คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ✚ BE MY BABY :: FIVE
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG - 15
Be my Baby*
‘0.05’
“จงอินนนนนนน ตื่นได้แล้วววว เดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทันนะ”
เสียงใสของคยองซูดังขึ้นอย่างร่าเริงในขณะที่ผมต้องหลับตาปี๋
เพราะแสงสว่างที่ส่องมาจากหน้าต่างบานใหญ่ที่คยองซูเพิ่งเดินไปเปิดม่านเมื่อครู่นั้นทำให้ผมต้องร้องออกมาโอดโอย
“อา...ขอนอนต่อไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องรีบปลุกด้วย”
ผมโอดครวญในขณะที่ยกหมอนมาปิดหน้า แต่คยองซูไม่เห็นด้วยกับผม
เขารีบเดินมาดึงผ้าห่มและหมอนออกไปจากผมแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ได้ครับจงอิน...วันนี้มีประชุมแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?
คุณบอสซูโฮจะบ่นเอานะถ้าจงอินไปสายอีก”
เขาพูดไปเรื่อยๆในขณะที่ก็พับผ้าห่มให้ผมแล้ววางไว้ตรงปลายเตียง
ผมได้แต่ทำหน้าเหยเกแต่ก็บ่นอะไรออกมาไม่ได้อีก
จึงปล่อยให้น้องเขาเดินมาดึงแขนให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอาหมอนมาตีผมเสียทีหนึ่ง
โอย...นี่ขนาดว่าผ่านมาสี่ปีแล้วนะ โดนปลุกอย่างนี้ทุกวันก็ยังไม่ชินซักที...
ใช่ครับ...อ่านไม่ผิดหรอก ผมขอย้ำว่าจากวันนั้นจนถึงตอนนี้มันผ่านมาสี่ปีแล้ว
เรื่องของเรื่องคือคุณโด(พ่อของคยองซูน่ะ) เขาหนีคดีไปอเมริกาแล้วบังเอิญพบรักกับผู้หญิงคนใหม่ที่นั่น
เขาก็เลยแต่งงานและอยู่กินกันฉันสามีภรรยาที่โน่นไปเลย
ตอนแรกคุณโดก็พยายามจะให้คยองซูย้ายไปอยู่ที่โน่นอยู่หรอก แต่คยองซูก็ไม่ยอมท่าเดียว
คยองซูบอกว่าอยู่ที่เกาหลีสบายใจมากกว่า เพราะติดเพื่อนและโรงเรียนที่นี่ไม่อยากไปอเมริกา
ไอ้ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก เพราะคุณโดแกฝากฝังไอ้เด็กดื้อนี้ไว้ตั้งเป็นปีสองปี
ถ้าคยองซูจะขออยู่ต่อไปผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ
เพราะว่าผมกับคยองซูก็อยู่ด้วยกันจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว...
อยู่จนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน...
“จงอิน!! ถ้าไม่ตื่นตอนนี้คยองจะไม่ให้จงอินกินข้าวเช้าแล้วนะ!!”
เสียงคยองซูตะโกนมาปลุกให้ผมที่นั่งสัปหงกคอตกอยู่ต้องตื่นขึ้นมา
ได้ยินคำขาดของน้องมันแล้วก็ทำให้ผมต้องถอนหายใจแล้วลุกจากเตียงอย่างช่วยไม่ได้
นับวันก็เริ่มไม่แน่ใจว่านี่ผมหรือคยองซูที่เด็กกว่า...
“รู้แล้วน่า...จะไปอาบน้ำแล้ว” ผมกระซิบตอบเขาไปเสียงแผ่วก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวทีหนึ่งแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผมมองคยองซูที่กอดอกและพยักหน้าอย่างพึงพอใจอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้
เลยยกมือขึ้นไปเขกกะโหลกไอ้เด็กน่าหมั่นไส้ตรงหน้านั้นทีหนึ่งแล้วเผ่นเข้าห้องน้ำไปแล้วปิดประตูดังปัง!
“ย๊า!!! มาเขกหัวคยองทำไม มันเจ็บนะ!
วันนี้ไม่ทำข้าวเช้าแล้ว! งอน!!!”
เสียงไอ้เด็กนั่นตะโกนเข้ามาในห้องน้ำ...ทำเอาผมตาเหลือก
บ้าชิบ...ไม่ได้นะ ผมต้องกินข้าวเช้านะ วันนี้มีประชุม!
