ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No reason ไม่มีเหตุผล...ที่ฉันรักเธอ [Draco x Hermione]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2: ตรอกไดแอกอนกับคนที่ไม่อยากเจอ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.2K
      153
      20 ม.ค. 65

    No reason chapter 2

    Chapter 2: ตรอกไดแอกอนกับคนที่ไม่อยากเจอ


     

           พวกเขาเดินทางไปตรอกไดแอกอนโดยการใช้ผงฟลู แต่เป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ทำพลาด เขาดันไปโผล่อยู่ในร้านบอร์เจ็น & เบิร์ก มันเป็นร้านขายของศาสตร์มืดอันตราย แฮร์รี่กวาดสายตาไปรอบๆร้าน แต่เขารู้ว่าร้านนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว มันถูกปิดตายหลังจากที่สงครามระหว่าง ฮอกวอตส์กับพวกของโวลเดอร์มอร์สิ้นสุดลง พร้อมกับพวกผู้เสพความตายที่พยายามหนีก็ถูกจับเข้าอัซคาบัน

           แต่ถึงร้านนี้จะถูกปิดตาย ภายในร้านก็ยังคงมีของที่เป็นพวกศาสตร์มืดอยู่บ้าง แฮร์รี่เดินดูไปตามชั้นวางของต่างๆ พลางอ่านชื่อและสรรพคุณของมัน ซึ่งแฮร์รี่คิดว่า แต่ละอย่างนั้นไม่มีประโยชน์เลย อีกทั้งยังส่งผลเสีย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมสีแปลกๆ ที่หากใครก็ตามสัมผัส หรือสูดดมมันเข้าไป จะทำให้หลับใหลชั่วนิรันดร์ ตุ๊กตาพ่อมดไขลานที่สามารถทำให้ผู้ฟังเสียงของมันตายได้ หนังสือคาถาร้ายแรงที่ไม่มีบรรจุการเรียนการสอน และอีกมากมายหลายอย่างที่อยู่ในร้านแห่งนี้

           แฮร์รี่เลิกที่จะสนใจสินค้าภายในร้าน เขาคิดว่าตอนนี้ทั้งเฮอร์ไมโอนี่ รอน และจินนี่คงจะคอยเขาอยู่ หรือไม่ก็ตามหาเขาแล้ว

           แฮร์รี่เดินออกมาจากร้านบอร์เจ็น & เบิร์ก มุ่งไปยังร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เพื่อจะได้ไปซื้อหนังสือที่เขาจะต้องใช้เรียนในปีเจ็ด และจริงดังคาด เด็กหนุ่มเห็นรเพื่อนๆของเขากำลังเดินอยู่ในร้าน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ก้าวออกมาจากร้านก็เผชิญหน้ากับเขาพอดี 

           “แฮร์รี่ นี่เธอหายไปไหนมา?” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขา เธอมองหาเขาตั้งนานว่าเขาไปอยู่ไหนมา จินนี่เองก็ตามหาเขาไปทั่ว ทุกคนจึงตัดสินใจที่จะมาร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี

           “เอ่อ...ฉันดันไปโผล่ที่เตาผิงในร้านบอร์เจ็น & เบิร์กน่ะ” แฮร์รี่ตอบเธอ

           “โธ่!แย่จังนะ” เฮอร์ไมโอนี่อุทานและว่าต่อ “แต่ฉันว่าตอนนี้เธอรีบไปซื้อของจะดีกว่า ระหว่างรอเธอน่ะ เราซื้อของเกือบครบแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา แล้วยักไหล่

           “อ่อ...โอเค” แฮร์รี่เอ่ย

            แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินเลี่ยงไปอีกทาง จึงถามก่อนที่เธอจะเดินไปได้ไกล

           “เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไปไหนเหรอ?”

           “ฉันว่าจะไปซื้อหนังสืออ่านเล่นกับปากกาขนนกด้ามใหม่น่ะ แล้วเจอกันนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขาก่อนที่จะเลี่ยงไปอีกทางในทันที

           แฮร์รี่พยักหน้าเป็นการตอบรับว่า “อืม” ก่อนจะเดินเข้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึกไป

    ...........

