ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB & EXO] ✚ :: BEL0NG T0 Y0U :: ✚ [ HYUNSIK & D.O. ]*

    ลำดับตอนที่ #2 : ✚ BELONG TO YOU :: 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 531
      6
      4 มี.ค. 56

     


    Author : `MR.$N0WMAN * 
    Pairing : Lim Hyunsik & Do Kyungsoo
    Rate : PG-15




     

     

    02 









    จากความฝัน..กลายเป็นความเจ็บปวด...จากความเจ็บปวดกลายเป็นความห่างเหิน

    ชีวิตของคนเรามันไม่มีทางเลือกมากนักหรอก

    ผมยังคิดว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่อย่างน้อยเราก็ยังยืนอยู่บนผืนฟ้าเดียวกัน

     

    ผมเคยรู้สึกว่าเจ็บปวดที่เป็นคนที่เดินนำหน้าเขามาแล้วทิ้งเขาไว้ข้างหลังเพียงคนเดียว

    แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันเจ็บปวดกว่ากันเยอะเลย...เพราะเราต่างคนต่างมีหนทางของตัวเอง

    ซึ่งดูเหมือนกับว่าเราไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลยซักนิด...

     

     


     

    คิดถึง...ผมล่ะคิดถึงคยองซูจนแทบจะบ้า

     

     
     

    มันเป็นเวลาซักพักนึงได้แล้วล่ะมั้งที่เขากับคยองซูไม่ได้ติดต่อหรือคุยกันเลย

    ผมยังคงพูดถึงเขาบ้างตามรายการวาไรตี้ต่างๆ เพื่อที่จะไม่ให้เรื่องของเราถูกลืมเลือนไป

    และในเมื่อผมมีสิทธิที่จะพูด...ผมก็จะเป็นฝ่ายพูดเองโดยไม่ต้องถามเขาหรอก

    ในเมื่อบริษัทของเขาไม่อยากให้เขาพูดถึงผม...ก็ไม่เป็นไร

    แต่ผมเองยังพูดถึงเขาได้...เพราะฉะนั้นมันจะไม่เป็นไร  เรื่องของเราจะยังไม่จบ...

     

     

    มีหลายครั้งที่เราเจอกันตามที่ต่างๆ อย่างการไปอัดเทปการแสดงของมิวสิคแบงค์หรือเอ็มเคาท์ดาวน์

    ผมเป็นฝ่ายเข้าไปทักเขาอย่างจงใจ ถึงแม้ว่าผู้จัดการของเขาจะไม่ชอบใจนัก

    ก็แล้วยังไงล่ะ...ในเมื่อผมมีสิทธินั้นผมก็จะใช้มันให้คุ้มค่า

    เพราะฉะนั้นถ้าหากตอนไหนที่มีโอกาสผมก็มักจะเดินเข้าไปทักทายเขาเสมอ

    เขาโดนจำกัดสิทธิ แต่นั่นไม่ใช่ผม...

     
     

    “โอย...คนนั้นน่ารักจังเลยอ่ะ

    เขาชื่ออะไรนะ? ดีโอใช่เปล่า?”

     

     

    ผมได้ยินบาโรบ่นเปรยๆ กับสมาชิกของเขา เมื่อวันหนึ่งที่เราต้องใช้ห้องแต่งตัวร่วมกัน

    ผมหูผึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนหน้าจอโทรทัศน์ที่ถูกแขวนเอาไว้บนผนังห้องแต่งตัวของเราทันที

    และสังเกตว่าบาโรเองก็กำลังมองดูเขาอย่างไม่วางตา...อ้าปากค้างจนน่าตลก

     
     

    ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองดูอยู่ตรงนี้...

    พยายามจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นกด หากแต่หูเจ้ากรรมก็ยังไม่ละจากบทสนทนาของบาโรไปเสียที

     
     

     

    “น่ารักอ่ะ...อยากรู้จัก...”

     

     

    เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงเพ้อฝัน

    จนกระทั่งยุกซองแจ...มักเน่ของเรา เลื่อนมือมาบีบที่ไหล่ของผมเบาๆ

    ก่อนที่ผมจะสังเกตว่าตัวเองกำลังขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์...

     

     

    “เฮ้ย...เด็กคนนี้น่ะมีแฟนแล้วนะ ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วแล้ว”

     

     

    จอง จินยอง ลีดเดอร์ของวง B1A4 พูดท้วงขึ้นมา

    ก่อนจะเดินเข้ามาสมทบกับคนเป็นน้องที่กำลังเงยหน้ามองจอโทรทัศน์อยู่

    ฮยอนชิคยืดตัวขึ้นมองลีดเดอร์ของวงอย่างตกอกตกใจ

    ไม่คิดว่าคนอื่นจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา...เพราะพวกเราสองคนก็ปิดเป็นความลับมาตลอด

     
     

    “อะไรนะ? มีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ...ใครกัน?”

