คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : レインコート 11
レインコート
`raincoat
11
ถึงแทฮยองจะไม่ได้มีอคติกับฝนและตอนนี้เขาก็มีเสื้อกันฝนติดตัวอยู่
แต่ยอมรับกันตามตรงว่าวันนี้มันเลวร้ายใช้ได้
สาเหตุก็มาจากถุงใส่อุปกรณ์ใบโตกับชิไนในซองนี่แหละ โชคดีที่มันกันน้ำไว้จึงไม่ค่อยน่าห่วงว่ามันจะเสียหายแต่ขณะเดียวกันมันก็เฉอะแฉะ
เขาใส่รองเท้าแตะธรรมดา
ๆ ก็แน่แหละ...
วันนี้ฝนตกถนนเปียกมาตั้งแต่เขาก้าวเท้าออกจากบ้านคงไม่พลาดใส่ผ้าใบมาแบบยุนกิ
แทฮยองเลยแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นจองกุกใส่รองเท้าผ้าใบที่ดูจะยังใหม่อยู่มาแบบนี้
"ไง" แทฮยองทักขึ้นเมื่อเข้าไปในโรงฝึกเคนโด้ของสนามกีฬาจังหวัดแล้ว
เสื้อกันฝนถูกพาดผึ่งไว้ตรงระเบียงด้านหน้าของโรงฝึกในจุดที่ฝนสาดไม่ถึง
คนที่นี่เรียกมันว่าสนามเคนโด้กลาง – มันใหญ่และกว้างกว่าโรงฝึกที่เขาไปซ้อมอยู่เป็นประจำและยังดูใหม่กว่า
มีพื้นที่ส่วนที่เป็นสนามแข่งชัดเจน จองกุกที่วุ่นอยู่กับรองเท้าผ้าใบสีกรมท่าเปียกโชกของตนเงยหน้ามามองแทฮยอง
เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าจองกุกเช็ตผมด้วย "โห..."
"อะไรของนาย" จองกุกว่าด้วยท่าทางไม่จริงจังนักก่อนจะเอารองเท้าไปวางไว้บนชั้น
เขย่งปลายเท้าไม่ให้เลอะน้ำที่นองอยู่บนพื้นจากการที่มีคนใส่รองเท้าเปียกฝนเข้ามาถึงตรงนี้
จองกุกหอบของในมือที่เหมือนกับแทฮยองออกไปจากตรงบริเวณที่ถอดรองเท้า
แทฮยองทำแบบนั้นบ้าง แต่เขาเพียงแค่ยกเท้าขึ้นไปทีละข้างเพื่อถอดรองเท้าวางบนชั้นเลย
"แปลกใจน่ะ ตื่นเช้าหรือไง"
แทฮยองตอบก่อนจะถามต่อไปเลย ตอนนี้พวกเขาเดินบนพื้นโรงฝึกได้สบาย ๆ
แล้ว แต่จองกุกยังมีปัญหากับถุงเท้าที่เปียกน้ำอยู่
เด็กหนุ่มผิวขาวสบถออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยเท้าติดอยู่ตามพื้นโรงฝึก "เดี๋ยวมันก็แห้งไปเองน่า"
"คงงั้น– แล้วเมื่อกี้ถามว่าฉันตื่นเช้างั้นหรอ ก็ใช่นะ"
จองกุกตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายกับพึมพำขณะขยับไหล่คล้ายจะแก้เมื่อย "มันเลยทำให้ฉันง่วง"
แทฮยองไม่ได้ตอบ
เขากับจองกุกวางของไว้ตรงริมผนัง อีกสิบนาทีเก้าโมง แต่โต๊ะที่รับเอกสารของนักกีฬาก็ตั้งเตรียมและมีคนนั่งรอเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาเปิดกระเป๋าออก หยิบเอกสารออกมาตรวจเช็ก
