พวกเขาเริ่มเถียงกันเรื่องหย่า" จีมินเงยหน้ามาพูด ยกมือข้างที่เจาะสายให้น้ำเกลือมาเช็ดน้ำตา ความเจ็บจากการขยับทำให้เขาปวดไปตามฝ่ามือ แต่ก็เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับแผลโดนแทงที่ข้างลำตัวตอนสะอื้น 


    ยิ่งร้องไห้ก็มีแต่จะต้องเจ็บเท่านั้น...


    "ฉันไม่อยากให้แม่ต้องหย่าอีกครั้งแล้ว" รอยยิ้มบนใบหน้าของจีมินดูเจ็บปวด "ฉันไปเองดีกว่า ค...คงต้องไปอยู่กับป้าแล้วจริง ๆ"


    ทั้งสามคนที่ฟังอยู่นิ่งไปเล็กน้อย แม้ถ้าให้พูดออกมาความเห็นของทุกคนคงตรงกันว่าให้จีมินออกมาน่ะดีแล้ว ปัญหาของซอนบินตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งคู่กรณีเป็นเพื่อนสนิทของจีมิน ยิ่งมีแต่อีกฝั่งจะหงุดหงิดใจกับจีมิน


    "จริง ๆ โลกมันโหดร้ายเนอะ" จองกุกพึมพำออกมา จีมินหันไปตามเสียงก็เห็นว่าจองกุกมองหน้าเขาอยู่ เด็กหนุ่มที่เป็นประกายเหมือนดวงดาวคนนั้นยกยิ้มที่ดูเศร้าสร้อยมาให้เขา "ทั้ง ๆ ที่พี่ไม่ได้ผิดอะไรเลยแต่กลับต้องเป็นคนถอยออกมา"


    จีมินเม้มปากแน่น เขาอยากจะโวยวาย อยากที่จะต่อต้าน อยากดื้อรั้นทำแบบซอนบินบ้าง ถามว่าเขารักซอนบินเหมือนน้องชายบ้างไหม คำตอบคือไม่ เขาออกจะเกลียดแสนเกลียดด้วยซ้ำ


    แต่สิ่งที่เรียกขานกันว่าความหวังนั่นแหละ ที่ทำให้จีมินเลือกเก็บซ่อนอะไรที่จะทำให้มันเลวร้ายยิ่งกว่าเก่าไป – แต่ว่าเขาจะทำอย่างไร ผลก็ไม่ได้ดีอะไรกับตัวเขาเลย


    แล้วเขาทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ


    เขาไม่อยากที่จะต้องรู้สึกเจ็บใจกับเรื่องที่ผ่านมาแบบนี้


    "อยะ อย่าร้องไห้แบบนี้สิ" ฮยอนอูรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลมาอาบแก้มจีมิน


    "พี่ครับ อย่ากำมือ" จองกุกแทบร้องเสียงหลงตอนที่เห็นจีมินกำมือแน่นจนข้างที่เจาะสายให้น้ำเกลือไว้เริ่มมีเลือดไหลย้อนขึ้นมา ก่อนที่ใครจะทำอะไรจองกุกก็รีบเข้ามากุมมืออีกคนเบา ๆ แตะที่บริเวณนิ้วอีกคนเพื่อหวังจะให้คลายออก


    จีมินเองก็ตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ จองกุกทำแบบนี้ เขาคลายมือออกอย่างว่าง่ายทันที


    "ขอโทษนะครับ" เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นที่ประตูห้องที่แทบไม่มีคนสนใจจนกระทั่งแทฮยองเปิดมันออกแล้วยื่นหน้าเข้ามา "คือ... "

    เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นสายทุกคู่ในห้องมองมาจากเตียงคนไข้แบบนี้ แถมจีมินคงจะกำลังร้องไห้หนักเสียด้วย


    ตายล่ะ...


