ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BTS จบแล้ว] レインコート `raincoat ❥ vga & kookmin .

    ลำดับตอนที่ #11 : レインコート 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      40
      17 ก.ค. 58

    レインコート

    `raincoat

     

     

    11
     


     



      

       ถึงแทฮยองจะไม่ได้มีอคติกับฝนและตอนนี้เขาก็มีเสื้อกันฝนติดตัวอยู่ แต่ยอมรับกันตามตรงว่าวันนี้มันเลวร้ายใช้ได้ สาเหตุก็มาจากถุงใส่อุปกรณ์ใบโตกับชิไนในซองนี่แหละ โชคดีที่มันกันน้ำไว้จึงไม่ค่อยน่าห่วงว่ามันจะเสียหายแต่ขณะเดียวกันมันก็เฉอะแฉะ

       เขาใส่รองเท้าแตะธรรมดา ๆ ก็แน่แหละ... วันนี้ฝนตกถนนเปียกมาตั้งแต่เขาก้าวเท้าออกจากบ้านคงไม่พลาดใส่ผ้าใบมาแบบยุนกิ แทฮยองเลยแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นจองกุกใส่รองเท้าผ้าใบที่ดูจะยังใหม่อยู่มาแบบนี้

       "ไง" แทฮยองทักขึ้นเมื่อเข้าไปในโรงฝึกเคนโด้ของสนามกีฬาจังหวัดแล้ว เสื้อกันฝนถูกพาดผึ่งไว้ตรงระเบียงด้านหน้าของโรงฝึกในจุดที่ฝนสาดไม่ถึง คนที่นี่เรียกมันว่าสนามเคนโด้กลาง มันใหญ่และกว้างกว่าโรงฝึกที่เขาไปซ้อมอยู่เป็นประจำและยังดูใหม่กว่า มีพื้นที่ส่วนที่เป็นสนามแข่งชัดเจน จองกุกที่วุ่นอยู่กับรองเท้าผ้าใบสีกรมท่าเปียกโชกของตนเงยหน้ามามองแทฮยอง เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าจองกุกเช็ตผมด้วย "โห..."

       "อะไรของนาย" จองกุกว่าด้วยท่าทางไม่จริงจังนักก่อนจะเอารองเท้าไปวางไว้บนชั้น เขย่งปลายเท้าไม่ให้เลอะน้ำที่นองอยู่บนพื้นจากการที่มีคนใส่รองเท้าเปียกฝนเข้ามาถึงตรงนี้ จองกุกหอบของในมือที่เหมือนกับแทฮยองออกไปจากตรงบริเวณที่ถอดรองเท้า แทฮยองทำแบบนั้นบ้าง แต่เขาเพียงแค่ยกเท้าขึ้นไปทีละข้างเพื่อถอดรองเท้าวางบนชั้นเลย

       "แปลกใจน่ะ ตื่นเช้าหรือไง" แทฮยองตอบก่อนจะถามต่อไปเลย ตอนนี้พวกเขาเดินบนพื้นโรงฝึกได้สบาย ๆ แล้ว แต่จองกุกยังมีปัญหากับถุงเท้าที่เปียกน้ำอยู่ เด็กหนุ่มผิวขาวสบถออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยเท้าติดอยู่ตามพื้นโรงฝึก "เดี๋ยวมันก็แห้งไปเองน่า"

       "คงงั้นแล้วเมื่อกี้ถามว่าฉันตื่นเช้างั้นหรอ ก็ใช่นะ" จองกุกตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายกับพึมพำขณะขยับไหล่คล้ายจะแก้เมื่อย "มันเลยทำให้ฉันง่วง"

       แทฮยองไม่ได้ตอบ เขากับจองกุกวางของไว้ตรงริมผนัง อีกสิบนาทีเก้าโมง แต่โต๊ะที่รับเอกสารของนักกีฬาก็ตั้งเตรียมและมีคนนั่งรอเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเปิดกระเป๋าออก หยิบเอกสารออกมาตรวจเช็ก