“เฮ้ยคยองซู! อย่าทำงี้ดิ...ไม่เอาน่าอย่างอนดิ ฉันขอโทษ”
“ไม่สน!!”
ผมเปิดประตูออกไปแล้วง้อน้องเขา
แต่ก็เห็นว่าน้องเขาตะโกนกลับมาแถมยังเดินกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปแล้วปิดประตูใส่หน้าผม
ปัง!!!!
โอเค...มาเต็ม อารมณ์ล้วนๆ
ไม่น่าไปแกล้งเด็กมันเลย...ดูเอาเถอะ
.
.
สงสัยว่าวันนี้ผมคงต้องพึ่งแซนวิชหน้าบริษัทแล้วล่ะ T T
************
จนแล้วจนรอดผมก็ได้กินข้าวเช้าจนได้...
ตอนแรกก็ใจเสียอยู่หรอกเพราะไม่เห็นน้องมันทำข้าวเช้าให้เหมือนทุกที
แต่มารู้เอาทีหลังว่าคยองซูแอบไปทำแซนวิชใส่กล่องเอาไว้ให้ผมมากินในรถ
เพราะเขาเห็นว่าวันนี้ผมตื่นสายขืนกินข้าวเช้าคงไม่ทันแน่
“อ่ะ...นี่น้ำครับ”
คยองซูส่งขวดน้ำดื่มให้ผมหลังจากที่ผมจัดการกินแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าไปในปาก
ผมยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองที่ดีด้วยการขับรถไปรับไปส่งคยองซูที่โรงเรียนทุกวันไม่ได้ขาด
นี่ขนาดว่าขึ้นม.สองแล้วนะ...ผมยังต้องขับรถไปรับไปส่งอยู่เลย
แต่ถ้าจะให้ขึ้นรถเมล์กลับเองก็เป็นห่วง หน้าตาคยองซูยิ่งเหรอหราหลอกง่ายๆอยู่ด้วย
ผมเลยไม่ค่อยจะอยากไว้ใจให้ขึ้นรถไปไหนมาไหนคนเดียวเท่าไหร่
สุดท้ายเลยต้องมาขับรถไปส่งน้องเขาที่โรงเรียนทุกวันอย่างนี้... (แล้วจะบ่นทำไม?)
“อืม...ขอบใจมาก”
ผมบอกออกมาในขณะที่หยิบน้ำนั้นมาดื่ม
เรากำลังติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกหนึ่งที่การจราจรติดขัดพอสมควร
และนั่นทำให้ผมรู้สึกโชคดีที่คยองซูตัดสินใจไม่ทำกับข้าวเช้าให้ผมนั่งกินที่บ้าน
ตอนนี้ใกล้จะถึงโรงเรียนของคยองซูแล้ว...
และโชคดีที่ทางไปโรงเรียนของคยองซูและผมอยู่ทางเดียวกัน ผมเลยไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดกับเวลามากเท่าไหร่
“เอ่อ...จงอิน
วันนี้จงอินไม่ต้องมารับคยองน้า”
เด็กน้อยหันมามองผมแล้วพูดเสียงออดอ้อน
จะขออะไรอีกล่ะคราวนี้...
“ทำไม? จะไปไหน?” ผมถามเขา
“วันนี้คยองมีนัดทำรายงานที่บ้านจื่อเทาครับ...รายงานส่งพรุ่งนี้เลยต้องนัดกันไปทำ
จื่อเทาสัญญาว่าจะให้คนมาส่งคยองที่บ้าน เพราะงั้น...จงอินให้คยองไปน้า”
คยองซูพูดเสียงอ้อนแต่นั่นก็ทำให้ผมต้องยกหางคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ช่วงนี้คยองซูชอบไปไหนมาไหนกับไอ้เด็กจื่อเทานั่นบ่อยๆ เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทกันในโรงเรียนและอยู่ห้องเดียวกันด้วย
ผมไม่ค่อยชอบหน้าไอ้เด็ก หวาง จื่อเทา เท่าไหร่นัก...
เพราะอย่างว่าแหละ...เป็นเด็กโรงเรียนนานาชาติ พ่อแม่เป็นถึงท่านทูตก็เลยออกจะติดมาดคุณหนู
แถมช่วงนี้ก็ชอบมาชวนให้คยองซูไปนั่นไปนี่ด้วยบ่อยๆ หรือไม่ก็มาหาถึงบ้านเลย
อาทิตย์นึงมีเจ็ดวันก็มักจะเจอหน้าจื่อเทาไม่ต่ำกว่าสามวัน...แบบนี้มันน่าไว้ใจไหม?
