ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Are you sure? | KAIHUN ft.exo | #จริงเหรอวะจงอิน |

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 | ก็แค่อัธยาศัยดี 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 843
      9
      9 ธ.ค. 59

     



                   ผ่านมาร่วมอาทิตย์กับการไม่ได้ออกไปพบเจอผู้คน เพราะงานที่ทับถมจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน จะได้เจอเพื่อนก็แค่ตอนเวลาเรียนกับตอนที่แบกคอมไปทำงานรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ นั่นแหละ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเวลาทำงานหัวฟูกันอยู่ที่ห้อง เกมก็แทบจะไม่ได้จับเลยสักนิด ในตอนนี้คิมจงอินต้องการที่จะนอนอย่างเดียวเท่านั้น

     

                    แต่คนที่หนักสุดดูจะเป็นชานยอล เพื่อนตัวสูงที่มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะเก่านอกจากจะต้องทำงานสโมแล้วยังต้องมาทำงานส่วนตัวอีก มีบ้างบางวันที่มันก็โดดงานสโมมาบ้าง แต่สุดท้ายมันก็กลับไปช่วยงานส่วนรวมอยู่ดี

     

                    เมื่อพ้นผ่านช่วงปั่นงานหัวแตกให้สำหรับงานแรกในช่วงเปิดเทอมไปแล้วก็แทบจะหมดช่วงรับน้องไปแล้ว ระยะเวลาอันมีค่าของชายฉกรรณที่อยากส่องน้องทำกิจกรรมก็หมดลงไปอย่างไร้ค่าเพราะงานที่เป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญกว่า ซึ่งคนที่โอดครวญที่สุดก็คือจงแดและลู่หานอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนชานยอลนั้นดีใจที่ผ่านช่วงส่งงานแรกไปสักทีจะได้ไม่ต้องทำงานทั้งสองที่

     

                    แต่ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ แต่ไอ้ตลอดช่วงระยะเวลาทำงานตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นคิมจงอินได้เห็นการรับน้องอยู่บ้างในช่วงที่เดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน ชื่อของน้องคนดังก็ยังคงลอยเข้าหูอยู่ไม่ขาด น้องเป็ดที่กล่าวขานนั้นก็ยังคงเป็นที่พูดถึงอยู่ตลอด

     

                    "ส่งงานสักที นี่งานแรกของเทอมจริงๆ ใช่มั้ยวะ" ลู่หานยังคงบ่นไม่หยุดถึงจะส่งงานไปแล้ว เราเดินออกมาจากห้องเรียนในช่วงบ่าย จากนี้จะได้กลับไปนอนพักกันสักที

     

                    "ไม่ได้ไปดูรับน้องเลยอ่ะ หมดช่วงรับน้องแล้วมั้ง" ถึงจงแดจะพูดแบบนั้นแต่มือก็ยังคงไถหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือไปเรื่อยๆ เพื่อดูอับเดตต่างๆ ที่ไม่ได้ดูมาเกือบทั้งอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมของน้องนั่นแหละ

     

                    "กูกลับก่อนนะ ไม่ไหวแล้ว" เขาโบกมือลาเพื่อนทั้งสามก่อนจะแยกตัวออกมา คิมจงอินไม่ไหวแล้ว เขาต้องการที่จะนอนเดี๋ยวนี้ อดนอนมาสองวันไม่ใช่เรื่องตลกเลยสำหรับเขา ขอนอนชดเชยสักหน่อยเถอะ

     

                    ชายหนุ่มเดินออกมาจากคณะ เดินก้มหน้าก้มตารีบเดินกลับห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ห้องพักของเขาอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก เดินเท้าเอาก็ถึง มันเป็นห้องเช่าบนตึกแถวที่ชั้นล่างสุดถูกทำเป็นร้านกาแฟ ชั้นถัดมาคือเขา และชั้นบนสุดคือคนเช่าอีกคนที่อยู่คณะอะไรก็ไม่รู้ เขาแค่เช่าเอาไว้เพื่อให้เดินทางง่ายๆ และรวดเร็ว แต่สำหรับชายหนุ่มที่อดนอนมานานหลายวันแล้วนั้น ตอนนี้อยากได้รถ

     

                    เดินต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าว สายตาก็หายไปสบกับเด็กปีหนึ่งคนนั้น ออร่านี่แผ่มาแต่ไกล เดินหัวเราะมากับเพื่อนตัวเล็กของเจ้าตัวอีกคน จนวันนี้โอเซฮุนก็ยังคงแต่งตัวนักศึกษาถูกระเบียบเหมือนเดิม ทรงผมหน้าม้าเห็ดๆ นั่นด้วย เหมือนจะทำสีเข้มขึ้นกว่าช่วงอาทิตย์แรกๆ ยังไงชอบกล