    "พี่ยุนกิเป็นห่วงน่ะ – แบบ เอ่อ ผมเลยมาดูว่าพี่เป็นยังไงบ้าง" แทฮยองแทบจะพูดไม่ถูก เขาเองก็เป็นห่วงพี่จีมิน แล้วพี่ยุนกิก็ให้มาดูให้ด้วยเพราะว่าเป็นห่วง เขาไม่รู้จะใช้คำพูดยังไงดี ให้ตายเถอะ


    "แบบ..."


    "คึ... เข้าใจแล้วน่า" จู่ ๆ จีมินก็หลุดหัวเราะออกมา ดวงตาบวม ๆ มีน้ำตาไหลออกมาตอนที่พูดด้วย เล่นเอาแทฮยองเหวอไปเลย "ทั้งนาย ทั้งยุนกิ ฮึก ขอบคุณมากนะ ฮืออออ"


    "เฮ้ย ๆ ไม่เอา ๆ ไม่ร้องสิ"


    "พี่จีมินอย่าร้องสิครับ" กลายเป็นว่าทั้งร้องและพูดออกมาพร้อมกัน แทฮยองรีบถลาเข้าไปในห้องอย่างรนลาน เห็นหน้าซีด ๆ ของจองกุกแล้วแทฮยองก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก


    "มะ ไม่เป็นไรแล้ว" จีมินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเพดาน "แค่อยากขี้แงเฉย ๆ – ไม่ได้เหรอ..?"


    "ไม่เจ็บแผลเหรอ" ฮยอนอูถาม


    "เจ็บ... แต่ไม่รู้สิ" จีมินว่ายิ้ม ๆ เขาเองก็เพิ่งเคยยิ้มไปร้องไห้ไปแบบนี้แหละ "ปล่อยฉันเป็นอย่างนี้ไปเถอะ"


    "ถ้ามันทำให้นายรู้สึกดีขึ้นน่ะนะ" ฮยอนอูเอ่ยเสียงอ่อน จีมินหันหน้ายิ้มแฉ่งให้เพื่อนจนคนอื่นต้องยิ้มตามออกมา


    ที่เขาอดทนกับเรื่องทั้งหมด ก็เพื่อที่จะเจอ ได้สนิทสนม กับคนพวกนี้ล่ะมั้ง...


    ทำให้เขาได้รู้ว่าเขามีเพื่อนที่สุดยอดแค่ไหน ไม่ใช่แค่ยุนกิหรอก ทุกคนเลยต่างหาก ทุกคนที่ช่วยประคองเขามาถึงวันนี้


    แล้วเขาจะมาร้องไห้ให้คนพวกนี้ทุกข์ใจได้ยังไง


    ในเมื่อที่นั้นไม่ใช่ที่ของเขา… จีมินก็จะถอยออกมา ไม่เป็นอะไรหรอก เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเสียหน่อย


    แล้วจอนจองกุกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเขาเสียที...



    レインコート



    พอท้องฟ้าเริ่มมืด ท้องฟ้าขมุกขมัวด้วยก้อนเมฆสีเทาทำเอาบรรยากาศดูมืดครึ้มน่ากลัว ที่บ้านของโฮซอกโทรศัพท์มาหาลูกชายด้วยความเป็นห่วง จีมินจึงบอกให้เพื่อน ๆ กลับไปได้แล้วเพราะเริ่มจะมืด แล้วเดี๋ยวถ้าฝนตกจะกลับบ้านลำบากเข้าไปใหญ่


    "ยังไม่กลับเหรอ" จีมินถามเสียงอู้อี้ ๆ เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ในห้องตอนนี้มีแค่เขากับจองกุก เพราะแทฮยองก็รีบไปบอกยุนกิว่าตอนนี้จีมินเป็นอย่างไรบ้าง


    "อืม... อีกสักพักน่ะครับ" จองกุกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ร่างสูงย้ายตัวเองไปที่โซฟาติดริมหน้าต่าง "อยากให้เปิดม่านไว้หรือเปล่าครับ อากาศแบบนี้กำลังดีเลย"


