คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ✚ BE MY BABY :: THREE
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG - 15
Be my Baby*
‘0.03’
ผมกำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่มากับคยองซูเมื่อวาน...
รู้สึกแปลกๆไปหน่อย เพราะว่าวันนี้มาเดินห้างเพียงคนเดียว
และไม่ได้ยินเสียงซักถามน่ารำคานของคยองซูเหมือนทุกที
แต่มาคิดๆดูแล้วมันก็เหงาไปหน่อยนะ...
ผมจัดการไปส่งเอกสารต่างๆตามที่ซูจองส่งมาให้ และส่งคยองซูไปที่โรงเรียนเพื่อเริ่มเรียนวันนี้วันแรก
ตอนแรกผมคิดว่าคยองซูจะร้องไห้งอแงไม่ยอมเข้าเรียนเหมือนที่ผมเคยเป็นตอนสมัยเด็กๆ
แต่กลับไม่ใช่เลยแฮะ...ดูเหมือนว่าคยองซูจะเปลี่ยนโรงเรียนบ่อยจนชินชาซะแล้ว
เพราะเมื่อผมดูจากสมุดพกของเขา มันมีเป็นสิบๆเล่มและต่างโรงเรียนกันซะด้วย
แต่พอได้เปิดดูแล้วก็อายจริงๆ...ไอ้เด็กบ้านี่ได้ 4.00 มาตลอดได้ยังไงกันวะครับ?
พอผมติดต่อเรื่องเรียนให้คยองซูเสร็จก็ออกมาเดินที่ห้างเพื่อหาซื้อโทรศัพท์มือถือให้เขา
แม้จะเด็กไปหน่อย...แต่ผมคิดว่าคยองซูก็น่าจะมีโทรศัพท์ซักเครื่องเพื่อเอาไว้ให้ผมติดต่อเขาบ้าง
และผมก็มั่นใจว่าคยองซูจะมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลโทรศัพท์ของเขาได้แม้ว่าจะเด็กขนาดนี้
คิดไปแล้วก็อายเด็ก...สมัยนั้นแม่ซื้ออะไรให้ผมมักจะทำหายไปหมดเลย
แต่เด็กนี่เก่งชะมัดที่ทำโน่นทำนี่ได้ด้วยตัวเอง ดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องบอก แถมยังฉลาดเป็นกรดซะจนบางครั้งผมยังต้องยอม
แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ....ยังไงๆเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละน่า...
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่บู๊ธขายมือถือในห้างแล้วส่องสายตามองหารุ่นที่ถูกใจ
ผมยกยิ้มเมื่อพนักงานสาวเดินเข้ามาสอบถาม
“สวัสดีค่ะ...ต้องการดูรุ่นไหนคะ?”
“พอจะแนะนำให้ได้บ้างไหมครับ?
ผมมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง อยากให้เขาพกโทรศัพท์ไว้ติดตัวน่ะ” ผมตอบพนักงานสาวไปพร้อมกับขอคำแนะนำ
“น้องชายอายุประมาณเท่าไหร่คะ?” พนักงานสาวถาม
“อายุ 9 ขวบครับ...ผมอยากได้แบบไม่แพงมาก
แล้วก็อยากได้รุ่นที่มี GPRS ติดตามด้วย...เผื่อเอาไว้ก่อนน่ะ
มีตัวไหนเข้าข่ายที่บอกบ้างมั้ยครับ?”
ผมถามพนักงานสาวที่พยักหน้าฟังผมอย่างตั้งใจ
ก่อนที่ไม่นานเท่าไหร่เธอก็เปิดตู้กระจกด้านล่างแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ ฝาพับสีเงินขึ้นมาวางเอาไว้ตรงหน้าผม
“ฟังดูแล้วรุ่นนี้เหมาะที่สุดนะคะ...ผลิตมาเพื่อให้เด็กๆใช้โดยเฉพาะเลยค่ะ
ตัวเครื่องแข็งแรงทนทานตกกระแทกบ่อยๆก็ไม่เป็นไร แต่เป็นเครื่องที่ต้องใช้คู่กัยผู้ปกครองด้วย
เครื่องนี้มีแอพพลิเคชันติดตามตัว เพื่อที่ผู้ปกครองจะสามารถเช็คได้ตลอดค่ะว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน
ตัวนี้มีที่ห้อยที่ตั้งเป็นตัวส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังอีกเครื่องได้ด้วยนะคะ...