     

                    สายตาของเด็กคนนั้นหันมาเห็นเขาพอดีในตอนที่เราจะเดินสวนกัน โอเซฮุนค้อมหัวและยิ้มให้เขาเล็กน้อย คิมจงอินจำไม่ได้ว่าเขาได้ยิ้มตอบกลับไปมั้ยในจังหวะนั้น เขาแค่เดินผ่านมาอีกหลายก้าว ก่อนจะหยุดหันกลับไปมอง

     

                    โอเซฮุนและเพื่อนเดินขึ้นตึกคณะไปแล้ว แต่คิมจงอินก็ยังคงถามตัวเองอยู่ว่าเมื่อกี๊เขาได้ยิ้มตอบกลับไปรึเปล่า



    10%


    ตลอดการเดินกลับห้องเขาก็ยังคงคิดวนเวียนอยู่ในเรื่องเดิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าต้องเครียดมากไปทำไมถ้าหากตัวเองจะไม่ได้ยิ้มตอบน้องเขาไป น้องอาจจะมองว่าเขาเป็นรุ่นพี่ใจเหี้ยม เป็นคนอัธยาศัยไม่ดี ไม่เป็นมิตร ยิ้มยาก เข้าหายาก หยิ่ง ไม่น่าเคารพ หรืออื่นๆ อีกมากมายที่ในสมองตื้อๆ จะคิดได้

     

                แต่พอเดินขึ้นบันไดเหล็กเล็กที่ข้างซอยเล็กๆ ของร้านกาแฟ ขึ้นไปบนห้องที่ชั้นสอง เมื่อเปิดเข้าไปเจอเตียงเท่านั้นแหละ สมองก็เลิกคิดถึงทุกอย่างนอกจากเดินไปเปิดแอร์แล้วพุ่งเข้าเตียงทันที

     

     

    /

     

     

                'นี่รู้จักรุ่นพี่ที่เขาชื่อจงอินมั้ย พี่จงอินเขาหยิ่งอ่ะ เรายิ้มแล้วเขาก็ไม่ยิ้มตอบเรา'

     

                หื้ม? เสียงใครน่ะ

     

                'วันนี้เรายิ้มให้เขา เขาก็ไม่เห็นจะยิ้มตอบเลย สงสัยจะคิดว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ล่ะมั้ง'

     

                คิมจงอินมองไปรอบตัว สถานที่มันดูเบลอๆ จนไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน หันมองไปรอบตัวก็เห็นกลุ่มคนยืนอยู่ไม่ไกล ทำไมเขาไม่คุ้นหน้าใครสักคนยกเว้นเด็กคนนั้น

     

                คนที่ชื่อโอเซฮุน

     

                'รุ่นพี่ก็งี้แหละ นิสัยไม่ค่อยดี'

     

                คนที่เขามองหน้าไม่ชัดหันไปบอกกับเด็กคนนั้น ซึ่งคนอื่นๆ ก็พยักหน้ารับตามสิ่งที่ไอ้คนนั้นพูดใส่ไฟเขา จะบ้าเราะ ถ้ากูเห็นและมีสติพอกูก็รับหมดทุกคนนั้นแหละ

     

                'ไม่ต้องไปสนใจหรอก พี่เขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว' กูเป็นยังไงนะ แล้วนั่นมึงเป็นใคร

     

                'ปกติก็ทำหน้าตาง่วงๆ ไม่ค่อยมีปฎิสัมพันธ์อยู่แล้วด้วยนะ' นั่นกูง่วงนะ

     

              'เออ พี่เขาอ่ะเคยไปทำตัวกวนตีนจนโดนรุมตีที่ร้านเหล้าด้วยนะ'

     

                "ไม่เคยว้อยยยยยยยยยยยยยยยยย"

     

                ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งในความมืด ถึงอากาศในห้องจะเย็นเชียบแต่เหงื่อกลับท่วมตัว หอบหายใจจนตัวโยนพลางคิดว่านี่กูต้องเก็บมาฝันอะไรขนาดนี้ล่ะ

     

                พอได้สติเลยทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม พลางควานหาโทรศัพท์มากดดูว่ามิตรสหายทั้งหลายเป็นยังไงกันแล้วบ้าง เมื่อเห็นว่าในกรุ๊ปยังเงียบเป็นเพราะน่าจะนอนตายกันทุกหน่วยอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วนั้น เขาก็กดเข้าไปดูในโซเชียลสีฟ้าแทน ตอนนี้มันก็เริ่มดึกแล้ว เขาควรจะลงไปหาอะไรกินสักหน่อยก่อนจะงีบต่อ ไม่ก็คงเล่นเกมสักเกมแล้วค่อยทำงานต่อไป

