ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #3 : ✚ BE MY BABY :: THREE

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 55


     

    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo

    Story : Jackboiz

    Rate : PG - 15

     

     

    Be my Baby*





     




    ‘0.03

     









    ผมกำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่มากับคยองซูเมื่อวาน...

    รู้สึกแปลกๆไปหน่อย เพราะว่าวันนี้มาเดินห้างเพียงคนเดียว

    และไม่ได้ยินเสียงซักถามน่ารำคานของคยองซูเหมือนทุกที

    แต่มาคิดๆดูแล้วมันก็เหงาไปหน่อยนะ...

     
     

     

    ผมจัดการไปส่งเอกสารต่างๆตามที่ซูจองส่งมาให้ และส่งคยองซูไปที่โรงเรียนเพื่อเริ่มเรียนวันนี้วันแรก

    ตอนแรกผมคิดว่าคยองซูจะร้องไห้งอแงไม่ยอมเข้าเรียนเหมือนที่ผมเคยเป็นตอนสมัยเด็กๆ



    แต่กลับไม่ใช่เลยแฮะ...ดูเหมือนว่าคยองซูจะเปลี่ยนโรงเรียนบ่อยจนชินชาซะแล้ว

    เพราะเมื่อผมดูจากสมุดพกของเขา มันมีเป็นสิบๆเล่มและต่างโรงเรียนกันซะด้วย

    แต่พอได้เปิดดูแล้วก็อายจริงๆ...ไอ้เด็กบ้านี่ได้ 4.00 มาตลอดได้ยังไงกันวะครับ?

     


     

    พอผมติดต่อเรื่องเรียนให้คยองซูเสร็จก็ออกมาเดินที่ห้างเพื่อหาซื้อโทรศัพท์มือถือให้เขา

    แม้จะเด็กไปหน่อย...แต่ผมคิดว่าคยองซูก็น่าจะมีโทรศัพท์ซักเครื่องเพื่อเอาไว้ให้ผมติดต่อเขาบ้าง

    และผมก็มั่นใจว่าคยองซูจะมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลโทรศัพท์ของเขาได้แม้ว่าจะเด็กขนาดนี้

     


     

    คิดไปแล้วก็อายเด็ก...สมัยนั้นแม่ซื้ออะไรให้ผมมักจะทำหายไปหมดเลย

    แต่เด็กนี่เก่งชะมัดที่ทำโน่นทำนี่ได้ด้วยตัวเอง ดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องบอก แถมยังฉลาดเป็นกรดซะจนบางครั้งผมยังต้องยอม

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ....ยังไงๆเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละน่า...

     
     

     

    ผมเดินมาหยุดอยู่ที่บู๊ธขายมือถือในห้างแล้วส่องสายตามองหารุ่นที่ถูกใจ

    ผมยกยิ้มเมื่อพนักงานสาวเดินเข้ามาสอบถาม

     
     



    “สวัสดีค่ะ...ต้องการดูรุ่นไหนคะ?”

     

     
     

    “พอจะแนะนำให้ได้บ้างไหมครับ?

    ผมมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง อยากให้เขาพกโทรศัพท์ไว้ติดตัวน่ะ”  ผมตอบพนักงานสาวไปพร้อมกับขอคำแนะนำ

     

     

    “น้องชายอายุประมาณเท่าไหร่คะ?”  พนักงานสาวถาม

     
     

     

    “อายุ 9 ขวบครับ...ผมอยากได้แบบไม่แพงมาก

    แล้วก็อยากได้รุ่นที่มี GPRS ติดตามด้วย...เผื่อเอาไว้ก่อนน่ะ

    มีตัวไหนเข้าข่ายที่บอกบ้างมั้ยครับ?”