"มาหรือยังน่ะ"
"ถามถึงใคร" แทฮยองถามเมื่อได้ยินจองกุกพึมพำออกมา เด็กหนุ่มหันกลับมาจากการมองไปรอบ ๆ
โรงฝึก แทฮยองมองเขาอย่างสงสัย จองกุกยักไหล่ให้ก่อนจะตอบ
"พี่ยุนกิมั้ง"
ความจริงแล้วไม่มีทางหมายถึงมินยุนกิไปได้แน่
เพื่อนของยุนกิต่างหาก แต่เขาก็ไม่คิดจะตอบแทฮยองไปตรง ๆ หรอกนะ
"ทำไมต้องถามถึงพี่เขาด้วย" แทฮยองถามกลับไปแทบจะในทันที
ที่สำคัญ
– คนที่ฟังอยู่นี่คือจอนจองกุก
หูเขาไวมากต่อการจับอะไรที่ผิดสังเกต โกหก แสร้ง ล้อเล่น ไม่ชอบใจ
เขาสามารถเดาความรู้สึกได้ในระดับหนึ่ง จนเขารู้สึกว่ามันน่าสนุก
เขาไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นโดยไม่มีที่มาที่ไปเสียหน่อย
"ทำไมล่ะ" จองกุกเพยิดหน้าถามกลับไป ส่วนแทฮยองก้มหน้าลงดูเอกสารต่อ
"สงสัย"
เป็นบทสนทนาที่จองกุกคิดว่ามันน่าตลก
คำพูดสั้น ๆ จนฟังดูแปลกหู พวกเขาไม่ถึงกับพูดมาก ตานี่มันฟังดูเป็นช็อต ๆ
"งั้นเหรอ" แล้วเขาก็ดันเล่นตามไปด้วย แทฮยองเงยหน้ามามองเขา
ดวงตาของจองกุกเป็นประกายจนแทฮยองต้องชะงักแล้วพยักหน้าไปให้
"แล้ว... แกจะไม่ตอบหรือไง" แทฮยองถาม ก้มหน้าลงไปจัดเอกสารให้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบต่อ
"ไม่ได้หมายถึงพี่ยุนกิ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เกี่ยว" จองกุกตอบไปด้วยน้ำเสียงสบาย
ๆ ที่ว่าเกี่ยวข้องกันก็เพราะพัคจีมินเป็นเพื่อนสนิทของยุนกิอย่างไงล่ะ
แต่แทฮยองไม่ได้เข้าใจนักหรอกถึงได้ตีหน้ายุ่งออกมาแบบนั้น
"อธิบายหน่อยได้ไหม"
"ยังไม่ค่อยแน่ใจ
ยังไม่พูดแล้วกัน"
จองกุกเอ่ยไปก่อนจะเงยหน้าไปยักคิ้วใส่แทฮยอง
คนผิวแทนชะงักไปแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรจองกุกก็เอ่ยย้อนกลับมาเสียก่อน "แกล่ะ ว่ามาบ้างสิ"
"อะไร"แทฮยองขมวดคิ้วถามกลับไป
"มินยุนกิ" จองกุกเอ่ยออกมาเบา ๆ ลอบขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกไปของเพื่อนสนิท
คล้ายกับว่าเหวอไป
ฝนยังตกลงกระทบกับหลังคาของโรงฝึกกลางดังจัก
ๆ แทฮยองรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของมันชัดขึ้น มันหมายถึงว่าช่วงหนึ่ง – เขาไม่ได้ยิน ไม่สิ
ไม่ได้ใส่ใจเสียงฝน เอ่อ... เขาอาจจะกำลังคิดมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิตก
"ก็...