     

                พอโหลดนิวฟีดขึ้นเท่านั้นแหละ หน้าตาคนที่หลอกหลอนในฝันก็ปรากฎขึ้นมาทันที ใช่เลยเป็นภาพของน้องในตอนที่กำลังทำกิจกรรม ในชุดไปรเวทธรรมดา ซึ่งก็ปฎิเสทไม่ได้เลยว่าไอ้เสื้อยืดสีดำสนิทนั่นทำให้น้องดูเด่นขึ้นมาอีก

     

                "คนอะไรหน้าแม่งเบี้ยว"

     

                หลังจากที่นอนจ้องรูปน้องเดือนคนดีอยู่นานก็รู้สึกว่าหน้าน้องเขาเบี้ยว ทำไมคนหน้าเบี้ยวถึงมีคนชอบเยอะขนาดนั้น ตัดสินใจกดเข้าไปดูรูปอื่นๆ ในแฟนเพจ ไถ่ไปเรื่อยๆ ดูรูปน้องตัวขาวในหลายอิริยาบทและมุมกล้อง เขายิ้มกับตัวเองพลางคิดว่าทำไมหน้าน้องมันเบี้ยวๆ นะ ยิ่งตอนที่เห็นหน้าน้องในมุม 45 องศายิ่งรู้สึกว่าเบี้ยว.. มันเหมือนอะไรสักอย่าง.. คิดไม่ออก

     

                ยิ่งจ้องหน้าน้องตอนที่ยิ้มกว้างตาหนีกลายเป็นขีดๆ นั่นก็ยิ่งนึกไม่ออก ติดอยู่ในหัวนี่แหละ คิดแล้วก็หงุดหงิดที่ว่าทำไมคิดไม่ออกสักทีวะว่ามันเหมือนอะไร เลยโยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะลุกขึ้นลากตัวเองเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาแล้วไปหาอะไรกินที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ในช่วงเวลาแบบนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกแล้ว

     

                คิมจงอินลากร่างไร้แรงของตัวเองลงมาจากห้องในตอนเกือบสามทุ่ม เสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงบอลและแตะคีบเป็นตัวเลือกที่ดีในเวลานี้ เปลือกตาครึ่งหลับครึ่งตื่นมองกวาดหามาม่าสำเร็จรูปสักกระป๋องกับไส้กรอกสักถุงที่น่าจะเอามาเวฟใส่กันแล้วกินกันเพื่อกันไม่ให้ขาดสารอาหารตาย ซื้อไข่ไปใส่ด้วยสักฟองก็ได้

     

                เดินๆ วนๆ หาขนมอย่างอื่นไปได้สักพักก็เจอเด็กใส่แว่นหน้าตาคุ้นๆ ยืนอยู่หน้าตู้น้ำ ตัวเล็กๆ และถ้าเขาเองจำไม่ผิดนั่นคือเพื่อนของน้องเซฮุนดาวประจำใจสมาชิกกลุ่มของเขา เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่เด็กผู้ชายตัวเตี้ยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อคยองซู? เด็กแว่นก้มหัวทักทายเขาก่อนสายตานั้นจะเหลือบลงมองขนมในอ้อมอกของเขา

     

                "อยู่แถวนี้เหรอ นายอ่ะ" เขาเป็นคนเปิดบทสนทนา จะปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็คงดูเก้อๆ เดี๋ยวกูจะเก็บไปฝันอีก

     

                "ครับ" คยองซูเอื้อมแขนเข้าไปหยิบน้ำอัดลมภายในตู้ก่อนจะหันมายืนหันหน้าคุยกับเขาแบบเต็มตัว

     

                "อ๋อ ใกล้กันเลยดิ พี่อยู่ตึกถัดไปอีก 2 หออ่ะ ละรับน้องเป็นไงมั่ง"

     

                "ก็ดีครับ"

     

                "มาคนเดียวเหรอ"

     

                "ครับ"

     

                "แล้วเพื่อนอีกคนอ่ะ"

     

                "ผมอยู่คนเดียวครับ"

     

                "อ่อเหรอ เอ้อๆ ก็ถามดูเฉยๆ"

     

                "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

     

                "อ่อ เออๆ ไปเถอะๆ" เด็กเตี้ยใส่แว่นค้อมหัวลาเขาอีกครั้ง เขาพยักหน้าแล้วเดินวนรอบๆ ร้านอีกครั้งเพื่อดูว่าจะมีอะไรที่ควรซื้ออีก หลังจากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินแล้วเดินช้าๆ ออกจากร้าน

