คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ✚ THE END I :: DRAMA ENDING VER.
Author : MR.SNOWMAN
Pairing : D.O. x Kyungsoo
Rate : NC - 18
THE TWINS*
-------------------------------------------
THE END
OF THE TWINS STORY
-- DRAMA VER. --
คำเตือน :
มันคือโคตรมหากาพย์ของความดราม่า
มันโคตรจะบ้า...
และ....
มันยาว...มาก
คยองซูปรือตาตื่นขึ้นมาเมื่อแสงสว่างจ้าที่ลอดมาจากรูผ้าม่านนั้นทำให้เขาต้องตื่นจากความฝัน
ความฝันที่ทำให้ตอนนี้หางตามีน้ำใสไหลรินลงมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้
เหงื่อผุดพรายบนหน้าผากแม้ว่าแอร์คอนดิชันเนอร์จะทำงานของมันจนห้องนี้เย็นเฉียบ
ผมฝันร้ายตลอดทั้งคืน...ผมฝันถึงแม่
ผมเห็นแม่นั่งร้องไห้อยู่ในความฝัน ชี้มือไปทางดีโอที่กำลังเดินอยู่ และเขาก็เดินห่างออกไป....
แต่ไม่ว่าผมจะยิ่งวิ่งตามเขาไปเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเดินห่างออกไปมากเท่านั้น
ระยะห่างของผมกับเขาไม่ได้ลดลง...และจู่ๆเขาก็หายไปเสียเฉยๆ ฝันวนไปวนมาอย่างนี้อยู่ตลอดทั้งคืน
ผมสะดุ้งตื่นและหอบหายใจอย่างแรงก่อนจะสะอื้นไห้...
นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างนั้นเมื่อสมองเริ่มประมวลผลได้ว่าอันไหนกันแน่ที่เป็นความฝันและความจริงที่ผมต้องเจอ
ผมบิดตัวคุดคู้และกอดตัวเองเอาไว้...
เมื่อรับรู้ได้ว่าไม่ว่าจะความฝันหรือความจริง...ผมก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
ผมนอนร้องไห้อยู่เงียบๆและปฏิเสธที่จะทำอะไรแม้แต่ขยับตัว
เป็นอย่างนั้นมาร่วมหลายชั่วโมง...จนกระทั่งเสียงกริ่งที่หน้าห้องนั้นดังขึ้น
ผมค่อยๆขยับตัวให้ลุกขึ้นจากเตียงกว้าง
ปาดน้ำตาพลางถอนหายใจออกมา...
มองกระจกที่ตรงหน้าห้องนอนก็พบว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปกปิดน้ำตาของผมเลย
เพราะดวงตาของผมแดงก่ำและบวมเปล่งจนน่าตกใจ...
มันแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผมผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง...และนั่นทำให้ผมต้องเดินออกไปเปิดประตูอย่างเลี่ยงไม่ได้
รับรู้ว่าเป็นเพื่อนๆทั้งสามคน เพราะเสียงทะเลาะกันโหวกเหวกโวยวายของแบคฮยอนและจงอินกำลังดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ผมถอนหายใจออกมาเมื่อแอบได้ยินประโยคสนทนาที่พวกเขากำลังเถียงกันแล้วก็ต้องกัดริมฝีปาก
“มึงห้ามพูดถึงชื่อไอ้ดีโอออกมาแม้แต่คำเดียวเข้าใจไหม?
ต่อจากนี้คำนี้เป็นคำต้องห้าม ถ้าคยองซูจะพูดเรื่องมันมึงก็หาเรื่องเบื่องประเด็นซะ”
จงอินพูดอย่างร้อนใจในขณะที่ผมเองก็ได้ยินเสียงของแบคฮยอนแหวกลับ
“เออ! กูรู้แล้ว! กูไม่ได้โง่นะไอ้จงอิน...มึงเหอะอย่าหลุดโมโหออกมาแล้วกัน
ไม่งั้นกูถีบมึงแน่ๆ นี่กูเอาจริงนะคราวนี้!”
“พอเลยพวกมึงอ่ะ...เดี๋ยวคยองซูก็ได้ยินหรอก
กดกริ่งอีกครั้งสิ และเลิกเถียงกันได้แล้ว”
เสียงของชานยอลดังขึ้นมาอย่างเอือมระอา...ทำให้ผมพยายามปาดน้ำตาออกจากแก้มอีกครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้จะไม่มีหยดน้ำตาบนใบหน้าที่ทำให้พวกเขาต้องกังวลใจ
ผมพยายามจะฝืนบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร...เพราะผมเป็นห่วงใจของเพื่อนๆมาก
พวกเขารักและเป็นห่วงผมเสมอ อยู่เคียงข้างมาตลอดไม่ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายแค่ไหน
ผมรู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่เลิกคบกับผม แต่พยายามจะทำให้เหมือนว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ทำให้รู้สึกเหมือนที่ดีโอต้องการให้ผมลบเขาจากใจ...