       "มาหรือยังน่ะ"

       "ถามถึงใคร" แทฮยองถามเมื่อได้ยินจองกุกพึมพำออกมา เด็กหนุ่มหันกลับมาจากการมองไปรอบ ๆ โรงฝึก แทฮยองมองเขาอย่างสงสัย จองกุกยักไหล่ให้ก่อนจะตอบ

       "พี่ยุนกิมั้ง"

       ความจริงแล้วไม่มีทางหมายถึงมินยุนกิไปได้แน่ เพื่อนของยุนกิต่างหาก แต่เขาก็ไม่คิดจะตอบแทฮยองไปตรง ๆ หรอกนะ

       "ทำไมต้องถามถึงพี่เขาด้วย" แทฮยองถามกลับไปแทบจะในทันที

       ที่สำคัญ คนที่ฟังอยู่นี่คือจอนจองกุก หูเขาไวมากต่อการจับอะไรที่ผิดสังเกต โกหก แสร้ง ล้อเล่น ไม่ชอบใจ เขาสามารถเดาความรู้สึกได้ในระดับหนึ่ง จนเขารู้สึกว่ามันน่าสนุก เขาไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นโดยไม่มีที่มาที่ไปเสียหน่อย

       "ทำไมล่ะ" จองกุกเพยิดหน้าถามกลับไป ส่วนแทฮยองก้มหน้าลงดูเอกสารต่อ

       "สงสัย"

       เป็นบทสนทนาที่จองกุกคิดว่ามันน่าตลก คำพูดสั้น ๆ จนฟังดูแปลกหู พวกเขาไม่ถึงกับพูดมาก ตานี่มันฟังดูเป็นช็อต ๆ

       "งั้นเหรอ" แล้วเขาก็ดันเล่นตามไปด้วย แทฮยองเงยหน้ามามองเขา ดวงตาของจองกุกเป็นประกายจนแทฮยองต้องชะงักแล้วพยักหน้าไปให้

       "แล้ว... แกจะไม่ตอบหรือไง" แทฮยองถาม ก้มหน้าลงไปจัดเอกสารให้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบต่อ

       "ไม่ได้หมายถึงพี่ยุนกิ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เกี่ยว" จองกุกตอบไปด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ที่ว่าเกี่ยวข้องกันก็เพราะพัคจีมินเป็นเพื่อนสนิทของยุนกิอย่างไงล่ะ แต่แทฮยองไม่ได้เข้าใจนักหรอกถึงได้ตีหน้ายุ่งออกมาแบบนั้น

       "อธิบายหน่อยได้ไหม"

       "ยังไม่ค่อยแน่ใจ ยังไม่พูดแล้วกัน" จองกุกเอ่ยไปก่อนจะเงยหน้าไปยักคิ้วใส่แทฮยอง คนผิวแทนชะงักไปแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรจองกุกก็เอ่ยย้อนกลับมาเสียก่อน "แกล่ะ ว่ามาบ้างสิ"

       "อะไร"แทฮยองขมวดคิ้วถามกลับไป

       "มินยุนกิ" จองกุกเอ่ยออกมาเบา ๆ ลอบขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกไปของเพื่อนสนิท คล้ายกับว่าเหวอไป

       ฝนยังตกลงกระทบกับหลังคาของโรงฝึกกลางดังจัก ๆ แทฮยองรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของมันชัดขึ้น มันหมายถึงว่าช่วงหนึ่ง เขาไม่ได้ยิน ไม่สิ ไม่ได้ใส่ใจเสียงฝน เอ่อ... เขาอาจจะกำลังคิดมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิตก

    "ก็... ไม่ถึงขนาดนั้น" น้ำเสียงงึมงำเอ่ยไม่เต็มเสียง จองกุกพยักหน้าไปให้แล้วตบไหล่เพื่อนรักสองสามที

    "คล้ายกัน"