     
     

    ฮยอนชิคเม้มปากเมื่อบาโรถามกลับ...

    แสร้งทำเป็นยกมือถือขึ้นมากดและก้มหน้างุดเพื่อรอฟังคำตอบของลีดเดอร์ของวง B1A4 ทั้งๆ ที่ใจลุ้นระทึก

    หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้หัวใจของฮยอนชิคกระตุกวูบ...
    ก่อนจะกัดริมฝีปากเสียจนมันเจ็บปวดขึ้นมา...จนชาไปถึงหัวใจ...

     

    “ก็คนในวงนั่นแหละ ที่เป็นนักเต้นหลักน่ะ ชื่ออะไรนะ? ไครึเปล่า?

    คนนั้นแหละ เห็นว่าคบกันอยู่...คนที่ชื่อไคน่ะ”

     

     

    ว่าไงนะ....

     

     

    ดวงตาเล็กๆของฮยอนชิคเบิกกว้าง ก่อนที่วินาทีต่อมาเขาจะหันไปมองที่สมาชิกทั้งสองคนของวงบีวันเอโฟร์อย่างตกใจ

    ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็น คิม จงอิน .... แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะสนิทแนบแน่นมากกว่าที่เขาคิดไว้...

     

     

    คบกันเหรอ...สองคนนั้นคบกัน...

     

     

    “เฮ้ พี่ฮยอนชิค...

     

    ซองแจถามขึ้นเพื่อเรียกความสนใจให้ผมกลับไปหาเขา

    ตอนแรกผมเองไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่เมื่อได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรไม่เข้าท่าอยู่นั่นแหละถึงได้ตระหนก

    ก็ผมที่ผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วทำมือถือหล่นตกพื้นไปจนทุกคนหันมามองกันเป็นตาเดียว

    โอ้...บ้าชิบ โมโหจนลืมตัว...

     

     

    “อ่า...ในนี้ร้อนนะ ฉันขอไปข้างนอกแล้วหาโค้กดื่มซักกระป๋องดีกว่า”

     

     

    ผมหันไปบอกซองแจและ ซอ อึนกวัง ลีดเดอร์ของเราที่เพิ่งเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ส่งคืนให้ผมไปส่งๆ

    อึนกวังทำหน้างุนงงไปเล็กน้อยก่อนจะชี้มือไปยังเครื่องดื่มมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะของเรา

     

     

    “อะไรของนาย โค้กมีอยู่เต็มโต๊ะจะออกไปทำไมล่ะ

    นี่ใกล้คิวเราแล้วนะ เดี๋ยวก็มาไม่ทันหรอก”

     

     

    “ผมไปแป๊ปเดียวน่า ขอออกไปสูดอากาศ มองสาวค่ายอื่นบ้าง...

    ผมมาทันน่าพี่อึนกวัง ไว้แล้วเจอกันอีกยี่สิบนาที”

     

     

    “เฮ้ยพี่...เดี๋ยว”

     

     

    ผมบอกกับอึนกวังไป ก่อนจะหันไปมองซองแจที่ยืนอยู่แล้วเลี่ยงออกมา

    ผมเห็นมักเน่ของเราดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรซักอย่างกับผม เพราะเขาพยายามจะรั้งผมไว้

    แต่เมื่อพีเนียลเดินมาหาเขาเพื่อเอาอะไรซักอย่างมาให้กิน ซองแจเลยปล่อยให้ผมเดินออกจากห้องไปโดยไม่รั้งไว้อีก

     

     

    *********

     

     

    สถานที่ๆ ผมยืนอยู่ตรงนี้ ห่างไกลจากคำว่าสถานที่ๆ เหมาะสำหรับสูดอากาศและมองสาวอยู่มากโข

    เพราะมันเป็นทางเดินแคบๆ ระหว่างห้องมอนิเตอร์และห้องอัดรายการสด

    ที่ออกจะมืดทึบและเต็มไปด้วยอุปกรณ์ประกอบฉากที่วางกองพะเนินอยู่ดูคับแคบ

     

    ผมชะเง้อคอมองตรงระหว่างทางเดินอย่างมีจุดหมาย

    เพลงของรุ่นพี่วงโฟร์มินิทดังขึ้นแทนที่เพลงของวงเอ็กโซเคมาได้เกือบครึ่งค่อนเพลงแล้ว แต่ผมกลับยังไม่เห็นว่าเขาเดินมา