ผมไม่โกรธแบคฮยอนและจงอินที่พวกเขากีดกันความรักของเรา
เพราะผมรู้ว่าที่พวกเขาทำทั้งหมดนั้นเพราะว่าเขาเป็นห่วงผม
และผมมั่นใจว่าถ้าหากได้อยู่ข้างๆพวกเขา...ซักวันผมอาจจะลืมดีโอและความผิดบาปที่ผ่านมา
เสียงกริ่งกดขึ้นอีกครั้งและนั่นทำให้ผมต้องสูดหายใจเข้าไปลึก
พยายามจะฝืนยิ้มออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดในขณะที่เปิดประตูออกไป
แต่เห็นได้ชัดว่ามันคงเป็นยิ้มที่ฝืดมากจริงๆ...
ผมเห็นชานยอลหุบยิ้มที่พยายามส่งมาแล้วขมวดคิ้วส่งมาเมื่อเห็นสภาพของผม
แบคฮยอนและจงอินเองก็เช่นกัน...เขาเจื่อนยิ้มลงทันทีที่ผมเปิดประตูออกไป
จงอินกัดริมฝีปากแล้วมองไปทางอื่นอย่างจงใจ ราวกับว่าเขาไม่อยากจะเห็นผมในสภาพแบบนี้
แต่แบคฮยอนรีบกลับมาส่งยิ้มให้ผมอย่างร่าเริงเกินเหตุ
“คยองซู...นายตื่นนานรึยัง?
พวกฉันไปแวะซุปเปอร์มา...เลยกะว่าจะมาทำหม้อไฟกินที่ห้องนาย
นี่งายยย เรามาปาร์ตี้กันเหอะ!”
เขายิ้มส่งมาอย่างน่ารักแล้วชูถุงที่ถือพะรุงพะรังในมือขึ้นมาให้ผมดู
ผมยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นอย่างนั้น...ก่อนจะเดินถอยหลังให้พวกเขาเข้ามาในห้อง
“มาสิ...ฉันเพิ่งตื่นได้ไม่นาน พวกนายเข้ามาเตรียมของได้เลยนะ
ขอฉันไปอาบน้ำแปปเดียวแล้วจะออกมาช่วย”
“เอาเด่ะ...เดี๋ยวฉันกับไอ้พวกนี้เตรียมของรอแล้วกัน
นายไปอาบน้ำเหอะ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าครัวจะไหม้นะ
ว้า....ห้องนายมืดจัง เราเปิดม่านกันเหอะ”
ผมเดินนำเข้ามาแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนู
ส่งยิ้มบางๆให้ชานยอลที่เดินเข้ามาเปิดผ้าม่านในห้องออกจนห้องไม่ได้ดูมืดมนอีกต่อไป
“เออ...เปิดม่านอย่างนี้สิค่อยดูดีหน่อย อากาศกำลังดีเชียว
นี่ฉันเช่าดีวีดีมาดูด้วยนะ เรื่องนี้เพิ่งออกแผ่น
เดี๋ยวเรามาดูพร้อมกันตอนกินหม้อไฟดีกว่า”
จงอินยกยิ้มพลางชูแผ่นดีวีดีในมือขึ้นให้ผมดูแล้ววางลงไปบนโซฟา
ในขณะที่แบคฮยอนก็ง่วนอยู่กับการวางถุงข้าวของนั้นลงบนโต๊ะในห้องครัว
“นายรีบไปเหอะคยองซู...จะได้ออกมาช่วยฉันไง”
แบคฮยอนส่งยิ้มมาให้ผมที่กำลังยืนบื้ออยู่ตรงหน้าห้องอีกครั้ง
ผมสะดุ้งแล้วพยักหน้าตอบรับคำพูดของแบคฮยอน
ยกยิ้มส่งให้พวกเขา...ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข...ขอบใจพวกนายมากนะ ฉัน...ฉันขอโทษ”
ผมเริ่มร้องไห้...ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นแต่เพราะผมซาบซึ้งใจในความใจดีของพวกเขา
จงอินหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเดินมาหาผม เขายกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆแล้วปลอบประโลม
“ไม่เอาน่ะ...จะขอบใจทำไมล่ะ เลิกร้องไห้ได้แล้วนะคยองซู
นายนี่ตลกจัง...ทั้งๆที่ตอนเลิกกับฉันยังไม่เห็นร้องไห้ขนาดนี้เลยแท้ ฉันงอนนะรู้เปล่า?”