    จองกุกพึมพำขณะที่มองหยดฝนซึ่งเริ่มเกาะอยู่ตามบานกระจก ถึงเขาจะเป็นคนทะมัดทะแมงแต่ก็ไม่ค่อยชอบออกแดดนัก ตอนที่ฟ้าเริ่มมืด อากาศเย็น ๆ แบบนี้เขาชอบกว่าวันที่อากาศร้อนเป็นไหน ๆ ถึงแสงแดดจะทำให้ฟ้าสดใสก็เถอะ


    "เปิดไว้ก็ได้" จีมินตอบ เขาไม่ได้ชอบอากาศแบบนี้เป็นพิเศษ หากแต่เขาไม่ชอบความรู้สึกเหมือนต้องอยู่ในสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ชวนอึดอัดต่างหาก "นายชอบตอนฝนตกเหรอ"


    “ก็ไม่เชิงอะครับ จะว่ายังไงดี ผมไม่ชอบอากาศร้อน ๆ และก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับฝนถ้าไม่มีธุระอะครับ คนที่ชอบฝนจริง ๆ คงจะเป็นแทฮยอง”


    "งั้นเหรอ" จีมินเอ่ยออกมาเสียงอ่อนเพราะความเหนื่อยล้า จองกุกยิ้มให้เขาเป็นผลทำให้จีมินต้องส่งยิ้มกลับไป 


    "แล้ว...พี่จะย้ายไปอยู่กับป้าเหรอครับ" จองกุกถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะถามออกไปไหม คำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่าจีมินคงไม่มีทางเรื่องอื่น


    "อืม กะว่าพอออกจากโรงพยาบาลก็จะไปเลย ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่หรอก แค่ตื่นเช้าเพิ่มนิดหน่อย" จีมินตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "ให้แม่เก็บของที่จำเป็นไปไว้ที่บ้านป้าเลยน่ะ"


    จองกุกพยักหน้าให้ เขายังคงมีรอยยิ้มอ่อน ๆ ประดับอยู่บนใบหน้า พักนี้มาจีมินมองจองกุกไม่เหมือนวัยรุ่นคนอื่นเท่าไหร่ แน่นอนว่าเขารู้ว่าจองกุกเป็นคนอยากรู้อยากเห็น จีมินไม่รู้ในกรณีของคนอื่น แต่เมื่อจองกุกรู้เรื่องของเขาแล้วกลับไม่ได้ทำให้จีมินรู้สึกแย่สักเท่าไหร่ เหมือนกับว่าอีกคนจะช่วยแบ่งเบามันไป ความรู้สึกที่อาจจะเรียกได้ว่าความใส่ใจ... หรือเปล่านะ


    จีมินกลัวการคิดไปเองที่สุด...


    แต่ตอนนี้ต่อให้พยายามยังไง ความหวั่นไหวในใจก็ดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้จองกุกไม่ได้ชอบเขา จีมินเองก็คงห้ามใจตัวเองไม่ให้ชอบจอนจองกุกไม่ได้แล้วแหละ


    "ไม่เป็นไรนะครับ" จองกุกว่า จีมินพยักหน้าให้อีกคน ใจจริงแล้วเขาอยากเป็นใครสักคนที่ดูดีในโรงเรียน เป็นใครสักคนที่ดีพร้อม เป็นใครสักคนที่เดินข้างจองกุกแล้วดูเหมาะสม


    แต่เขาก็เป็นแค่พัคจีมิน


    จองกุกเป็นเหมือนดวงดาวในอีกจักรวาล พอคิดได้แบบนั้นแล้วเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจที่เริ่มตกหลุมรักอีกคนแม้แต่น้อย ตอนแรกเขาอยากจะเปิดใจให้ตนเองลองชอบใครสักคนดู แต่กลายเป็นว่าจองกุกหล่นตุ้บลงมาในใจเขาได้อย่างง่ายดาย