ตรงนี้ไม่ใช่ที่ห้อยโทรศัพท์ธรรมดานะคะ...อย่างสมมติว่าถ้าเกิดน้องชายของคุณดึงที่ห้อยนี้ออกมา
เครื่องของน้องชายและของคุณก็จะมีสัญญาณเตือนภัย และก็จะแสดงตำแหน่งที่น้องของคุณอยู่
โดยที่การส่งสัญญาณไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ เพียงแค่ที่ๆดึงสัญญาณต้องมีเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง
และทุกครั้งที่กดโทรออกระบบ GPRS จะแสดงตำแหน่งล่าสุดที่เด็กอยู่ทุกครั้ง
ตัวนี้ขายดีมากเลยนะคะ ดิฉันคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ที่ต้องการ * ”
(*เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานจริงของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ AnyCall รุ่น Bodyguard
มันออกมานานแล้วตั้งแต่ไรเตอร์ยังเป็นสาว แต่ไม่รู้จะหากินยังไง เลยเอาวะ! ยี่ห้อนี้แหละ 55555555)
“โอ....ใช่ครับ แบบนี้แหละที่ผมต้องการเลย
แต่ต้องซื้อคู่กันใช่มั้ยครับ? คือผมกับน้องต้องมีกันคนละเครื่องใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ...เพราะเป็นฟังก์ชั่นเฉพาะรุ่นเท่านั้น”
พนักงานสาวยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้ารับ ผมคว้ามันขึ้นมาดูสองสามทีแล้วครุ่นคิด
แต่ในเมื่อมันตรงกับความต้องการพอดี...แล้วผมจะยังต้องคิดอะไรอีกล่ะ?
“งั้นเอารุ่นนี้ล่ะครับ...ผมขอสีเงินเครื่องนึง แล้วก็สีขาวเครื่องนึงครับ” จงอินบอกพนักงานสาว
จนสุดท้ายก็ได้มือถือสองเครื่องมาไว้ในมือ...
เรียนการตั้งค่าการใช้งานจากพนักงานคนนั้นมานิดหน่อย แล้วก็ได้มาทดลองด้วยตัวเองแล้วด้วย
ผมคิดว่ารุ่นนี้แหละเหมาะสุด ลองดึงสายโทรศัพท์ออกมาอย่างที่พนักงานสาวว่าแล้วเสียงเตือนภัยก็ดังขึ้นทั้งสองเครื่อง
คุณพระ...เสียงมันดังมากจริงๆ นี่ผมคิดว่ามันอาจจะเกิน 180 เดซิเบลนะเนี่ย...
ก็คงดีสำหรับคยองซูล่ะ มันเล็กกะทัดรัด และผมคิดว่าเขาน่าจะชอบ เพราะโทรศัพท์รุ่นนี้ก็น่ารักเหมาะกับเด็กๆ
ถึงแม้ว่าผมจะต้องใช้โทรศัพท์สองเครื่องก็เถอะ...
แต่มันก็ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอเพราะแบตโทรศัพท์ไอโฟนหมดเร็วจะตายไป
ถึงไอโฟนจะกระพริบตาหนเดียวแล้วแบตหมด ก็ยังอุ่นใจว่าจะมีอีกเครื่องไว้ให้คยองซูติดต่อได้
ผมหยิบน้ำอัดลมขึ้นมาดูดในขณะที่เก็บเอากล่องโทรศัพท์ที่ซื้อมาใหม่ยัดลงกระเป๋าไป
ยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่ผมจะเข้าเรียนแล้ว
ผมจึงตัดสินใจเดินออกจากห้างเพื่อตรงไปที่มหาลัยทันที...
************
“วันนี้จงอินอยากกินอะไร?”
เด็กน้อยถามในขณะที่นั่งข้างๆผมในรถ
ผมหันไปมองหน้าเขาและหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำพูดของเด็กเล็กๆ
น่าตลกดีเหมือนกันเพราะทั้งๆที่ผมน่าจะเป็นคนถามคำถามนี้ แต่กลับเป็นคยองซูต่างหากที่ถามมันมาตลอด
“ทำเป็นพูดดี...อาทิตย์นี้เห็นทำแต่พิบิมบับ(ข้าวยำเกาหลี)”
ผมหัวเราะออกมาอย่างขันๆในขณะที่จอดหยุดไฟแดง
เลยใช้โอกาสนี้หันไปขยี้หัวเด็กน้อยจนคยองซูทำหน้ามุ่ย...
