สงครามป่วนเทพสะท้านปฐพี - นิยาย สงครามป่วนเทพสะท้านปฐพี : Dek-D.com - Writer
×

    สงครามป่วนเทพสะท้านปฐพี

    เมื่อจอมมารอสูรทมิฬฟื้นคืนชีพ เทพกับมนุษย์จึงร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับจอมมาร

    ผู้เข้าชมรวม

    234

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    234

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ย. 60 / 01:47 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ




    ในห้องบรรทม องค์ประมุขเทพอัสติอัลทรงยืนมองโอรสวัยสามเดือนนอนหลับใหลอยู่ในเปลด้วยความรักและหวงแหน เขาจะปกป้องลูกชายตัวน้อยนี้เท่าชีวิต


              “เจ้าจงพาลูกหนีไป ทางนี้เราจัดการเอง” อัสติอัลเอ่ยกับพระมเหสีของตนซึ่งยืนอยู่ข้างกาย พระมเหสีขยับกายเข้ามาใกล้สามี ยื่นพระหัตถ์ไปกุมพระหัตถ์คนรักไว้สายพระเนตรจับจ้องมองโอรสตัวน้อย


    “หากแม้ต้องตายก็จะตายด้วยกัน ข้าจะขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับท่าน” พระมเหสีมีอาเอ่ยกับผู้เป็นสามี ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไร้ความหวาดกลัวต่อเหล่าศัตรู


    อัสติอัลก้มหน้าจ้องมองใบหน้างามผุดผ่องของภรรยา ดวงเนตรสบประสานกันอย่างรู้ความนัย ความเจ็บปวดในฤทัยของผู้เป็นสามี ที่มิอาจปกป้องบ้านเมืองไว้ได้ ไหนจะความห่วงใยที่มีต่อลูกเมียก็ยิ่งมากมายนัก มิอาจปล่อยให้ทั้งสองเป็นอะไรไปได้  พระมเหสีมีอาเข้าใจผู้เป็นสามีดีและไม่อาจจะทิ้งสามีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวเช่นกัน


    “เจ้าต้องพาลูกหนีไปมีอา เจ้าต้องปกป้องลูก เลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ หากเป็นเช่นดั่งคำทำนายลูกชายเรา จะเป็นผู้เดียวที่สามารถปราบจอมมารให้ดับสิ้นไปชั่วกัปชั่วกัลป์” อัสติอัลเอ่ยกับพระมเหสีน้ำเสียงแผ่วเบาลง


    “หากเป็นเช่นนั้นจริง ลูกของเราจะอยู่รอดปลอดภัยจนเติบใหญ่ แล้วกลับมาจัดการกับจอมมารให้สิ้นซาก ข้าไม่ต้องห่วงลูกแล้ว  แต่ท่าน ข้าห่วงท่านยิ่งนักหากท่านตายไป ชีวิตข้าคงไร้ซึ่งความสุข ข้าจะอยู่อย่างไรหากไม่มีท่าน ข้าขอสู้จนตัวตายตามคนที่ข้ารัก”


    พระมเหสีมีอา น้ำเสียงสั่นคลอ น้ำตาเอ่อรื้นหลั่งริน นางก้มลงค่อยๆซ้อนเด็กทารกน้อยขึ้นมาโอบอุ้มกอดไว้แนบอก แล้วก้มลงจุมพิตหน้าผากโอรส


    “แม่รักเจ้านะไคลน์” นางเอ่ยกระซิบแผ่วเบาข้างหูโอรส


    “เจ้าต้องหนีไปกับลูก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด” อัสติอัลเอ่ยเสียงดัง ก่อนจะหันไปที่องครักษ์ซึ่งยืนอยู่หน้าประตู


    “กอลดันพาพระมเหสีกับองค์ชายหนีไป” อัสติอัลหันไปบอก แต่พระมเหสีมีอาไม่ทรงเห็นด้วย นางเดินมาหยุดที่หน้าองครักษ์