    อย่างน้อยความรักก็ทำให้ใจเต้นแรงได้อย่างไม่เป็นเหตุเป็นผล มันก็รู้สึก...เหมือนได้โบยบินไปกับความสุขเล็ก ๆ เพียงแค่เห็นอีกคนยิ้ม หรือน้ำเสียงทุ้มนุ่มนั่นแสดงความเป็นห่วง


    อ่า... ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องทุกข์ใจ แต่ความรู้สึกตอนนี้นี่เขากำลังเขินหรือเปล่านะ


    เขินที่จองกุกยังเอาแต่ยิ้มให้เขาอยู่แบบนั้น


    สุดท้ายแล้วก็เป็นจีมินที่ต้องหลบตาโดยการนอนมองเพดานห้องสีขาวสะอาดตาแทน แต่ไม่ชอบนอนโรงพยาบาล – แน่นอนว่าคงไม่มีใครชอบ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าการนอนโรงพยาบาลครั้งนี้เป็นเรื่องเลวร้ายนัก เพราะอย่างน้อยทั้งยุนกิและเขาก็ปลอดภัย


    "พี่จีมิน" ผ่านไปสักพักเสียงของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น จีมินเอียงศีรษะไปมองอีกคนที่กำลังลุกเดินมาหาเขา "ดูเหมือนผมจะต้องกลับแล้ว"


    "อ่า... โอเค กลับดี ๆ นะ" จีมินเอ่ยด้วยรอยยิ้มดูอ่อนล้ากว่าวันปกติ


    "ครับ" จองกุกตอบรับพร้อมกับเดินเข้ามาและขยับผ้าห่มบนร่างเล็กให้ดูเข้าที่เข้าทาง จีมินแทบกลั้นหายใจกับการกระทำของเด็กหนุ่มร่างสูง รอยยิ้มนิด ๆ บนใบหน้าของจองกุกทำเอาเขาแทบจะยกผ้าห่มคลุมหน้าหนีให้รู้แล้วรู้รอด "หายไว ๆ  นะครับ”


    "อะอื้ม"


    จองกุกหัวเราะออกมากับท่าทีของจีมิน – ก็ไม่ใช่ว่าจีมินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการกระทำของเขาเสียหน่อย


    คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นอีกคนหัวเราะออกมาแบบนี้ เขาจับผ้าห่มขึ้นยกปิดจนถึงจมูกแก้ความรู้สึกเขิน ๆ อาย ๆ


    "งั้นผมไปนะ" จองกุกเอ่ยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปทางประตู จีมินมองแผ่นหลังของอีกคน ความคิดชั่ววูบที่จู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาในหัวทำให้เขาต้องพลั้งปากเรียกอีกคนออกไป


    "เดี๋ยวก่อน"


    จองกุกชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงของจีมินเรียก แต่ยังไม่ทันจะได้หมุนตัวกลับไปเอ่ยถามอะไร จีมินก็รีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วเสียก่อน


    "ที่ทำแบบเมื่อกี้ มันทำให้ฉันคิดไปเองนะ" 


    ตัวจีมินเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาพูดอะไรแบบนี้หรอก พอเห็นร่างสูงที่หันหลังให้นิ่งไปเขาก็ยิ้มเจื่อน ๆ ให้ตนเอง


    ปากไวจริง ๆ เลยพัคจีมิน


     "คือ..."


    "พี่ไม่ต้องห่วงหรอก" จองกุกหมุนตัวแล้วก้าวถอยหลังออกจากห้อง ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้างที่แสดงความดีใจจนแทบปิดไม่มิดอยู่ “พี่ไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ"


    จีมินเบิกตาโตอย่างตกตะลึง จองกุกยิ้มจนแทบปากฉีกก่อนจะปิดประตูห้องลง ซึ่งจีมินก็ดีใจแล้วที่จองกุกทำแบบนั้น


    "ว้ากกกกก บ้าไปแล้ว ๆ ๆ ๆ ๆ” จีมินยกมือขึ้นตบ ๆ ที่ข้างศีรษะของตนเองเบา ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นอะไร


    ก็เขินน่ะสิ!!! จะเป็นอะไรไปได้อีกกันเล่า!