“แล้วทำไมต้องไปทำกันสองคนด้วย?
รายงานวิชาอะไร? มาทำที่บ้านไม่ได้หรือไง?” ผมถามเขาเสียงเข้ม ก่อนจะกระชากเกียร์อย่างรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
“ไม่ได้มีแค่คยองกับจื่อเทานะครับ...ยังมีเซฮุนด้วยอีกคน
มันเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ต้องซื้ออุปกรณ์มาทดลองเองด้วย
จงอินก็รู้ว่าห้องครัวเราเล็กนิดเดียว แถมอุปกรณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าบ้านของจื่อเทา
แถมวันนี้คุณป้าก็ติดงาน คุณป้าก็เลยไม่ว่างมารับเทาที่บ้านเรา...
คยองเลยคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าคยองจะไปทำที่บ้านจื่อเทาแทน”
เสียงตอบอธิบายเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยไม่ได้ทำให้คนเป็นผู้ใหญ่กว่าสบายใจได้เลย
สิ่งที่เขาอยากรู้คือแล้วเมื่อไหร่รายงานนั้นจะเสร็จ
แต่อย่างว่าแหละ...ไปทำรายงาน เด็กนี่คงไม่รู้อยู่ดีว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
“ทุ่มนึงนายต้องถึงบ้าน ไม่งั้นฉันจะไม่อนุญาตให้ไปไหนอีก...เข้าใจ๊?"
คำสั่งที่คยองซูไม่มีทางปฏิเสธถูกหยิบยื่นมาให้
เขาทำได้เพียงพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าอยากจะปฏิเสธแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้แน่ๆ..
มีเวลาแค่สองชั่วโมงเอง จงอินใจร้ายชะมัด แล้วมันจะเสร็จได้ยังไง
ไหนจะเวลาเดินทางจากโรงเรียนไปบ้านจื่อเทา แล้วจากบ้านจื่อเทากลับไปถึงบ้านอีก
แต่ถ้าขอต่อรองอีก 1 ชม. จงอินต้องไม่อนุญาตแน่นอนคยองซูรู้ดี หรือไม่ก็อาจจะไม่ให้ไปมันซะเลย...
“ครับ...แล้วคยองจะกลับถึงบ้านตอนทุ่มนึงครับ”
“อืม...ฉันจะรอกินข้าว อย่ากลับช้าล่ะ”
จงอินบอกผมในขณะที่เลี้ยวเข้าไปในประตูรั้วของโรงเรียนที่คุ้นตา
ผมไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะเห็นว่าจงอินเงียบไป...
และเมื่อจงอินขับรถมาถึงหน้าตึก ผมจึงกล่าวลาเขาแล้วเดินลงจากรถตรงไปที่ตึกเรียนทันที...
************
ผมนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น...
กดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆแล้วก็ต้องถอนหายใจ
หันไปมองหน้าปัดนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังแล้วก็ต้องกัดริมฝีปากอย่างรู้สึกหงุดหงิดเสียเต็มประดา
ตอนนี้หนึ่งทุ่มกับห้านาที....
...คยองซูมาสาย...
ผมยังตัวขึ้นนั่งแล้วกอดอก แม้ว่าผู้สื่อข่าวสาวกำลังรายงานข่าวอะไรซักอย่างแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
ดวงตาผมหันขึ้นไปมองที่นาฬิกาทุกๆสองนาที...หรือไม่ก็หนึ่ง ถ้าไม่ได้คิดว่าตัวเองดูผิดไปน่ะนะ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ประเด็น เพราะดูเอาเถอะ...เด็กมันดื้อซะจนไม่ยอมฟังคำพูดของผมเลย
แล้วผมควรจะสั่งสอนยังไงดีล่ะเนี่ย?
หนึ่งทุ่มสิบห้านาที....
โทรหาดีไหม?...
อ๊ะไม่ๆ! จะโทรไปตามทำไม ก็เพิ่งบอกว่าจะทำโทษไปหยกๆ!!
กิ๊งก่อง...
