คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ✚ BE MY BABY :: TWENTY
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG-15
Be my Baby*
‘0.20’
“อืม...ผมรู้แล้วน่าพี่อย่าเป็นห่วงเลย
ผมกับคยองซูก็สบายดีเหมือนเดิมนั่นแหละซูจอง ว่าแต่พี่เถอะสบายดีใช่ไหม
คยองซูบ่นถึงพี่อยู่นะช่วงก่อนนี้ เพราะว่าพี่ไม่มาเยี่ยมเขาเลย”
ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เครื่องหรูที่ยกขึ้นแนบหูในขณะที่มืออีกข้างก็ยังเซ็นต์ชื่อลงไปในเอกสาร
ซูจองโทรมาหาผมและนั่นทำให้ผมตัดสินใจทิ้งงานในมือไว้ก่อนแล้วพูดคุยกับหล่อนอย่างตั้งใจ
ซูจองไม่ได้มาเยี่ยมเราหลายเดือนแล้ว และนั่นแหละที่ทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆเธอก็โทรมาหา
แต่นั่นก็อาจจะเพราะว่าเธอคิดถึงตามประสาพี่น้อง หรือไม่ก็มีธุระอะไรซักอย่างที่ผมควรจะต้องรู้เร่งด่วนจริงๆ
“คริสมาสต์เหรอ? อ่า...ใช่สิ พรุ่งนี้คริสมาสต์แล้วนี่นา
ก็คงจะพาคยองซูไปกินข้าวเหมือนเดิมนั่นแหละ
หรือไม่ก็พาไปดูหนัง อะไรก็ได้ที่เขาอยากไป ทำไมล่ะ...อยากมาฉลองกับเราหรือไง?”
ผมถามซูจองไปในขณะที่เอนหลังลงกับเก้าอี้นุ่มในห้องทำงานของตัวเอง
ก็แค่ถามเป็นพิธีไปอย่างนั้นแหละ เพราะซูจองคงไม่มาปาร์ตี้กับเราจริงๆหรอก
แต่ก็ยังหวังอยู่นะว่าปีนี้ซูจองจะไม่เปลี่ยนใจมาขัดขวางความสุขของผมกับคยองซู
เพราะถ้ามาจริงๆผมก็อดจัดหนักกับคยองซูน่ะสิ!!
“อ้อ...งั้นก็ดีแล้วล่ะ ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่าถึงโทรมา?
อ๊ะ! เดี๋ยวนะ ผมมีสายสำคัญ เดี๋ยวไว้ผมโทรกลับนะซูจอง อืม...หวัดดี”
ผมถามซูจองเกี่ยวกับธุระของเธอ หากแต่ยังไม่ทันได้ความก็ต้องขอวางสายไปเสียก่อน
เพราะสายโทรศัพท์ที่ซ้อนเข้ามานั้นเป็นสายสำคัญอย่างที่บอกไปจริงๆ
จะไม่สำคัญได้ยังไงล่ะครับ...ก็เมียเด็กผมเองนี่นา
“ว่าไงครับตัวเล็ก”
ผมกรอกเสียงหวานลงไปในโทรศัพท์
รู้สึกอารมณ์ดีที่คยองซูโทรมาหาผมตอนเที่ยงตรงเป๊ะพอดิบพอดี
‘คุยกับใครอยู่ครับจงอิน...นอกใจคยองเหรอ?’
“บ้าน่า...กล่าวหากันอีกแล้ว ฉันคุยกับซูจองอยู่ต่างหาก พี่เขาฝากบอกว่าคิดถึงนายด้วยนะ”
‘โอ้ดีจัง คยองเองก็คิดถึงพี่ซูจองเหมือนกันนะเนี่ย...
ว่าแต่พี่ซูจองมีอะไรเหรอครับถึงโทรมา?’
“คงไม่มีอะไรหรอก ก็แค่โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบน่ะ
ว่าแต่นี่กินข้าวหรือยัง...เพิ่งเลิกเรียนใช่ไหม?”
ผมถามคยองซูกลับไปในขณะที่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย
ก่อนที่คำตอบของคยองซูนั้นแหละที่ทำให้ผมต้องรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาในทันที
‘เลิกเรียนแล้วล่ะ...แต่คยองจะโทรมาบอกว่าวันนี้เลิกครึ่งวันนะครับ
พอดีที่โรงเรียนมีกิจกรรมนิดหน่อยคยองเลยได้เรียนแค่ครึ่งวัน
จงอินสะดวกมารับคยองไหม? ถ้าไม่ได้คยองจะรออยู่ที่นี่จนถึงเย็นแล้วกัน
หรือจะให้คยองไปรอที่บ้านก็ได้นะ’
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะไปรับนายที่โรงเรียน รอก่อนนะอย่าเพิ่งไปไหน
อย่าเพิ่งกินข้าวด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปเดท”
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วยกยิ้มออกมา ความจริงแผนในตอนแรกของผมคือให้จงแดไปรับคยองซูในตอนเย็น
เพราะว่าผมติดประชุมสำคัญและมีงานกินเลี้ยงฉลองวันคริสมาสต์ที่สำนักงานใหญ่
แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าผมใช้เวลาทั้งบ่ายนี้อยู่กับเขา
พาเขาไปส่งที่บ้านแล้วหลังจากนั้นค่อยไปประชุมก็คงจะดี
‘เอ๋...แล้วจงอินไม่ต้องทำงานเหรอ?’