    "ฟังดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ออกจะตลกด้วยซ้ำ ประมาณว่าเพื่อนสนิทสองคนเกิดอะไรขึ้นพร้อม ๆ กัน" แทฮยองว่าแต่จองกุกทำเพียงแค่ยักไหล่ให้แล้วเดินเอาเอกสารไปยื่น เจ้าของผิวแทนจมอยู่กับความคิดตัวเองชั่วครู่แต่มีความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านมาในหัว - โผล่ขึ้น - หายไป - สภาวะกึ่ง ๆ สับสนในตัวเอง แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น พูดออกไปคงดูไร้สาระ

    ข้อดีของการมาแต่เช้า – พวกเขารายงานตัวเสร็จแล้ว โค้ชคนหนึ่งสั่งให้คนที่รายงานตัวเรียบร้อยแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แทฮยองกับจองกุกจึงทำตามนั้น

    "ไม่เห็นบอกว่ามีทดสอบเลย" จองกุกว่า เขาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเจอกับแทฮยอง มือใหญ่ขยี้ผมตัวเองที่เซ็ตมาให้คลายสภาพ เส้นผมสีดำแต่เป็นประกายแดงทิ้งตัวลงมาปรกหน้าผาก ปลายผมเเตะอยู่บนเปลือกตา แทฮยองได้แต่สงสัยว่าจองกุกไปทำอะไรกับสีผมมาถึงได้เป็นคล้าย ๆ สีดำ แต่ก็ดูเป็นสีแดงก่ำ ๆ แบบนั้น – เอาเถอะ สีผมจองกุกเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว โรงเรียนของพวกเขาไม่เคร่งเรื่องทรงผม เว้นแต่มันจะหลุดโลกเกินไป

    หรืออีกกรณีอย่างที่มินยุนกิเป็น ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องในโรงเรียนและฝึกเคนโด้มาด้วยกันแทฮยองคิดว่าไม่น่าแปลกที่ตนเองจะรู้ เขาเคยเห็นรุ่นพี่ตัวขาวซีดกัดและย้อมสีผมเป็นสีบรอนด์ซีด ๆ จนแทบจะกลืนไปกับสีผิว มันอ่อนเกินไป ไม่ใช่แค่ในสายตาพวกคุณครู แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นหรือคนรอบข้าง แทฮยองแอบลงความเห็นเงียบ ๆ ว่าพี่ยุนกิขาวอย่างกับกระดาษ เหมือนเป็นแผ่นกระดาษที่เอาเสื้อผ้ามาแปะ พออยู่ในชุดกีฮากาม่าก็เหมือนวิญญาณล่องลอยไปทั่วโรงฝึกพร้อมด้วยใบหน้าหน้ายุ่ง ๆ แต่ก็ดูนุ่ม ๆ ของตน

    จองกุกเป็นคนเอามาเล่าให้แทฮยองฟัง คุณครูประจำชั้นมัธยมปลายปีสามห้องเอขอให้ยุนกิเปลี่ยนสีผม ประมาณว่า ตัวนายมันเหมือนจะเรืองแสงและละลายหายไปในอากาศ คุณครูวิชาสังคมบอกว่ามันช่างกวนใจจนไม่มีสมาธิจะสอน ส่วนครูวิชาพละบอกว่าดูเหมือนกับยุนกิพร้อมจะล้มพับลงไปด้วยความอ่อนแรง มันดูจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ รุ่นพี่โฮซอกล้อว่าเหมือนคนป่วย จอนจองกุกคนเอามาเล่าบอกว่าเหมือนคนเผือก

    ลองคิดดูเล่น ๆ ถ้ายุนกิรู้ว่าถูกคนที่ตนเองบอกว่าเด็กนิสัยไม่ดีวิจารณ์ เจ้าตัวจะองค์ลงแค่ไหน

    จากนั้นยุนกิก็ไปย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วนตอนนี้เป็นสีน้ำตาลส้ม ๆ คล้ายจะเป็นสีสนิมอ่อน ๆ สำหรับแทฮยองตอนนี้มีแต่คนทำสีผมที่ระบุเป็นชื่อสีได้ยากมาก