     

     
     

    ผมถามพนักงานสาวที่พยักหน้าฟังผมอย่างตั้งใจ

    ก่อนที่ไม่นานเท่าไหร่เธอก็เปิดตู้กระจกด้านล่างแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ ฝาพับสีเงินขึ้นมาวางเอาไว้ตรงหน้าผม

     
     

     

    “ฟังดูแล้วรุ่นนี้เหมาะที่สุดนะคะ...ผลิตมาเพื่อให้เด็กๆใช้โดยเฉพาะเลยค่ะ

    ตัวเครื่องแข็งแรงทนทานตกกระแทกบ่อยๆก็ไม่เป็นไร แต่เป็นเครื่องที่ต้องใช้คู่กัยผู้ปกครองด้วย

    เครื่องนี้มีแอพพลิเคชันติดตามตัว เพื่อที่ผู้ปกครองจะสามารถเช็คได้ตลอดค่ะว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน

    ตัวนี้มีที่ห้อยที่ตั้งเป็นตัวส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังอีกเครื่องได้ด้วยนะคะ...

     

    ตรงนี้ไม่ใช่ที่ห้อยโทรศัพท์ธรรมดานะคะ...อย่างสมมติว่าถ้าเกิดน้องชายของคุณดึงที่ห้อยนี้ออกมา

    เครื่องของน้องชายและของคุณก็จะมีสัญญาณเตือนภัย และก็จะแสดงตำแหน่งที่น้องของคุณอยู่

    โดยที่การส่งสัญญาณไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ เพียงแค่ที่ๆดึงสัญญาณต้องมีเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง

    และทุกครั้งที่กดโทรออกระบบ GPRS จะแสดงตำแหน่งล่าสุดที่เด็กอยู่ทุกครั้ง

    ตัวนี้ขายดีมากเลยนะคะ ดิฉันคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ที่ต้องการ *

     
    (*เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานจริงของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ AnyCall รุ่น Bodyguard

    มันออกมานานแล้วตั้งแต่ไรเตอร์ยังเป็นสาว แต่ไม่รู้จะหากินยังไง เลยเอาวะ! ยี่ห้อนี้แหละ 55555555)

     

     

     

    “โอ....ใช่ครับ แบบนี้แหละที่ผมต้องการเลย

    แต่ต้องซื้อคู่กันใช่มั้ยครับ? คือผมกับน้องต้องมีกันคนละเครื่องใช่ไหม?”

     

     

    “ใช่ค่ะ...เพราะเป็นฟังก์ชั่นเฉพาะรุ่นเท่านั้น”

     
     

     

    พนักงานสาวยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้ารับ ผมคว้ามันขึ้นมาดูสองสามทีแล้วครุ่นคิด

    แต่ในเมื่อมันตรงกับความต้องการพอดี...แล้วผมจะยังต้องคิดอะไรอีกล่ะ?

     
     

     

    “งั้นเอารุ่นนี้ล่ะครับ...ผมขอสีเงินเครื่องนึง แล้วก็สีขาวเครื่องนึงครับ” จงอินบอกพนักงานสาว

     
     

     

    จนสุดท้ายก็ได้มือถือสองเครื่องมาไว้ในมือ...

    เรียนการตั้งค่าการใช้งานจากพนักงานคนนั้นมานิดหน่อย  แล้วก็ได้มาทดลองด้วยตัวเองแล้วด้วย

    ผมคิดว่ารุ่นนี้แหละเหมาะสุด ลองดึงสายโทรศัพท์ออกมาอย่างที่พนักงานสาวว่าแล้วเสียงเตือนภัยก็ดังขึ้นทั้งสองเครื่อง

    คุณพระ...เสียงมันดังมากจริงๆ นี่ผมคิดว่ามันอาจจะเกิน 180 เดซิเบลนะเนี่ย...

    ก็คงดีสำหรับคยองซูล่ะ มันเล็กกะทัดรัด และผมคิดว่าเขาน่าจะชอบ เพราะโทรศัพท์รุ่นนี้ก็น่ารักเหมาะกับเด็กๆ

     

     

    ถึงแม้ว่าผมจะต้องใช้โทรศัพท์สองเครื่องก็เถอะ...