เสียงของคยองซูถามมาจากปลายสายอย่างประหลาดใจ
แต่ในน้ำเสียงนั้นก็เจือแววดีอกดีใจอยู่ในนั้นด้วย
ผมยกยิ้มออกมาก่อนจะหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้ขึ้นมาสวม
ก่อนที่จะหยิบเอากุญแจรถยนต์ กระเป๋าเงินและเอกสารสองสามแผ่นที่ต้องเตรียมตัวเข้าประชุมในตอนเย็นนี้มาถือไว้
มันไม่ได้ยากอะไร แต่ผมเพียงแค่ต้องการจะเช็คอะไรอีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ทำสิ แต่เพราะว่าตอนเย็นนี้ฉันจะไม่อยู่
ฉันเลยจะชดเชยเวลาที่เราจะเสียไปในเย็นนี้ด้วยการพานายไปกินอะไรอร่อยๆกันยังไงล่ะ
รออยู่ตรงนั้นนะ...เดี๋ยวฉันจะไปรับ”
ผมกดตัดสายไปเมื่อพูดจบ โดยไม่ลืมส่งจูบผ่านสายโทรศัพท์ไปด้วย
ได้ยินคยองซูหัวเราะเสียงใสผ่านกลับมาก่อนที่จะวางแล้วก็ต้องยกยิ้มร่า
รีบเดินออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมบอกแทยอนก่อนล่วงหน้าด้วยว่าบ่ายนี้จะไม่เข้าออฟฟิศ
และจะให้เธอไปรอพบผมที่สำนักงานใหญ่เลย
หลังจากที่พูดคุยนัดแนะกับแทยอนเสร็จสรรพผมจึงรีบเดินทางออกจากออฟฟิศ
และลืมคำสัญญาที่บอกว่าจะโทรกลับหาซูจองไปเสียสนิทใจ...
********
“อื้ม...ถึงบ้านแล้วล่ะ ขอบคุณมากๆนะครับ จงอินรีบไปประชุมเถอะ”
คยองซูพูดออกมาพร้อมทั้งยกยิ้มส่งให้ผมเมื่อเรามาถึงประตูหน้าบ้านกันแล้ว
ผมพาคยองซูไปกินข้าวที่ร้านประจำของผมและเพื่อนๆและพาเขาไปเดินช๊อปปิ้งซื้อของกัน
เรามีช่วงเวลาที่ดีต่อกันตลอดทั้งบ่าย และผมก็รู้สึกมีความสุขและเพิ่งมาตื่นตัวว่าพรุ่งนี้มันคือวันคริสมาสต์จริงๆ
ก็เมื่อเราเห็นบรรยากาศคึกคักในห้างสรรพสินค้าและตามที่ต่างๆที่ประดับไฟและต้นคริสมาสต์กันอย่างสดใส
ผมและคยองซูตัดสินใจซื้อต้นคริสมาสต์ประดับต้นเล็กๆมาด้วยเพื่อรับเทศกาล
และตัดสินใจจะมาประดับมันด้วยกันในวันพรุ่งนี้...
ผมอยากจะซื้อของขวัญให้กับคยองซู แต่กลับไม่มีโอกาสเพราะวันนี้เราเดินกุมมือกันเกือบจะตลอดเวลาที่เดินด้วยกัน
และนั่นทำให้ผมไม่มีทางเลี่ยงออกมาซื้อของขวัญให้เขาได้เลยซักนิด
แต่นั่นอาจจะไม่ใช่อุปสรรคหรอก ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ผมอาจจะมีเวลาแว๊บออกมาซื้อให้เขาได้บ้างแหละน่า
“อืม...ทำไมถึงไล่กันจัง”
ผมถามในขณะที่วางถึงข้าวของที่เราซื้อมาไว้บนพื้นหน้าประตูบ้าน
ก่อนที่ผมจะทำแอ๊คติ้งแสร้งเรียกร้องความสนใจจากน้องเขาด้วยการตีหน้าเศร้า
อันความจริงถ้าเลือกได้ผมก็คงไม่ไปหรอกงานเลี้ยงคริสมาสต์บ้าบอกับบริษัท
แต่มันติดที่ว่ามีประชุมครั้งสำคัญก่อนด้วยเนี่ยสิ...ผมเลยเลี่ยงไม่ได้
“งื้อ...คยองเปล่าไล่ซักหน่อยนะ แต่คยองกลัวจงอินจะไปสายต่างหาก
คยองว่ารีบไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า...เมื่อกี้เห็นพี่แทยอนโทรมา
เพราะงั้นจงอินอย่าดื้อนะ...รีบๆไปทำงานได้แล้วนะครับ”
คนตัวเล็กไม่ได้พูดเปล่าหากแต่ยังยกมือขึ้นจัดปกเสื้อสูทและเนคไทของผมให้เข้าที่เข้าทาง
ดวงตาแป๋วแหววนั้นมองตรวจตราและสำรวจเครื่องแต่งกายของผมไปทั่วและมันช่างดูน่ารักเสียจริงๆ
ผมยกยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน...