    “กอลดัน เจ้าจงพาลูกข้าหนีไป ปกป้ององค์ชายเฉกเช่นบุตรของท่าน พาองค์ชายไปให้ไกลจากนี้ ไปยังดินแดนแห่งมนุษย์ ซ่อนองค์ชายไว้จากพวกเทพพวกมารทั้งปวง และไม่ต้องบอกอะไรแก่องค์ชายทั้งนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เลี้ยงองค์ชายให้เป็นเช่นมนุษย์ นับตั้งแต่ต่อไปองค์ชายไคลน์คือบุตรของท่าน”


    น้ำเสียงหนักแน่นของพระมเหสีมีอา กล่าวกับทหารองครักษ์ น้ำตาเหือดแห้งไปหมดสิ้น นางยื่นบุตรชายที่อยู่ในอ้อมกอดให้องครักษ์


    กอลดัน ราซานโอบอุ้มรับองค์ชายน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ก้มลงมององค์ชายน้อยที่ยังหลับใหลด้วยความรัก


     พระมเหสีมีอา หันมาทางเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผมสีดำยาวสลวย ยืนสะอื้นให้น้ำตาคลอเบ้า จึงยื่นพระหัตถ์ไปจับไหล่เด็กน้อย ก้มพระพักตร์ลงมาจ้องมองและเอ่ยเสียงแผ่ว


    “ทาเรีย หยุดร้องไห้ได้แล้วต่อไปนี้เจ้าต้องเข้มแข็งนะ”


    ทาเรียลืมตามองคนพูด น้ำตายังท่วมหน่วยตาจนต้องกะพริบตาถี่เพื่อน้ำตาปัดออก แต่ไม่ได้ผลดีนัก เด็กน้อยจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นขยี้ตา เช็ดน้ำตาออกจนเหือดแห้ง ทว่าเสียงสะอื้นยังดังกึกๆอยู่ในลำคอ จ้องมองหน้าคนพูดจนเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นใคร


    “เจ้าต้องเข้มแข็งนะทาเรีย ข้าขอให้เจ้าปกป้ององค์ชาย ดูแลองค์ชายเปรียบเสมือนน้องชายเจ้า เจ้าทำได้ไหมทาเรีย” น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงเร้นความคาดหวัง ที่จะฝากฝังชีวิตบุตรของตนไว้กับเด็กหญิงผู้นี้


    ทาเรียผงกศีรษะเล็กน้อย น้ำตาเอ่อรื้นขึ้นมาอีกครั้ง


    พระมเหสีมีอาล้วงหยิบขวดแก้วใสขนาดเท่านิ้วมือออกมา ในนั่นบรรจุน้ำขุ่นข้นสีชมพู นางยื่นใส่มือทาเรีย


    “เก็บรักษาของสิ่งนี้ไว้ให้ดีและใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน เทน้ำลงพื้นเพียงแค่หยดเดียวนะทาเรีย จำไว้ใช้เมื่อจำเป็นเพียงหยดเดียว เจ้าจำได้ไหมฮึ”


    ทาเรียผงกศีรษะรับทราบ แล้วรีบเก็บขวดแก้วใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว


    เสียงระเบิดตูมตามดังสนั่นไหว สะเทือนมาจนถึงห้องบรรทม ผนังห้องปริแตกออก เกิดรอยร้าวหลายสิบจุด เสียงกู่ร้องก้องของสมุนจอมมารแว่วเข้ามาใกล้มากขึ้น ดาบปะทะดาบดังเปรี้ยง ๆ และตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนทั้งฝ่ายเทพและไพรทั่มดังปะปนกันมากับสายลม


    “ไป ไปได้แล้ว ก่อนจอมมารจะมาเจอองค์ชาย” พระมเหสีมีอาเอ่ยปากไล่องครักษ์และบุตรสาวของเขา


    ทว่ากอลดันไม่อยากทิ้งทั้งสองไว้ลำพัง เขาอยากจะอยู่ต่อสู้กับองค์ประมุขตายเคียงคู่กับพระองค์ แต่สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานี่ก็สำคัญยิ่งนัก