    หากแต่รอไม่นานเท่าไหร่นักหรอก ผมก็เห็นรุ่นพี่หน้าขาวผ่อง ลีดเดอร์ของวงเอกโซเคอย่าง คิม จุนมยอน มาแต่ไกล

    กับพี่จุนมยอน...เราสนิทกันพอสมควรทีเดียวล่ะ เพราะผมกับพี่เขาเคยเจอกันอยู่บ้างตามโรงเรียนสอนดนตรี

     

    หากแต่แปลกเหมือนกันที่ผมกลับเดินถอยกลับไปซ่อนอยู่ที่หลังฉากแทนที่จะเอ่ยทักทายทุกคนเหมือนที่ควรจะทำ

    อาจจะเพราะว่าตอนนี้ผมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติล่ะมั้ง

    ผมเลยรู้สึกว่าผมไม่พร้อมจะสู้หน้าใคร -- โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคยองซูและจงอิน

     

    ผมรู้ตัวดีว่าที่พาตัวเองมาแอบอยู่ตรงนี้น่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาทักทายพวกเขา...

    หากแต่ผมอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างก็เท่านั้นเอง

     

    ซึ่งก็แปลกนะ...เรื่องบางเรื่องที่เราไม่ควรรู้

    แต่ทำไมนะ ทำไมคนเราถึงต้องคอยดิ้นรนอยากจะรู้อยากจะเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นอยู่ตลอดเวลา

    เหมือนอย่างที่ผมกำลังพบเจออยู่ตอนนี้...

     

     

    ผมเห็นคยองซูแล้ว...เขาเดินรั้งท้ายในขณะที่กำลังถอดไมค์ไวเลสส่งคืนให้กับทีมงานที่คอยอยู่

    ทุกคนเดินมากันหมดแล้ว ผมเห็นพี่จุนมยอนกับเด็กตัวสูง -- ที่ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะชื่อเซฮุน เดินมาคู่กัน

    ตามมาด้วย ปาร์ค ชานยอล กับ บยอน แบคฮยอน นั้นเดินมาด้วยกัน

    และดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะบ่นพึมพำเกี่ยวกับชุดของเขาให้ชานยอลฟังเมื่อเดินผ่านฉากที่ผมซ่อนตัวอยู่

     

    ผมไม่แน่ใจนักว่าทำไมต้องโกรธคยองซูขึ้นมาด้วย ที่เขาไม่เดินมากับพี่จุนมยอนหรือชานยอล

    หรือใครก็ได้ -- ที่ไม่ใช่ไอ้เด็กจงอินที่กำลังเดินตามตูดคยองซูต้อยๆ อย่างนั้น

     

    หงุดหงิด...แค่เห็นอย่างนั้นผมก็หงุดหงิดแล้ว...

     

     

    “จงอินนา...เหงื่อนายไหลซกไปหมดเลยเนี่ย

    เอาผ้าขนหนูไปเช็ดซะสิ เดี๋ยวเราต้องใส่ชุดนี้ไปงานต่อนะ”

     

    คยองซูบ่นกับจงอินที่เดินตามหลังเขามาอย่างจุกจิกจู้จี้

    เป็นอย่างนี้เสมอล่ะ คยองซูน่ะ...ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปเลยแม้ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหน

    นิสัยเจ้ากี้เจ้าการ คอยแต่จะยุ่งวุ่นวายกับคนอื่นน่ะ ยังไงก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ...

    ซึ่งผมเองรู้สึกไม่ชอบใจเลยจริงๆ...ที่เห็นว่าเขายังเป็นอย่างนั้น...

     

     

    “อ่า...เหงื่อไหลเข้าตาผมน่ะคยองซู

    เช็ดให้หน่อยดิ ผมมองอะไรไม่เห็นเลย”

     

    ไอ้เด็กจงอินเดินมาเกาะชายเสื้อของคยองซูแล้วยื้อคยองซูให้หันกลับไปหาเขาเล็กน้อย

    เขายกมือขึ้นมาขยี้ตาเมื่อเขาบอกว่าเหงื่อไหลเข้าไปข้างในนั้น

    แต่ก็หยุดทันทีที่คยองซูแว๊ดขึ้นมาอย่างฉุนๆ

     

    “โอ้ย ไม่เอานะอย่าขยี้ เดี๋ยวตาก็แดงหรอก

    ยืนอยู่นิ่งๆ ก่อนสิ เดี๋ยวพี่เช็ดให้นะ”

     

    คยองซูคว้ามือของจงอินลงมาไว้ข้างลำตัวแล้วยกผ้าขนหนูขึ้นซับเบาๆ ไปทั่วไปหน้าและลำคอชื้นเหงื่อของไอ้เด็กตัวสูง

    ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาซะเหลือเกิน เมื่อไอ้เด็กจงอินนั้นปล่อยให้คยองซูได้ซับมันไปเรื่อยๆ

    ในขณะที่ตัวเองก็เปิดฝาขวดน้ำที่ถืออยู่นั้น ยกขึ้นดื่มเข้าไปสบายใจเฉิบ...