    "โอ๊ยยยยย ทำยังไงดี จะทำยังไงดีเนี่ย" มือขาวยกขึ้นทาบแก้มร้อนแผ่วของตนเอง จองกุกไม่ได้พูดอะไรมากมายสักหน่อย แต่แค่นี้ก็มากพอจะเฉลยแล้วนี่


    จีมินไม่ได้คิดไปเอง!!! เขาไม่ได้คิดไปเอง


    เพิ่งจะเคยเป็นแบบนี้ก็ครั้งแรก ใจเต้นแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย... ไม่เคยรู้ว่าก่อนเลย


    ถ้าไม่เจ็บแผลอยู่เขาคงจะดิ้นตายไปกับพื้นเตียงแล้ว และถ้าเขาตัวเบาเป็นขนนก เขาต้องลอยได้แน่ ๆ 


    การมีความรักมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องราวมากมาย แค่สิ่งเล็ก ๆ – ความรู้สึกเล็ก ๆ ที่ก่อผลให้ใจเต้นแรงได้มากกว่าปกติ แค่สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดี ๆ พองแทบคับใจ



    มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...



    レインコート



    ยุนกิสวมเสื้อฮู้ดสีขาวตัวใหญ่โคร่ง รูดซิปปิดแทบมัดเชือกตรงคอไว้เพื่อปิดรอยบาดแผลจาง ๆ บนคอ บนใบหน้ามีแมสสีดำปิดครึ่งหน้าไว้ บนไหล่มีด้ามร่มพาดไว้ – มินยุนกิออกจากโรงพยาบาลและมาโรงเรียนได้แล้ว หลังจากต้องนอนอยู่บนเตียงมาหลายวัน


    ร่างกายของเขาฟื้นตัวเป็นอย่างดีเพราะมีแพทย์คอยดูแล ได้รับยาและการดูแลที่เหมาะสม แถมยังไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน จะเหลือก็แค่เจ็บตามรอยช้ำที่ยังไม่หายดีแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขานัก แต่ก็ไม่อยากจะใช้คำว่าชินหรอกนะ...


    "พี่แต่งตัวแบบนี้ในวันฝนตกเป็นปกติหรือเปล่าครับ" เสียงของแทฮยองเอ่ยทักขึ้นมา ยุนกิเผลอสะดุ้งให้กับเสียงทุ้ม ๆ นั่นก่อนจะหันหน้าไปมองร่างสูงในเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้ม


    วันฝนตกแบบนี้ คิมแทฮยองก็มาโรงเรียนพร้อมด้วยเสื้อกันฝน เหมือนกับทุกวันที่ฝนตกอีกตามเคย


    "พูดมากจริงแทฮยอง – นายก็รู้นี่" ยุนกิหันมาทำหน้างอใส่ร่างสูงที่หยักไหล่ให้เขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้ว่าหยดฝนจะกระทบกับใบหน้าช่วงล่างที่ฮู้ดของเสื้อโค้ทกันฝนปิดไม่มิด บางครั้งยุนกิก็นึกอิจฉาแทฮยองที่เหมือนจะไม่เคยทุกข์ร้อนกับสายฝนเลยสักครั้ง


    "แต่... ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วใช่ไหมครับ"


    "คงงั้นแหละ" ยุนกิตอบปัด ๆ แต่พอเห็นคนใส่เสื้อกันฝนที่เดินตามมาข้าง ๆ จ้องหน้าตนเองไม่วางตาจึงรีบเอ่ยต่อไป "ก็ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วน่า แผลโดยต่อยปกติ คิดอะไรมาก"


    "จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงละครับ" แทฮยองเอ่ยพลางถอนหายใจยาวเหยียดออกมา ยุนกิทำหน้ายุ่ง ๆ ทันทีที่อีกคนทำเหมือนเขาเป็นเด็กซน ๆ พูดอะไรไม่เคยฟังแบบนั้น "แล้ววันนี้ไปสนามกลางหรือเปล่าครับ"