    กอลดันสองจิตสองใจ อยากอยู่สู้กับนาย อีกใจก็อยากปกป้ององค์ชายและบุตรสาวซึ่งนางเปรียบเช่นดังดวงใจของตน จะให้ลูกมาตายแบบนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน ลังเลที่จะหนีไปเพียงลำพังแล้วปล่อยให้ ทั้งสองพระองค์ต่อสู้กับเหล่ามารก็ยากจะทำใจนัก


    “นี่เป็นคำสั่ง” องค์ประมุขเทพอัสติอัลเอ่ยขึ้นเสียงดัง เมื่อเห็นท่าทีองครักษ์ไม่อยากหนี


    “พ่ะย่ะค่ะ ดูแลพระองค์ด้วย” กอลดันตอบเพียงแค่นั้น ค้อมศีรษะทำคามเคารพทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งจากไปยังเส้นทางลับ ซึ่งเขาชำนาญทางเป็นอย่างดี โดยมีองค์ชายน้อยอยู่ให้อ้อมแขนและบุตรสาววัยเจ็ดขวบวิ่งตามหลังมาติดๆ


     


    ประตูห้องบรรทมถูกกระแทกเปิดออก แผ่นไม้กระดานหลุดกระเด็นพุ่งตรงเข้าใส่คนในห้อง องค์ประมุขเทพอัสติอัลยกพระหัตถ์ขวากางฝ่ามือออก ไม้กระดานหยุดชะงักลอยคว้างกลางอากาศ ทรงกำพระหัตถ์ลงเป็นผลให้แผ่นไม้กระดานแตกละเอียดกลายเป็นผงธุลีเพียงชั่วพริบตา


    “ฮ่า ฮ่า เจ้ายังรับมือได้ ป่วยหนักอยู่มิใช่รึ งานนี้นึกว่าจะฆ่าเจ้าได้ง่ายๆท่าทาง ข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยสินะ”


    น้ำเสียงห้าวเย่อหยันดังกังวาน แลรู้ดีแก่ใจว่า องค์ประมุขเทพป่วยหนักเพียงใด ในเมื่อตนเป็นผู้ลอบวางยาพิษให้องค์เทพกิน


    ณ เวลานี้จึงไม่หวั่นเกรงคู่ต่อสู้ตรงหน้า มั่นใจนักว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะในศึกสงครามครั้งนี้เป็นแน่  


    จอมมารอสูรทมิฬเคลื่อนกายแผ่วเบาราวเหาะเหิน มายืนประจันหน้าองค์ประมุขเทพอัสติอัล ท่ายืนสำรวมมือสองข้างประสานแบนชิดบริเวณหน้าท้อง ดูผ่อนคลายไม่เกรงกลัวองค์ประมุขเทพเลยแม้แต่น้อย


    ซ้ำยังปล่อยพลังคุกคามรุนแรงร้ายกาจ อำมหิตแผ่ซ่านปกคลุมห้องจนเกิดละอองไอเย็นฟุ้งกระจายไปทั่วทุกมุมห้อง


    ก้อนน้ำแข็งสีแดงล่องลอยอยู่รอบตัวจอมมาร เปล่งแสงเจิดจ้ากว่าครั้งไหน ๆ นั่นคืออาวุธร้ายของมันซึ่งพร้อมจะทำหน้าที่จู่โจมใส่คู่ต่อสู้ได้ทุกเมื่อ


    องค์ประมุขเทพอัลติอัลดึงร่างพระมเหสีมาหลบด้านหลังตน ก่อนเอ่ยเสียงดังกังวานก้อง


    “เจ้ามันอำมหิตเดรัจฉาน เข่นฆ่าพี่น้องตนเอง วันนี้ข้าจักขอส่งเจ้าไปอยู่ในขุมนรกอเวจีชั่วกัปชั่วกัลป์โอฮัน”