แอบรู้สึกดีใจที่เมื่อตอนนั้นคิดได้ว่าควรจะทำตามหัวใจตัวเองบอกนะ
เพราะไม่อย่างนั้นตอนนี้เราอาจจะไม่ได้ยืนยิ้มให้กันอยู่อย่างนี้แน่ๆ
“อืม...งั้นฉันไปก็ได้
แต่ก่อนไป ขอแรงใจให้ฉันหน่อยสิ”
ผมพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาเขา จนใบหน้าเราอยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่
ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้อย่างแน่ใจว่าน้องเขาต้องรับรู้ได้แน่ว่าผมต้องการอะไร
คยองซูกรอกตาขึ้นไปข้างบนแล้วยกยิ้มอย่างที่จะบอกกับผมว่า ‘เชื่อเขาเลยให้ตายเหอะ’ อะไรประมาณนั้น
แต่แน่นอนว่าผมไม่สนใจมันหรอก...ผมอยากจะได้กำลังใจจากเขานี่นา
“เมื่อก่อนไม่เห็นต้องขอแรงใจยังไปทำงานได้เลย”
คยองซูเบ้ปากออกมาแล้วตีผมที่ต้นแขนเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงใส
ผมเถียงกลับเขาไปอย่างไม่ลดละ
“ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน...
ตอนนั้นยังไม่มีแฟนฉันเลยไม่เป็นไร
แต่ตอนนี้มีแฟนแล้ว มีเมีย...ถือว่ามีลูกด้วย
เพราะตอนนี้ฉันจะเป็นง่อย ไม่เห็นจะแปลก
โอย...ทำงานแล้วเหนื่อยจังน้า อยากจะเติมพลังซักหน่อย
อ่า...แต่แฟนไม่ยอมให้ แล้วฉันจะไปหาจากใครดีล่ะเนี่ย”
ผมแสร้งทำเป็นลอยหน้าลอยแต่แล้วพูดกระซิบกับตัวเอง
คยองซูเบะปากใส่ผมอย่างหมั่นไส้เสียเต็มประดา
หากแต่เขาก็ยังคว้าแขนของผมเอาไว้ แล้วเขย่งตัวขึ้นมาจูบที่แก้มของผมเบาๆอย่างน่ารักน่าชัง
“อื้ม...นี่ไงให้แล้วๆ
ตั้งใจทำงานนะครับ สุดที่รักของคยอง”
คยองซูจูบเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มให้ผมจนตาปิด...
อา...ใครสั่งใครสอนให้มาทำหน้าตาน่ารักแบบนี้กันนะ
และบังเอิญผมเป็นพวกไม่รู้จักพอซะด้วย...เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องจะห้ามใจไม่ให้เอาเปรียบน้องเขาน่ะเหรอ
ฝันไปน่ะสิ...หุหุ
“ไม่พออ่ะ...อยากได้อีก” ผมกระซิบในขณะที่คว้าเอวเขาเข้ามากอด
“นั่นไง...ว่าแล้วเชียว”
คยองซูหัวเราะก่อนจะกรอกตาไปมา ในขณะที่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้
เขาไม่ได้ว่าอะไรอีก หากแต่ยกมือขึ้นมาคล้องไว้ที่ท้ายทอยของผมอย่างช้าๆ
“ให้จูบเดียวนะครับ...ไม่งั้นจะสาย”
น้องเขากระซิบเสียงหวาน ผมพยักหน้าและยิ้มรับอย่างพอใจ
“อ่าฮะ ฉันขอจูบก่อน...แต่กี่ครั้งนี่ไม่รับปากนะ”
ผมกระซิบก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบ...ตรงหน้าบ้านอย่างนี้นี่แหละ
คยองซูยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นตีที่บ่าผมเบาๆทีหนึ่งที่เล่นไม่เป็นเวลา
หากแต่สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมารอรับจูบที่ผมมอบให้ หลับตาพริ้มแล้วปล่อยให้ผมได้ขบเม้มริมฝีปากของเขาเบาๆอย่างสนุกปาก
ความรู้สึกเหนียวเหนอะนะสัมผัสติดที่ริมฝีปากนั้นทำให้ผมรู้ว่าคยองซูทาลิปกลอส
แต่กลิ่นที่หอมหวานของมันนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าแทบจะบ้าตาย
กับลิปกรอสกลิ่นองุ่น...ที่ทำให้จูบเราหวานจนแทบจะละลายได้เลย
ผมส่งลิ้นเข้าไปในปากและคยองซูก็ตวัดมันตอบกลับแผ่วเบา
สัมผัสที่ปลายลิ้นนั้นทำให้ผมรู้สึกเป็นสุข คยองซูกอดผมแน่นขึ้นอีกเมื่อปลายลิ้นของผมตวัดไปทั่วทั้งโพรงปาก
จนกระทั่งลมหายใจกำลังจะหมดจากปอดนั่นแหละผมถึงยอมปล่อยเขาออกไปได้
“อื้ม...กำลังใจเต็มเปี่ยมเลย”
ผมบอกกับคยองซูที่หายใจหอบเล็กน้อยอยู่ในอ้อมแขนของผม
ใบหน้านั้นแดงระเรื่อโดยเฉพาะที่ริมฝีปากนั้นแหละที่ยิ่งเป็นสีแดงปลั่งไปกันใหญ่
ผมยกมือขึ้นขยี้ริมฝีปากบวมเจ่อสีแดงสดนั้นเบาๆอีกครั้ง
ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตให้สัมผัสแผ่วเบาอีกหนแล้วผละออก
คยองซูส่งยิ้มให้ผมในขณะที่ผละตัวออกมา...