จงอินบ่นออกมาในขณะที่ทำปากจู๋ดูน่ารัก
ผมหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเพราะว่าไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะทำท่าทางน่ารักแบบนั้น
ชานยอลเดินเข้ามาโอบบ่าผมและแบคฮยอนเองเดินเข้ามาโอบเอวของผมก็เช่นกัน
“อย่ามาทำแอ๊บหน่อยเลยมึงอ่ะ เอามือออกไปด้วย เดี๋ยวกูก็ฟ้องพี่ลู่หานซะหรอก” ชานยอลพูดแหย่
“เหยยย กูก็แค่พูดเล่นกับคยองซูหรอกน่า” จงอินรีบแก้ตัว ผมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอย่างนั้น
“ขอบใจมาก...ขอบใจพวกนายที่เป็นห่วงฉัน” ผมพูดออกไปทั้งน้ำตา แบคฮยอนส่ายหน้าพลางกระชับกอดของเขาแน่นขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกคยองซู...เรื่องนี้พวกฉันเองก็มีส่วนผิด
แต่จากนี้ไปพวกเราจะอยู่ข้างนายเสมอนะเพื่อน”
“ฮือ...ข...ขอบคุณนะ”
แบคฮยอนกอดผม...ผมสะอึกแต่ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
ชานยอลยกยิ้มแล้วใช้แขนกว้างโอบเราสามคนเข้าไปกอดกันเสียจนแน่น
“เย้ๆๆๆๆๆๆ คยองซูยิ้มแล้ว...”
เขาตะโกนออกมาแล้วหมุนเราสามคนให้กระโดดโลดเต้นตามเขาเหมือนเด็กๆ
ผมหัวเราะออกมาเมื่อรู้สึกว่ากำลังทำอะไรไม่ค่อยเข้าท่านัก แต่เพื่อนๆก็ส่งยิ้มร่าและเล่นตามชานยอลแบบนั้น
“พอได้แล้วน่ะ...ทุกคนเลย
ฉันจะไปอาบน้ำล่ะ ปล่อยได้แล้วนะ”
“อื้ม...งั้นเราไปเตรียมของกันเหอะ ปาร์ตี้กัน หม้อไฟ หม้อไฟฟฟฟ”
ชานยอลกระโดดโลดเต้นพลางคว้ามือแบคฮยอนให้เดินกลับไปที่ครัว
จงอินหัวเราะและยกมือขึ้นมาลูบหัวผมอีกที
“หายเศร้าเร็วๆนะ...มันอาจจะยากหน่อย แต่พวกฉันจะรอคยองซูคนเดิมกลับมา”
เขาทิ้งประโยคที่ทำให้ต้องยกยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเดินออกไปสบทบกับชานยอลและแบคฮยอนทันที...
ผมเดินหันหลังมาในขณะที่ปาดน้ำตาออกจากแก้ม...
รู้สึกดีใจที่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีมิตรภาพดีๆของเพื่อนๆช่วยทำให้ยิ้มได้
ผมเริ่มต้นอาบน้ำแล้วปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านร่างกายลงไป
หวังเพียงแค่จะทิ้งเรื่องของดีโอลงไปกับสายน้ำที่กำลังชำระร่างกายของผมให้หมดจด
ผมเพียงแค่ปรารถนาให้ผมลืมเขาออกไปจากหัวได้เพียงแค่ชั่ววินาทีหนึ่งก็ยังดี
.
.
.
.
แม้รู้ดีว่าไม่มีทางลืมเขาได้เลย...
************
ผมอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จนานแล้ว
แต่ที่ไม่ยอมออกจากห้องเพราะกำลังได้ยินบทสนทนาอันแผ่วเบาที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่
อันความจริงพวกเขาไม่น่าพูดเรื่องนี้เลย แม้ว่าจะเป็นต่อหน้าหรือลับหลังผมก็ตาม
เพราะมันทำให้ผมคิดถึงดีโออีกแล้ว...
“มึงว่า...ตอนนี้ไอ้ดีโอมันจะไปถึงไหนแล้ววะ” แบคฮยอนถาม
“ทำไม...จู่ๆเป็นห่วงมันขึ้นมาหรือไงหืม?” ชานยอลเอ่ยแซว
“มันจะถึงหรือยังวะ? ป่านนี้มันจะไปอยู่ที่ไหนแล้วนะ
กูสงสารมันเหมือนกันนะที่มันเลือกที่จะทำแบบนี้
ถึงกูจะไม่อยากให้ทั้งสองคนคบกัน แต่กูก็ไม่อยากทิ้งไอ้ดีโอให้อยู่คนเดียวแบบนั้นเลย” แบคฮยอนตอบเสียงแผ่ว
“มึงคิดว่าถ้ามันไปถึง...มันจะโทรหาพวกเราไหมวะ?” ผมได้ยินเสียงจงอินถามขึ้นมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“กูเองก็ไม่รู้...แต่ในเมื่อมันกำชับกับเราแล้วว่าเราต้องทำทุกอย่างให้คยองซูลืมมัน
เราก็ต้องทำอย่างที่มันต้องการให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อไอ้ดีโอ มันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงคยองซูอีก”
“กูไม่อยากให้มันทำอย่างนี้เลย...