    โอฮันหรือจอมมารอสูรทมิฬที่หลายคนรู้จักและแสนเกลียดชัง ครั้งอดีตกาลเขาผู้นี้คือเทพผู้สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์และเป็นน้องชายคนเดียวขององค์ประมุขเทพอัสติอัล


    เมื่อครั้งเป็นเด็กโอฮันเป็นเด็กขี้อาย ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่ชอบการสุงสิงหรือข้องเกี่ยวกับใคร เขาเฝ้ามองพี่ชายด้วยสายตาเคียดแค้นอิจฉาริษยาในความเก่งอาจและเป็นที่รักใคร่ของเหล่าเทพ


    ใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะของอัสติอัล ทำให้เขาอยากกระชากสิ่งเหล่านั้นออกมาจากตัวอัสติอัลให้หมดสิ้น คิดคำนึงอยู่เสมอ ว่าสิ่งเหล่านี้มันควรเป็นของเขา มันควรปรากฏแก่เขาคนเดียวเท่านั้น


    ทว่าในความอิจฉาพี่ชายนั่น กลับมีความรู้สึกชื่นชมใคร่อยากจะเป็นเช่นดังพี่ชาย ใคร่อยากเก่งกาจ อยากเป็นที่รักและได้รับการยกย่องจากเหล่าทวยเทพ


    โอฮันถูกด้านมืดเข้าครอบงำจิตใจ แรงริษยาเกาะกุมจิตวิญญาณจนเสียสิ้นความเป็นเทพ


    โอฮันหัวเราะเฮอะในลำคอหลายครั้งติดกัน


    “ทำให้ได้ดั่งวาจาที่ท่านเอ่ยมาเถอะแล้วข้าจะคอยดู” เอ่ยจบไม่รอช้าปล่อยก้อนน้ำแข็งแดงหลายพันก้อนพุ่งใส่องค์เทพทั้งสอง


    อัสติอัลกวาดมือวาดเป็นวงกลม สร้างเกราะกระจกแก้วใสรอบล้อมตนเองและพระมเหสี ก้อนน้ำแข็งพุ่งใส่กระจกแก้ว เกิดเสียงดังกัปนาทสั่นสะเทือนลั่น ก้อนน้ำแข็งกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ


    หลายก้อนพุ่งใส่ผนังห้อง จนเกิดการระเบิดเป็นผลให้ผนังมีรูโหว่ขนาดใหญ่ ควันไฟลอยฟุ้งกระจายเต็มห้องและส่งกลิ่นเหม็นไหม้อบอวล


    ก้อนน้ำแข็งบางส่วนที่เหลือ ลอยละลิ่วกลับไปหมุนรอบตัวจอมมารดังเดิม รอคอยการจู่โจมใส่ศัตรูอีกครั้งตามคำสั่งนาย


    “ไอ้สิ่งนั่นคงจะปกป้องพวกท่านได้ไม่นานนักหรอกนะ” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของจอมมารเอ่ยดังสะท้อนก้อง แสยะยิ้มมุมปาก มาดมั่นจะดับชีพองค์เทพให้ได้ในทันที


    แส้เส้นสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้าง เพียงชั่วพริบตาแส้พลันยาวเฟื้อย จอมมารตวัดแส้ซ้ายขวาฟาดใส่เกราะกระจกใส เหินลอยตัวเหนือพื้น ตวัดแส้ฟาดอีกสองสามที


    เกราะกำบังขององค์ประมุขเทพเริ่มแตกร้าว จอมมารตวัดแส้ดึงกลับมาแล้วกวาดฟาดแส้ใส่เกราะกระจกแก้วใสอีกรอบ เสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวเมื่อเกราะแก้วแตกละเอียด


    การต่อสู้ไร้ซึ่งเกราะป้องกันจึงบังเกิดขึ้น องค์ประมุขเพทผลักร่างพระมเหสีให้ถอยห่างออกไป ก่อนจะยกดาบกวาดแกว่งตวัดฟาดฟันแส้แดงอย่างดุเดือดเลือดพล่าน แรงปะทะระหว่างดาบกับแส้แดงส่งเสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าถล่มทลายลงมา


