SPECIAL PART
วันอาทิตย์
เช้าตรู่ ก่อนนาฬิกาปลุกราวหนึ่งชั่วโมง พลันได้ยินเสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้พิเศษสำหรับคนสำคัญ หัวหน้านักศึกษาชั้นปีที่สี่และประธานนำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติผู้เพิ่งเข้านอนตอนตีสาม รีบคว้ามือถือที่วางอยู่ข้างหมอนมากดรับสายอย่างไว
“แทมิน นายสบายดีนะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” คีย์รีบถามญาติผู้น้องอย่างร้อนรน ด้วยรู้สึกกังวลสั่งสมมาตั้งแต่แทมินวิ่งออกไปจากห้องเมื่อวาน และกว่าน้องหน้าหวานจะโทรมาบอกว่าปรับความเข้าใจกับมินโฮเรียบร้อยก็เกือบห้าทุ่ม แล้วหลังจากนั้นล่ะ แทมินหายไปไหน กำลังทำอะไรอยู่
เมื่อปลายสายเงียบไป คีย์ยิ่งร้อนใจ และในจังหวะจะอ้าปากซักไซ้ต่อ “…ไม่มีอะไรฮะ ผมสบายดี” แทมินตอบเสียงใสและหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี
เมื่อได้รู้ว่าน้องสบายดี คีย์โล่งใจประมาณหนึ่ง แต่ก็ติดใจอยู่เล็กๆ ว่าเหตุใดเช้านี้แทมินถึงร่าเริงผิดวิสัย ทันใดนั้น คีย์พึงตระหนักว่าตัวเองกำลังมองข้ามความจริงบางอย่างไป
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน” คีย์ถามเสียงเข้มแม้ว่าพอรู้คำตอบ และเป็นไปตามคาด คำถามของเขาทำให้แทมินเงียบไปอีกครั้ง คีย์พยายามเงี่ยหูฟังเสียงกระซิบกระซาบในโทรศัพท์ หากแต่ยังจับใจความไม่ได้
“แทมิน! พี่รู้นะว่านายอยู่ที่ไหน ถ้านายไม่ตอบพี่ดีๆ พี่จะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ!” เมื่อแทมินไม่ยอมตอบเสียที คีย์เริ่มเสียงดังใส่ เขาโกรธที่น้องกำลังจงใจปิดบัง และด้วยความโกรธนั้นผลักดันให้คีย์เตรียมจะถลันลงจากเตียงทันที
“จะไปไหน” คำถามที่ดังมาพร้อมกับการเอื้อมโอบเอวของคนข้างๆ ทำให้คีย์ไม่สามารถหนีไปไหน คีย์เม้มปากไม่พอใจ ก่อนหันกลับไปมองหน้าตางัวเงียของคนรักที่ยังไม่ตื่นดี แต่ยังมีแก่ใจส่งยิ้มมาให้โดยไม่ใส่ใจหน้าตาอันบึ้งตึงของเขา
“ไปหาแทมิน” คีย์ตอบเร็วๆ แล้วเริ่มขยับ ผลลัพธ์คือถูกคนรักใช้แขนเกี่ยวตัวเขากลับเข้ามากกกอดดั่งเก่า “พี่จินกิ ปล่อยผม!” คีย์รีบออกคำสั่ง พยายามจะลุกนั่งให้ได้ ทว่าดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด มิหนำซ้ำยังถูกจินกิฉวยหยิบโทรศัพท์จากมือ ถือสายคุยกับน้องชายต่อหน้าต่อตา
“ไง แทมิน นี่พี่เอง มีอะไรเหรอ” คีย์ฉุนจัดพลันตระหนักว่าคนรักไม่ได้เพิ่งตื่นอย่างที่ตนหลงคิด เขาพยายามยื้อแย่งมือถือคืนสุดฤทธิ์ หากแต่จินกิก็หลบไวจนน่าโมโห “ครับ เดี๋ยวพี่บอกคีย์ให้” และทันทีที่คุยจบ จินกิกดตัดสายแล้วหันมาส่งยิ้มหวานให้คีย์อย่างไม่กลัวตาย