เสียงออดจากประตูหน้าบ้านทำให้ผมต้องยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
อืม...อย่างน้อยก็สายแค่สิบห้าที ให้มันได้อย่างนี้สิคยองซู
คิดอย่างนี้พลางยกยิ้มออกมาบางๆแล้วเปิดประตูออก...แต่สุดท้ายจงอินก็หุบยิ้มเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านไม่ใช่คยองซู
แต่กลับเป็นแบคฮยอนเพื่อนของเขา...
“ทำหน้าเป็นตูดไรของมึง? ทะเลาะกับคยองซูหรือไง?”
แบคฮยอนถามผมก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านอย่างถือวิสาสะ
เอากันตามจริงแบคฮยอนเดินเข้าออกบ้านผมเป็นปรกติอยู่แล้ว
เพราะว่าต้องมาสอนภาษาอังกฤษให้คยองซู(และไอ้เด็กจื่อเทาด้วย)
“เปล่า...แต่คิดว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะไม่แน่
ดูเอาสิบอกว่าให้กลับบ้านทุ่มนึง แต่จนป่านนี้ยังไม่เห็นหัวเลย...”
ผมตอบพลางยักไหล่...มองแบคฮยอนที่หลังจากได้ฟังผมพูดจบเค้าก็ทำกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอาใส่ผม
“นี่มึงบ้าปะเนี่ย...มันสายไปแค่สิบกว่านาทีถึงขั้นต้องโกรธเลยหรือไง?” แบคฮยอนถามผมอย่างไม่ใส่ใจในท่าทีโมโหของผมนัก
“ก็ถ้าไม่ดุด่าเด็กมันเดี๋ยวก็ได้ใจน่ะสิ...เดี๋ยวก็จะทำอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ
ถ้าตอนนี้มาช้าสิบกว่านาทีแล้วไม่พูดไม่สอน อนาคตคงไม่กลับบ้านกลับช่อง” ผมบอกเขาไปอย่างหงุดหงิด
“เฮ้ย...มึงก็รู้ว่าคยองซูเป็นเด็กดี ไหงคิดอย่างนั้นวะ?
มึงนี่เป็นห่วงน้องมากไปป้ะเนี่ย? ห่วงแนวไหนวะ บอกกูมาเลยแมนๆ”
แบคฮยอนเดินมาชกที่บ่าผมทีหนึ่งแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม...
ผมกลอกตาไปมาก่อนที่จะเริ่มอธิบายกับแบคฮยอนอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในรอบหลายปีที่ผ่านมา
อันที่จริงไม่ใช่แค่แบคฮยอน แต่รวมถึงไอ้เพื่อนทั้งสามคนของผมด้วย...
“ก็ห่วงแบบที่ห่วงน้อง...เมื่อไหร่พวกมึงจะเลิกถามกูอย่างนี้ซักที
ก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรยังจะยัดเยียดกันอีก...แถมอีกอย่างคยองซูก็ยังสิบสี่อยู่เลยนะ” ผมตอบ
“แปลว่าถ้ามันโตกว่านี้มึงอาจจะคิดงั้นสิ” แบคฮยอนถามเจ้าเล่ห์
“พอเลยมึง...หยุดคิดอคติและเลิกพูดเรื่องนี้ซักที
ว่าแต่มึงมาทำไมเนี่ย? นึกว่าไปเดทกับไอ้ชานยอล”
“เปล่า...วันนี้ชานยอลติดประชุม
และกูก็เอานี่มาให้คยองซูกับจื่อเทา เพราะว่าน้องเขาโทรขอกูวันก่อน”
ผมเปลี่ยนประเด็นหัวข้อพูดคุยกลางอากาศเพราะเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมนักที่จะพูดกันเรื่องนี้อีก
แบคฮยอนที่เพิ่งนึกได้ก็รีบหยิบควานเอาอะไรซักอย่างในกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ผม
อ่า...มันเป็นชีทข้อสอบภาษาอังกฤษ
“คยองซูโทรขอมึงเหรอ? ทำไมไม่เห็นบอกกูเลย?” ผมถามอย่างแปลกใจก่อนจะยื่นมือไปรับมาถือไว้
“เปล่า...จื่อเทาโทรหากู
แต่วันนี้กูโทรหาจื่อเทาไม่ติดเลยคิดว่าน่าจะเอามาฝากคยองซูแทน
แล้วมันเป็นอะไรฮึ น้องจะโทรหากูต้องขออนุญาตมึงก่อนหรือไง?”