แต่กูก็ไม่เห็นทางไหนที่คยองซูจะลืมมันได้นอกจากทางนี้
กูนับถือใจมันนะ มันใจแข็งมากๆ
ถึงแม้จะหน้าตาท่าทางเหมือนกัน แต่พวกมันแตกต่างกันมากจริงๆ“ แบคฮยอนพูดพลางถอนหายใจ
“มันคงเติบโตมาในสังคมที่เป็นอย่างนั้น
เอาจริงๆถึงแม้ว่ากูจะไม่ค่อยชอบมัน แต่กูก็ไม่ได้เกลียดมันหรอกนะ
กูแค่ไม่ชอบที่มันกวนประสาทเรื่องคยองซู แต่กับเรื่องอื่นๆกูโอเคกับมัน
กูรู้สึกเสียดายที่มันต้องจากเราไป รู้สึกเหงาเหมือนกันว่ะ...ไม่มีคนให้ทะเลาะด้วยเลย เหงาปาก....” จงอินพูด
“แต่ในเมื่อมันตัดสินใจและฝากฝังเราไว้เราก็ต้องทำให้ได้นะ
เลิกเสียดายและเลิกพูดถึงมันซะ...
เพื่อคยองซูและเพื่อไอ้ดีโอด้วย” ชานยอลกระซิบ
“อืม...งั้นเอาโต๊ะมาตั้งกันเถอะ
กูได้ยินเสียงในห้องน้ำเงียบไป...เดี๋ยวซักพักคยองซูก็คงออกมาแล้ว”
แบคฮยอนชักชวนให้ทั้งหมดไปเตรียมของตามเดิม
และเสียงบทสนทนาที่เจ็บปวดนั้นก็จบลง แต่มันกลับทำให้ผมต้องกลืนก้อนสะอื้นลงไปในคออย่างยากลำบาก
ดีโอ...นายมันบ้าที่สุด
คิดเหรอว่าแค่การบอกไม่ให้พูดถึงมันจะทำให้ฉันลืมนายได้
ฉันเห็นนายอยู่ในตาของฉันในทุกเวลาที่ฉันส่องกระจก
ฉันเห็นนายอยู่ในความทรงจำเสมอไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนหรือทำอะไร
นายคิดว่าฉันจะลืมได้งั้นหรือไง....ไม่มีวันหรอก
บ้า...นายมันโง่ที่สุด....
ผมและเพื่อนๆผ่านมื้ออาหารกันไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกว่ากินไม่ค่อยลงและหนังจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นัก
เพราะในหัวมีแต่แว๊บภาพใบหน้าของดีโอขึ้นมาอยู่เรื่อยๆจนไม่เป็นอันทำอะไร
ผมเดินเข้าไปเอาจานไปเก็บล้างในครัว และปล่อยให้พวกเขาได้เล่นเกมส์กันต่ออย่างสนุกสนาน
ผมถอนหายใจออกมาเมื่อจัดวางจานแล้วเห็นแก้วกาแฟของเขาวางอยู่ตรงนั้น
เม้มริมฝีปากแน่นแล้วหันเหสายตาไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าน้ำตาพาลจะไหล
ในเมื่อเรื่องราวของเขายังอยู่...มันเหมือนว่าเขาไม่ได้หายไปไหน...
“ทำหน้าอย่างนี้อีกแล้วนะ” เสียงของชานยอลที่ดังขึ้นมานั้นทำให้ผมต้องสะดุ้ง...
“ขอโทษที...” ผมกระซิบกลับไป
“ไม่เป็นไรหรอก...ฉันเข้าใจว่ามันลืมยาก
ฉันไม่โกรธหรอกถ้านายจะคิดถึง...
แต่ฉันไม่อยากให้นายเอาชีวิตที่เหลือไปผูกติดอยู่กับคนที่จากไปนัก”
ชานยอลกระซิบตอบมาพลางยกมือลูบหลังผม
ผมถอนหายใจและพยักหน้าออกมาเมื่อรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
“อื้ม...ฉันจะพยายามนะ” ผมตอบไป
“ไม่เป็นไรหรอก...นายเสร็จหรือยังล่ะ ฉันว่าเราไปนั่งเล่นไพ่กันต่อเถอะ” ชานยอลชักชวนผม
“อ่า...เอาสิ นายไปก่อนเลยก็ได้ ฉันขอเก็บแก้วนี่แป๊ปเดียว”
ผมยิ้มออกมาบางๆแล้วคว้าเอาแก้วกาแฟของดีโอขึ้นมาถือไว้
เปิดตู้เก็บจานข้างบนเพื่อหมายจะเก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุดและไม่ต้องพบเจอมันอีก
แต่ผมก็ไม่ทันได้ทำอย่างที่ตั้งใจ....
“อ๊ะ!”
เพล้ง!!!!
ผมร้องออกมาเมื่อจู่ๆหัวใจผมก็สั่นอย่างไม่มีสาเหตุ...
มันเต้นรัวเร็วและจู่ๆก็เจ็บแปลบจนทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมากุมที่หน้าอกไว้
ชานยอลวิ่งเข้ามาประคองผมที่ตอนนี้รู้สึกว่ากำลังหน้ามืดเหมือนโลกทั้งใบกำลังดับวูบไป
ที่ขมับนั้นเต้นตุบๆแล้วปวดจนแทบระเบิดราวกับจะตายให้ได้
ผมทรุดตัวลงไปในอ้อมแขนของชานยอลแล้วเริ่มกระตุก!