คีย์กัดฟันกรอดก่อนโถมตัวเข้าช่วงชิงของของตนอีกครั้ง แต่ไม่วายถูกรวบแขนรวบขาด้วยอ้อมกอดแน่นขนัด ได้แต่เงยหน้ามามองค้อนคนรักเท่านั้น “พี่จินกิ ผมขอมือถือคืนนะครับ” เมื่อใช้กำลังไม่ได้ผล คีย์เริ่มขอร้องดีๆ
คำพูดเพราะๆ และรอยยิ้มหวานๆ ของคีย์ทำให้จินกิยิ้มจนตาตี่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนคบกันใหม่ๆ จินกิคงส่งมือถือคืนให้คีย์ไปแล้วละ แต่หลังจากคบกันมากว่าสามปี มุกอ้อนหลอกข้าวของนี้ ใช้ไม่ได้ผลกับจินกิอีกต่อไป “วันนี้รุ่นพี่มินโฮจะพาผมไปโบสถ์นะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” จินกิสบตาคีย์แล้วเลียนเสียงแทมินเสียเหมือนต้นฉบับ
คีย์ได้ยินแล้วโกรธเลือดขึ้นหน้า เริ่มดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมแขนคนรักสุดกำลัง ตั้งใจจะไปลากตัวแทมินที่อยู่ในเพนท์เฮาส์ฝั่งตรงข้ามกลับห้องแล้วค่อยจัดการกับจินกิทีหลัง จะอัดให้อ่วมเลย
“คีย์อยากไปจริงๆ เหรอ” คำถามของคนรักเรียกสติยั้งคิดของคีย์กลับคืนได้ชะงักนัก คีย์สบตาจินกิกลับแล้วรีบซบหน้าลงกับอกอุ่นเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้
คำตอบคือ ไม่ ใครจะอยากไปเห็นความสนิทสนมน่าหมั่นไส้นั้นกับตาเล่า เพียงแต่คีย์ทนไม่ได้ทุกครั้งที่คิดว่ามินโฮกำลังแตะต้องน้องชายคนสำคัญที่เขาเฝ้าประคบประหงม คีย์ไม่เคยมีปัญหากับมินโฮเป็นการส่วนตัว มีโกรธบ้างแต่ไม่ถึงขั้นเกลียด และมินโฮก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่ารักน้องเขา เรื่องเล่าของแทมินทำให้คีย์อึ้งและซาบซึ้งกับการกระทำของเพื่อนอยู่หลายวินาทีเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกหวงแหนมากมายยังคงมีอยู่ โดยที่คีย์ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ความรู้สึกต่อต้านอันรุนแรงและก้าวร้าวของตัวเองจะเลือนหาย
“ช่วงนี้ คีย์กินเยอะขึ้นรึเปล่านะ” อีกครั้ง คำพูดของจินกิทำให้คีย์ลืมทุกความขุ่นข้องหมองใจ เปลี่ยนมาเป็นกังวลเรื่องน้ำหนักตัวแทน
“ทำไมครับ ผมตัวหนักขึ้นเหรอ” คีย์เงยหน้าขึ้นสบตาคนรักถามกลับอย่างร้อนใจ เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมา มีทั้งงานของชั้นปีและของมหาวิทยาลัยให้ทำจนล้นมือ คีย์จึงไม่มีเวลาว่างมาหมกมุ่นอยู่กับตัวเลขบนตราชั่งเหมือนแต่ก่อน
“ล้อเล่นน่ะครับ” จินกิยิ้มกริ่มแล้วจับพลิกตัวคนรักให้หงายนอนกับเตียงเร็วๆ เพื่อสลับตำแหน่ง “พี่แค่คิดว่าอยู่แบบนี้ดีกว่าเยอะเลย” คีย์รับฟังแล้วหน้าแดงก่ำ “แต่พี่หนักขึ้นนะ คีย์อึดอัดหรือเปล่า” จินกิโน้มลงกระซิบกระซาบเหนือริมฝีปากหยักได้รูป