ไม่ถึงขนาดนั้น" น้ำเสียงงึมงำเอ่ยไม่เต็มเสียง
จองกุกพยักหน้าไปให้แล้วตบไหล่เพื่อนรักสองสามที
"คล้ายกัน"
"ฟังดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ออกจะตลกด้วยซ้ำ ประมาณว่าเพื่อนสนิทสองคนเกิดอะไรขึ้นพร้อม ๆ กัน" แทฮยองว่าแต่จองกุกทำเพียงแค่ยักไหล่ให้แล้วเดินเอาเอกสารไปยื่น
เจ้าของผิวแทนจมอยู่กับความคิดตัวเองชั่วครู่แต่มีความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านมาในหัว -
โผล่ขึ้น - หายไป - สภาวะกึ่ง ๆ สับสนในตัวเอง แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น
พูดออกไปคงดูไร้สาระ
ข้อดีของการมาแต่เช้า
– พวกเขารายงานตัวเสร็จแล้ว
โค้ชคนหนึ่งสั่งให้คนที่รายงานตัวเรียบร้อยแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
แทฮยองกับจองกุกจึงทำตามนั้น
"ไม่เห็นบอกว่ามีทดสอบเลย"
จองกุกว่า เขาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเจอกับแทฮยอง
มือใหญ่ขยี้ผมตัวเองที่เซ็ตมาให้คลายสภาพ เส้นผมสีดำแต่เป็นประกายแดงทิ้งตัวลงมาปรกหน้าผาก
ปลายผมเเตะอยู่บนเปลือกตา
แทฮยองได้แต่สงสัยว่าจองกุกไปทำอะไรกับสีผมมาถึงได้เป็นคล้าย ๆ สีดำ
แต่ก็ดูเป็นสีแดงก่ำ ๆ แบบนั้น – เอาเถอะ สีผมจองกุกเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว
โรงเรียนของพวกเขาไม่เคร่งเรื่องทรงผม เว้นแต่มันจะหลุดโลกเกินไป
หรืออีกกรณีอย่างที่มินยุนกิเป็น
ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องในโรงเรียนและฝึกเคนโด้มาด้วยกันแทฮยองคิดว่าไม่น่าแปลกที่ตนเองจะรู้
เขาเคยเห็นรุ่นพี่ตัวขาวซีดกัดและย้อมสีผมเป็นสีบรอนด์ซีด ๆ จนแทบจะกลืนไปกับสีผิว
มันอ่อนเกินไป ไม่ใช่แค่ในสายตาพวกคุณครู แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นหรือคนรอบข้าง
แทฮยองแอบลงความเห็นเงียบ ๆ ว่าพี่ยุนกิขาวอย่างกับกระดาษ
เหมือนเป็นแผ่นกระดาษที่เอาเสื้อผ้ามาแปะ
พออยู่ในชุดกีฮากาม่าก็เหมือนวิญญาณล่องลอยไปทั่วโรงฝึกพร้อมด้วยใบหน้าหน้ายุ่ง ๆ
แต่ก็ดูนุ่ม ๆ ของตน
จองกุกเป็นคนเอามาเล่าให้แทฮยองฟัง
คุณครูประจำชั้นมัธยมปลายปีสามห้องเอขอให้ยุนกิเปลี่ยนสีผม ประมาณว่า
ตัวนายมันเหมือนจะเรืองแสงและละลายหายไปในอากาศ
คุณครูวิชาสังคมบอกว่ามันช่างกวนใจจนไม่มีสมาธิจะสอน
ส่วนครูวิชาพละบอกว่าดูเหมือนกับยุนกิพร้อมจะล้มพับลงไปด้วยความอ่อนแรง
มันดูจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ รุ่นพี่โฮซอกล้อว่าเหมือนคนป่วย จอนจองกุกคนเอามาเล่าบอกว่าเหมือนคนเผือก
ลองคิดดูเล่น
ๆ ถ้ายุนกิรู้ว่าถูกคนที่ตนเองบอกว่าเด็กนิสัยไม่ดีวิจารณ์ เจ้าตัวจะองค์ลงแค่ไหน
จากนั้นยุนกิก็ไปย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ส่วนตอนนี้เป็นสีน้ำตาลส้ม ๆ คล้ายจะเป็นสีสนิมอ่อน ๆ สำหรับแทฮยองตอนนี้มีแต่คนทำสีผมที่ระบุเป็นชื่อสีได้ยากมาก
ผมของแทฮยองเป็นสีดำปกติ
ดำธรรมชาติ เขาออกจะภูมิใจกับมัน คนเลยเรียกมันว่าสีดำปีกกา
การย้อมสีผมดูยุ่งยากสำหรับเขา ส่วนที่ยุ่งยากยิ่งกว่าคงจะเป็นการเลือกสีผม
"นี่...
