การปฏิรูปศาสนา (The reformation)
บทความนี้แสดงถึงการปฏิรูปศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 15-16 โดยรายละเอียดแสดงให้เห็นถึงสาเหตุ การเริ่มต้นและผลของการปฏิรูปศาสนา
ผู้เข้าชมรวม
1,304
ผู้เข้าชมเดือนนี้
93
ผู้เข้าชมรวม
การปฏิรูปศาสนา (The Reformation)
เสนอ
อาจารย์ปรางค์สุวรรณ ศักดิ์โสภณกุล
จัดทำโดย
1. นางสาวจิราพัชร จีระพิวัฒน์ เลขที่ 41
2. นางสาวสุภัฎฎา โพธิ์แก้ว เลขที่ 48
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.5
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในคริสต์ศตวรรษที่ 15-16 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญอีกประการคือ การปฏิรูปศาสนา ซึ่งคริสต์ศาสนาได้แตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆโดยแต่ละนิกาย มีลักษณะเป็นศาสนาประจำชาติมากขึ้น
สาเหตุของการปฏิรูปศาสนา
1. ความเป็นอยู่ของสันตะปาปาและพระชั้นสูงมีความฟุ่มเฟือย ขัดต่อความรู้สึกที่ว่าพระควรจะมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อีกทั้งพระเรียกเก็บภาษีสูงขึ้น มีการซื้อขายตำแหน่งกัน ชาวยุโรปมีความรู้มากขึ้น จึงไม่เชื่อคำสั่งสอนของฝ่ายศาสนจักร เกิดความคิดที่จะปรับปรุงศาสนาให้บริสุทธิ์
2. สันตะปาปาผู้ปกครองฝ่ายศาสนจักร มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของยุโรป เข้าไปครอบงำ รัฐต่างๆในเยอรมัน ทำให้แคว้นต่างๆต้องการเป็นอิสระจากจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และจากผู้ที่รักษาอำนาจของคริสตจักรคือ สันตะปาปา
3. ศาสนจักรมุ่งเน้นพิธีกรรมมากเกินไป ทำให้ประชาชนต้องการทำความเข้าใจหลักธรรมทางศาสนามากขึ้น จนมีนักคิดเสนอว่ามนุษย์ควรเข้าถึงพระเจ้าและทำความเข้าใจในคัมภีร์ไบเบิล ด้วยตนเองมากกว่าผ่านพิธีกรรม
4. สันตะปาปาจูเลียสที่ 2 และสันตะปาปาลีโอที่ 10 ต้องการงบประมาณในการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม จึงส่งสมณะทูตมาขายใบยกโทษบาป ในดินแดนเยอรมัน แต่ด้วยภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านคริสตจักรหลายกลุ่มด้วยกัน ทั้งขุนนาง นักคิด และปัญญาชนในเยอรมัน
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
สันตะปาปาจูเลียสที่ 2 (Julius II ค.ศ. 1506-1514)
สันตะปาปาลีโอที่10 (Leo X ค.ศ.1514-1521)
การเริ่มปฏิรูปศาสนา
1. การขายใบยกเลิกบาป ทำให้ มาร์ติน ลูเทอร์ นักบวชชาวเยอรมันประท้วงด้วยการปิดประกาศคำประท้วง 95 ข้อ หน้ามหาวิหารแห่งเมืองวิทเทนแบร์ก ได้ประกาศว่า สันตะปาปาไม่ควรเก็บภาษีในเยอรมันเพื่อนำไปสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และ สันตะปาปาไม่ได้เป็นบุคคลเพียงผู้เดียวที่จะนำพามนุษย์ไปสู่พระเจ้า ประกาศดังกล่าวถือว่าเป็นการประท้วง ที่มีต่อศาสนจักรอันเป็นที่มาของนิกายโปรเตสแตนต์ คำประกาศของเขาได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในเขตเยอรมัน
ninety-five theses
มาร์ติน ลูเทอร์