“คยองซู!! คยองซู!!”
ชานยอลตะโกนพลางเขย่าตัวผม ผมเห็นจงอินและแบคฮยอนวิ่งปึงปังแล้วมาจับผมไว้
ผมหลับตาปี๋แน่นเมื่อภาพในตาเป็นสีขาวสว่างจ้าและหัวใจก็บีบแน่นจนเจ็บปวด
...แต่เมื่อผมหอบหายใจอยู่ซักพักหนึ่งอาการทุกอย่างก็หายไป...
“ค...คยองซู เป็นยังไงบ้าง?”
แบคฮยอนถามผมเสียงสั่น
เขายกมือขึ้นทาบอกแล้วเขย่าตัวผมอย่างร้อนรน
ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอก่อนจะยกมือบอกเขาว่าผมไม่เป็นไร
“ม...ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร”
ผมหอบหายใจ...รีบบอกแบคฮยอนออกไปเมื่อผมเห็นว่าเขากำลังจะร้องไห้
หน้าของจงอินดูซีดเผือดและชานยอลก็แสดงออกถึงความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“นาย...ไม่เป็นไรแล้วแน่เหรอ? “ จงอินถามผม
“อืม...ไม่เป็นไรแล้ว
ม...เมื่อกี้ฉันหน้ามืดน่ะ อาจจะเพราะเมื่อคืนนอนไม่พอ”
ผมตอบกลับไปทั้งๆที่หัวใจยังคงเต้นตุบๆ
ผมรีบปรับลมหายใจแล้วลุกขึ้นยืนเป็นปกติ
แม้ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อกี้จะหายไป แต่หัวใจก็ยังคงสั่นอยู่ดี
“ฉันตกใจหมด...อย่าเป็นอะไรไปนะ
เราไปที่โซฟากันเถอะ จงอินนายช่วยที”
“แบคฮยอน...ช่วยเก็บเศษแก้วนั้นทิ้งที”
ชานยอลพูดขึ้นมาเสียงแผ่ว ในขณะที่ขอร้องจงอินให้ช่วยพยุงผมเดินไปที่โซฟาอีกแรงหนึ่ง
ผมมองลงไปที่เศษแก้วที่แตกนั้นด้วยความเสียใจ
...แก้วของดีโอนั้นแตกไปแล้ว...
จงอินรีบคว้าไหล่ของผมให้ออกเดินแต่ผมกลับขืนตัวไว้
ผมรีบปัดมือพวกเขาออกแล้วรีบปฏิเสธว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
ก่อนจะชักชวนพวกเขาให้เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นและเล่นเกมส์กันตามปกติ
ในตอนแรกพวกเขามองผมอย่างเป็นห่วง แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานเราก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ผมกลับนั่งมองทั้งสามคนนั่งเล่นไพ่กินเงินกันและแสร้งทำเป็นหัวเราะอย่างสนุกสนาน
แต่ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจยังสั่น...ผมไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไรแต่ที่ผมรู้คือแสงสีขาวนั้นสว่างจ้าจนผมรู้สึกกลัว
แบคฮยอนสบถออกมาเมื่อเขาแพ้เป็นครั้งที่สิบ เรียกสติให้ผมกลับมาสนใจพวกเขา
ผมเห็นเขาทิ้งไพ่ลงไปบนพื้นอย่างหัวเสียแล้วเดินมานั่งข้างผม
“อะไรกัน...แพ้แล้วหรือ?” ผมแสร้งยกยิ้มถามเขา
“อือ...ไม่เล่นแล้วโมโห ดูทีวีดีกว่า”
แบคฮยอนพูดพลางคว้ารีโมททีวีขึ้นมากดหาช่องที่ถูกใจ
ผมหันขึ้นไปดูทีวีกับเขาจนกระทั่งรายการนั้นถูกตัดด้วยการรายงานข่าวด่วน
ผมและแบคฮยอนไม่ได้สนใจ หากแต่เมื่อนักข่าวรายงานข่าวขึ้นมา...บรรยากาศทั้งห้องก็เงียบสนิท...
‘มีเหตุเครื่องบินตกเมื่อครู่ที่ผ่านมาที่ทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกาในรัฐ South Carolina
โดยเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุคือเที่ยวบินของสายการบิน Northwest Airline เที่ยวบินที่ JFK – 1672
ซึ่งออกเดินทางจากเกาหลีใต้เมื่อคืนนี้...
และจะมีกำหนดลงจอดที่สนามบินนานาชาติ JOHN F. KENNEDY ของกรุงนิวยอร์คในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า
ทางสายการบินยังไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุเกิดเพราะอะไร
หากแต่ทางวิศวะกรและเจ้าหน้าที่ๆเข้าไปตรวจสอบสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้าในเครื่องขัดข้อง
ทำให้เครื่องบินไม่สามารถปรับความดันในอากาศได้ และเป็นสาเหตุให้เครื่องบินตก
ทางรายงานกล่าวว่าเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ไม่มีผู้รอดชีวิต
ทางเราจะรายงานข่าวให้ทราบหากมีข่าวคืบหน้าต่อไปค่ะ...’