ช่วยแสดงความเห็นหน่อยสิ – ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมีการทดสอบตั้งแต่วันแรกเลย"
จองกุกยกศอกขึ้นถองสีข้างแทฮยองเล็กน้อย
"อ่อ...
ก็เขาให้ทำ มันก็ช่วยไม่ได้"แทฮยองตอบไปตามที่คิด
พอฟังคำตอบของเพื่อนแล้วจองกุกก็ทำหน้าแหย ๆ
"แกคงพร้อมอยู่แล้วล่ะสิ"
"ถ้ารู้ก่อนแล้วจอนจองกุกจะพร้อมขึ้นหรือไง"
สวนกลับไปในทันทีก่อนสายตาจะหันไปเห็นคนตัวขาวซีด ๆ ยืนเขย่งปลายเท้าดูประหลาด ๆ
อยู่ตรงชั้นวางรองเท้า เขาหันไปมองจองกุกด้วยความคิดว่าทั้งคู่ดูคล้ายกัน
ยุนกิกำลังพยายามถอดรองเท้าผ้าใบของตน
"โอ๊ะ พี่ยุนกิ"
จองกุกอุทานเหมือนเป็นเชิงเรียกให้แทฮยองหันไปดู ซึ่งแทฮยองก็หันตามไปโดยไม่ได้เถียงขึ้นไปว่า
เห็นก่อนแล้วหรอกน่า
อย่างที่เป็นตามจริง
ยุนกิหันมาพอดี
พอสบตากันปุ๊บ ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าสปาร์คกันเลย ดวงตาคู่เล็กถลึงใส่
ริมฝีปากขยับไม่มีเสียงเป็นคำว่า เร็ว ๆ
พอจะเข้าใจได้ในทันที
เจ้านายสั่งให้เขาไปช่วยถือของน่ะสิ แทฮยองถอนหายใจออกมา เสียงหัวเราะคิกคักของจองกุกดังมาให้ได้ยิน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แทฮยองก็ก้าวยาว ๆ ไปหายุนกิอย่างจำใจ
"พี่ซอกจินล่ะครับ"
ก็ไม่เห็นว่าคนที่มาด้วยกันตามหลังมาก็เลยเอ่ยถามไป
ยุนกิยื่นของในมือให้เขาขณะเอ่ยตอบ
"ไปธุระก่อนถึงจะมา
นี่มาหย่อนฉันไว้ก่อน" มือเล็กคว้าหมับเข้าที่ไหล่ของแทฮยองเพื่อใช้เป็นหลักในการทรงตัวถอดรองเท้า
ทุกอย่างดูง่ายขึ้น ยุนกิเดินบนปลายเท้าแต่ก้าวฉับ ๆ
หลังจากปล่อยมือจากบ่าของแทฮยอง พอพ้นตรงจุดที่เลอะก็เดินเต็มเท้าไปได้สองสามก้าว
ร่างเล็กหันมามองแทฮยองที่ทำหน้าที่เป็นเด็กขนของ
ร่างสูงไม่เอ่ยอะไรนอกจากเอาข้าวของของยุนกิไปไว้ข้าง ๆ กันกับของของเขาและจองกุก
"เหมือนปีที่แล้วหรือเปล่าอ่ะ"
ยุนกิเอ่ยถามขณะดึงแฟ้มซองออกมาจากกระเป๋าเป้ ตบ ๆ มันเล็กน้อย
เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเขาก็หยิบเอกสารออกมา
"ไม่รู้สิ ปีที่แล้วผมไม่ได้มานี่ครับ"
แทฮยองตอบ จองกุกที่เดินมาสมทบด้วยก็พยักหน้าหงึกหงัก ยุนกิกลอกตาและทำสีหน้าประมาณว่า— เจ้าพวกนี้มันพึ่งพาอะไรไม่ได้เสียจริง ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเสียหน่อย
"ว่าแต่