    แต่มันก็ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอเพราะแบตโทรศัพท์ไอโฟนหมดเร็วจะตายไป

    ถึงไอโฟนจะกระพริบตาหนเดียวแล้วแบตหมด  ก็ยังอุ่นใจว่าจะมีอีกเครื่องไว้ให้คยองซูติดต่อได้

     

     

    ผมหยิบน้ำอัดลมขึ้นมาดูดในขณะที่เก็บเอากล่องโทรศัพท์ที่ซื้อมาใหม่ยัดลงกระเป๋าไป

    ยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่ผมจะเข้าเรียนแล้ว

    ผมจึงตัดสินใจเดินออกจากห้างเพื่อตรงไปที่มหาลัยทันที...

     

     
     

     

    ************


     

     

     

    “วันนี้จงอินอยากกินอะไร?”


     

    เด็กน้อยถามในขณะที่นั่งข้างๆผมในรถ

    ผมหันไปมองหน้าเขาและหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำพูดของเด็กเล็กๆ

    น่าตลกดีเหมือนกันเพราะทั้งๆที่ผมน่าจะเป็นคนถามคำถามนี้ แต่กลับเป็นคยองซูต่างหากที่ถามมันมาตลอด

     
     

     

    “ทำเป็นพูดดี...อาทิตย์นี้เห็นทำแต่พิบิมบับ(ข้าวยำเกาหลี)”

     
     

     

    ผมหัวเราะออกมาอย่างขันๆในขณะที่จอดหยุดไฟแดง

    เลยใช้โอกาสนี้หันไปขยี้หัวเด็กน้อยจนคยองซูทำหน้ามุ่ย...

     

     

    “ก็ใครล่ะครับ ไปซื้อของอย่างกับเหมามาทั้งตลาด ถ้าไม่ทำให้หมดมันก็เน่าน่ะสิ”

     

     

    เด็กน้อยยอกย้อน ทำเอาผมต้องเงียบลงไปในอึดใจ

    ผมกลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องโดยการพยักเพยิดให้คยองซูเปิดดูในกระเป๋า

     
     

    “เปิดในกระเป๋าสิ...ฉันมีของจะให้นาย”

     
     

    “หืม? อะไรเหรอ? จงอินซื้อตุ๊กตาพี่คร๊องมาให้คยองใช่ม๊าาาาาาาาาา”

     
     

    คยองซูพูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่หันไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่เบาะด้านหลัง

    ผมกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา เมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้คยองซูจะงอแงเอาตุ๊กตาไอ้พี่คร๊องจระเข้เขียวนั้นมากเป็นพิเศษ

    ที่มันน่าหงุดหงิดเพราะไอ้เด็กนี่ดันบอกว่าเห็นพี่คร๊องทีไรแล้วคิดถึงผมทุกที

    นี่ผมหน้าเหมือนไอ้ตัวสีเขียวนั่นตรงไหน!!!!

     

     
     

    “นี่แน่ใจนะว่า 9 ขวบ...หยั่งกะเด็กๆอายุ 6 ขวบ”

     

     

     

    “แบร่! เป็นเด็กก็มีหัวใจนะ...จงอินบ้า! 

    โอ๊ะ! นี่อะไรอ้ะ?”

     
     

     

    คยองซูหันมาแลบลิ้นใส่ผมแล้วเปิดกระเป๋าออก

    เขาทำตาโตในขณะที่ หยิบเอากล่องโทรศัพท์ทั้งสองกล่องออกมาถือไว้

    เขาหันมามองผมแล้วเอียงคออย่างไม่เข้าใจ...

     

     
     

    “จงอินซื้อมือถือใหม่เหรอ? เครื่องเก่าเสียเหรอครับ??” เขาถาม

     
     

     

    “เปล่า...ยังดีอยู่” 

     

     
     

    “เอ้า...แล้วซื้อมาให้ใครอ่ะ?”

     
     

     

    คยองซูถามออกมาเสียงใส พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ

    ผมหรี่ตาแล้วหันไปมองเขา ไอ้เด็กนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย...