     

                ระยะทางระหว่างซุปเปอร์มาร์เก็ตและที่พักอยู่ห่างกันไปไม่ไกล หลังจากที่เดินเลยร้านกาแฟข้างล่างห้องของเขาไป เดินผ่านหอพักใหญ่อีกหอหนึ่ง จากนั้นก็ถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว

     

                หลังจากที่ชายหนุ่มเดินมาใกล้จะถึงร้านกาแฟ เขาก็เห็นเพื่อนตัวเล็กของน้องหน้าเบี้ยวเดินออกมาจากร้านกาแฟล่างหอ คงจะอยู่แถวนี้จริงๆ อย่างที่ว่า ในมือถือแก้วกระดาษสีขาวเอาไว้ด้วย มืออีกข้างถือโทรศัพท์ค้างไว้ที่ข้างหู ถุงจากร้านสะดวกซื้อเมื่อกี๊คล้องอยู่ที่ข้อศอก ในแก้วนั่นคงเป็นกาแฟเย็นหรือชาเย็นหรืออะไรสักอย่างล่ะมั้ง คยองซูหยุดยืนที่ข้างร้านกาแฟอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง แล้วเลี้ยวเข้าไปซอยเล็กๆ ข้างร้านกาแฟ แล้วเดินขึ้นบันไดเหล็กเหมือนกับที่เขากำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนขั้นแรก

     

                "... เอ๊ะ"

               

                ชายหนุ่มหยุดนึกอะไรได้สักอย่าง ตึกนี้เป็นตึกสามชั้น ชั้นแรกร้านกาแฟ ชั้นสองเขาเช่าอยู่ งั้นมันก็จะเหลือแค่ชั้นบนสุดงั้นน่ะสิ..

     

                "อ้าว.."  เด็กรุ่นน้องยืนค้างอยู่ชั้นบนของบันไดเหล็ก ตรงหน้าห้องของเขาพอดีกำลังมองลงมา "หรือว่าพี่อยู่ชั้นนี้" พลางชี้มือไปที่ประตูตรงห้องของเขา เออเอาสิ โลกมันกลมขนาดนี้ก็ได้อ่ะ

     

                เขาพยักหน้า ก่อนจะพยักหน้าไปที่ห้องที่อยู่สูงขึ้นไปอีก "นายอยู่ชั้นบน ?"

     

                คยองซูพยักหน้า "ฝากตัวด้วยครับ"

     

                "อืม เหมือนกันแล้วกัน"

     

                หลังจากนั้นก็จบบทสนทนาอย่างรวดเร็ว เด็กนั่นยังคงหน้านิ่งแล้วเดินขึ้นไปที่หน้าห้องของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นไปที่หน้าห้องของตัวเอง ก่อนจะไขกุญแจเข้าไป

     

                "รุ่นพี่ครับ"  เสียงเรียกดังมาจากชั้นบน เขาชะงักมือก่อนจจะเงยหน้าขึ้นไปเปนเชิงถามว่า 'อะไรของมึงอีก'

     

                "คืนนี้รบกวนอย่าสูบบุหรี่ได้มั้ยครับ"

     

                "อ้าว มันเหม็นไปถึงข้างบนเหรอวะ โทษๆ" ไอ้ชิบหาย แล้วกูจะไปสูบที่ไหนล่ะทีนี้ ปกติกูก็สูบแค่ตอนทำงานเท่านั้นแหละ

     

                "แค่คืนนี้ก็ได้ครับ ผมไม่ได้มีปัญหากับกลิ่นบุหรี่ " คยองซูหันกลับไปไขกุญแจ เพราะเสียงกึกกักของมัน จงอินถึงได้รู้

     

                "แล้วทำไม ?"

     

                "เพื่อนผมจะเข้ามาทำงานห้องผมวันนี้ แล้วเขาแพ้กลิ่นบุหรี่น่ะครับ ถึงมันจะไม่ค่อยห้องผมสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ก็อยากรบกวนน่ะครับ เพราะกลิ่นบุหรี่ของพี่ก็ติดเสื้อผ้าผมด้วย"

     

                ".... เออก็ได้" จากคำขอร้องเริ่มกลายเป็นคำกดดันเมื่อเจ้าของคำของร้อง(?) มาชะโงกหน้าจ้องเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจากชั้นสาม

     

                "ขอบคุณครับที่ยังมีน้ำใจให้เพื่อนบ้าน"

     