“ไปทำงานได้แล้วครับ...ไม่ต้องห่วงคยองนะ คยองอยู่ได้”
“จะไม่ร้องไห้คิดถึงพี่จงอินใช่ไหมหืม?” ผมถามเขาพลางยกยิ้มเยาะๆส่งไปให้
“ไม่หรอกน่า...คยองไม่ใช่เด็กแล้วนะจงอิน”
“อืม...งั้นฉันไปก่อนนะ อยู่บ้านดีๆนะตัวเล็ก
แล้วฉันจะรีบกลับมาช่วยแต่งต้นคริสมาสต์”
ผมบอกเขาก่อนจะเดินถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ
โบกมือส่งให้เขาก่อนจะยกยิ้มกว้างเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย
หากแต่เพิ่งมารู้สึกว่าไม่อยากจะไปเลยซักนิด
ก็ตอนได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาบอกกับผมก่อนจะเข้าไปในบ้านนี่แหละให้ตาย...
“เรื่องแต่งต้นคริสมาสต์น่ะไม่สำคัญหรอกครับ
.
.
.
แต่ถ้ารีบกลับ คยองสัญญาว่าจะให้รางวัลชุดใหญ่เลย”
**********
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี...และผมยอมรับว่าตอนที่ประชุมน่ะตื่นเต้นพอสมควร
เพราะการประชุมครั้งนี้มีประธานยูและผู้ถือหุ้นของบริษัทเข้าร่วมด้วย
กับผู้ถือหุ้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่ทำให้ผมอึดอัดก็คือท่านประธานยูนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ควรจะทำพลาด
ในเมื่อเขาเป็นคนช่วยเหลือผม ผมก็ควรจะทำผลงานให้ดีเพื่อรักษาเครดิตของเขาไม่ใช่หรือ...
แต่ในเมื่อการประชุมผ่านไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ผมเลยเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าเบื่อและอึดอัดสุดๆ
เพราะแต่ไหนแต่ไรที่เริ่มทำงานมาผมก็ไม่ค่อยได้ร่วมสังคม
หรือสังสรรค์กับพวกผู้ถือหุ้นใหญ่ของเราหรือแม้กระทั่งฝ่ายบริหารที่ทำงานด้วยกันบ่อยๆ
พวกเขารู้ดีว่าผมเป็นคนติดลูก(คยองซู)แจ เลยไม่ค่อยมีโอกาสเท่าไหร่นักที่ผมจะได้มาพบปะพูดคุยกับพวกเขาแบบนี้
แต่ใช่ว่าผมจะไม่มีวาทศิลป์ในการเข้าสังคมหรอกนะ
ผมรู้ว่าผมทำมันได้ดี แต่ที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครก็เพราะว่าติดเมียมากไปหน่อย...
ผมปล่อยให้แทยอนได้ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่จบมาจากโรงเรียนเลขานุการรุ่นเดียวกับเธอ
แล้วตัดสินใจเดินออกมายืนอยู่คนเดียวที่บาร์น้ำด้านหลังสุดของห้องจัดเลี้ยง
ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่กล้าจะไปไหนนอกจากตรงนี้
งานเลี้ยงยังดำเนินไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง แต่ผมกลับรู้สึกว่าคิดถึงคยองซูใจจะขาด
หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออก รอไม่นานเท่าไหร่คยองซูก็รับสาย
ตอนนั้นแหละที่รู้สึกว่าโลกสีเทาที่เผชิญอยู่กลับกลายเป็นสีชมพูไปในพริบตา
อา...ผมล่ะรักเขาจัง คยองซูอ่า
“งานเลิกแล้วเหรอครับจงอิน?” เขากรอกเสียงถามอย่างประหลาดใจที่ผมโทรไป
“ยังเลย ไม่ถึงไหนเลย...
แต่งานเลี้ยงนี่น่าเบื่อสุดๆเลย ฉันคิดถึงนายใจจะขาด”
ผมบ่นพลางดึงเอาหมวกคริสมาสต์ที่สวมอยู่ออกจากศรีษะแล้วขว้างลงไปกับบาร์ที่ยืนอิงอยู่
ก่อนจะพูดคุยกับคยองซูต่อไปอย่างไม่สนใจว่าบรรยากาศในงานจะครึกครื้นแค่ไหน
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่เหรอ? กินข้าวเย็นหรือยัง?”
“กำลังทำอยู่เลยครับ วันนี้จงอินไม่อยู่คยองเลยทำอะไรง่ายๆกินเอง
เห็นของเหลือๆในตู้เย็นก็เลยเอามาทำข้าวผัดทูน่า แต่กลิ่นหอมใช้ได้เลยนะ”
คยองซูพูดตอบและนั่นทำให้ผมเพิ่งสังเกตว่าเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากหูโทรศัพท์คือเสียงคยองซูกำลังผัดข้าวผัดดังฉ่า
แค่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าอร่อย ยิ่งได้คิดว่าเป็นรสมือของคยองซูด้วยแล้วล่ะก็
มันทำให้เขาอยากจะทิ้งพวกอาหารหรูๆในห้องจัดเลี้ยงนี้แล้วหนีกลับบ้านไปกินข้าวผัดของคยองซูซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเชียว...