คีย์ยิ้มแล้วตอบตามตรง “อึดอัดครับ” ไอร้อนจากกายคนรักที่กำลังลามเลียไปทั่วร่างทำให้คีย์เริ่มรู้สึกอึดอัด น้ำหนักที่กดลงมาทาบทับแนบสนิท จงใจเบียดความแข็งขืนแนบชิดเร้าหัวใจคนใต้ร่างเสียสั่นไหว “และพี่ต้องรับผิดชอบ” คีย์เอ่ยด้วยรอยยิ้มยั่วยวนก่อนเหนี่ยวท้ายทอยคนรักชวนให้โน้มลงจุมพิต เร่งให้จินกิรีบรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองจงใจเริ่มไว้
การร่วมรักในตอนเช้าทำให้คีย์หลงอยู่ในโลกสีชมพูได้ระยะหนึ่ง จวบจนจินกิขับรถเลี้ยวเข้ามาในอาณาเขตของโบสถ์ และคีย์เหลือบเห็นรถยนต์คันขาวของเพื่อนร่วมชั้นปีที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ออร่าแห่งความสุขพลันถูกแทนที่ด้วยรังสีอำมหิตจนคนข้างๆ อย่างจินกิยังนึกหวั่น ทันทีที่ล้อหยุดหมุน คีย์เปิดประตูลงจากรถรีบออกเดินไปข้างหน้า ดื้อดึงเกินกว่าจะฟังเสียงร้องห้ามของคนข้างหลัง ก้าวเข้ามาในโบสถ์ได้ คีย์ถึงชะลอฝีเท้าพร้อมกับหันมองหาน้องชาย และสามารถพบได้โดยง่าย เพราะน้องผมทองเลือกนั่งบนม้านั่งตัวเก่าตัวที่เขาพาน้องเข้ามานั่งเป็นประจำ
แต่เมื่อเหลือบเห็นเพื่อนร่างสูงนั่งอยู่เคียงข้าง คีย์กลับยืนนิ่งอยู่กลางทาง ไม่สามารถขยับไปไหน มินโฮนั่งติดทางเดินตรงกลางโดยมีแทมินนั่งถัดเข้าไปด้านใน ทั้งสองเว้นระยะจากกันเพียงให้พอยื่นมือถึงและไม่ได้แสดงความรักต่อกันจนโจ่งแจ้งอย่างที่คีย์คิดไว้ แทมินนั่งก้มหน้าอมยิ้ม แก้มใสระเรื่อสีเลือดฝาด ขณะมินโฮมองตรงไปยังกางเขนเหนือแท่นทำพิธีด้วยท่าทีสุขุม เมื่อมองไม่เห็นความผิดใดที่สมควรถูกติติง คีย์เริ่มก้าวถอยหลังช้าๆ แม้กำลังคิดถึงน้องใจแทบขาด จิตใจคีย์ไม่หยาบกระด้างพอเดินเข้าไปทำลายบรรยากาศสุขสงบและสวยงามตรงหน้า
แต่ด้วยไม่ทันระวังหลัง “ขอโทษครับ” คีย์ถอยชนเข้ากับใครคนหนึ่ง “พี่จินกิ!” เมื่อหันมาเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของคนรัก คีย์ก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างสำนึกผิด เพิ่งคิดได้ว่าเผลอทิ้งพี่เขาไว้ข้างหลังด้วยอารมณ์หุนหันชั่ววูบ
“ไปนั่งตรงนี้กับพี่ดีกว่า” คีย์ตกใจ เมื่อจู่ๆ ถูกจินกิคว้ามือพาเดินไปยังม้านั่งแถวใกล้ๆ ประตูทางออก
“พี่จินกิ พี่ลืมไปแล้วหรือไงว่าที่นี่ที่ไหน!” ทันทีที่นั่งลงได้ คีย์รีบกระซิบเตือนคนรักแล้วขยับออกห่าง ในฐานะคาทอลิกที่เคร่งครัดคนหนึ่ง อย่างน้อยในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คีย์จะไม่กระทำสิ่งใดที่ขัดต่อหลักคำสอนของพระเจ้า ซึ่งคีย์เหมารวมถึงรักต้องห้ามระหว่างเขากับจินกิด้วย
แต่แทนที่อาจารย์หนุ่มผู้อ่อนน้อมจะยอมทำตาม จินกิกลับขยับเข้ามานั่งใกล้คีย์เสียติดชิด มือจับมือแนบสนิท กลัวสายตาดุๆ ของคนรักที่อายุน้อยกว่าซะที่ไหน “คีย์เลิกทำหน้าเศร้าได้เมื่อไหร่ พี่จะปล่อยมือทันทีเลย” จินกิเอ่ยด้วยรอยยิ้มใจดี