                สิ้นเสียงขอบคุณก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตู คิมจงอินยังคงเงยหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นบนด้วยอาการชาๆ นิดหน่อย เพราะรู้สึกเหมือนโดนด่ามาเมื่อกี๊นี้ เออแต่ก็เอาเถอะ มาสูบหน้าห้องแทนก็ได้วะ เพราะปกติเขาจะไปสูบที่ระเบียงห้อง หรือไม่ก็สูบในห้องแต่เปิดประตูระเบียงหน้าต่างเอาไว้

     

                หลังจากประมวลผลเสร็จเขาก็หันหลังไปไขกุญแจของห้องตัวเองต่อ นี่หิวจนจะหายหิวอยู่แล้ว อีกอย่างก็ตกใจอยู่นิดหน่อยตอนที่รู้ว่าใครอยู่ชั้นบนถัดจากเขา

     

                'เพื่อนผมจะเข้ามาทำงานห้องผมวันนี้'

     

                "..."

     

                ยืนคิดในระหว่างที่เดินไปต้มกาน้ำร้อนบนเคาท์เตอร์ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ในห้องของเขาไม่ได้แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนนัก มีแต่เขานั่นแหละ ที่ยกโต๊ะหรือโซฟา ฟูก เคาท์เตอร์เล็กๆ ไม่ใหญ่มากมาพอแบ่งอาณาเขตเอาเองว่าส่วนไหนคือส่วนไหนภายในห้องนี้ แต่ดีที่ห้องมีขนาดค่อนข้างกว้างขวางพอจะจัดสรรอะไรได้ตามใจพอสมควร

     

                "ใช่เด็กหน้าเบี้ยวนั่นรึเปล่าวะ" บ่นพึมพัมในตอนที่เทน้ำร้อนลงในถ้วยมาม่าคัพ สายตาเหม่อมองไส้กรอกที่หมุนอยู่ในไมโครเวฟ

     

                ถ้าใช่แล้วจะยังไงคิมจงอิน เปิดประตูออกไปทักทายมั้ยล่ะ หรือมึงจะเอายังไง หรือจะส่องดู หรือจะเดินปามเลยว่ามาทำอะไร หรือมึงจะขึ้นไปเคาะห้องขอช่วยงานน้องเขาเลยมั้ยล่ะ

     

                ....

     

                แล้วมึงจะมาว้าวุ่นทำมะพร้าวแก้วอะไรล่ะเนี่ย....

     

                ขยี้หัวตัวเองเพราะความร้อนใจที่ไม่รู้ว่าจะวุ่นวายใจตัวเองไปทำไม ก่อนจะเอาทุกอย่างไปวางที่หน้าโต๊ะคอมแล้วกดปุ่มเปิดคอมพิวเตอร์พีซีข้างๆ โต๊ะซะ ก่อนจะจ้วงมาม่าคำแรกเข้าไปในปากของตัวเองแล้วตามด้วยคำถัดๆ มา

     

                สายตาเหลือบไปเห็นเวลา 10.30 PM มันก็ดึกมากแล้วน่ะน้า เจ้าเด็กนั่นจะมาที่นี่ยังไง ขับรถมา? หรือเดินมา? พ่อแม่มาส่ง? ขับจักรยาน? ถ้าโดนใครที่ไหนมันดักเอาข้างทางจะทำยังไง ถึงที่นี่ช่วงนี้จะไม่มีข่าวชิงทรัพย์ ลักพาตัวหรืออะไรก็ตามแต่ แต่แม่งก็ดึกแล้วมั้ยล่ะ

     

                กึก.. กึก..

     

                พลันหูทั้งสองก็ได้ยินเสียงเดินขึ้นบันใดเหล็กหน้าห้องแทนเสียงสูดเส้นมาม่าของตัวเอง ทุกอย่างในห้องหยุดชะงัก มือข้างขวาค้างอยู่ในอากาศ จับส้อมพลาสติกที่แถมมาจากถ้วยมาม่าแน่นจนเสนมาม่าร่วงลงไปในถ้วย เสียงพูดคุยกันเสียงเบาที่เขาจับใจความไม่ได้ เสียงทักทายที่ไม่รู้ว่าใคร และตามมาด้วยเสียงปิดประตู

     

                ....