    ผมของแทฮยองเป็นสีดำปกติ ดำธรรมชาติ เขาออกจะภูมิใจกับมัน คนเลยเรียกมันว่าสีดำปีกกา การย้อมสีผมดูยุ่งยากสำหรับเขา ส่วนที่ยุ่งยากยิ่งกว่าคงจะเป็นการเลือกสีผม

    "นี่... ช่วยแสดงความเห็นหน่อยสิ ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมีการทดสอบตั้งแต่วันแรกเลย" จองกุกยกศอกขึ้นถองสีข้างแทฮยองเล็กน้อย

    "อ่อ... ก็เขาให้ทำ มันก็ช่วยไม่ได้"แทฮยองตอบไปตามที่คิด พอฟังคำตอบของเพื่อนแล้วจองกุกก็ทำหน้าแหย ๆ

    "แกคงพร้อมอยู่แล้วล่ะสิ"

    "ถ้ารู้ก่อนแล้วจอนจองกุกจะพร้อมขึ้นหรือไง" สวนกลับไปในทันทีก่อนสายตาจะหันไปเห็นคนตัวขาวซีด ๆ ยืนเขย่งปลายเท้าดูประหลาด ๆ อยู่ตรงชั้นวางรองเท้า เขาหันไปมองจองกุกด้วยความคิดว่าทั้งคู่ดูคล้ายกัน ยุนกิกำลังพยายามถอดรองเท้าผ้าใบของตน

    "โอ๊ะ พี่ยุนกิ" จองกุกอุทานเหมือนเป็นเชิงเรียกให้แทฮยองหันไปดู ซึ่งแทฮยองก็หันตามไปโดยไม่ได้เถียงขึ้นไปว่า เห็นก่อนแล้วหรอกน่า อย่างที่เป็นตามจริง

    ยุนกิหันมาพอดี พอสบตากันปุ๊บ ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าสปาร์คกันเลย ดวงตาคู่เล็กถลึงใส่ ริมฝีปากขยับไม่มีเสียงเป็นคำว่า เร็ว ๆ

    พอจะเข้าใจได้ในทันที เจ้านายสั่งให้เขาไปช่วยถือของน่ะสิ แทฮยองถอนหายใจออกมา เสียงหัวเราะคิกคักของจองกุกดังมาให้ได้ยิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แทฮยองก็ก้าวยาว ๆ ไปหายุนกิอย่างจำใจ

    "พี่ซอกจินล่ะครับ" ก็ไม่เห็นว่าคนที่มาด้วยกันตามหลังมาก็เลยเอ่ยถามไป ยุนกิยื่นของในมือให้เขาขณะเอ่ยตอบ

    "ไปธุระก่อนถึงจะมา นี่มาหย่อนฉันไว้ก่อน" มือเล็กคว้าหมับเข้าที่ไหล่ของแทฮยองเพื่อใช้เป็นหลักในการทรงตัวถอดรองเท้า ทุกอย่างดูง่ายขึ้น ยุนกิเดินบนปลายเท้าแต่ก้าวฉับ ๆ หลังจากปล่อยมือจากบ่าของแทฮยอง พอพ้นตรงจุดที่เลอะก็เดินเต็มเท้าไปได้สองสามก้าว ร่างเล็กหันมามองแทฮยองที่ทำหน้าที่เป็นเด็กขนของ ร่างสูงไม่เอ่ยอะไรนอกจากเอาข้าวของของยุนกิไปไว้ข้าง ๆ กันกับของของเขาและจองกุก

       "เหมือนปีที่แล้วหรือเปล่าอ่ะ" ยุนกิเอ่ยถามขณะดึงแฟ้มซองออกมาจากกระเป๋าเป้ ตบ ๆ มันเล็กน้อย เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเขาก็หยิบเอกสารออกมา

