คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ✚ BELONG TO YOU :: 1
Rate : PG-15
01
ฝันที่ผมและเขาต่างก็จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่านานแค่ไหนแล้วที่เราตั้งเป้าหมายกันไว้
ตอนนั้นความฝันของเราสวยงาม...
และไม่มีใครจะคิดว่าโลกความจริงนั้นจะโหดร้ายกว่าที่เราสองคนคาดเอาไว้มากมายเหลือเกิน...
“นายใกล้จะได้เดบิวต์แล้วสินะ...คยองซูอ่า
ฉันได้ยินข่าวมาแว่วๆ ว่าตอนนี้พวกนายกำลังซ้อมกันหนักมากเลย เหนื่อยไหมตัวเล็ก?”
ผมถามเขาด้วยรอยยิ้ม เอาแต่มอง โด คยองซู ไม่วางตาด้วยความคิดถึง เนื่องจากเราไม่ได้เจอกันมานานพอสมควรแล้ว
ท่ามกลางภาระมากมายและงานที่รัดตัว ผมกลับคิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผมพลาดไม่ได้
ผมมีซ้อมเต้นต่อตอนเที่ยงคืน...และเรามีเวลาพักเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้เวลานี้เพื่อนัดเจอกับคยองซูโดยไม่ให้เสียเปล่า
เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด 24 ชม.
เพื่อที่เราจะได้มีเวลาพูดคุยกันบ้างหลังจากที่แทบจะไม่มีเวลาได้คุยกันเลย
“อืม...มันเหนื่อยก็จริง...แต่ฉันก็ดีใจนะที่มันกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง
นายเองก็เหมือนกัน เหนื่อยมากไหมชิค...นายดูเหมือนจะผอมลงไปเยอะเลยนะ”
คนตาโตถามผมกลับมาพร้อมทั้งทำหน้าเป็นห่วงเป็นใย
คยองซูมักจะเป็นอย่างนี้เสมอล่ะ...ถึงแม้ว่าเขาจะเหนื่อยเขาก็ยังยืนยันที่จะดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง
เป็นอย่างนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ...
“ก็นิดหน่อย...แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันไหว
ช่วงนี้ฉันต้องไดเอทนิดหน่อยเพื่อเตรียมอัลบั้มใหม่ -- เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”
ผมพูดปดกับเขา อันความจริงแล้วผมไม่ได้ไดเอทหรอก...
หากแต่เพราะว่าตารางงานอันแน่นขนัดของผมนั้นทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาได้กินอย่างเป็นสุขนัก
ผมกับสมาชิกกินข้าวกล่องที่ซื้อจากคอนวิเนี่ยนและบางทีก็ต้องทิ้งมันไว้จนเสียเพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจมัน
“นายต้องดูแลตัวเองนะคยองซู...ช่วงนี้ใกล้เดบิวต์แล้วนายต้องใส่ใจตัวเองหน่อยล่ะ
แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนต้องชอบนายแน่ๆ ก็นายน่ารักขนาดนี้นี่นา”
ผมไม่พูดเปล่าหากแต่ยังส่งมือขึ้นไปลูบที่ศีรษะเล็กของเขาๆ เบาๆ อย่างเอ็นดู
เราเป็นเพื่อนกันมานาน...แต่แน่นอนว่าผมไม่เคยคิดกับเขาเป็นเพื่อนเลยซักครั้ง
ผมไม่กล้าเรียกแทนตัวเองด้วยสถานะไหนหรอก...อาจจะเป็นเพื่อนพิเศษหรืออะไรก็ได้
เพราะเราอยู่ด้วยกันมานานเกินไป...และไม่มีใครจะยอมปริปากเริ่มถามถึงสถานะของเราเลยซักครั้ง
ทั้งผมและคยองซู...เราไม่เคยพูด แต่เรารู้ว่าเราอยู่ในฐานะอะไร...
“ขอบใจนะฮยอนชิค...”
คนตัวเล็กกว่าพูดพร้อมกับยิ้ม
เราเงียบไปกันไปเล็กน้อยเมื่อผมหยิบเอาอเมริกาโน่ขึ้นจิบ
และคยองซูเองก็ยกคาราเมล มัคคลิอาโตของเขาขึ้นดื่มอย่างเงียบๆ
ความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าระหว่างเรามีอะไรเปลี่ยนไป
ในระยะเวลาที่ผมเริ่มต้นโปรโมทเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่ระยะห่างของเรากลับมากขึ้นเรื่อยๆ
มันไม่เหมือนเดิม...ผมรู้ดีพอๆ กับที่พยายามจะทำตัวเองให้เป็นเหมือนเดิม...ทั้งๆ ที่ในใจรับรู้ว่ามันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
“ฉันไม่ค่อยได้โทรหานายเลย...ขอโทษนะ” ผมเอ่ยขึ้นมาเมื่อเราสองคนต่างเงียบไปซักพักหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก...ที่ฉันนัดนายมาวันนี้ก็เพื่อจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน”
คยองซูพูดกับผมแผ่วเบา
เขาเสตามองออกไปนอกหน้าตาและปฏิเสธที่จะมองหน้าผม
ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเรา...
“มีอะไรเหรอ? ว่ามาสิ...” ผมถาม...ทั้งๆ ที่ในใจก็ยังสับสนและไม่แน่ใจนักว่าตัวเองพร้อมสำหรับคำตอบของเขาไหม
“ทางบริษัทจะให้ฉันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
พวกเขาจะจำกัดการโทรของเรา...และบังคับให้ฉัน...ห่างจากนาย”
“........................................................”