     

                จากนั้นอีกประมานสามวินาทีทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ มันจะวุ่นวายเกินไปแล้วในหัวสมองของเขาเนี่ย อาจจะไม่ใช่เด็กหน้าเบี้ยวคนนั้น แล้วอีกอย่าง ทำไมเขาต้องเป็นห่วงสัวสดิภาพของน้องมันจังเลย

     

                ... เพราะว่าเป็นรุ่นน้องนคณะแน่ๆ แถมยังเห็นหน้ากันบ่อยๆ ถ้าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นคงแย่แน่ๆ ใช่ๆ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เขายังคงกินข้างตรงหน้าในหน้าพร้อมกับพยักหน้าให้ตัวเองว่าเขาคิดแบบนั้นแน่นอน

     

                หลังจากนั้นคิมจงอินก็เปิดเกมเล่นและทักทายเพื่อนๆ สมาชิกในโซเชียลเน็ตเวิร์คตามที่ควรจะเป็น หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอเขาก็เริ่มทำงานต่อ พรุ่งนี้มีเรียนเช้านั่งหาข้อมูลสักหน่อยแล้วค่อยไปนอนต่อก็น่าจะดี

     

                ชายหนุ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจตามที่ติดนิสัย ก่อนจะหยิบซองบุหรี่และไฟแช็กเดินออกไปที่ระเบียงด้วยความเคยชิน ต้องบิ้วท์อารมณ์กันสักหน่อยค่อยเริ่มงานได้

     

                หยิบบุหรี่ขึ้นคาบไว้ที่ปากแล้วจุดไฟแช็ก ยืนเหม่อมองตึกถัดไปอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนคุยกันที่ชั้นบน ตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่กเล็กๆ ก่อนจะนึกได้ว่าโดนขออะไรไว้ จากนั้นก็รีบขยี้บุหรี่กับกระถางต้นไม้เล็กๆ ทันที แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทัน เพราะมีเสียงปิดประตูระเบียงเสียงไม่เบาดังมาจากชั้นบนหัวเขา

     

                ...

     

                 พรี่ขอโทษคับ..


    80%


    เสียไอค่อกแค่กยังคงลูปอยู่ในหู ถึงจะได้ยินเสียงเบามากแต่ความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นมาเต็มอกเพราะก็พอรู้มาบ้างว่าคนที่แพ้กลิ่นบุหรี่มันแสบทรวงขนาดไหนตอนที่ได้กลิ่นที่ตัวเองแพ้ และนอกเหนือไปมากกว่านั้น ไอ้น้องหน้านิ่งอาจจะโยนโต๊ะดราฟลงมาจากชั้นสามก็เป็นได้

     

                เอาไงดีล่ะมึง นี่ก็ไม่ได้เป็นคนหน้าด้านหน้าทนถึงขนาดว่าโดนขออะไรไว้แล้วจะยังหน้าด้านทำอยู่เหมือนเดิม (ถึงจะทำไปแล้วเพราะชินก็เถอะ) แล้วยิ่งโดนขอไว้แล้วแล้วกูก็ทำไปแล้ว แล้วกูก็คงโดนตราหน้าว่าเป็นรุ่นพี่เหี้ยๆ คนเหี้ยคนเดิมที่ไม่ยิ้มให้น้องเขาแล้วยังสูบบุหรี่ใส่เขาอีกทั้งๆ ที่เพื่อนเขามาขอเอาไว้แล้วด้วย

     

                แต่ถ้าจะแสลนหน้าขึ้นไปขอโทษตอนนี้ก็คงจะใช่เรื่อง.. (รึเปล่า?) แต่นี่มันก็จะตีสองแล้วยังทำงานกันไม่หลับไปนอนเราะ แล้วจะกลับไปนอนบ้านตัวเองหรือจะนอนกับไอ้น้องหน้านิ่งนั่นเขาก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ หรือว่าเขาควรปิดไฟนอนเพื่อตัดปัญหาทุกอย่างแล้วค่อยเดินไปทักทายน้องเขาในเช้าวันใหม่พร้อมกับกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นมิตรว่า 'พี่ขอโทษที่สูบบุหรี่ พอดีว่าพี่ความจำสั้นเลยเผลอสูบบุหรี่ไปตามความเคยชิน'

     

                ...

     

                กะโหลกกะลาเหลือเกินพ่อคุณ อยู่ๆ เดินเข้าไปขอโทษน้องเขาก็คงงงล่ะว่ามึงเป็นอะไร พอขยายความไปก็คงจะกลายเป็นคนไม่เอาใจใส่ไปอีกนั่นแหละ ที่แน่ๆ ไอ้เด็กแว่นนั่นคงพูดใส่ไฟด่าเขาไปแล้วแน่ๆ

     

                เอาเถอะ กูนอนก็ได้ เป็นการตัดปัญหา ค่อยหาโอกาสไปขอโทษเอาวันหลังกับไอ้น้องชั้นสามก็พอ ถือว่าผิดพลาดผิดพลั้งไปแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

                หลังจากนั่งเอามือเท้าคางคิดหัวแทบแตกอยู่ที่ริมระเบียงจนได้ข้อสรุปสำหรับตัวเองในคืนนี้ เขาก็แอบชะโงกหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นสามอีกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่เห็นอะไรนอกจากราวระเบียง

     

                คิมจงอินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินมาปิดประตูระเบียง ปิดคอม ปิดพัดลม เปิดแอร์ แล้วโยนตัวเองลงบนเตียงพร้อมที่จะปิดสวิตถ์ตัวเองทันทีอย่างที่ทำมาตลอดเวลาที่หัวถึงหมอน

     

                ....