       "ไม่รู้สิ ปีที่แล้วผมไม่ได้มานี่ครับ" แทฮยองตอบ จองกุกที่เดินมาสมทบด้วยก็พยักหน้าหงึกหงัก ยุนกิกลอกตาและทำสีหน้าประมาณว่าเจ้าพวกนี้มันพึ่งพาอะไรไม่ได้เสียจริง ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเสียหน่อย

       "ว่าแต่ จีมินยังไม่มาอีกหรือไง" ยุนกิถามขึ้นมา แทฮยองกับจองกุกหันไปมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าตอบไป

       "พี่จีมินก็มารายงานตัวเหรอครับ" แทฮยองถามไป ยุนกิเงยหน้าจากกระดาษในมือ มองแทฮยองด้วยสายตาแสดงความละเหี่ยใจจนแทฮยองนึกอยากทบทวนตัวเองว่าพูดอะไรที่ดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ

       "สักครั้งนะคิมแทฮยอง สาบานมาสิว่านายเคยเห็นเจ้าหนูจีมินจับด้ามชิไนอย่างถูกวิธีหรือโบกุไม่สิ อย่าว่าแต่โบกุ นายเคยเห็นพัคจีมินสวมกีฮากาม่าหรือไง" ยุนกิยกยิ้ม นิสัยของเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบความรู้สึกที่เหมือนตนเองจะชนะ แม้แต่จะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เถอะ

       "ไม่ครับ" แทฮยองตอบไปงั้น เอาเป็นว่าให้สาแก่ใจของยุนกิที่ทำเหมือนกับว่าแทฮยองเป็นพวกเข้าใจอะไรช้า

       "มาเป็นเพื่อนพี่ ว่างั้น?" จองกุกเป็นคนพูดต่อ ซึ่งยุนกิก็พยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบ

       หลักการอยู่ร่วมกันกับมินยุนกิง่ายมาก หลักการเดียวกันกับการเลี้ยงแมว ไม่ใช่พวกแมวลูกคุณหนูขนฟูฟ่องหรือหน้าตาน่ารักเหมือนกับตุ๊กตานอนบนหมอนปักลาย แต่หมายถึงแมวทั่ว ๆ ไปในชีวิตจริงที่ปล่อยให้มันเดินไปตามรั้วบ้าน กระโจนจับหนู คาบหางจิ้งจกวิ่งไปทั่วบ้าน การคลุกปลาทะเลให้มันแล้วเกาคางให้ ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่คาบแมงมุมมาวางบนตักคนที่เลี้ยงดู หรือที่น่าเจ็บใจคือมันไม่ได้ญาติดีกับคนเลี้ยงตลอดหรอก เชื่อฟัง? เคารพ? สาบานมาสิว่าไม่เคยโดนแมวข่วน

       ความสัมพันธ์ของแมวกับคนเลี้ยงแมวช่างซับซ้อน เขาคิดได้เป็นตุเป็นตะอยู่แล้ว เขาเคยช่วยดูแมวให้ที่คลินิก

       โอเคคิมแทฮยองชอบแมว

       ถึงจะโดนมันข่วนก็เถอะ

       ก่อนที่จะเรียบเรียงความคิดต่อไปออกมาเป็นคำที่อาจจะใช้พูดได้ทันที แทฮยองเม้มปากอย่างกะทันหัน เบรกความคิดทั้งหมดลงดังเอี๊ยดอยู่ในหัวสมอง แล้วตะโกนดัง ๆ อยู่ในหัวสมองเช่นกันว่า มิน ยุน กิ ไม่ ใช่ แมว ข่วน ไม่ ได้

       แต่โดยรวมที่เขาจะหมายความว่า การที่ยุนกิคุยกับเขาเมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนดูจะอ่อน ไม่ได้แปลว่ามินยุนกิที่แข็งกระด้างได้จากไปแล้ว

       แค่นั้นแหละ

       "ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับจีมินมา... นาน" ให้เดาละก็ ตอนแรกยุนกิอาจจะตั้งใจพูดเป็นจำนวนปี "มันไม่ค่อยมาสายว่ะ"