“ก็ใครล่ะครับ ไปซื้อของอย่างกับเหมามาทั้งตลาด ถ้าไม่ทำให้หมดมันก็เน่าน่ะสิ”
เด็กน้อยยอกย้อน ทำเอาผมต้องเงียบลงไปในอึดใจ
ผมกลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องโดยการพยักเพยิดให้คยองซูเปิดดูในกระเป๋า
“เปิดในกระเป๋าสิ...ฉันมีของจะให้นาย”
“หืม? อะไรเหรอ? จงอินซื้อตุ๊กตาพี่คร๊องมาให้คยองใช่ม๊าาาาาาาาาา”
คยองซูพูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่หันไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่เบาะด้านหลัง
ผมกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา เมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้คยองซูจะงอแงเอาตุ๊กตาไอ้พี่คร๊องจระเข้เขียวนั้นมากเป็นพิเศษ
ที่มันน่าหงุดหงิดเพราะไอ้เด็กนี่ดันบอกว่าเห็นพี่คร๊องทีไรแล้วคิดถึงผมทุกที
นี่ผมหน้าเหมือนไอ้ตัวสีเขียวนั่นตรงไหน!!!!
“นี่แน่ใจนะว่า 9 ขวบ...หยั่งกะเด็กๆอายุ 6 ขวบ”
“แบร่! เป็นเด็กก็มีหัวใจนะ...จงอินบ้า!
โอ๊ะ! นี่อะไรอ้ะ?”
คยองซูหันมาแลบลิ้นใส่ผมแล้วเปิดกระเป๋าออก
เขาทำตาโตในขณะที่ หยิบเอากล่องโทรศัพท์ทั้งสองกล่องออกมาถือไว้
เขาหันมามองผมแล้วเอียงคออย่างไม่เข้าใจ...
“จงอินซื้อมือถือใหม่เหรอ? เครื่องเก่าเสียเหรอครับ??” เขาถาม
“เปล่า...ยังดีอยู่”
“เอ้า...แล้วซื้อมาให้ใครอ่ะ?”
คยองซูถามออกมาเสียงใส พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
ผมหรี่ตาแล้วหันไปมองเขา ไอ้เด็กนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย...
“ถามโง่ๆอีกละ...ฉันกับนายอยู่ด้วยกันสองคน
ฉันคงซื้อไปประเคนให้คนข้างบ้านมั้ง...เด็กโง่”
“ซื้อมาทำไม มันแพงออก
คยองเพิ่งเก้าขวบเอง ไม่ต้องใช้หรอก
ในห้องเรียนก็ยังไม่มีใครใช้กันเลย จงอินกำลังทำให้คยองเสียเด็ก”
โอ้...ดูมันสั่งสอน = =
“อย่าพูดมากน่า...ฉันบอกให้ใช้ก็ใช้ไปเหอะ
เวลามีอะไรฉุกเฉินเราจะได้ติดต่อกันได้
เห็นสายห้อยโทรศัพท์นั่นเปล่า? เวลานายอยู่ในอันตรายนายก็ดึงมันซะ
แล้วฉันจะรีบไปช่วยไง ไม่ดีเหรอ?”
“แล้วทำไมจู่ๆจงอินถึงซื้อมาให้คยองล่ะ?”
เด็กน้อยถามผมตาแป๋ว...
พอพูดถึงเหตุผลแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ก็กลัวน้องคยองจะนอนร้องไห้เหมือนเมื่อคืนไงครับ...ไอ้เด็กขี้แย
ถ้าวันหลังตื่นมาไม่เจอฉันจะได้โทรตามฉันไง ไม่ดีเหรอ?”
ผมพูดเสียงแผ่วในขณะที่เหยียบเบรคจอดรถตรงสี่แยกไฟแดง
รู้สึกแปลกๆว่าทำไมต้องมารู้สึกอายด้วย เพียงเพราะเห็นดวงตาแป๋วๆของคยองซูจ้องมองผมแบบไม่วางตา
“ม...มองอะไรเล่า?”
ผมถามคยองซูเพราะจู่ๆเด็กน้อยก็เงียบไปแล้วเอาแต่จ้องผมแบบนั้น
ผมหันไปมองเขา ก่อนจะพบว่าเขากำลังยิ้มกว้างจนตาเล็กหยิบหยี ปากยิ้มกว้างจนเป็นรูปหัวใจ
“จงอินซื้อมาให้เพราะคยองร้องไห้เมื่อคืนเหรอออออ?
งื้อๆๆๆๆๆๆๆๆ จงอินน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เขาถามผมเสียงใส มือเล็กๆถูกยื่นมาเขย่าแขนผมรัวอย่างดีอกดีใจ
“ห..เฮ้ย...ฉันขับรถอยู่นะคยองซู!
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ผมร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ...เมื่อจู่ๆคยองซูก็ปีนเบาะรถข้ามมาอีกฝั่งมานั่งอยู่บนตักผม
ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้เด็กที่นั่งอยู่บนหน้าตักกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะชอบใจใหญ่
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย...ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง?