จีมินยังไม่มาอีกหรือไง" ยุนกิถามขึ้นมา แทฮยองกับจองกุกหันไปมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าตอบไป
"พี่จีมินก็มารายงานตัวเหรอครับ"
แทฮยองถามไป ยุนกิเงยหน้าจากกระดาษในมือ มองแทฮยองด้วยสายตาแสดงความละเหี่ยใจจนแทฮยองนึกอยากทบทวนตัวเองว่าพูดอะไรที่ดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ
"สักครั้งนะคิมแทฮยอง
สาบานมาสิว่านายเคยเห็นเจ้าหนูจีมินจับด้ามชิไนอย่างถูกวิธีหรือโบกุ— ไม่สิ
อย่าว่าแต่โบกุ นายเคยเห็นพัคจีมินสวมกีฮากาม่าหรือไง" ยุนกิยกยิ้ม
นิสัยของเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบความรู้สึกที่เหมือนตนเองจะชนะ แม้แต่จะเรื่องเล็ก
ๆ น้อย ๆ ก็เถอะ
"ไม่ครับ" แทฮยองตอบไปงั้น
เอาเป็นว่าให้สาแก่ใจของยุนกิที่ทำเหมือนกับว่าแทฮยองเป็นพวกเข้าใจอะไรช้า
"มาเป็นเพื่อนพี่ – ว่างั้น?"
จองกุกเป็นคนพูดต่อ ซึ่งยุนกิก็พยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบ
หลักการอยู่ร่วมกันกับมินยุนกิง่ายมาก
หลักการเดียวกันกับการเลี้ยงแมว – ไม่ใช่พวกแมวลูกคุณหนูขนฟูฟ่องหรือหน้าตาน่ารักเหมือนกับตุ๊กตานอนบนหมอนปักลาย
แต่หมายถึงแมวทั่ว ๆ ไปในชีวิตจริงที่ปล่อยให้มันเดินไปตามรั้วบ้าน กระโจนจับหนู
คาบหางจิ้งจกวิ่งไปทั่วบ้าน การคลุกปลาทะเลให้มันแล้วเกาคางให้
ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่คาบแมงมุมมาวางบนตักคนที่เลี้ยงดู หรือที่น่าเจ็บใจคือมันไม่ได้ญาติดีกับคนเลี้ยงตลอดหรอก
เชื่อฟัง? เคารพ? – สาบานมาสิว่าไม่เคยโดนแมวข่วน
ความสัมพันธ์ของแมวกับคนเลี้ยงแมวช่างซับซ้อน – เขาคิดได้เป็นตุเป็นตะอยู่แล้ว
เขาเคยช่วยดูแมวให้ที่คลินิก
โอเคคิมแทฮยองชอบแมว
ถึงจะโดนมันข่วนก็เถอะ
ก่อนที่จะเรียบเรียงความคิดต่อไปออกมาเป็นคำที่อาจจะใช้พูดได้ทันที
แทฮยองเม้มปากอย่างกะทันหัน เบรกความคิดทั้งหมดลงดังเอี๊ยดอยู่ในหัวสมอง
แล้วตะโกนดัง ๆ อยู่ในหัวสมองเช่นกันว่า มิน ยุน กิ ไม่ ใช่ แมว ข่วน
ไม่ ได้
แต่โดยรวมที่เขาจะหมายความว่า
การที่ยุนกิคุยกับเขาเมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนดูจะอ่อน
ไม่ได้แปลว่ามินยุนกิที่แข็งกระด้างได้จากไปแล้ว
แค่นั้นแหละ
"ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับจีมินมา...