     
     

     

    “ถามโง่ๆอีกละ...ฉันกับนายอยู่ด้วยกันสองคน

    ฉันคงซื้อไปประเคนให้คนข้างบ้านมั้ง...เด็กโง่”

     

     
     

    “ซื้อมาทำไม มันแพงออก

    คยองเพิ่งเก้าขวบเอง ไม่ต้องใช้หรอก

    ในห้องเรียนก็ยังไม่มีใครใช้กันเลย จงอินกำลังทำให้คยองเสียเด็ก”

     
     

     

    โอ้...ดูมันสั่งสอน = =

     
     

     

    “อย่าพูดมากน่า...ฉันบอกให้ใช้ก็ใช้ไปเหอะ

    เวลามีอะไรฉุกเฉินเราจะได้ติดต่อกันได้

    เห็นสายห้อยโทรศัพท์นั่นเปล่า? เวลานายอยู่ในอันตรายนายก็ดึงมันซะ

    แล้วฉันจะรีบไปช่วยไง ไม่ดีเหรอ?”  

     
     

     

    “แล้วทำไมจู่ๆจงอินถึงซื้อมาให้คยองล่ะ?”  

     

     
     

    เด็กน้อยถามผมตาแป๋ว...

    พอพูดถึงเหตุผลแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ


     
     

    “ก็กลัวน้องคยองจะนอนร้องไห้เหมือนเมื่อคืนไงครับ...ไอ้เด็กขี้แย

    ถ้าวันหลังตื่นมาไม่เจอฉันจะได้โทรตามฉันไง ไม่ดีเหรอ?”

     

     
     

    ผมพูดเสียงแผ่วในขณะที่เหยียบเบรคจอดรถตรงสี่แยกไฟแดง

    รู้สึกแปลกๆว่าทำไมต้องมารู้สึกอายด้วย เพียงเพราะเห็นดวงตาแป๋วๆของคยองซูจ้องมองผมแบบไม่วางตา

     

     
     

    “ม...มองอะไรเล่า?”

     
     

     

    ผมถามคยองซูเพราะจู่ๆเด็กน้อยก็เงียบไปแล้วเอาแต่จ้องผมแบบนั้น

    ผมหันไปมองเขา ก่อนจะพบว่าเขากำลังยิ้มกว้างจนตาเล็กหยิบหยี ปากยิ้มกว้างจนเป็นรูปหัวใจ

     

     
     

    “จงอินซื้อมาให้เพราะคยองร้องไห้เมื่อคืนเหรอออออ?

    งื้อๆๆๆๆๆๆๆๆ จงอินน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

     

     

    เขาถามผมเสียงใส มือเล็กๆถูกยื่นมาเขย่าแขนผมรัวอย่างดีอกดีใจ

     
     

    “ห..เฮ้ย...ฉันขับรถอยู่นะคยองซู!

    เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

     
     

     

    ผมร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ...เมื่อจู่ๆคยองซูก็ปีนเบาะรถข้ามมาอีกฝั่งมานั่งอยู่บนตักผม

    ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้เด็กที่นั่งอยู่บนหน้าตักกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะชอบใจใหญ่

     
     

     

    “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย...ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง?

    แล้วนี่มานั่งอะไรตรงนี้ล่ะ กลับไปนั่งที่ตัวเองเลย”

     
     

     

    “ม่ายเอาอ่ะ...ก็คยองอยากนั่งตรงนี้”

     

     

    เด็กน้อยไม่พูดเฉยๆ แต่เขายังเอนหลังมานอนทับที่อกผมไว้อย่างกับผมเป็นเบาะรองนั่งที่มีชีวิต

    มือเล็กๆของเขากำลังกดมือถือในมือเล่นอย่างสนุกสนาน

    ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะยังไงตอนนี้บอกให้ตายยังไงคยองซูก็ไม่ลุกแน่ๆ

    เพราะผมรู้ดีว่าถ้าถึงเวลาที่คยองซูได้เอาแต่ใจแล้วยังไงก็ไม่ยอมง่ายๆ

     
     

    ดวงตาคู่โตของเขากำลังเบิกกว้างมองมือถือเครื่องเล็กในมืออย่างสนอกสนใจ

    รอยยิ้มนั้นพรายเต็มหน้าของเขาจนแก้มบวมๆนั้นป่องออกมา

    นั่นทำเอาผมไม่กล้าขัดใจเขาหรือไล่ให้เขาลุกไปอีก

     
     

     

    “แล้วทำไมจงอินถึงซื้อมาสองเครื่องล่ะ?