“อ่า...ขอโทษนะ แทนที่คืนนี้เราจะได้อยู่แล้วกินข้าวด้วยกัน”
ผมขอโทษเขาเสียงแผ่ว..รอยยิ้มเจื่อนไปเล็กน้อยเพราะว่ารู้สึกเสียดายที่ต้องมาอยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นบ้าน
“เฮ้...ไม่เอาสิ วันนี้จงอินก็พาคยองไปกินข้าวมาแล้วไง
แถมอีกอย่างคืนนี้ก็เป็นคืนธรรมดาที่จะกลายเป็นวันคริสมาสต์ในวันพรุ่งนี้ก็เท่านั้นเอง
ถ้าสมมติว่าเป็นพรุ่งนี้ที่จงอินไม่ว่างสิคยองจะงอนซะให้เข็ด...
แต่ถ้าเป็นวันนี้ก็หายห่วงน่า อดทนเข้าหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“อืม...แล้วฉันจะรีบกลับเลย
เพราะงั้น อย่าลืมรางวัลชุดใหญ่ของฉันนะ”
บอกไปด้วยน้ำเสียงขี้เล่นหากแต่จริงจังในสิ่งที่พูด
คยองซูหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ แต่ก็แกล้งทำเป็นว่าไม่ชอบใจที่ผมพูดอย่างนั้น
“นี่โทรมาหวังแต่เรื่องอย่างนี้สินะพี่บ้า!”
“เอ้า...ก็มาพูดให้ความหวังอ้ะ ฉันหวังแล้วผิดตรงไหนกัน?”
“ไม่รู้ไม่ชี้ล่ะ...อ๊ะ! เดี๋ยวคยองขอวางก่อนนะครับจงอิน
เซฮุนโทรมาเป็นสายซ้อนน่ะ น่าจะเรื่องรายงานกลุ่มวิชาสังคม
ยังไงก็รีบๆกลับมาน้า แล้วคยองจะรอ”
“อื้ม...รอฉันก่อนนะตัวเล็ก แล้วพี่จะรีบกลับครับ รักนะ บาย...”
ผมกล่าวลากับเขาเมื่อคยองซูมีสายโทรศัพท์ซ้อนเข้ามา
ถอนหายใจในขณะที่วางสาย เพราะยิ้มได้ไม่นานก็กลับมารู้สึกเบื่ออีกแล้ว
แต่หัวใจห่อเหี่ยวได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับกลายเป็นสะดุ้งสุดตัวแทน
เมื่อใครบางคนเรียกเขามาจากทางด้านหลังโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว...
“สายสำคัญอีกแล้วสินะครับคุณจงอิน”
“ค..ครับ โอ้...ขอโทษครับท่านประธาน! ผมไม่ทันเห็นว่าท่านอยู่ตรงนี้”
ผมรีบขอโทษขอโพยท่านประธานยูเสียยกใหญ่ที่เขามานั่งอยู่ด้านหลังนี้แท้ๆแต่ผมกลับไม่เห็นเขา
รู้สึกเหงื่อตกเพราะจำได้ว่าพูดว่างานเลี้ยงนี้น่าเบื่อไปเสียด้วยสิ
แต่เขาเองก็จำไม่ได้แล้วแฮะ ว่าพูดถึงมันในแง่ดีหรือร้าย พูดนินทาไปเยอะหรือเปล่า
“ขอโทษอะไรกัน ผมต่างหากที่เพิ่งเดินมาตรงนี้
พอดีว่าไวน์ของผมมันพร่องไปเยอะ
แถมพวกคุณชเวก็เอาแต่จะชวนพูดเรื่องราคาหุ้น น่าปวดหัวออกนะว่าไหม
เฮ้...นี่มันปาร์ตี้คริสมาสต์นะ ทำไมผมต้องมาทนฟังเรื่องเครียดๆด้วยจริงไหมล่ะ
และผมเห็นด้วยกับคุณนะ...งานเลี้ยงนี่มันน่าเบื่อสุดๆไปเลย”
ประธานยูพูดกับผมพลางขยิบตาส่งมาให้อย่างขี้เล่น
แต่หัวใจผมดิ่งวูบไปแล้วล่ะเมื่อรู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนาของผมเข้าไปเต็มๆ
“ผม -- ไม่ได้ตั้งใจครับท่าน แต่มันก็ เอ้อ...น่าเบื่อจริงๆนี่นา”
ผมยักไหล่ตอบเขาไป ก่อนที่ท่านประธานจะหัวเราะออกมายกใหญ่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น
ผมยิ้มตอบไปเพราะรู้สึกโล่งอกขึ้นหน่อยที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มีท่าทีในแง่ลบกับผมเกี่ยวกับความเห็นเรื่องนี้
“อา...ตลกจัง ผมชอบคุณนะคุณจงอิน
เรามาดื่มกันซักแก้วดีไหม ผมว่าอยู่กับคุณคงดีกว่าไปคุยกับพวกเพื่อนๆหุ้นส่วนทางโน้น
คุณเป็นคนตลกดีนะ แล้วก็ตรงไปตรงมาดี ผมชอบ
เอาสิ...ดื่มกับผมซักแก้วนึงนะ ไวน์ซักแก้วก็แล้วกัน พอให้พูดกันสนุก”
ประธานยูพูดกับผมแล้วหันไปสั่งไวน์แดงเกรดธรรมดาอย่างชาดอนเนมาดื่ม
และนั่นทำให้ผมแปลกใจเพราะคิดว่าเขาน่าจะชอบดื่มอะไรที่แพงกว่านั้น
แต่นั่นมันก็หมายความว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็เป็นคนง่ายๆและสบายๆเหมือนบุคลิคที่แสดงออกกับผมหรือเปล่า
เพราะปกติแล้วชาดอนเนเป็นไวน์ที่มักจะดื่มบนโต๊ะอาหารในมื้อเย็น
ให้ความรู้สึกสบายเป็นกันเองและไม่มีพิธีรีตองที่จะต้องดื่มมันมากนัก...