นาน"
ให้เดาละก็ ตอนแรกยุนกิอาจจะตั้งใจพูดเป็นจำนวนปี "มันไม่ค่อยมาสายว่ะ"
"ครับ?" ทั้งแทฮยองและจองกุกเอ่ยออกมาพร้อม ๆ กัน
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ
พัคจีมินเป็นเด็กเรียบร้อย โลกส่วนตัวสูงแถมยังหัวอ่อน ส่วนน้อยในโลกที่กระตือรือร้นในการออกมานอกบ้านจะตายไป"
- - - - -
ตามที่เพื่อนของเขาว่า พัคจีมินเป็นเด็กเรียบร้อย
โลกส่วนตัวสูงแถมยังหัวอ่อนส่วนน้อยในโลกที่กระตือรือร้นในการออกมานอกบ้าน
โดยส่วนใหญ่คนที่ไม่ค่อยสนใจโลกมักไม่ค่อยออกไปเจอโลก
แต่การอยู่บ้านเป็นโลกอีกใบที่ไม่น่าเผชิญ
พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้ว
แม่ของเขาและแม่ของซอนบินคนนี้ทะเลาะกับพ่อของซอนบินที่ไม่ใช่พ่อของจีมินอีกแล้ว
ต่างฝ่ายต่างออกไปจากบ้าน น้องชายตัวดีก็หงุดหงิด จีมินเองก็อยากให้โลกใบนี้รู้บ้างว่าเขาหงุดหงิด
แต่สุดท้ายเขาทำได้เพียงเก็บชามรามยอนที่ซอนบินคว่ำไว้ทั้งที่ยังไม่เอาเข้าปากเลยสักคำ
น้ำสีส้ม ๆ เจิ่งนองบนโต๊ะ แย่กว่าน้ำฝนที่เจิ่งนองบนถนนสิบเท่าสำหรับจีมิน
คนคว่ำออกไปจากบ้านอย่างหงุดหงิดตามพ่อกับแม่ไป นี่ถ้าเขาเป็นมินยุนกิ – ต้องเกิดสงครามบ้านพังไปแล้ว
กว่าจะเก็บเสร็จก็ดูเหมือนว่าเขาจะไปตามนัดไม่ทัน
ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ความจริงที่นัดกับทั้งยุนกิ โฮซอก
ฮยอนอูไว้คือช่วงเที่ยงต่างหาก แต่ที่เขาตั้งใจจะออกไปตั้งแต่เช้าก็เพราะไม่อยากอยู่บ้าน
"รีบออกไปไหนน่ะ"
ซอนบินเอ่ยขึ้น จีมินลอบถอนหายใจ – เขานึกว่าน้องชายของเขาออกไปแล้วเสียอีก
พอหันไปมอง
ซอนบินเดินเข้ามาในบ้านทั้ง ๆ ที่ยังสวมรองเท้าไว้ เสื้อยืดสีออกฟ้า ๆ
ชื้นฝนเล็กน้อย เขาเดินมาที่โต๊ะ แกะกระป๋องโคล่าขึ้นดื่มอึกใหญ่
"ถอดรองเท้าก่อนเถอะ"
จีมินว่าเสียงอ่อน เหนื่อยแล้วนะ เหนื่อยตั้งแต่เช้าเลย
"ไม่เห็นรู้ตัวเลย"
ซอนบินยกเท้าขึ้นมาดู "โอ๊ะ!"