    โทรศัพท์จงอินไม่ได้เสียไม่ใช่เหรอ?”

     
     

     

    คยองซูแหงนหน้ามามองผมแล้วเอ่ยถาม ในขณะที่ผมเอื้อมมือไปเปลี่ยนเกียร์แล้วเริ่มออกรถ

    ผมยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อขาเล็กๆสองข้างของเขาแกว่งไกวอยู่ที่หน้าขา

    ส่ายไปส่ายมาดูมีความสุข...

     


     

    “ก็ซื้อเป็นคู่กัน...

    เวลามีอะไรฉุกเฉินสองเครื่องนี้มันจะเตือนกันไง”

     
     

     

    ผมตอบไปเสียงเรียบ

    รู้สึกแปลกๆเพราะได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆของคยองซูที่นอนเคลียอยู่ตรงไหล่ด้านขวา

    รู้สึกอึดอัดและรู้สึกถึงน้ำหนักของเด็กน้อย

    แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกปากไล่เด็กตัวเล็กที่เอนตัวมาแล้วนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของผม

     

     
     

    “ฮืม...พอมานั่งตรงนี้แล้วคยองง่วงนอนจังเลย”

     
     

     

    เด็กน้อยขยี้ตาก่อนจะมุ่ยหน้าเมื่อรู้สึกว่าง่วงขึ้นมาซะเฉยๆ

    เขาขดตัวนอนทับที่หน้าอกของผมแล้วหลับตาลงอย่างจงใจจะนอนหลับมันให้ได้ตรงนี้

    ผมไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้รถกำลังติดนานจนเรียกได้ว่าน่าเบื่อ...

    ผมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก...

    เอื้อมมือไปหรี่เพลงจากวิทยุที่เปิดไว้ให้เบาลงเพื่อให้คนตัวเล็กได้นอนอย่างที่ตั้งใจ

     

     
     

    “จงอิน...”

     
     

    “หืม?”

     
     

    เด็กน้อยพูดออกมาทั้งๆที่ยังหลับตา

    ผมตอบรับก่อนจะหันลงไปมองเขาที่กำลังนอนขดตัวอยู่ และกระตุกคิ้วอย่างมีคำถาม

    ก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆเพราะเสียงกระซิบเล็กๆของคยองซู...

     

     

    “ถ้าใช้คู่กับคยองแล้ว...

     

    .

    .

    .

     

    จงอินอย่าใช้คู่กับใครอีกนะ...”












    ✚ TALK



    อร๊ากกกกกก อิน้องคยองงงงงงงงงงงง
    อินังเด็กบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา 
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    อิจฉาอิไก่มากมากมากมากมากมาก  ไม่ไหวแล้ววววววววววววววววววววว

    ไรเตอร์จิเป็นบ้า อ่านหนังสือทีไรก็เห็นหน้าอิน้องคยองมันงุ๊งงิ๊งง๊องแง๊งทำหัวใจไรเตอร์หงุมหงิม T T
    ออกไปจากหัวพี่เถอะค่ะลูกกกก พี่จะได้อ่านหนังสือหนังหาาาา
    ฮรืออออออออออออออออออออ

    ปล่อยไรเตอร์บ้าเถอะค่ะ...ไรเตอร์ขอโทษ
    ข้ามช่วงทอล์คไปเถอะนะ บ๊ายบาย

    รักรีดเดอร์เหมือนเดิม 




    - ไรเตอร์นมน -


    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×