       "ครับ?" ทั้งแทฮยองและจองกุกเอ่ยออกมาพร้อม ๆ กัน

       "มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ พัคจีมินเป็นเด็กเรียบร้อย โลกส่วนตัวสูงแถมยังหัวอ่อน ส่วนน้อยในโลกที่กระตือรือร้นในการออกมานอกบ้านจะตายไป"

     

    - - - - -

     

       ตามที่เพื่อนของเขาว่า พัคจีมินเป็นเด็กเรียบร้อย โลกส่วนตัวสูงแถมยังหัวอ่อนส่วนน้อยในโลกที่กระตือรือร้นในการออกมานอกบ้าน โดยส่วนใหญ่คนที่ไม่ค่อยสนใจโลกมักไม่ค่อยออกไปเจอโลก แต่การอยู่บ้านเป็นโลกอีกใบที่ไม่น่าเผชิญ

       พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว แม่ของเขาและแม่ของซอนบินคนนี้ทะเลาะกับพ่อของซอนบินที่ไม่ใช่พ่อของจีมินอีกแล้ว ต่างฝ่ายต่างออกไปจากบ้าน น้องชายตัวดีก็หงุดหงิด จีมินเองก็อยากให้โลกใบนี้รู้บ้างว่าเขาหงุดหงิด

       แต่สุดท้ายเขาทำได้เพียงเก็บชามรามยอนที่ซอนบินคว่ำไว้ทั้งที่ยังไม่เอาเข้าปากเลยสักคำ น้ำสีส้ม ๆ เจิ่งนองบนโต๊ะ แย่กว่าน้ำฝนที่เจิ่งนองบนถนนสิบเท่าสำหรับจีมิน คนคว่ำออกไปจากบ้านอย่างหงุดหงิดตามพ่อกับแม่ไป นี่ถ้าเขาเป็นมินยุนกิ ต้องเกิดสงครามบ้านพังไปแล้ว

       กว่าจะเก็บเสร็จก็ดูเหมือนว่าเขาจะไปตามนัดไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ความจริงที่นัดกับทั้งยุนกิ โฮซอก ฮยอนอูไว้คือช่วงเที่ยงต่างหาก แต่ที่เขาตั้งใจจะออกไปตั้งแต่เช้าก็เพราะไม่อยากอยู่บ้าน

       "รีบออกไปไหนน่ะ" ซอนบินเอ่ยขึ้น จีมินลอบถอนหายใจ เขานึกว่าน้องชายของเขาออกไปแล้วเสียอีก

       พอหันไปมอง ซอนบินเดินเข้ามาในบ้านทั้ง ๆ ที่ยังสวมรองเท้าไว้ เสื้อยืดสีออกฟ้า ๆ ชื้นฝนเล็กน้อย เขาเดินมาที่โต๊ะ แกะกระป๋องโคล่าขึ้นดื่มอึกใหญ่

       "ถอดรองเท้าก่อนเถอะ" จีมินว่าเสียงอ่อน เหนื่อยแล้วนะ เหนื่อยตั้งแต่เช้าเลย

       "ไม่เห็นรู้ตัวเลย" ซอนบินยกเท้าขึ้นมาดู "โอ๊ะ!"

       กระป๋องโคล่าล้มลงบนโต๊ะอย่างตั้งใจแต่ซอนบินกลับทำตาโตเหมือนกับว่าจู่ ๆ นิ้วของเขาก็พลาดไปโดนมันเสียอย่างนั้น ของเหลวสีน้ำตาลไหลเจิ่งออกมาบนโต๊ะ

       "เก็บเองไปเถอะ!" จีมินขึ้นเสียงอย่างเหลืออดจนซอนบินหันมองในทันที คนเป็นพี่สูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่าย

       "มาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาก็ทำ ๆ สิวะ!" ซอนบินตะคอกใส่เสียงดังลั่นจนจีมินแทบสะดุ้งแต่ก็อ้าปากเถียงอีกคนไป