แบคฮยอนเท้าสะเอวแล้วเริ่มแหวใส่ผม...ผมรีบแก้ตัวทันทีเพราะไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด
“ป...เปล่า...ก็โทรได้ แต่คนที่จ่ายค่าโทรศัพท์คือกู
กูก็แค่อยากจำกัดค่าโทร ผิดตรงไหน?” ผมตอบเขาไปอย่างขอไปที...
“โห...ถ้าจะขนาดนี้ก็ล๊อคโทรศัพท์ให้โทรหามึงได้คนเดียวเหอะ
ปล่อยให้น้องมันมีสังคมบ้าง น้องมันโตแล้วนะเฮ้ย...”
แบคฮยอนพูดบ่น ในขณะที่ผมเริ่มจะกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้ง
เพราะบางทีแบคฮยอนก็ชอบให้ท้ายคยองซู...หรือไม่ก็เป็นผมเองนี่แหละที่ไม่อยากจะฟังความจริงพวกนั้น
คยองซูชักจะโตขึ้นทุกวัน...และเพื่อนก็มีมากขึ้นทุกวันด้วย...
“โตตรงไหน..อายุแค่สิบสี่?”
“สิบสี่นี่แหละโตแล้ว...ใจคอมึงจะให้น้องเขาอายุเก้าขวบตลอดไปเลยหรือไง?
อย่าทำเป็นหวงน้องมากไปหน่อยเลย ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับน้องมันอ่ะนะ”
แบคฮยอนพูดกับผมพลางถอนหายใจและกอดอกเป็นเครื่องหมายที่บอกว่าเขาพูดจริงจัง
ผมพยักหน้ารับไปส่งๆเพราะสายตาเหลือบไปมองนาฬิกาด้านหลัง
และก็พบว่ามันเป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้วแต่คยองซูก็ยังไม่ถึงบ้าน
“เออๆ...มึงหมดธุระแล้วใช่มะ?
กลับไปได้แล้ว กูหิวข้าว กูจะกินข้าวล่ะ ไม่รอคยองซูแล้ว”
ผมพูดกับเขาพลางถอนหายใจ รู้สึกโล่งใจที่เห็นแบคฮยอนพยักหน้าและเดินหันหลังกลับแล้วเดินออกไปที่ประตูหน้าบ้าน
“เออ...งั้นกูกลับแล้วกัน มึงก็กินๆข้าวไปซะ ไม่ต้องห่วงน้องมันให้มากนักหรอก
มันสายแค่นิดหน่อยเองเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
ผมพยักหน้ารับคำที่แบคฮยอนฝากฝัง ก่อนจะโบกมือลาเมื่อเขาก้าวออกจากบ้านไป
ถึงแม้จะเข้าใจที่แบคฮยอนพูดแต่ก็ยังเหลือความรู้สึกหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย
อาจจะเพราะว่าหิวก็ได้มั้ง ผมเลยรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้
ตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านแล้วเริ่มกินอาหารโดยไม่รอคยองซู
โดยไม่ได้รู้เลยว่าแบคฮยอนยังคงหันมามองผมแล้วบ่นประปอดกระแปดออกมาคนเดียว...
“ดูเอาเถอะ...นี่โง่ ความรู้สึกช้าหรือว่างี่เง่าเนี่ย...
ทำมาเป็นอยากสั่งสอนเด็กอย่างนั้นอย่างนี้...
.
.
มึงควรจะรู้ใจตัวเองก่อนนะไอ้จงอิน”
************
ทันทีที่คยองซูถึงบ้าน คยองซูก็ต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึกใหญ่
เพราะนอกจากจงอินจะทำเป็นเมินไม่สนใจเขาแล้ว จงอินยังตั้งหน้าตั้งตาทำเป็นไม่รับรู้ว่าเขากลับมาถึงบ้านแล้วด้วย
เพราะถึงแม้ว่าคยองซูจะพูดง้อยังไงแต่จงอินก็ยังไม่ตอบกลับอะไรอยู่ดี...