“...............................................”
ทั้งห้องเงียบกริบ...แม้แต่ตัวผมเองยังลืมหายใจ
ผมนั่งทบทวนเนื้อหาในข่าวที่ถูกรายงานออกมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังมีน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตา
โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุนไป...เรี่ยวแรงของผมที่เคยมีในตอนนี้มันกลับหายไปหมด
สมองของผมว่างเปล่า คิดไม่ออกแม้กระทั่งว่าควรจะทำอะไรในตอนนี้
“ค...คยองซู” แบคฮยอนหันมาสัมผัสที่หัวไหล่ของผมแผ่วเบา
น้ำตาของผมไหลอาบแก้ม...หัวใจเหมือนถูกบีบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย ผมกำลังจะตายอยู่ตรงนี้
เครื่องบินตก...ไม่มีผู้รอดชีวิต...
...เขาตายแล้ว...
“ม...ไม่จริงอ่ะ ไม่จริง -- ช...ใช่มั้ย...?”
ผมเอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่น้ำตาไหลอาบแก้ม...ร่างกายกำลังสั่นระริกจนไม่อาจจะทำให้มันกลับไปเป็นปกติได้
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนผมคิดว่าผมอาจกำลังจะฝันไป
แต่แบคฮยอนเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน น้ำตาของเขาร่วงผล็อยในขณะที่มองหน้าผม
ซึ่งนั่นทำให้ผมรับรู้ว่านี่คือความจริง...ไม่ใช่ความฝัน
...เขาตายแล้ว...
“จ...ใจเย็นๆก่อนนะคยองซู ใจเย็นก่อน”
ชานยอลลุกขึ้นมาเขย่าตัวผม
ผมลืมตาเบิกโพลงก่อนจะมองหน้าเขา...ใจเย็นงั้นเหรอ?
“ช...ชานยอล บอกฉันทีว่ามันไม่จริง
ไม่จริงใช่มั้ย!! ด...ดีโอ...เขายังไม่ตายใช่มั้ย!!!!”
“คยองซู...จ...ใจเย็นก่อนได้ไหม”
“ไม่!!! ไม่นะ มันไม่จริง!!!
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!”
ผมตะโกนออกมาจนสุดเสียงแล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟา ผมยกมือปัดป่ายมือของชานยอลที่เข้ามารวบตัวผมไว้
ผมอยากจะวิ่งหนีไปจากที่นี่...ไม่อยากเห็นใคร ไม่ต้องการคำปลอบใจจากใครๆทั้งนั้น!
แค่อยากจะหนีไปให้ไกล ไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไรอีก!
...เขาตายแล้ว…ดีโอตายแล้ว...
“หยุดนะ! นายจะไปไหน!!!!”
ชานยอลตะโกนก้องในขณะที่กอดรัดตัวผมเอาไว้
ผมร้องไห้ออกมาเป็นบ้าเป็นหลังในขณะที่พยายามเหวี่ยงตัวเองให้ออกจากอ้อมกอดของชานยอล
ผมอยากจะวิ่งไปไหนก็ได้! อยากจะหลีกหนีไปจากตรงนี้!!!
“ปล่อย! ปล่อยฉัน!! ปล่อยฉันเซ่!!!!!!!”
ผมตะโกนออกไปเสียงดังลั่น น้ำตาที่ไหลลงมายังคงทำให้ร่างกายกระตุกสั่น
ผมพยายามจะขัดขืนอ้อมกอดของชานยอล แต่เขากลับล๊อคตัวผมไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
จงอินก็วิ่งเข้ามาช่วยดึงผมเอาไว้อีกแรง เมื่อเห็นว่าผมกำลังเหวี่ยงตัวไปมาเหมือนคนบ้า...
ใช่...ผมบ้าไปแล้ว...
“คยองซู!! นายช่วยใจเย็นหน่อยได้ไหม?!!!!”
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน...ไม่ก็ฆ่าฉันให้ตายซะสิ! ฆ่าฉันเลย!!!!!”
เพื๊ยะ!!!!!!
“เลิกบ้าได้แล้วคยองซู!! ดีโอตายไปแล้วและฉันจะไม่ยอมเสียนายไปอีกคนแน่!”
แบคฮยอนวิ่งเข้ามาตบหน้าผมจนผมชาไปหมด
ที่ชาไม่ใช่แค่ที่ใบหน้า...แต่มันชาไปถึงหัวใจ...ชาไปทั้งร่างกายจนผมไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก
แข้งขาของผมไร้เรี่ยวแรงเพราะแรงตบนั้น และความจริงที่ราวกับจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น...
คำพูดของแบคฮยอนกำลังทำร้ายผม...
คำพูดที่บอกว่าเขาจากไปแล้ว เขาจากไปในที่ๆผมตามไปไม่ได้....