    "ไปแหละ ขาดไปตั้งหลายวัน สงสัยจะได้อดแข่ง" ยุนกิเอ่ยติดตลกแม้จะรู้ว่าถึงไม่ได้ไปซ้อมมาเป็นอาทิตย์ก็คงไม่กระทบอะไรนัก เพราะที่เขาถูกบังคับให้ซ้อมมาอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นพื้นฐานให้เขาแล้ว


    "ผมเองก็ขาดไปหลายครั้งเหมือนกัน" แทฮยองหัวเราะออกมา ยุนกิเกือบจะยิ้มตามอีกคนไปแล้ว แต่เขาคือมินยุนกินะ!


    "เหมือนตอนนั้นเลยแหะ" 


    "ครับ?"


    "ก็ตอนนั้นไง ฉันกางร่ม แล้วนายก็ใส่เสื้อกันฝน” ยุนกิหันมาพูดขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ แทฮยองร้อง อ๋อ ออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ยุนกิต้องรีบสะบัดหน้าหนีไปมองทางเดินชื้นแฉะในโรงเรียนแทน


    "แล้วก็คงเป็นอย่างนี้จนหมดฤดูฝนแหละครับ"


    หมายความว่ายังไงกันนะ... แค่ยังไงยุนกิก็คงกางร่ม แทฮยองใส่เสื้อกันฝน หรือหมายถึงว่าจะมาเดินด้วยกันแบบนี้ – แล้วสรุปแทฮยองรู้ความหมายนั้นของโคลเวอร์หรือเปล่านะ


    ทำไมถึงได้เป็นผู้ชายที่รบกวนระบบความคิดเขาได้ขนาดนี้เนี่ย!!


    "แล้วพี่กลับยังไงเหรอครับ" แทฮยองถาม เพราะยุนกิเองก็ยังไม่หายดี จะให้ขึ้นรถประจำทางหรือแม้แต่รถไฟฟ้าไปยังไงก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี


    "พี่ซอกจินมารับน่ะ"


    "งั้นเหรอครับ...”


    "นายก็ไปด้วยกันสิ ชวนจองกุกด้วย ไปที่เดียวกันอยู่แล้วจะเสียเวลารอรถไปทำไม"


    "มันก็..."


    แทฮยองคิดว่ายังไงก็ไม่ควรจะพูดออกไป ถึงจะให้พูด เขาก็ไม่รู้จะพูดออกไปให้ยุนกิฟังยังไงดี เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่เขาก็ลูกผู้ชายนะ! ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าซอกจินไม่ได้คิดกับคนตัวขาวที่เดินกางร่มอยู่ข้าง ๆ เขาแค่น้องชาย ลำพังยุนกิต้องไปกับซอกจินเขายังอดรู้สึกขุ่น ๆ ในใจไม่ได้ แล้วถ้าเขาต้องพึ่งไปซอกจินด้วย ก็อดรู้สึกพ่ายแพ้ไม่ได้แหะ


    "ไปเถอะน่า ยังไงก็ไปที่เดียวกัน”


    "ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกจองกุกให้แล้วกันครับ" แทฮยองพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยุนกิยิ้มกว้างอย่างดีใจจนแทฮยองคิดว่าดีแล้วแหละที่เขาไม่ปฏิเสธ ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ยุนกิจะมาบังคับใช้เขาได้ แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเถียงยุนกิสักที


    เอาเถอะเนอะ ยังไงคิมซอกจินก็เป็นคนที่สอนเคนโด้ให้เขาเชียวนะ เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เคารพมาก ๆ ด้วย ยิ่งแทฮยองคิดไร้เหตุผลแบบนั้นเขาก็ยิ่งเด็กเท่านั้นแหละ


    "นี่นายจะเดินไปส่งฉันหรือไง ตึกนายอยู่ตรงนู้นนะ” จู่ ๆ ยุนกิก็ชะงักเท้ากระทันหันเมื่อเห็นแทฮยองเดินผ่านทางไปตึกเรียนของตนเองหน้าตาเฉย


    "ก็ใช่น่ะสิครับ" แทฮยองตอบกลับมาเป็นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา  ๆ


    "อะไรของนายเนี่ย..." ยุนกิพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับก้มหน้ามองปลายเท้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการที่เขาไม่อยากจะยอมรับว่าเขิน...