     

                นอนไม่หลับ

     

                ชายหนุ่มไม่สามารถปฎิเสธตัวเองได้เลยในตอนนี้ว่าเขากำลังประสาทแดกจริงๆ หรือว่าคิดไปเองว่าตัวเองกำลังประสามแดก เพราะในหัวยังคงมีเสียงไอและความรู้สึกผิดอัดแน่นไปทั้งใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องในก้องแชทรวมกับเพื่อนๆ ที่ยังคงนิ่งสนิท จะพิมพ์ไปขอคำปรึกษาพวกมันก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวก็โตกตากกันไปใหญ่ เดี๋ยวก็ใส่ไฟกูอีก พอคิดแบบนั้นเลยวางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิม

     

                ..

     

                "ไปเคาะห้องดูหน่อยก็ได้.."

     

                ไหนๆ ก็นอนไม่หลับ ถ้าจะให้กูนั่นสติแตกอยู่ตรงนี้ก็คงไม่ดีแน่ ขึ้นไปขอโทษซะให้รู้แล้วู้รอด หวังว่าน้องเขาคงยังไม่นอนกันไปซะก่อน คิมจงอินคนเก่ง แค่นี้ทำได้อยู่แล้ว ลูบหัวตัวเองสามที

     

                ก่อนจะลุกขึ้นจากฟูกนอน เดินวนไปหน้าห้องครัวแล้วหยิบถุงขนมมาถุงนึงแก้เขิน แล้วเปิดประตูห้องออกไปที่บันใดเหล็กหน้าห้อง

     

                'ถ้าน้องเขานอนแล้วก็ถือว่าเจ๊ากันไป ถ้าน้องยังไม่นอนก็บอกว่ามาขอโทษเรื่องบุหรี่ แถมขนมให้ถุงนึง เจ๊ากัน ง่ายๆ สบายคิมจงอิน'

     

              คิดในใจขณะที่เดินขึ้นไปด้านบน แอบก้มตัวลงส่องที่ช่องใต้ประตูว่าไฟยังเปิดอยู่มั้ย สรุปว่ามืดสนิท.. นอนแล้วแน่เลยว่ะ

     

     

                ก๊อก... ก๊อก..

     

                ตัดสินใจลองเคาะดูก่อนที่ก่อนจะยืนกำถุงขนมในมือแน่น... แต่เวลาผ่านไปนานหลายวินาทีในความรู้สึกก็คิดว่าน้องๆ คงนอนกันหมด ถือว่าเจ๊าไปแล้วกัน วันหลังค่อยมาขอโทษก็ได้ เออเนอะ นี่มันก็จะเช้าอยู่แล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง

     

                "ครับ"

     

                น้องหน้านิ่งที่ยังอยู่ในชุดเดิมเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าเดิมเพิ่มเติมคือรับรู้ถึงความหงุดหงิด ชิบหาย เขากำลังตัดสินใจหันหลังกลับไปนอนสบายใจบนเตียงของตัวเองแล้วเชียว

     

                "เออ.. คือ เมื่อกี๊พี่เผลอสูบบุหรี่ไป โอเคมั้ย" ไหนๆ ก็ไหนๆ กูก็ถามไปเลยแล้วกัน

     

                "ไม่เป็นไรครับ แต่ก็ไม่โอเคเท่าไหร่" เอ๊ามึงนี่ก็นะ

     

                "เออ คือมันชินต้องสูบก่อนทำงาน..." เขาเห็นเด็กผู้หญิงอีกคนมาชะโงกอยู่ด้านหลังของไอ้เด็กนี่.. ลางๆ ว่าชื่อซึงฮวาน? "น้องรึเปล่าที่แพ้บุหรี่?"

     

                "เอ่อ ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้แพ้มากมายอะไรค่ะ"

     

                "อ้อออ.." เขาหันกลับมาสบตากับไอ้น้องหน้านิ่งตรงหน้า เออกูก็ลืมไปว่าคนเรามีเพื่อนได้มากกว่าหนึ่งคน "อ่ะ ถือว่าแทนเป็นคำขอโทษแล้วกัน ตั้งใจทำงานกันนะ ปีหนึ่งก็หนักงี้" ยัดถุงขนมโง่ๆ ใส่มื่อไอ้น้องแว่น แล้วโบกมือลา

     

                "อะไรเหรอซึงฮวาน มายืนอออะไรกันที่หน้าประตูล่ะ"

     

                เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากในห้องอีกหนึ่งเสียง..