2. ค.ศ. 1521 มาร์ติน ลูเทอร์ ได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิชาลส์ที่ 5 ให้ไปเข้าประชุมสภาแห่งเวิร์ม เขาถูกกล่าวหาว่ามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนาและเป็นบุคคลนอกศาสนา แต่เจ้าผู้ครองแคว้นแซกโซนีได้อุปถัมภ์เขาไว้ และเขาได้แปลคัมภีร์ไบเบิลจากภาษาละตินมาเป็นภาษาเยอรมัน ทำให้ความรู้ทางศาสนาเป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาการของวรรณกรรมภาษาเยอรมัน
สภาเมืองเวิร์ม (Diet of Worms)
พระคัมภีร์ฉบับภาษาเยอรมันของลูเธอร์
ราชอาณาจักรแซกโซนีเป็นส่วนหนึ่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
3. ช่วงหลังจากนั้น เจ้านายในเยอรมันแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่
· ฝ่ายเจ้าผู้ครองแคว้นทางเหนือ ซึ่งสนับสนุน มาร์ติน ลูเทอร์
· ฝ่ายเจ้าผู้ครองแคว้นทางใต้ ซึ่งสนับสนุนคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่กรุงโรม
ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ในค.ศ.1546 ในที่สุดก็มีการสงบศึก โดยการทำสนธิสัญญาสันติภาพแห่งเอากส์บูร์ก โดยให้ทางเจ้าชายเยอรมันและแคว้นของพระองค์มีสิทธิที่จะเลือกนับถือนิกายลูเทอร์หรือนิกายโรมันคาทอลิก
4. นิกายลูเทอร์มีหลักปฏิบัติ การดำเนินงาน พิธีกรรมทางศาสนา และลักษณะของนักบวชเป็นแบบคาทอลิก แต่นักบวชในนิกายลูเทอร์เป็นเพียงผู้สอนศาสนาจึงสามารถมีครอบครัวได้ มีการรักษาพิธีกรรมบางข้อไว้ เช่น ศีลจุ่ม และศีลมหาสนิท นิกายนี้มีกรอบความคิดว่าความหลุดพ้นทางวิญญาณของชาวคริสต์จะสามารถมีได้ก็เนื่องจากการยึดมั่นในพระผู้เป็นเจ้าจนพระองค์ทรงเมตตาเท่านั้น
การปฏิรูปคริสต์ศาสนาได้ขยายตัวจากเยอรมันไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป มีผู้นำในการปฏิรูป เช่น
1. จอห์น คาลวิน ชาวฝรั่งเศส ผู้เห็นด้วยกับความคิดของมาร์ติน ลูเทอร์ ได้หนีพวกคาทอลิกจากฝรั่งเศสไปตั้งนิกายคาลวิน เป็นโปรเตสแตนต์นิกายที่ 2 ในสวิตเซอร์แลนด์
จอห์น คาลวิน (John Calvin ค.ศ.1509 - 1564)
2. พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งประเทศอังกฤษ มีพระราชประสงค์ที่จะหย่าขาดกับพระนางแคทเธอรีนแห่งอะรากอน แต่สันตะปาปาจัดการให้ไม่ได้ รัฐสภาอังกฤษจึงออกกฎหมายตั้งพระเจ้าเฮนรีที่ 8 เป็นประมุขทางศาสนาในประเทศอังกฤษ ไม่ขึ้นต่อคริสตจักรที่กรุงโรม เรียกนิกายใหม่นี้ว่า นิกายอังกฤษหรือนิกายแองกลิคัน
การขอหย่าร้างของพระเจ้าเฮนรีที่ 8
ผลของการปฏิรูปทางศาสนาได้ก่อให้เกิดนิกายโปรเตสแตนต์ขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 นิกายสำคัญ คือ
1. นิกายลูเทอร์ แพร่หลายในเยอรมันและประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย
2. นิกายคาลวิน แพร่หลายใน สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์และสกอตแลนด์
3. นิกายอังกฤษหรือแองกลิคัน เป็นนิกายประจำประเทศอังกฤษ
การปฏิรูปของศาสนจักร
เมื่อเกิดการปฏิรูปศาสนาในดินแดนส่วนต่างๆของยุโรป คริสตจักรที่กรุงโรมได้พยายามต่อต้านปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่
1. ศาสนจักรได้จัดการประชุมสังคายนาพระศาสนาที่เมืองเทรนต์ (The Council of Trent) ใน ค.ศ.1545 การประชุมดังกล่าวใช้เวลาถึง 18 ปี สิ้นสุดใน ค.ศ.1563 โดยมีบทสรุปดังนี้
- สันตะปาปาทรงเป็นประมุขของคริสต์ศาสนา
- การประกาศหลักธรรมทางศาสนาต้องให้ศาสนจักรเป็นผู้ประกาศแก่ศาสนิกชน