กระป๋องโคล่าล้มลงบนโต๊ะอย่างตั้งใจแต่ซอนบินกลับทำตาโตเหมือนกับว่าจู่
ๆ นิ้วของเขาก็พลาดไปโดนมันเสียอย่างนั้น ของเหลวสีน้ำตาลไหลเจิ่งออกมาบนโต๊ะ
"เก็บเองไปเถอะ!" จีมินขึ้นเสียงอย่างเหลืออดจนซอนบินหันมองในทันที
คนเป็นพี่สูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่าย
"มาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาก็ทำ
ๆ สิวะ!" ซอนบินตะคอกใส่เสียงดังลั่นจนจีมินแทบสะดุ้งแต่ก็อ้าปากเถียงอีกคนไป
"แต่นี่มันก็บ้านแม่ฉันเหมือนกัน"
"เหอะ"
แทบจะในทันทีที่จีมินพูดจบซอนบินก็ทำเสียงแบบนั้นออกมาแล้วจึงเอ่ยต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ใช่! บ้านแม่พี่ บ้าน-แม่-ผม-แล้วก็บ้านพ่อ-ของ-ผม"
จีมินคิดหาคำพูดไม่ทัน
เขาไม่ใช่คนช่างต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้ว
แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือเขาไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้วจีมินก็ต้องจำใจหยิบกระป๋องโคล่าที่นอนตะแคงอยู่ไปทิ้งขยะ
หยิบฟองน้ำมาเช็ดโต๊ะโดยมีคนที่ทำมันหกยืนมองอยู่เงียบ ๆ
"ดูสิว่าถ้าพี่ไปช้ามาก
ๆ เข้า มินยุนกิจะบุกบ้านมาหาเรื่องผมอีกไหม" ซอนบินว่าขณะเดินย้ำเท้าไปรอบ ๆ
โต๊ะ จีมินเหลือกตาขึ้นมองเพดานเล็กน้อย มันค่อนข้างสุดจะทน
"ยุนกิไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง
– มันเห็น ๆ กันอยู่ว่านายเป็นคนเริ่ม" เขาเถียงออกไป
เสียงย้ำฝีเท้าเลยหยุดลง แล้วหัวไหล่เขาก็ถูกกระชากจนแทบเซ
"คนอย่างพี่มีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ"
"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้
ยุนกิเป็นเพื่อนฉันนะ" จีมินตอบกลับไปในทันที
เขาปัดมือของซอนบินที่ไหล่ออกแล้วเดินเอาฟองน้ำไปล้างที่อ่างล้างจาน
เปิดน้ำให้ไหลผ่านแล้วบีบฟองน้ำ
"หึ – คนที่ปล่อยให้เพื่อนโดนอยู่คนเดียวแบบพี่น่ะเหรอ"
จีมินนิ่งไปหลังจากที่ซอนบินพูด "ลองคิดดูสิ
ยุนกิโดนเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ แต่พี่กลับปล่อยให้เขาโดนคนเดียว –
ดูเป็นเด็กดีเชียวน้า"
คิมซอนบินน้องชายต่างพ่อของเขาทิ้งระเบิดก้อนใหญ่ไว้ก่อนจะเดินออกไป
จีมินจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ การนิ่งและไม่โต้ตอบเป็นการแก้ปัญหาของเขา
แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิด
เขาเห็นยุนกิยกมือขึ้นเป่าที่แผลบ่อยมาก
มือนั้นต้องใช้จับด้ามชิไน แถมรอยแผลบนใบหน้าขาว ๆ นั่นอีก
มันคงทำให้คนอื่นมองยุนกิไม่ดี มันทำให้จีมินรู้สึกแย่
ฟองน้ำถูกโยนไปไว้ที่ที่วางของมัน
ก่อนที่จะทำให้ยุนกิเป็นห่วงไปมากกว่านี้
จีมินรีบหาผ้ามาเช็ดรอยเท้าของน้องชายก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเป้พร้อมกับร่มพับคันหนึ่งออกจากบ้านไป
TBC
ทอล์กกกก : จีมินของแม่ พฮรึกกกก เราหมั่นไส้น้องกุกมากค่ะ ขอโทษฮะ555555555555
จริงๆแทฮยองมึนๆนะ มีใครสัมผัสความมึนของนางได้ป่าวฮับ55555555
คอมเมนต์ให้กำลังใจซูชริ๊หน่อยนะขอรับบบบ นะๆๆ ไปเวิ่นเว้อ สกรีมกกุกิๆกันได้ที่ #ฟิคเรนโค้ท นะคะ
ไอเลิ้บยูออลนะฮะ เลิ้บบบบ
ความคิดเห็น