คีย์ฟังข้อเสนอแล้วเบือนหน้าหนีผู้พี่อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนหันกลับมาฉีกยิ้มส่งให้แสร้งว่ากำลังมีความสุขเสียเต็มประดา จินกิเห็นความพยายามของคนรักแล้วหัวเราะครึ้ม ค่อยๆ สอดมือประสานมือนุ่มกอบกุมไว้เหนือหน้าขา คีย์ชำเลืองมองเร็วๆ แล้วรีบเสมองอีกทาง พยายามทำใจให้สงบไม่ไหวเอนไปกับสายตาออดอ้อนที่จินกิกำลังใช้มองมา
“หลังจากนี้ คีย์มีงานต้องทำไหม” คำถามของคนรักทำให้คีย์ยิ่งเขินหนัก เป็นอันรู้กันตั้งแต่เริ่มคบกันมาว่าตลอดสัปดาห์อันยุ่งเยิงในมหาวิทยาลัย หัวหน้านักศึกษาอย่างคีย์คงมีเวลาว่างมาจู๋จี๋กับคนรักแค่ในวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น
“ขึ้นอยู่กับว่า...พี่ต้องการจะทำอะไร” คีย์มองตรงไปข้างหน้าแล้วถามกลับด้วยรอยยิ้มเป็นต่อ
ได้ยินเช่นนั้น จินกิแย้มยิ้มได้ใจ ก่อนหันไปกระซิบตอบศิษย์แสนสวยใกล้ๆ “โรงฝึก” คีย์รีบหันมาสบตาอดีตนักกีฬายิงธนูมือหนึ่งของประเทศอย่างไม่เชื่อหู “คืนนี้ไปค้างบ้านพี่นะ” คีย์หน้าร้อนเห่อกับคำเชื้อเชิญนั้น ชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนพยักหน้าตอบตกลงช้าๆ ไม่สามารถปฏิเสธจินกิได้
สำหรับคีย์และจินกิ ทุกวินาทีที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นแสนวิเศษ และด้วยการเตรียมการอย่างดีของท่านชายตระกูลอี ทำให้การหวนกลับไปทบทวนความทรงจำอันเร่าร้อนในวันวานกลายเป็นวันพักผ่อนอันเยี่ยมยอด จินกิไม่ยอมปล่อยให้คีย์ได้มีเวลาหวนนึกถึงใครอื่นให้รู้สึกขมขื่น ทุกห้วงเวลาที่รู้สึกตัวตื่นคงมีแต่ความชื่นมื่นหฤหรรษ์ จวบจนยามเช้าของวันใหม่มาเยือน รถตู้คันใหญ่ขับเคลื่อนมาจอดนิ่งอยู่ตรงประตูทางเข้าหอนักศึกษา จุมพิตอ้อยอิ่งก่อนบอกลายังยืดเยื้อยาวนาน กว่าสองร่างจะแยกห่างกันได้ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาที
“เจอกันที่ชมรมนะครับ” ก่อนประตูรถจะเลื่อนปิด คีย์เอ่ยกับอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมด้วยรอยยิ้ม
คีย์ยืนโบกมือให้จินกิกระทั่งรถตู้สีดำเลี้ยวออกจากประตูรั้ว แล้วถึงหันหลังเดินกลับเข้าตัวอาคาร ก้าวขึ้นบันไดอย่างกระฉับกระเฉง ระหว่างทาง คีย์แย้มยิ้มตอบรับคำทักทายของเพื่อนร่วมชั้นปีที่เดินสวนมาอย่างอารมณ์ดี นำพามาซึ่งความประหลาดใจถ้วนหน้า อึ้งไปจนเกือบตกบันไดก็มี แต่แล้วฉับพลันพลังงานในแง่บวกกลับกลายเป็นติดลบคูณสิบ ทันทีที่คีย์เดินขึ้นมาถึงชั้นสี่แล้วเหลือบเห็นรุ่นน้องปีสามชมรมหมากกระดานที่คีย์รู้จักเป็นอย่างดี กำลังเปิดประตูเดินเข้าห้องที่สมควรเป็นของนักบาสเกตบอลชื่อดัง
“เฉิน นายเข้าไปในห้องมินโฮทำไมน่ะ” คีย์รีบปรี่เข้าไปถาม ก่อนเฉินจะรีบปิดประตูหนี ครั้นชะเง้อหน้าเข้าไปมองในห้อง คีย์จับได้ทันทีว่าที่นี่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “มินโฮอยู่ไหน!?!”