    อัสติอัลเหาะเหินกระโดดลอยตัวหลบหลีกแส้แดงที่ฟาดมาใส่ตนได้อย่างหวุดหวิด เฉียดผ่านพระพักตร์พระมเหสีไปเล็กน้อย ก่อนที่แส้แดงจะฟาดทำลายเก้าอี้ทองสลักเสลาลวดลายสวยงามแตกกระจุยกระจาย เศษทองปลิวละลิ่วกระเด็นไปทั่วสารทิศ


    แส้แดงถูกดึงกลับมาหาผู้ควบคุม เส้นแส้ทั้งสองลอยอยู่รอบตัวโอฮัน โดยที่เขายังยืนด้วยท่าทางสงบสำรวม ดวงตาแดงก่ำลุกโชติช่วงราวกับเปลวเพลิงดวงใหญ่ ก้อนน้ำแข็งสีแดงทอแสงสว่างเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ


    โอฮันปล่อยก้อนน้ำแข็งแดงพุ่งใส่พระมเหสีมีอาเพื่อเบนความสนใจองค์ประมุขเทพไปที่นาง แลจะได้หาจังหวะสังหารอัสติอัลได้ง่ายขึ้น ดาบในมือของพระมเหสีมีอาถูกยกขึ้นตั้งรับ


    กวาดดาบฟาดใส่ก้อนน้ำแข็งด้วยความคล่องแคล่วว่องไวสมกับเป็นนักรบหญิงผู้ต่อสู้เคียงคู่กับองค์ประมุขเทพ


    นางมิได้มีเสียหน้าหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย สองมือจับดาบมั่น สองเท้ามั่งคงเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ทว่าแฝงความเข้มแข็งอยู่ในที ก้อนน้ำแข็งหลายสิบก้อนถูกนางปัดป้องทำลายได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมีมากเกินก็ยากแก่การรับมือ


     ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเฉียดผ่านหัวไหล่ซ้ายพระมเหสีมีอาเกิดบาดแผลใหญ่ โลหิตไหลอาบทั่วทั้งแขน อีกก้อนพุ่งใส่ขาขวา จนเสียหักซวนเซเกือบล้มหงายหลัง โลหิตหลั่งรินดั่งสายธาร


    อัสติอัลส่งเสียงร้องเรียกชื่อมีอาดังลั่นก่อนจะซัดพลังฝ่ามือใส่โอฮันเป็นผลให้ร่างที่ยืนสำรวมถอยเซไปสองก้าว ก้อนแข็งแดงที่โจมตีพระมเหสีมีอาร่วงหล่นลงพื้นทันที


    อัสติอัลถลันกายมาหาพระมเหสีซึ่งนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง มืออีกข้างจับด้ามดาบปลายปักทิ่มลงพื้นเพื่อพยุงกายไม่ให้ล้มลงไป


    “บอกมาว่าลูกชายพวกท่านอยู่ไหน แล้วท่านทั้งสองจะปลอดภัย”


    ****




    ตัวละครหลัก




    ไคลน์ (เทพ)




    ทาเรีย (เทพ)





    ไฟย่า (มนุษย์)





    อาซากุระ นภดล ยูได (มนุษย์ผู้พลังวิเศษเฉกเช่นเทพ)

    อยู่ใน ปี ค.ศ. 2019 จะทะลุมิติมายังอดีตเพื่อช่วยเหลือเหล่าเทพปราบมาร




    อันดา (สายเลือดผสมระหว่างเทพกับมนุษย์)




    เฟรส (มนุษย์)




    แอนนา (สายเลือดผสมระหว่างเทพกับมนุษย์ พี่สาวอันดา)






    เรน (มนุษย์)




    องค์หญิงทอรีเนีย (เทพ)


     






    เจ้าชายฟาดาเฟีย (มนุษย์)


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น