“ขอบคุณครับท่าน ผมเองก็ไม่ได้คิดว่างานนี้แย่อะไรหรอกนะครับ
แต่ที่ทำให้คิดว่าน่าเบื่อก็อาจจะเพราะว่ามีอย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่าการมาอยู่ที่นี่”
“นั่นสินะ...บางทีผมก็คิดเหมือนกับคุณนั่นล่ะ
แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นธรรมเนียม บริษัทก็จัดงานกันอย่างนี้ทุกปีล่ะ
และผมว่าถ้ามองอีกมุมนึง มันก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกถ้าจะจัดให้พนักงานได้มาดื่มสังสรรค์กันแบบฟรีๆบ้าง
แต่แน่นอนว่าใจผมเองตอนนี้อยากจะกลับบ้านเต็มทน คิดถึงลูกสาวเอามากๆเลยล่ะ
ผมยังหาชุดซานต้าไปแต่งเซอร์ไพรส์ลูกสาวผมในวันพรุ่งนี้ไม่ได้เลยด้วยสิ
อ่า...แย่ล่ะ ผมคิดว่าคงต้องให้เลขาของผมช่วยเช่าให้ทันก่อนเย็นพรุ่งนี้ซะแล้ว”
เขาพูดและยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ แต่ท่าทางตอนยกดื่มไวน์นั้นก็ดูเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
ผมพยักหน้าไปสองสามครั้งก่อนจะพูดปลอบใจเขาไปอย่างที่ใจคิด
“อย่าคิดมากไปเลยครับท่าน ทุกอย่างน่าจะทันการถ้าเราวางแผนไว้ดีๆ
ว่ากันตามจริงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ซื้อของขวัญคริสมาสต์ให้คนสำคัญของผมเลย
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย จะไปหาซื้อพรุ่งนี้ก็คงยากที่จะเอาไปเซอร์ไพรส์ล่ะมั้ง”
ผมพูดและยักไหล่ด้วยเช่นกัน...ยกไวน์ขึ้นจิบครั้งหนึ่งหากแต่ก็ทำให้พร่องไปได้มากโข
ผมไม่ใช่คนดื่มจัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบดื่ม
นี่ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าตอนนั้นไม่ได้รับเลี้ยงคยองซูตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ...
เผลอๆก็อาจจะยังทำตัวสำมะเลเทเมาไม่เป็นท่าเหมือนตอนนั้นอยู่ก็ได้
“คนสำคัญที่ว่านั่นใช่ไหมครับคือบางอย่างที่คุณบอกว่าน่าสนใจกว่าการมาอยู่ที่นี่”
ประธานยูพูดหยอกก่อนจะยื่นแก้วมาชนกับผม
ด้วยความที่เขาอายุมากพอสมควรแล้ว และท่าทางเป็นมิตรและอบอุ่นที่เขามีต่อผมเหมือนกับมองลูกหลานของตัวเอง
ก็ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกเกร็งมากเท่าเมื่อครู่อีกแล้ว
กลับรู้สึกดีกว่าด้วยซ้ำที่เขายังคงใจดีกับผมแม้ว่าผมจะทำตัวไร้มารยาทไปมากโข
และทำให้ผมรู้สึกโอเคที่จะพูดคุยแบบเปิดเผยกับเขามากขึ้นด้วย
“อ่า...ก็ใช่ครับ วันนี้อากาศมันหนาวๆ ชอบกลอยู่
ถ้าได้กลับไปนอนกอดใครซักคนที่บ้านให้อุ่นๆก็คงจะดี
หิมะแรกไม่รู้จะมาเมื่อไหร่...แต่ก็คงจะดีนะถ้าได้เห็นมันกับเขา”
ผมพูดแล้วยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อได้คิดถึงคนตัวเล็กที่รออยู่ที่บ้าน
ลืมไปเลยว่าท่านประธานยูนั่งอยู่ข้างๆนี้...จนกระทั่งเขากระแอมออกมานั่นแหละ
เลยทำให้ผมเรียกตัวเองให้กลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริงได้อีกครั้ง
“เอ้อ...ขอโทษครับ สติสตังผมไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่หรอกช่วงนี้”
“อ่า...ผมเองก็เคยเป็นนะ ช่วงที่แต่งงานกับภรรยาใหม่ๆก็งี้ล่ะ
พาลอยากจะกลับบ้านตลอดเวลาเลย -- อย่างที่คุณก็รู้
จนสุดท้ายเราก็มีลูกด้วยกันสามคน
ถ้าใครจะไม่อยู่กับร่องกับรอยล่ะก็นะ ผมว่าช่วงนั้นผมคงเป็นหนัก ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ประธานยูหัวเราะออกมาอย่างชอบใจในขณะที่ผมทำได้แค่ยิ้มและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เขาชักชวนให้ผมชนแก้วกับเขาและดื่มรวดเดียวหมด
ผมไม่ได้อิดออดที่จะทำตามที่เขาร้องขอ
จนกระทั่งแก้วไวน์ของเราทั้งสองคนว่างเปล่า เขาจึงหันกลับมาพูดกับผมอย่างอารมณ์ดี
“เอาล่ะ...ในเมื่อไวน์ของเราหมดแล้ว ผมก็ว่าคุณน่าจะรีบกลับบ้านได้แล้วนะ”
เขาพูดกับผมแล้วยกยิ้มบางๆราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูลูกหลาน
หากแต่นั่นแหละที่ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู
เขาบอกให้ผมกลับบ้านงั้นเหรอ?