เฉินที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้มสบตาคีย์แล้วหยักยิ้มแหย “คือ...เรื่องมันมีอยู่ว่า...” และเมื่อได้ฟังคำตอบที่ตนต้องการ คีย์รีบลงบันไดและสาวเท้าเร็วๆ ตรงไปยังห้องพักเก่าของรุ่นน้องปีสามบนชั้นสองด้วยความเดือดดาล
ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง!...เสียงทุบประตูอย่างใส่อารมณ์ของผู้มาเยือน เตือนให้เจ้าของห้องทั้งสองเตรียมเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
มินโฮผู้เป็นคนต้นคิดหันไปลูบศีรษะแทมินที่กำลังกลัวจนหัวหดเพื่อปลอบโยน ก่อนเดินตรงไปเปิดประตู เตรียมรอรับอุกกาบาตที่กำลังพุ่งเข้าชนโลก
“มินโฮ!ใครอนุญาตให้นายเปลี่ยนห้องพักตามใจชอบ!?!” ทันทีที่ประตูแง้มเปิด คีย์ยื่นมือออกไปดันประตูให้เปิดออกกว้างแล้วเริ่มยิงคำถามใส่เพื่อนร่วมชั้นปีที่ฉวยโอกาสตอนตนไม่อยู่ ตกลงเปลี่ยนห้องกับรูมเมทของน้องชาย
“เราแจ้งให้อาจารย์ผู้คุมหอทราบแล้ว และท่านก็อนุญาต ไม่มีปัญหาอะไร” มินโฮเอ่ยกับหัวหน้าชั้นปีเสียงเรียบ ถ้าว่ากันจริงๆ การสลับห้องระหว่างชั้นปีถือว่าผิดกฎของหอพัก แต่เพราะมินโฮใช้เส้นสายนิดหน่อยถึงได้รับอนุญาตโดยง่าย
เมื่อได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่คัดค้านได้ คีย์โมโหจนหน้าแดงก่ำ เขาไม่ใช่อธิการบดีนี่ถึงจะสามารถบีบให้อาจารย์ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง “แทมิน!” เมื่อเอาเรื่องตัวใหญ่ไม่ได้ คีย์หันไปจัดการกับเด็กในความปกครองของตน “ทำไมนายไม่ปรึกษาพี่ก่อน” คีย์ต้องเข้มงวดเพราะผู้เป็นน้าเคยฝากฝั่งให้เขาดูแลลูกชายของเธอให้ดี ในฐานะผู้ปกครอง การตกเป็นข่าวฉาวกับคนดังของมหาวิทยาลัยอย่างมินโฮมีแต่จะนำความเสื่อมเสียมาให้ คีย์ไม่เห็นข้อดีจากการคบหากันอย่างเปิดเผยระหว่างผู้ชายสองคน และการย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ไปในทางบัดสี ที่โจ่งแจ้งและน่าเกลียดจนเกินไป
“แทมินไม่เคยเห็นด้วยกับความคิดนี้เลย น้องห้ามเราแล้วแต่เราไม่ฟัง” มินโฮรีบก้าวเข้ามายืนขวางสายตาเชือดเฉือนของหัวหน้าชั้นปี ก่อนที่แทมินจะรู้สึกผิดกับความผิดที่ตัวเองไม่ก่อไปมากกว่านี้ “แทมินไม่เกี่ยว ถ้านายจะโกรธก็โกรธเราคนเดียวพอ” คีย์ได้ยินแล้วกลอกตาอย่างหมั่นไส้ เขาจะไม่ยอมยืนเฉยๆ ให้มินโฮทำตัวเป็นพระเอก แล้วยัดเยียดบทผู้ร้ายมาให้
“ได้ เราจะยอมรับ หากนายยอมรับปากอะไรเราอย่าง” คีย์เอ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนลง
“อะไร” มินโฮมองหน้าคีย์อย่างตรึกตรองแล้วถามกลับ โดยมีแทมินที่ยืนเกาะชายเสื้ออยู่ข้างหลังค่อยๆ ชะโงกหน้ามาแอบมองญาติผู้พี่อย่างสงสัย
“นายต้องรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องอย่างว่าในห้องนี้เด็ดขาด” ข้อเสนอของคีย์ทำให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันต้องหันมาสบตากันอย่างลังเล...
...ติดตามต่อในเล่มนะคะ...