    "ไม่ชอบเหรอครับ"


    "ก็... ก็ไม่ได้บอกอย่างนั้นเสียหน่อย" ยุนกิเอ่ยเสียงเบา ๆ จนคล้ายบ่นอุบอิบกับตนเองและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมองแทฮยอง


    "งั้นก็แปลว่าชอบนะครับ"


    มะ หมายความว่ายังไงกันนะ...


    สำหรับยุนกิตอนนี้คำพูดของแทฮยองเหมือนต้องแปลเสียก่อน ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างอื่นด้วยไหม... ยุนกิรู้สึกเหมือนเขาเป็นอย่างนี้หนักขึ้นทุกครั้งที่เขานั่งมองใบโคลเวอร์ซึ่งตอนนี้เขาสอดไว้ในหนังสือเล่มหนาเพื่อการเก็บรักษาเรียบร้อยแล้ว เขาอยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอด 


    สรุปแล้วแทฮยองรู้อีกความหมายไหมเนี๊ย!!!


    แล้วทำไมยุนกิถึงไม่ถามไปเลยน่ะเหรอ คำตอบไม่ยากเลยถ้ารู้ว่ายุนกิเป็นคนยังไง แล้วมันก็ยังน่ากลัวเกินไปอยู่ดี... ถ้าแทฮยองไม่รู้แล้วเขาถามไปมันจะเป็นยังไงกันนะ...


    เพราะฉะนั้น... จะไม่มีการถามอะไรเกี่ยวกับใบโคลเวอร์จากมินยุนกิเด็ดขาด!!


    ลำพังแค่คุยกันปกติ ยุนกิยังอดหวั่นว่าอีกคนจะจับได้ว่าเขาใจเต้นผิดจังหวะเลย... มันน่าอายจะตายถ้าแทฮยองจะรู้ว่าเขาแอบเขิน


    ไม่อยากจะยอมรับเลย ให้ตายเถอะ!!!


    ยุนกิย้ำเท้าไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงหงุดหงิดใจที่มีคนมองพวกเขาซึ่งอีกคนเดินกางร่มกับอีกคนใส่เสื้อกันฝนเดินมาคู่กันแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ยุนกิกำลังรู้สึกเคอะเขินเสียอย่างนั้น


    ไม่ว่าใครจะมองมายังไงมันก็ไม่สำคัญหรอก นี่มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยในชีวิตเท่านั้น มองอีกทางแล้ว แทฮยอง – มาเดินยิ้มแป้นข้าง ๆ เด็กผู้ชายที่มีแผลฟกช้ำจากการชกต่อยเต็มใบหน้า ทั้ง ๆ เจ้าตัวก็มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนหัวดีคนต้น ๆ ของโรงเรียน


    เพราะแทฮยองรู้ว่าจริง ๆ แล้วยุนกิเป็นคนยังไง


    แล้วตอนนี้ยุนกิก็รู้แล้วว่าแทฮยองเป็นยังไง


    ร่างเล็กถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะขยับไปเดินใกล้คนข้าง ๆ มากขึ้นจนดูเหมือนเขาทั้งคู่อยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน แต่เพราะแทฮยองสวมเสื้อกันฝนอยู่แล้วยุนกิเลยยังกางร่มคลุมให้ตัวเองได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าอีกคนจะเปียก


    ก็สบายดีแฮะ แบบนี้


    สบายใจดี...