“ฮึก....ฮือออออออออออออออออออ”
ผมร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วปล่อยตัวเองให้ลงไปนอนกองกับพื้น
ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรอีกแล้ว...
เป็นผมเองที่ผลักไสเขา...เป็นผมเองที่หยิบยื่นความตายให้เขาแบบนี้....
ผมเกลียดที่พระเจ้ากลั่นแกล้งผมให้ตายทั้งเป็น...
มันอาจเป็นบาปกรรมที่เราควรได้รับจากการกระทำชั่วๆที่ผ่านมา
ผมเกลียดพระเจ้าที่พิพากษาเราเร็วเกินไป...
ผมยังไม่พร้อมรับมัน...
ผมเกลียดพระเจ้า...ผมเกลียดที่พระองค์ทำให้ชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้
ผมเคยอธิษฐาน...ปรารถนาขอเพียงแค่โอกาสจากพระองค์เท่านั้น...
....แต่พระองค์ก็ไม่ยอมมอบให้...
.
.
.
.
แต่กลับพรากเขาไปจากผม...ตลอดกาล
************
ความรักไม่ได้ทำให้เราทรมานหรอก...
แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องทรมาน คือ ความคิดถึง
- I MISS YOU : รักฉัน....อย่าคิดถึงฉัน -
ผมนอนอยู่บนเตียงกว้างอ่อนนุ่มในโรงพยาบาล นอนจมน้ำตาที่ไม่อาจจะหมดสิ้นไปจากดวงตาของผมเสียที
ร่างกายของผมอ่อนแอลงมากราวกับว่าถ้ามีใครมาสั่งให้ตายตอนนี้ผมคงจะต้องตายแน่ๆ...
ผมอยากให้มันเป็นอย่างนั้น....แต่พระเจ้ากลับไม่ยอมให้ผมตายเสียที
บาปที่ผมกับดีโอทำไว้มันคงผิดบาปมากซะจนความดีไหนๆก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงมันไปได้
ผมเสียเขาไปแล้ว...และคนที่ต้องทนทุกข์ต่อไปก็คือผม
เขาตายแล้ว...ผมเสียเขาไปแล้ว...
ผมควรจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่ผมมีอาการประหลาด...
ควรจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่แก้วกาแฟใบโปรดของเขาแตกลงไป
สัญชาติญาณฝาแฝดของเขาถูกส่งมาถึงผมในห้วงสุดท้ายของชีวิต
หากแต่ผมกลับโง่งมจนไม่ได้คิดถึงสัญญาณนั้นเลย...
หัวใจของเจ็บปวดที่ได้รับรู้มันซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้
รับรู้ว่าเขายังคงคิดถึงผมแม้แต่ในลมหายใจสุดท้ายของเขา...
ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน...
ดีโอ...นายอยู่ที่ไหนนะ
พาฉันไปด้วยได้ไหม.....
วูบ.....
ลมที่พัดเข้ามาวูบหนึ่งนั้นทำให้ผมต้องประหลาดใจ
หน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้แต่กลับมีสายลมวูบหนึ่งที่พัดมาจนทำให้ผมต้องผุดลุกขึ้นนั่ง
...ดีโอ....
ผมปาดน้ำตาออกไปจากข้างแก้ม...ก่อนจะผุดลุกขึ้นมองไปรอบห้องเพื่อจะตามหาต้นตอของสายลมนั้น
แต่ฉับพลันที่พยายามมองหา ก็มีกลิ่นบางอย่างที่โชยมาติดจมูก และทำให้หัวใจผมเต้นระทึก
...กลิ่นบุหรี่ของเขา...
หัวใจของผมเต้นรัวจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
น้ำตายังคงรินไหลลงมาจากหางตา แต่ผมไม่ได้คิดจะปาดมันออกอีกแล้ว
แต่ผมกลับพยายามจะถามตัวเองว่ากลิ่นนั้นใช่หรือไม่...
แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวและฟันธงไปก่อนแล้ว...
ไม่ผิดแน่...กลิ่นบุหรี่ของดีโอ...
ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามกลิ่นที่ปลายจมูกไปเรื่อย...
ค้นหาต้นตอและที่มาของมัน...เผื่อว่ามันจะทำให้ผมได้พบเขาอีกซักครั้ง
...ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน...
ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อออกแรงกระชากสายน้ำเกลือออกไปจากมือของผม
มันเจ็บ...แต่ในตอนนี้ความเจ็บนั้นไม่ได้น่าสนใจหรือเจ็บปวดเท่ากับหัวใจของผม
ผมปรารถนาที่จะพบเขา...อยากพบกับดีโออีกครั้งจนแทบบ้า...
ปรารถนาว่าเขาจะพาผมไปอยู่กับเขา...
ผมเดินออกตามหาต้นตอของกลิ่นที่ผมคิดถึง...
ผมคิดว่าผมอาจจะเป็นบ้าไปแล้ว...แต่ผมกลับมองเห็นแผ่นหลังของเขาอยู่จากที่ไกลๆ
ผมรีบวิ่งตามเขาไป และรู้สึกถึงเรี่ยวแรงมหาศาลที่พวยพุ่งขึ้นมาจากร่างกายของผม
ทั้งๆที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา...ผมไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว...