แล้วนี่มานั่งอะไรตรงนี้ล่ะ กลับไปนั่งที่ตัวเองเลย”
“ม่ายเอาอ่ะ...ก็คยองอยากนั่งตรงนี้”
เด็กน้อยไม่พูดเฉยๆ แต่เขายังเอนหลังมานอนทับที่อกผมไว้อย่างกับผมเป็นเบาะรองนั่งที่มีชีวิต
มือเล็กๆของเขากำลังกดมือถือในมือเล่นอย่างสนุกสนาน
ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะยังไงตอนนี้บอกให้ตายยังไงคยองซูก็ไม่ลุกแน่ๆ
เพราะผมรู้ดีว่าถ้าถึงเวลาที่คยองซูได้เอาแต่ใจแล้วยังไงก็ไม่ยอมง่ายๆ
ดวงตาคู่โตของเขากำลังเบิกกว้างมองมือถือเครื่องเล็กในมืออย่างสนอกสนใจ
รอยยิ้มนั้นพรายเต็มหน้าของเขาจนแก้มบวมๆนั้นป่องออกมา
นั่นทำเอาผมไม่กล้าขัดใจเขาหรือไล่ให้เขาลุกไปอีก
“แล้วทำไมจงอินถึงซื้อมาสองเครื่องล่ะ?
โทรศัพท์จงอินไม่ได้เสียไม่ใช่เหรอ?”
คยองซูแหงนหน้ามามองผมแล้วเอ่ยถาม ในขณะที่ผมเอื้อมมือไปเปลี่ยนเกียร์แล้วเริ่มออกรถ
ผมยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อขาเล็กๆสองข้างของเขาแกว่งไกวอยู่ที่หน้าขา
ส่ายไปส่ายมาดูมีความสุข...
“ก็ซื้อเป็นคู่กัน...
เวลามีอะไรฉุกเฉินสองเครื่องนี้มันจะเตือนกันไง”
ผมตอบไปเสียงเรียบ
รู้สึกแปลกๆเพราะได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆของคยองซูที่นอนเคลียอยู่ตรงไหล่ด้านขวา
รู้สึกอึดอัดและรู้สึกถึงน้ำหนักของเด็กน้อย
แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกปากไล่เด็กตัวเล็กที่เอนตัวมาแล้วนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของผม
“ฮืม...พอมานั่งตรงนี้แล้วคยองง่วงนอนจังเลย”
เด็กน้อยขยี้ตาก่อนจะมุ่ยหน้าเมื่อรู้สึกว่าง่วงขึ้นมาซะเฉยๆ
เขาขดตัวนอนทับที่หน้าอกของผมแล้วหลับตาลงอย่างจงใจจะนอนหลับมันให้ได้ตรงนี้
ผมไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้รถกำลังติดนานจนเรียกได้ว่าน่าเบื่อ...
ผมถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก...
เอื้อมมือไปหรี่เพลงจากวิทยุที่เปิดไว้ให้เบาลงเพื่อให้คนตัวเล็กได้นอนอย่างที่ตั้งใจ
“จงอิน...”
“หืม?”
เด็กน้อยพูดออกมาทั้งๆที่ยังหลับตา
ผมตอบรับก่อนจะหันลงไปมองเขาที่กำลังนอนขดตัวอยู่ และกระตุกคิ้วอย่างมีคำถาม
ก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆเพราะเสียงกระซิบเล็กๆของคยองซู...
“ถ้าใช้คู่กับคยองแล้ว...
.
.
.
จงอินอย่าใช้คู่กับใครอีกนะ...”
✚ TALK
อร๊ากกกกกก อิน้องคยองงงงงงงงงงงง
อินังเด็กบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อิจฉาอิไก่มากมากมากมากมากมาก ไม่ไหวแล้ววววววววววววววววววววว
ไรเตอร์จิเป็นบ้า อ่านหนังสือทีไรก็เห็นหน้าอิน้องคยองมันงุ๊งงิ๊งง๊องแง๊งทำหัวใจไรเตอร์หงุมหงิม T T
ออกไปจากหัวพี่เถอะค่ะลูกกกก พี่จะได้อ่านหนังสือหนังหาาาา
ฮรืออออออออออออออออออออ
ปล่อยไรเตอร์บ้าเถอะค่ะ...ไรเตอร์ขอโทษ
ข้ามช่วงทอล์คไปเถอะนะ บ๊ายบาย
รักรีดเดอร์เหมือนเดิม ♥
- ไรเตอร์นมน -
ความคิดเห็น