    ยุนกิลอบยิ้มกับตนเองเมื่อแขนชนกับเสื้อกับฝนที่เปียกหยดน้ำของอีกคน แทฮยองดูตกใจเล็กน้อยเพราะกลัวยุนกิจะเปียก แต่พอเห็นคนว่าคนตัวเล็กกำลังอมยิ้มน้อย ๆ อยู่เขาก็เลือกที่จะเดินต่อไปเงียบ ๆ ด้วยหัวใจพองโตอย่างกับว่าจะบินได้เสียอย่างนั้น


    รุ่นน้องผู้หญิงคนนั้นเอาเสื้อกันฝนที่ยุนกิฝากมาคืนให้เขาตอนที่เธอไปเยี่ยมยุนกิที่โรงพยาบาล 


    ยุนกิต้องจำมันได้แน่นอน


    เสื้อกันฝนของเขาที่ยุนกิสวมในวันนั้นน่ะ


    เขาไม่พกร่ม มีเสื้อกันฝนติดกระเป๋าอยู่ตัวเดียว แต่ถ้าวันไหนยุนกิต้องตากฝน แทฮยองให้ได้ทั้งหมดที่เขามีเพื่อที่ยุนกิจะได้ไม่ต้องเปียก 


    แบบนี้พอจะสู้ร่มได้ไหมนะ...


    "ถึงแล้ว" ยุนกิเอ่ยออกมาเมื่อถึงตึกเรียน เขาหุบร่มลงเมื่อเดินเข้าไปใต้อาคารเรียน "ขอบใจมากนะ"


    "ครับ" แทฮยองพยักหน้าให้ ยุนกียิ้มแบบไม่เห็นฟัน คล้าย ๆ กับเป็นการยิ้มแบบไม่ยกมุมปากให้ แทฮยองมองว่าดูน่ารักดี... เหมือนลูกหมีขาวเลยแหะ


    "เอ้า!" ร่างเล็กที่กำลังขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ขั้นอุทานขึ้นเมื่อเห็นรุ่นน้องร่างสูงผิวขาวสุขภาพดีที่เขาคุ้นเคยเดินลงบันไดยิ้มร่าลงมา


    "อ้าว พี่ยุนกิ ไง แทฮยอง" จองกุกเอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินผ่านรุ่นพี่ตัวขาวลงไปหาเพื่อนของตนที่ยืนมองหน้าเขาอึ้ง ๆ อยู่ใต้ถุนตึก ยุนกิมองตามไปเล็กน้อย


    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจองกุกมาทำอะไรที่ตึกของปีสาม


    มาส่งจีมินสินะ ถึงขนาดนี้แล้วเลยเหรอเนี่ย 


    เหมือนคราวนี้จองกุกจะนำหน้าแทฮยองไปแล้ว – ยุนกิลอบหัวเราะกับตนเองก่อนจะเดินขึ้นบันไดต่อไป ถ้าให้มาส่งขนาดนี้แสดงว่าเจ้าหนูจีมินของเขาคงจะเปิดใจให้แล้วสินะ ไม่อย่างนั้นก็คงเอาแต่ปฏิเสธเพราะไม่อยากเป็นที่สนใจ


    เขาได้ยินเสียงจองกุกพูดกับแทฮยองลอยมาแว่ว ๆ ว่า "คนที่ช้ามันก็มีแต่แกนั่นแหละ"


    แล้วยุนกิก็หุบยิ้มไม่ได้เลย



    T B C



    ทอล์กกิกิกิ : ฮู้ววว อีกสองตอนจบค่ะะะะ หวีดดดดด อย่าลืมเมนต์หรือติดแท็กนะคะ #ฟิคเรนโค้ท นะคะ ไม่ก็สั่งฟิคเลยก็ได้ค่ะ55555555 


    เปิดสั่งจองแล้วนะคะสำหรับเล่มฟิค เยยยยยยยย้ ตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. 59 รายละเอียดจิ้ม ๆ ได้เลยค่าา >> ☔️




    ตัวอย่างปกค่าา

    ขอบคุณปกสวยๆจากคุณมะนาวนะงับ

    ขอบคุณน้องเบลที่พรูฟให้มาตลอดด้วยย



    เริ้บบบบบบบบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×