“เอ๋? ได้หรือครับท่าน ผมคิดว่างานตอนนี้ยังไปไม่ถึงครึ่งทางเลยซะอีก”
“เฮ้...เดี๋ยวลำดับต่อไปก็เป็นการแสดงของพนักงานบริษัท
คุณไม่ได้แสดงด้วยแล้วคุณจะอยู่ไปทำไมล่ะ มันน่าเบื่อจะตายไป
คุณไม่ต้องกลัวว่าใครจะต่อว่าคุณหรอก...
เพราะถ้าใครจะมีสิทธิต่อว่าคุณได้ก็น่าจะเป็นผมไม่ใช่หรือไง
แต่ผมคิดว่าตอนนั้นกับตอนนี้คุณก็คงจะเลือกถูกเหมือนเดิมนะ
มองไปข้างหน้า...แต่อย่าทิ้งคนข้างหลัง ผมชอบมันนะที่คุณบอกกับผมตอนนั้น”
ท่านประธานเดินมาตบบ่าของผมเบาๆแล้วกำมันอย่างแรงทีหนึ่งราวกับจะนวดไหล่
ผมเบิกตาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์นี้ก่อนจะเอ่ยออกไป
“แต่...” ลากเสียงอย่างไม่แน่ใจนัก
“เอาเถอะน่า รายการสุดท้ายก็เป็นจับรางวัลหางตั๋วเอาหม้อหุงข้าว
ตู้เย็น แอร์ ทีวีพลาสม่ารุ่นใหม่ล่าสุด...
แต่ผมว่า...อย่างคุณน่ะมีปัญญาซื้ออะไรพวกนี้ได้เองอยู่แล้วนี่จริงไหม
และถ้าเป็นผมนะ...ผมจะรีบกลับบ้านทันทีเลยล่ะ
.
.
.
เพราะผมมั่นใจว่ากลับไปแล้วรางวัลที่จะได้นั้นคุ้มกว่า”
เขาพูดพลางขยิบตากับผมแล้วเดินจากไป....
*********
ผมรีบขับรถบึ่งกลับมาถึงบ้านในเวลาไม่นานเท่าไหร่นัก
เพิ่งเข้าใจว่าที่อากาศมันหนาวขนาดนี้เพราะว่าในตอนนี้หิมะเริ่มโปรยตัวลงมาอย่างช้าๆ
หิมะแรกกำลังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย...
ยกยิ้มเมื่อขับรถเข้าไปจอดในตัวบ้าน
หยิบเอาช่อดอกไม้ที่บังเอิญโชคดีไปขอให้เขาช่วยจัดช่อให้เป็นคิวสุดท้ายของร้าน
ถือเอาไว้ในมือแล้วยกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้านตั้งแต่ผมขับรถเข้ามาแล้ว
“ทำไมกลับมาเร็วจังเลยครับจงอิน”
คนตัวเล็กถามผมก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นปัดเศษหิมะที่ร่วงติดเสื้อของผมให้หลุดออกไป
ผมยกยิ้มเมื่อเห็นว่าจมูกของเขาแดงเรื่อเพราะอากาศหนาว
และสิ่งที่คลุมตัวเขาก็เป็นแค่ผ้าห่มผืนบางๆก็เท่านั้น...
“ก็รีบกลับมาหาคยองซูไงล่ะ...
ฉันซื้อดอกไม้มาฝากด้วยนะ นายชอบมันไหม?”
“อื้ม...คยองชอบดอกลิลลี่ ขอบคุณนะจงอิน”
คยองซูรับช่อดอกไม้ช่อเล็กไปจากมือผมแล้วเขย่งตัวขึ้นมาจูบที่แก้มเบาๆ
ริมฝีปากเย็นเฉียบนั้นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้เพิ่งมายืนตรงนี้อย่างแน่นอน
“ทำไมตัวเย็นจัง นี่ออกมารอข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่คยองเห็นหิมะตก คยองก็ออกมานั่งดูเลย
มานั่งรอจงอินด้วย ก็คยองอยากให้คนแรกที่เห็นหิมะแรกของปีนี้กับคยองเป็นจงอินนี่นา”
“อืม ฉันก็เหมือนกัน
ฉันก็เลยรีบกลับมาเลยนี่ไง...ฉันอยู่นี่แล้วเห็นมั้ยล่ะที่รัก
และนายเห็นมันใช่ไหม? นี่คือหิมะแรกของเรานะ”
“อื้ม...คยองเห็นมันแล้วครับ
สวยจังเลย...มันสวยมาก”
“มันสวยเพราะว่านายมองมันกับฉันไงล่ะคยองซูอ่า”
ผมพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงจูบกับเขา
กอดคยองซูไว้แน่นเพื่อที่จะทำให้คลายหนาว
มอบจูบดื่มด่ำให้เพื่อตอบแทนและขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอนาน
อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มขึ้นมาเมื่อเราสองคนกอดกันเอาไว้
และจูบที่เชื่องช้าและอิ่มเอิบนั้นกลับกลายเป็นจูบเร่าร้อนที่ผมบอกแทนอารมณ์ปรารถนา
“อือ...ตรงนี้มันหน้าบ้านนะจงอินอ่า”
คยองซูร้องออกมาเมื่อเขาผละหน้าออก
ช่อดอกไม้นั้นยังอยู่ในมือเขา ที่ตอนนี้ยกขึ้นโอบรอบคอผมไว้แนบแน่น
“ตื่นเต้นดีออก...ให้หิมะแรกช่วยเป็นพยานไง
แถมอีกอย่างคือเมื่อกี้ฉันพลาดจอทีวีพลาสม่า 52 นิ้ว
เพื่อมาเอารางวัลจากนายโดยเฉพาะนะคยองซูอ่า เพราะงั้นฉันจะไม่รออีกแล้วล่ะ
ฉันอยากได้รางวัลของฉัน...”