     

                ใช่.. คนเรามีเพื่อนได้มากกว่าหนึ่งคน

     

                "รุ่นพี่คณะเราที่อยู่ข้างล่างเขาขึ้นมาขอโทษที่เขาสูบบุหรี่น่ะ" น้องซึงฮวานหันไปพูดกับใครอีกคนที่อยู่หลังกำแพง ทันใดเสี้ยวหน้าคนที่ทำให้เขาปวดหัวจนไมเกรนแทบสิ้นก็โผล่ออกมา เขาคาดหวังว่าเขาจะสายตาฟาดฟางไปเอง

     

                "อ้าว พี่จงอินนี่" เด็กนั่นขยับตัวเดินมายืนอยู่หลังคยองซูที่ยังคงยืนเปิดประตูให้พวกเขามีบทสนทนากันต่อไป ถึงจะอยากปิดประตูในหน้าเขามากแค่ไหนแล้วก็ตาม ตรงกันข้ามกับเพื่อนมันที่ยังคงยืนยิ้มเป็นมิตรยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

     

                ไม่ฟางแล้ว ชัดเลยทีนี้

     

                "มาด้วยเหรอ?" เขาถาม.. เพราะไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากประโยคนี้

     

                "ครับ มาทำงานส่งพรุ่งนี้ ทำคนเดียวแล้วง่วงๆ เลยชวนซึงฮวานมาทำงานที่ห้องของคยองซูกัน" คิมจงอินยิ้มเก้อกับคำตอบที่ได้รับ.. เพราะไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนาอะไรดีในเวลานี้ นอกจากปล่อยให้น้องๆ กลับไปทำงานกันเหมือนเดิม

     

                "งั้น.. กลับไปทำงานกันเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว"

     

                "ขอบคุณสำหรับขนมนะครับ" น้องหน้าเบี้ยวยังคงยิ้มร่าเป็นมิตรจนเหมือนจะยิ้มเผื่อลงไปถึงคนที่ร้านกาแฟชั้นล่างด้วย คยองซูหันมาค้อมหัวให้เขาเล็กน้อยก่อนจะปิดประตูลง

     

                เขาถอนหายใจอยู่ตรงนั้น ก็ยังดีวะ อย่างน้อยก็แพ้คนเดียวแล้วก็ไม่มากเท่าไหร่

     

                "น้ำมูกหยุดไหลแล้วเหรอเซฮุน"

     

                "อื้อ เราไปล้างหน้ามาแล้ว ไม่ไอแล้ว น้ำมูกก็หยุดแล้วล่ะ "

     

                "อื้อ งั้นครั้งหน้าเราไปทำงานที่อื่นกันดีกว่ามั้ย เซฮุนแพ้บุหรี่เยอะกว่าเราอีก เมื่อกี๊ไอจนเราตกใจเลย ไปทำที่ห้องเซฮุนก็ได้ คยองซูก็ไปด้วยกันนะ"

     

                เสียงสนทนาลอดผ่านออกมาจากประตู.. อ้าว.. กูก็นึกว่าแพ้คนเดียว รู้งี้น่าจะหยิบขนมมาสองซอง...

     

                พรี่ขอโทษอีกครั้งคับ...


    #จริงเหรอวะจงอิน

                  

    ในที่สุดก็ครบตอนสักทีค่ะ ฮวืออออออออออออออออออออ (ร้องไห้)

    ขอแจ้งก่อนหน้า ว่าเราคงยังไม่ได้กลับมาอัพเป็นปกติน้า จากนี้ก็อาจจะหายไปเลยอีกยาวๆ ช่วงนี้ที่มีพลังเขียนเพราะว่าลาหยุดงานยาวมาค่ะ (ฮา) ยังไงก็จะพยายามเข็นออกมาให้ได้อ่านกันต่อไปน้า หลังจากนี้ใครที่เป็นแฟนคลับน้องแมวเซฮุน เราอาจจะมีตอนพิเศษวันคริสมาสนะคะ 


    ดีใจมากจริงๆ ค่ะที่ยังมีคนรออยู่ถึงความหวังที่มันจะจบจะริบหรี่มากก็ตาม ฮาา

    ขอบคุณทุกคอมเม้นและในแท็กเลยนะคะ ขอบคุณทุกการตอบรับ ดีใจจริงๆ ที่ยังมีคนอ่านอยู่จริงๆ

    ขอบคุณค่ะ

                   

     

                   

     

                    

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×