- คัมภีร์ไบเบิลยังต้องเป็นภาษาละติน
- ยกเลิกการขายใบยกโทษบาปและตำแหน่งทางศาสนา มีการกำหนดระเบียบวินัย มาตรฐานของการศึกษาของพระ และให้ใช้ภาษาพื้นเมืองในการสอนศาสนา
จัดการประชุมสังคายนาพระศาสนาที่เมืองเทรนต์
2. การจัดตั้งสมาคมเยซูอิทซ์ (The Jesuits) ที่เน้นการศึกษาวิทยาการใหม่เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและให้การศึกษาให้แก่บุตรหลานชาวคาทอลิก เพื่อจะได้ไม่เปลี่ยนไปเป็นโปรเตสแตนต์
อิกนาทิอุส โลโยลา (Ignatius Loyola)
3. ศาสนจักรได้ตั้งศาลศาสนาเพื่อลงโทษพวกนอกศาสนา โดยศาลศาสนาได้พิจารณาความผิดของพวกนอกศาสนาคาทอลิก และชาวคาทอลิกที่มีความคิดเห็นแตกต่างจาก ศาสนจักร ซึ่งมีการลงโทษโดยการเผาคนผิดทั้งเป็น
การต่อต้านการปฏิรูปศาสนาของคริสตจักรที่กรุงโรมกระทำได้ผล คือ นิกายโรมันคาทอลิกสามารถป้องกันไม่ให้ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกหันไปนับถือนิกาย โปรเตสแตนต์ เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดึงศาสนิกชนโปรเตสแตนต์ให้กลับมานับถือนิกายโรมันคาทอลิกได้
ผลของการปฏิรูปศาสนา
การปฏิรูปศาสนาได้ก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญต่อชาติต่างๆในยุโรป ได้แก่
1. คริสตจักรตะวันตกแตกแยกออกเป็น 2 นิกาย คือ
1.1 นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม มีสันตะปาปาเป็นประมุข
1.2 นิกายโปรเตสแตนต์ ซึ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ ในประเทศทางภาคเหนือของยุโรป ความเป็นเอกภาพทางศาสนาของยุโรปสิ้นสุดลง
2. เกิดกระแสชาตินิยมในประเทศต่างๆเช่น กรณีที่มาร์ติน ลูเทอร์ หนุนให้เจ้าผู้ครองรัฐต่างๆ ในเยอรมันต่อต้านจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่นับถือนิกายคาลวินในเนเธอร์แลนด์ส่วนที่เป็นเจ้าของสเปนต่อต้านกษัตริย์สเปนจะได้รับเอกราช
3. เกิดการแข่งขันระหว่างนิกายต่างๆการปรับปรุงสิ่งที่บกพร่องเพื่อเรียก ศรัทธาและก่อให้เกิดขันติธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้นับถือนิกายต่างกัน
4. สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป นิกายโปรเตสแตนต์ได้สนับสนุนการประกอบอาชีพด้านการค้าและอุตสาหกรรม ทำให้ระบบทุนนิยมในยุโรปเจริญเติบโต
5. ระบอบรัฐชาติแข็งแกร่งขึ้น การเกิดนิกายโปรเตสแตนต์ได้ส่งเสริมวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น เช่น การแปลคัมภีร์เป็นภาษาท้องถิ่น และยังส่งเสริมอำนาจของผู้ปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ในฐานะตัวแทนของพระเป็นเจ้าในการปกครองประเทศ จึงเท่ากับส่งเสริมระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์โดยปริยาย
6. ผลของการแตกแยกทางศาสนา ทำให้เกิดสงครามศาสนาขึ้นในยุโรปหลายครั้ง เช่น สงครามศาสนาในเยอรมนี สงครามศาสนาในประเทศฝรั่งเศส สงครามสามสิบปี การเกิดสงครามศาสนาทำให้สถาบันกษัตริย์มีอำนาจเหนือคริสตจักรในที่สุด เพราะสันตะปาปาต้องอาศัยอำนาจของกษัตริย์ที่นับถือคาทอลิกทำการต่อต้าน กษัตริย์ที่นับถือโปรเตสแตนต์
ผลงานอื่นๆ ของ obiviouss ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ obiviouss
ความคิดเห็น