“โธ่...จริงเหรอ?
ทำไมจงอินไม่รอเอามันมาก่อนล่ะ คยองอยากได้ทีวีนะ”
คยองซูยกมือขึ้นตีที่บ่าผมเบาๆเมื่อได้ยินเหตุผลที่ผมแก้ตัวกับเขา
ผมหัวเราะออกมาแล้วกัดริมฝีปาก เอ่ยกระซิบเหตุผลที่เข้าท่าสุดๆในความคิดออกไปอย่างแผ่วเบาแต่ตรงประเด็นว่า...
“แต่พี่อยากได้คยองซู”
“อ่า...เหตุผลก็โอเคนะ งั้นยอมก็ได้”
คยองซูหัวเราะคิกคักแล้วยิ้มจนตาปิด
เลื่อนหน้าเข้ามาหาผมแล้วเราสองคนก็จูบกันอีกหนอย่างเชื่องช้า
ตอนนี้เครื่องผมติดแล้ว...
ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มนิดๆ และผมถือว่ามันเป็นช่วงเวลาดีที่เราจะเมคเลิฟกัน
ผมอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนแล้วดันเขาไปติดกำแพงกว้างแล้วเริ่มต้นเล้าโลมอย่างช้าๆ
รู้สึกตื่นเต้นเพราะนี่อาจจะเป็นเซ็กส์นอกสถานที่ครั้งแรกของเราที่นอกเหนือไปจากเตียงกว้างๆในห้องนอนของเราทั้งคู่
ผมว่าที่ตรงนี้มันเวิร์คเอามากๆที่จะใช้เมคเลิฟ...
เพราะถึงแม้จะเป็นประตูหน้าบ้านแต่ตัวบ้านของเราทั้งสองก็ลับตาคนมากพอ
และเพื่อนบ้านก็ช่างเป็นใจที่พากันไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดกันหมด
เราอาจจะเปลี่ยนที่ไปเป็นโต๊ะกลางสวน หรือไม่ก็ชิงช้าไม้ก็ได้ถ้าเราต้องการ
“อา...จงอิน”
ไม่ได้แค่คิดในใจเท่านั้นแต่จงอินกลับค่อยๆเล้าโลมคยองซูอย่างช้าๆ
รสจูบหนักหน่วงนั้นทำให้คยองซูมึนเมาไปหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังต้องการเช่นกัน...
ทั้งสองคนต่างก็พากันสนใจในการกระทำของอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจ
โดยไม่ได้รู้เลยว่าประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านนั้นถูกเปิดออกอีกหนโดยฝีมือของใครบางคนที่พวกเขาไม่ทันสังเกตุ...
และแม้แต่เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาก็แผ่วเบาจนพวกเขาไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ
“คิมจงอิน!!!!!”
เสียงหนึ่งตวาดขึ้นมาและทำให้ผมกับคยองซูต้องสะดุ้ง!
เสียงที่คุ้นหูเหลือเกินและทำให้หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ...
ผมรีบผละจากคยองซูไปมองคนที่ตะโกนเรียกชื่อแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นเขามายืนอยู่ตรงนี้...
...พ่อของคยองซู....
“ป่ะป๊า!!”
คยองซูร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคุณโดยืนอยู่ตรงนั้น
ผิดกับผมที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเป็นรูปปั้นเมื่อเห็นว่าเขาหายใจฮึดฮัดอย่างโกรธเคือง
ผมมั่นใจว่าถ้าเขามีปืนอยู่ในมือเขาคงจะหยิบมันมายิงผมไปแล้ว
ผมกลืนน้ำลายลงไปในคออึกใหญ่...เมื่อเขาก้าวฉับๆเข้ามา
ทิ้งกล่องเค้กใบใหญ่ที่ถือมาลงกับพื้น แล้วคว้าแขนคยองซูที่เบิกตากว้างอย่างตกอกตกใจไปจากผม
แล้วเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยโทสะที่เต็มเปี่ยม...
“คุณ -- กำลังทำอะไรกับลูกชายของผม?!!”
.
.
.
โอ พระเจ้า...ช่วยบอกผมทีว่าผมควรจะทำยังไง?
✚ TALK
กลับมาอัพแล้ว พร้อมข่าวดี(เหรอ?)
ถ้าอยากรู้ก็คลิกอ่านตอนต่อไปสิคะ...
แล้วเจอกันตอนหน้านะ ชุ๊บ ชุ๊บ >3
- ไรเตอร์นมน. -
ความคิดเห็น