     

     

    “อืม...ดีขึ้นแล้วล่ะ พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าจงอิน

    เดี๋ยวพี่ฮยอนกยูนจะดุเอาถ้าเรามัวแต่เถลไถลอยู่ตรงนี้”

     

    คยองซูพูดจบก็เอาผ้าขนหนูที่เพิ่งเช็ดหน้าให้จงอินไปพาดคอให้เด็กตัวสูงคนนั้นไว้แล้วหันหลังกลับ

    เริ่มออกเดินไป แต่ก็ชะงักเมื่อจู่ๆ ไอ้เด็กตัวสูงกว่าก็สาวเท้าเร็วๆ เข้ามาประชิด

    แล้วคว้ามือคยองซูไปจับไว้แล้วเริ่มเป็นฝ่ายจูงเขาเดินไปแทน

     

     

    “ไม่ต้องรีบหรอกน่า...เรามีเวลาอีกตั้งนานกว่าจะออกจากที่นี่

    ผมแค่อยากทำอะไรแบบตามใจตัวเองบ้าง -- อย่างน้อยก็แค่เวลาที่อยู่กับพี่”

     

     

    ผมหน้าชา...

     

     

    ทั้งสองคนเดินผ่านฉากที่ผมยืนหลบไปแล้ว หากแต่ผมก็ยังคงนิ่งเงียบ

    ผมก้มหน้าลงกับพื้นมืดๆ ที่ตัวเองกำลังยืนอยู่แล้วเม้มริมฝีปาก

    ว่ากันตามจริงแล้ว ผมเองหลุบตาลงมาตั้งแต่ที่เห็นว่าไอ้เด็กนั่นเดินเข้ามาจับมือคยองซูแล้ว

    เพราะผมไม่อยากจะเห็นว่าคยองซูมีท่าทีแบบไหนกับการกระทำของจงอินแบบนั้น...

     

    ผมกลัวว่าถ้าผมได้เห็นแล้วผมจะยอมรับไม่ได้...

     

    กลัวว่าความตั้งใจที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกจะเปลี่ยนไปถ้าได้มองเห็นมันชัดๆ เต็มสองตา

    ผมกลัวว่าเรื่องที่ได้ยินมาจากปากของจินยองและบาโรนั้นจะเป็นเรื่องจริง

    แม้ว่าสิ่งที่ผมได้ยินจะยืนยันมันไปแล้วกว่าครึ่ง...

     

     

    แต่ไม่หรอก...ในเมื่อผมไม่ได้เห็นว่าคยองซูดีอกดีใจหรือหน้าระรื่นไปกับการกระทำแบบนั้น

    ผมก็ยังคงจะยืนยันให้สิ่งที่ตัวเองนั้นคิดเอาไว้ตั้งแต่เดินออกจากห้องมาจนถึงที่นี่

     

    ตั้งใจอะไรน่ะเหรอ...บางทีถ้าเรียกว่าตั้งใจก็อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นักหรอก...

    เพราะถ้าพวกเขาคบกันจริงๆ ในทางปฏิบัติแล้วถ้าผมอยากได้เขาคืนผมคงจะต้องแย่งคยองซูกลับมา

    แต่สำหรับทางทฤษฏีน่ะ...ผมและคยองรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นแบบไหน

    ผมรู้ -- เขารู้...แต่เราไม่เคยปริปาก

     

    เพราะฉะนั้นถ้าจะเรียกว่าต้อง แย่งมา....

     

     

    .

    .

    .

     

    ผมขอพูดว่า ทวงคืน อาจจะดูเหมาะกว่า -- ถ้าผมอยากจะทำอย่างนั้น...







    ✚ TALK


    มาต่อแล้วน้าาาา ตอนนี้มาสั้นๆ แต่จบฉากอย่างที่คิดพอดี
    ตอนแรกกะลงเป็น 50% เปอร์...เอ่อ ความจริงมันก็สั้นไปนะ  = =
    แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวค่อยขึ้นตอนใหม่ก็ได้เนอะ เราเน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ 555555

    จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุดนะะะะะ
    แล้วเจอกันค่ะ >3


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×