       "แต่นี่มันก็บ้านแม่ฉันเหมือนกัน"

       "เหอะ" แทบจะในทันทีที่จีมินพูดจบซอนบินก็ทำเสียงแบบนั้นออกมาแล้วจึงเอ่ยต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ "ใช่! บ้านแม่พี่ บ้าน-แม่-ผม-แล้วก็บ้านพ่อ-ของ-ผม"

       จีมินคิดหาคำพูดไม่ทัน เขาไม่ใช่คนช่างต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้ว แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือเขาไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงด้วยซ้ำ

       สุดท้ายแล้วจีมินก็ต้องจำใจหยิบกระป๋องโคล่าที่นอนตะแคงอยู่ไปทิ้งขยะ หยิบฟองน้ำมาเช็ดโต๊ะโดยมีคนที่ทำมันหกยืนมองอยู่เงียบ ๆ

       "ดูสิว่าถ้าพี่ไปช้ามาก ๆ เข้า มินยุนกิจะบุกบ้านมาหาเรื่องผมอีกไหม" ซอนบินว่าขณะเดินย้ำเท้าไปรอบ ๆ โต๊ะ จีมินเหลือกตาขึ้นมองเพดานเล็กน้อย มันค่อนข้างสุดจะทน

       "ยุนกิไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง มันเห็น ๆ กันอยู่ว่านายเป็นคนเริ่ม" เขาเถียงออกไป เสียงย้ำฝีเท้าเลยหยุดลง แล้วหัวไหล่เขาก็ถูกกระชากจนแทบเซ

       "คนอย่างพี่มีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ"

       "ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ยุนกิเป็นเพื่อนฉันนะ" จีมินตอบกลับไปในทันที เขาปัดมือของซอนบินที่ไหล่ออกแล้วเดินเอาฟองน้ำไปล้างที่อ่างล้างจาน เปิดน้ำให้ไหลผ่านแล้วบีบฟองน้ำ

       "หึ คนที่ปล่อยให้เพื่อนโดนอยู่คนเดียวแบบพี่น่ะเหรอ" จีมินนิ่งไปหลังจากที่ซอนบินพูด "ลองคิดดูสิ ยุนกิโดนเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ แต่พี่กลับปล่อยให้เขาโดนคนเดียว ดูเป็นเด็กดีเชียวน้า"

       คิมซอนบินน้องชายต่างพ่อของเขาทิ้งระเบิดก้อนใหญ่ไว้ก่อนจะเดินออกไป จีมินจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ การนิ่งและไม่โต้ตอบเป็นการแก้ปัญหาของเขา แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิด

       เขาเห็นยุนกิยกมือขึ้นเป่าที่แผลบ่อยมาก มือนั้นต้องใช้จับด้ามชิไน แถมรอยแผลบนใบหน้าขาว ๆ นั่นอีก มันคงทำให้คนอื่นมองยุนกิไม่ดี มันทำให้จีมินรู้สึกแย่

       ฟองน้ำถูกโยนไปไว้ที่ที่วางของมัน ก่อนที่จะทำให้ยุนกิเป็นห่วงไปมากกว่านี้ จีมินรีบหาผ้ามาเช็ดรอยเท้าของน้องชายก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเป้พร้อมกับร่มพับคันหนึ่งออกจากบ้านไป

     

    TBC

     ทอล์กกกก : จีมินของแม่ พฮรึกกกก เราหมั่นไส้น้องกุกมากค่ะ ขอโทษฮะ555555555555

                        จริงๆแทฮยองมึนๆนะ มีใครสัมผัสความมึนของนางได้ป่าวฮับ55555555


    คอมเมนต์ให้กำลังใจซูชริ๊หน่อยนะขอรับบบบ นะๆๆ ไปเวิ่นเว้อ สกรีมกกุกิๆกันได้ที่ #ฟิคเรนโค้ท นะคะ

    ไอเลิ้บยูออลนะฮะ เลิ้บบบบ

     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×