“จงอิน...อย่าโกรธคยองเลยน้า คุยกับคยองสิครับ”
คยองซูพูดขึ้นมาในขณะที่เดินตามพี่เขาขึ้นบันไดไปติดๆ
แต่จงอินกลับหาวหวอดออกมาเสียงดังและไม่ตอบรับคยองซูใดๆทั้งสิ้น
เดินตามพี่เขาไปถึงหน้าห้อง แต่ก็โดนพี่เขาปิดประตูใส่หน้าดังปัง แถมยังล็อคประตูไม่ให้เข้าไปอีก
คยองซูหน้าเสีย...รู้สึกผิดที่ทำให้จงอินโกรธแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะรับสถานการณ์นี้ยังไง
เพราะให้ทำวิธีไหนจงอินก็ทำเป็นไม่เห็นหัวเขาแบบนี้ คยองซูเลยคิดว่าเขาควรกลับไปตั้งหลักที่ห้องก่อนดีกว่า
คิดว่าควรจะไปกินข้าวอาบน้ำให้เรียบร้อยเพื่อฆ่าเวลา เผื่อว่าจงอินจะใจเย็นลงซักนิด...
และควรจะใช้เวลานี้โทรปรึกษาแบคฮยอนว่าควรจะง้อพี่เขายังไง
************
หลังจากที่คยองซูอาบน้ำเสร็จ คยองซูก็กดโทรศัพท์เครื่องเล็กโทรไปหาแบคฮยอน คนที่คยองซูคิดว่าน่าจะให้คำแนะนำเขาได้
คยองซูสั่นขาอย่างกระวนกระวาย แต่ไม่นานเท่าไหร่แบคฮยอนก็รับสาย
“ว่าไงคยองซู?” แบคฮยอนตอบรับกับเขา
“พี่แบคฮยอน....ทำไงดี...จงอินโกรธคยอง”
“ว่าแล้วเชียว...กลับถึงบ้านกี่โมงล่ะ จงอินว่าไงบ้าง?” แบคฮยอนถามด้วยน้ำเสียงไม่แปลกใจที่ได้ยินเท่าไหร่นัก
“คยองถึงบ้านตอนทุ่มครึ่งนิดๆ แต่จงอินไม่คุยกับคยองเลย
คยองพูดอะไรทำอะไรจงอินก็ไม่ยอมตอบ...ฮือออ คยองควรทำยังไงดีอ่า”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก มันก็แค่ทำฟอร์มไปงั้นแหละ
ลองเข้าไปอ้อนมันเยอะๆดิ เดี๋ยวมันก็หายแล้ว”
แบคฮยอนตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระ
แต่มันกลับทำให้ต้องคยองซูขมวดคิ้วในคำแนะนำของแบคฮยอนเล็กน้อย
“อ้อนเหรอ...ถ้าคยองอ้อนแล้วจงอินจะหายโกรธจริงเหรอ?” คยองซูถาม
“หายสิ...เชื่อพี่เหอะ ลองไปอ้อนเยอะๆเดี๋ยวก็หายเอง
โชคดีนะคยองซู พี่ต้องนอนก่อนล่ะ...พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแต่เช้า”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าคยองซูทำเสียงเสียเครียดเชียว
ก่อนจะขอตัววางสายเพราะรู้ว่าตอนนี้เองก็ดึกมากแล้ว
ด้านคยองซูเองที่หันไปมองนาฬิกาแล้วพบว่าตอนนี้สี่ทุ่มแล้วก็เอ่ยลากับแบคฮยอนเพราะว่ารู้สึกเกรงใจพี่เขา
บอกลาแบคฮยอนแล้วถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าคำแนะนำของแบคฮยอนช่างกว้างเสียจริง
ไอ้อ้อนน่ะไม่ยากหรอก แต่ควรจะอ้อนยังไงล่ะ?
ปกติจงอินก็ไม่ค่อยโกรธคยองซูเท่าไหร่ด้วย คยองซูเลยไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไงดี
เฮ้อ...จะลองไปอ้อนดีไหมนะ หรือควรปล่อยไว้ดี
คยองซูถามตัวเองอีกครั้งพลางถอนหายใจออกมา
ทำเป็นถามตัวเองไปอย่างนั้นแต่ในใจก็รู้ดีว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน
.
.
.
ก็ในเมื่อแคร์พี่เขาขนาดนั้น จะให้ปล่อยไปก็คงไม่ได้หรอก...
✚ TALK
เม้นท์เยอะก็มาต่อให้ทุกวันค่ะ
แต่ถ้าเม้นท์น้อยไรเตอร์จะนอยด์ น้อย นอยด์ ฮึ...
ไม่มีอะไรจะทอล์คล่ะ...จะสปอยล์ให้ว่าตอนหน้าฟินตัวแตกนะ
รักรีดเดอร์เหมือนเดิม ♥
- ไรเตอร์นมน -
ความคิดเห็น