คำตอบที่เขาบอกมาไม่ได้ต่างจากที่ผมคิดเท่าไหร่นัก...
แต่ผมยอมรับว่ามันออกจะร้ายแรงมากเกินไปจากที่ผมคิดไว้เล็กน้อย
ห่างกันเหรอ...เขาหมายถึง -- เราจะไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้วใช่ไหม
“ถึงจะเป็นฉันก็ไม่ได้เลยเหรอ?” ผมถามเขาเสียงแผ่ว...
“นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันเหนื่อย
พวกเขากำลังล้างสมองเรา...กำลังเปลี่ยนตัวตนของเรา
ฉันเจ็บปวดที่ทำไม่ได้แม้แต่จะติดต่อพ่อกับแม่หรือพี่ชาย
พวกเขาคิดว่ามันจะทำให้เราอ่อนแอถ้าเราได้พูดคุยกับพวกเขา
ฉันไม่แน่ใจเลยว่าฉันจะไปรอด...ฉันกลัวเหลือเกินฮยอนชิค”
คยองซูพูดรัวเร็ว น้ำเสียงของเขาดูหวาดวิตกและดูเป็นทุกข์
แต่ผมเองไม่แน่ใจนักว่าควรจะต้องพูดหรือทำอะไร...ไม่รู้เลยซักนิดว่าคยองซูกำลังต้องการให้ผมพูดอะไรกับเขา
“.........................................”
ผมนิ่งสนิท และปฏิเสธที่จะพูดอะไรกับเขา
ผมคิดว่าคยองซูเพียงแค่ต้องการจะระบาย
หากแต่มันกลับทำให้ผมลำบากใจเมื่อเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
“บอกฉันสิฮยอนชิค...
นายช่วยบอกฉันทีว่าฉันควรจะทำยังไง
ฉันควรเดินต่อไหม...หรือว่าฉันควรจะหยุดมันเอาไว้ตรงนี้”
เขาถามพร้อมๆ กับที่จ้องเข้ามาในตาของผม
เราสองคนมองหน้ากันและเงียบกริบ...เพราะนั่นคือคำตอบที่ผมเลือกไม่ได้
จนกระทั่งเสียงข้อความที่ดังขึ้นมาจากกระเป๋านั้นทำให้ผมและคยองซูต่างก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว
“ขอโทษนะคยองซู...แต่ฉันมีซ้อมต่อจากนี้น่ะ” ผมเอ่ยขอโทษเขา
“......................................”
คยองซูหลุบตาลงมองที่โต๊ะกาแฟตรงหน้า...เราสองคนต่างก็เงียบกริบ
และผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงเมื่อเป็นอย่างนี้
“พูดอะไรบ้างสิ” ผมบอกกับเขา
“งั้นก็เลือกมันมาสิ...
ฉันกำลังขอร้องให้นายตัดสินใจเรื่องของเราเป็นครั้งแรกนะฮยอนชิค
บอกฉันสิว่าฉันควรทำยังไง...?”
คยองซูมองตรงมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำ...ราวกับว่าเขากำลังฝืนตัวเองไว้ไม่ให้ร้องไห้
ผมกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างยากลำบาก
ผมไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง...มันยากมากที่จะให้ผมตัดสินใจในระยะสั้นๆ เช่นนี้
ผมกับคยองซูสนิทกันมาได้จนถึงป่านนี้ก็เพราะว่าเรามีความฝันเดียวกัน
ความฝันที่จะได้เป็นนักร้อง...ยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนแล้วขับกล่อมพวกเขา
แต่คยองซูกำลังจะทำให้ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว...ซึ่งความจริงแล้วผมอยากจะทำอย่างนั้น
แต่ผมทำไม่ได้หรอก...มันจะทำให้เขาต้องเจ็บ...และผมด้วยเช่นกัน
ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมองเขา คยองซูกำลังจ้องมองมาที่ผมอยู่แล้ว
ราวกับว่าเขากำลังรอคอยคำตอบของผมอยู่ในทุกขณะจิต
และเพียงแค่วินาทีเดียวที่ผมสบตาเขา -- ไม่ต้องคิดให้มากมาย ผมก็รู้คำตอบดีแก่ใจอยู่แล้วว่าควรจะตอบเขาไปว่าอะไร...
“งั้นก็เลือกความฝันของนายเถอะ คยองซูอ่า...
.
.
และต่อจากนี้ก็อย่าเป็นห่วงฉันอีกเลย”
✚ TALK
มันมาแล้ววววววววววว สปอยล์ไว้นานมากในที่สุดก็ได้ฤกษ์ลงซักทีนะคะ ><
เรื่องนี้เค้าแต่งไว้นานละ แต่งเกือบจบละ แต่ก็ยังไม่จบ - -
แต่เพราะสัญญาไว้ว่าจะแต่งชิคโด้ลง ก็เลยตัดสินใจเอามาลงก่อน
จบไม่จบว่ากันอีกทีนะ คึคึ #โดนตบ
เรื่องนี้จะดราม่านิดนึงนะคะ แต่น่าจะจบดีนะ #คิดว่านะ
เพราะงั้นแล้ว ก็อย่าลืมช่วยเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ใครชอบเรื่องนี้ก็เม้นท์กันหน่อยน้า
เรื่องนี้คงไม่ค่อยมีคนอ่านเยอะ เพราะงั้นแล้วคนน้อยๆนี่แหละต้องร่วมด้วยช่วยกัน ><
มาติ่งด้วยกันนะ อย่าปล่อยนมน.ติ่งคนเดียวนะคะ มันเหงา 5555555555
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น