แต่ตอนนี้ร่างกายของผมกลับตื่นตัวอย่างเต็มที่
มันกำลังกลับมาเป็นร่างกายของผมอีกครั้ง....
เรี่ยวแรงอีกครึ่งหนึ่งของผมที่หายไปกำลังกลับมา...
ร่างกายและจิตวิญญาณของผมกลับมาอีกครั้ง...
ผมยกยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าเค้ากำลังยืนอยู่เบื้องหน้า
ฝนกำลังตก...แต่หัวใจของผมกลับเต็มไปด้วยความสุข
คยองซูกำลังกวักมือเรียกผมจากที่ไกลๆ...ผมกำลังเดินตามเขาไปติดๆ
ผมกำลังจะไปหาเขา...
เขาหายวับไปอีกครั้งแต่กลิ่นบุหรี่นั้นก็ยังไม่จางหายไป...
ผมมั่นใจว่าผมอยู่ใกล้มากขึ้นเพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่กลิ่นของบุหรี่อีกแล้วที่ลอยมาเข้าจมูกของผม...
กลิ่นแชมพูของเรา...สบู่กลิ่นโปรด และกลิ่นกายหอมๆของดีโอลอยกลับเข้ามาในจมูกของผมจนทำให้ผมต้องยกยิ้มร่า
นั่นไง...เขาอยู่ข้างหน้า...เขากำลังส่งยิ้มมาให้ผม
อีกฟากถนนนั้น...มีเขาอยู่
เขายืนล้วงกระเป๋าเสียเท่ห์เชียว...แล้วส่งคำพูดแบบไร้เสียงกลับมาให้ผม
สรรพสิ่งบนโลกนี้เงียบสนิท...ผมได้ยินแค่เสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น
แม้แต่เสียงกระซิบจากอีกฟากถนนนั้นก็ยังชัดเจนราวกับว่าเขามากระซิบอยู่ข้างๆผม
‘ฉันรักนาย...‘
น้ำตาของผมไหลอาบแก้ม...เมื่อได้เห็นสีหน้าของเขา
สายฝนที่กำลังหลั่งรินนั้นทำให้ตัวผมเปียกโชก หนาวไปทั้งร่างกาย...แต่หัวใจกลับอบอุ่น
ผมยกยิ้มให้เขาก่อนจะกระซิบตอบกลับไป...เท้าผมก้าวเดินไปหาเขา
‘ฉันก็รักนาย...ดีโอ’
ผมสาวเท้าเดินไปเรื่อยๆ...รอยยิ้มของเขาพรายกว้างเต็มแก้ม
ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังอยู่ที่ข้างหู...
อยากกอดเหลือเกิน...
‘นายพร้อมจะไปกับฉันไหมที่รัก...’ เขากระซิบอีกครั้ง...
‘ที่ไหนมีนาย...ที่นั่นมีฉัน...ที่รัก’ ผมกระซิบตอบกลับไป
ดีโอยกยิ้มกว้าง...น้ำตาของเขารินไหล...
เขายื่นมือมาข้างหน้าเพื่อรอให้ผมเดินไปจับ...
...แล้วผมจะปฏิเสธมันทำไมเล่า ในเมื่อเขามาอยู่ตรงหน้านี้....
ผมออกแรงวิ่งเพื่อหวังจะเข้าไปกอดเขา...
ทุกสิ่งในโลกของผมยังไร้สรรพเสียง
ถึงแม้ว่าเสียงๆหนึ่งจะดังกังวานไปทั่วบริเวณนั้น...
ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
‘หากคุณเป็นฝาแฝด พวกคุณย่อมไม่มีวันแยกจากกันได้...
มันเป็นกฎธรรมชาติที่ฝาแฝดต้องเกิดมาอยู่และใช้ชีวิตร่วมกัน
พวกคุณเดินทางมาสู่โลกนี้ด้วยกัน จึงควรอยู่ด้วยกันตลอดจนชั่วชีวิตที่เหลืออยู่’
ใช่...เกิดมาด้วยกันก็ต้องตายไปด้วยกัน
.
.
.
...ตายไปด้วยกัน...
โครม!!!!!!!!
โอ...มันไม่เจ็บเลย...ความตายไม่ได้เจ็บปวด
เพราะแค่ผมได้รู้ว่าเขากำลังรออยู่เบื้องหน้า ผมก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือเจ็บปวดอะไรแล้ว...
หากว่ามันจะเจ็บปวด...ผมพร้อมจะยอมเจ็บปวดเพื่อเขา...
...และสุดท้ายเราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง....
โดยที่พระเจ้าก็ไม่อาจจะพรากเราจากกันได้อีก....
- THE END -
P.S. อย่าเพิ่งฆ่าไรเตอร์...
. พรุ่งนี้ต้องลงแฮปปี้เวอร์ ไรเตอร์ยังตายไม่ได้....
ความคิดเห็น