           กลิ่นกระดาษอบอวลไปทั่วร้าน แต่เด็กสาวมองว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เธอได้ผ่อนคลาย เฮอร์ไมโอนี่กำลังอ่านหนังสือที่อยู่ในมือ เธอกวาดสายตามองคร่าวๆ แล้วเลือกดูเล่มอื่นที่อยู่บนชั้นไม้ไปเรื่อยๆ หนังสือแต่ละเล่มน่าอ่านมากในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่ และขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการอ่านและเลือกหนังสือนั้น เสียงของใครบางคนก็แทรกขึ้น

           “สวัสดี...เกรนเจอร์”

           เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเล็กน้อย เธอละสายตาจากหนังสือทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ เธอจำเสียงนี้ได้ดี เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ เธอหันไปช้าๆ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นชัดๆ แม้เธอจะไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย 

           คอร์แม็ค แมคล้ากเกน

           เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้ม บรรยากาศชวนให้เด็กสาวอึดอัดในทันที

           “สวัสดี...คอร์แม็ค” เธอพูดออกไปตามมารยาท ถึงจะดูฝืนใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังดีกว่าการที่เธอจะเดินหนีเขาไปเลย

           “เธอมาซื้ออะไรหรอ?” เขามองหน้าเธอนิดนึง ก่อนจะหันไปมองหนังสือในมือของเธอ “ถ้าให้ฉันเดา...หนังสือสินะ?”

           “เอ่อ...ใช่ ฉันมาซื้อหนังสือ แล้วนายล่ะ มาซื้ออะไร?” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ แล้วถามเขาบ้าง

           “ฉันมาซื้อปากกาขนนกน่ะ...” คอร์แม็คตอบเธอ

           เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าช้าๆ เป็นการรับรู้ เธอไม่รู้ว่าจะถามอะไรเขาต่อ จนคอร์แม็คพูดขึ้น

           “...แต่ฉันกำลังจะกลับแล้ว พอดีว่าฉันเห็นเธอซะก่อน เลยคิดว่าน่าจะเข้ามาทักทายหน่อย แย่จังนะเพิ่งจะเจอเธอแป๊บเดียวเอง” คอร์แม็คพูดต่อ และมองหน้าเธอ ส่งสายตาหยาดเยิ้มแบบที่เขาชอบทำกับเธอ

           ทันทีที่คอร์แม็คพูดจบ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกดีขึ้นมาก เพราะเธอก็ไม่อยากจะอยู่พูดคุยกับเขานานๆ หากแววตาที่เขามองมายังเธอ ก็ทำให้เด็กสาวดวงตาสีน้ำตาลอดที่จะปลายตามองไปทางอื่นไม่ได้

           “อ๋อหรอ งั้นไว้เจอกันที่ฮอกวอตส์แล้วกันนะ” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูด

           “บายนะ เกรนเจอร์” คอร์แม็คพูด เจ้าตัวส่งยิ้มเจ้าเล่ห์และขยิบตาให้เธอหนึ่งที ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน

           เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก คอร์แม็คจัดได้ว่าเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอเอาเสียเลย แม้ว่าเธอจะเคยไปงานเลี้ยงของศาสตราจารย์สลักฮอร์นกับเขาก็ตาม

           เฮอร์ไมโอนี่หันหลังเพื่อจะกลับไปอ่านหนังสือที่เธอกำลังเลือกค้างไว้ต่อ แต่เมื่อเธอหันหลังไป เธอกลับพบเจอคนที่เธอไม่อยากเจอยิ่งกว่าคอร์แม็คซะอีก เพราะคนที่เธอต้องเจอคือ

           เดรโก   มัลฟอย

           ทั้งสองต่างก็ตกใจด้วยกันทั้งคู่ หากแต่เดรโกนั้นเก็บอาการได้ดีกว่า เด็กหนุ่มร่างสูงมองคนตรงหน้า ก่อนจะสังเกตได้ว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ใช้สายตามองเขาเพียงแวบเดียวเท่านั้น เธอก็เห็นถึงความแตกต่างของเด็กหนุ่มมัลฟอยในวันนี้กับเมื่อก่อนในทันที จากนั้นเด็กสาวก็ทำทีมองหนังสือบนชั้น

           “ไง...เกรนเจอร์” เดรโกทักเธอ

           “ฉันสบายดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าฉันไม่เจอนาย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจความรู้สึกคนตรงหน้า เธอไม่มองเขาด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอหันไปเลือกหนังสือต่อ

    เด็กหนุ่มค่อยๆผ่อนลมหายใจ เขาไม่อยากจะชวนเธอทะเลาะหรอกนะ แต่ถ้าเธอทำให้เขาต้องหัวเสีย เดรโกคิดว่าเขาก็คงห้ามปากตัวเองไม่ได้เช่นกัน

           “ฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเลยนะ” เดรโกกล่าว เขาใช้ไหล่พิงอยู่กับชั้นหนังสือ โดยที่แววตาสีฟ้าซีดก็มองคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นวายอยู่กับหนังสือ

           “ใครอยากเป็นมิตรกับนายเหรอ ฉันเบื่อหน้านายชะมัด” เฮอร์ไมโอนี่พูด โดยไม่มองหน้าเขา

           เดรโกนิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาเศร้าลง ก่อนจะเริ่มพูดกับเธอต่อ

           “ทำไมเธอถึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันล่ะ”

           “ก็อย่างที่บอก นายมันน่าเบื่อ ฉันไม่อยากได้ยินเสียงนาย” เฮอร์ไมโอนี่หันมาพูดใส่หน้าเขา แล้วกลับไปสนใจหนังสือตามเดิม

           เดรโกละออกจากชั้นหนังสือ และพูดใส่เธอ ดูเหมือนเขาจะเริ่มไม่ชอบใจกับสิ่งที่เธอพูด “งั้นเธอคงรู้สึกยินดีมากสินะ ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นแมคล้ากเกน อะไรนั่นน่ะ?” เดรโกถามออกไปอย่างประชดประชัน

           “ไม่ว่าจะเป็นนายหรือคอร์แม็ค ก็ทำให้รูสึกแบบเดียวกันนั่นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปอย่างรำคาญ

           เดรโกรู้สึกจุกที่หน้าอก ทว่าเขากลับรู้สึกพอใจอยู่ลึกๆที่เธอก็ไม่ได้อยากให้คนตรงหน้าเธอเป็นหมอนั่นเช่นกัน แต่สักพักเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะพูดออกไป "แล้วนั่นอ่านอะไร เธอนี่ยังเป็นพวกหนอนหนังสือไม่เปลี่ยนเลยนะ"

           “ไม่ต้องยุ่งจะได้มั้ย ฉันรำคาญ ได้ยินมั้ย?” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงดุใส่เขาอย่างเหลืออด 

           “ฉันก็แค่อยากคุยกับเธอดีๆเท่านั้นเอง เกรนเจอร์” เดรโกพูดออกมา

           คำพูดของเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีอาการอึ้งๆ นี่เธอหูฝาดไปหรือเปล่านะ คนอย่างเดรโก มัลฟอย น่ะหรือที่จะอยากพูดดีๆกับเธอ ถึงแม้เขาจะดูเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาก็ไม่สามารถทำให้เธอเชื่อได้หรอก

           มันเป็นไปไม่ได้หรอก เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจ

           เด็กสาวร่างบางมองใบหน้าเด็กหนุ่มผิวซีด ดวงตาของเขาไม่มีแววแห่งการล้อเล่นใดๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีเมื่อเธอได้จ้องมัน หากแต่เธอเองก็ไม่อยากจะยอมรับความจริงในข้อนั้น ที่ว่าเขาอาจจะอยากพูดดีๆกับเธอจริงๆ

           เมื่อเธอรู้ตัวว่าเธอจ้องเขานานเกินไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เป็นฝ่ายละสายตาจากเขา จากนั้นก็หันไปหยิบหนังสือที่เธอเลือกไว้พร้อมกับปากกาขนนก ก่อนจะหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง...และจ้องมองเขาอย่างมาดมั่น

           “เสียใจด้วย เพราะมันคงจะไม่มีวันนั้นหรอกนะมัลฟอย คนอย่างนายมันก็เอาแต่หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ทั้งที่จริงแล้วนายมันขี้ขลาดเป็นไหนๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับเชิ่ดหน้าใส่ “ฉันว่านายน่าจะเอาเวลาแกล้งคนอื่นไปปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ของตัวเองจะดีกว่า” เธอรู้ดีว่าคำพูดนั้นอาจจะฟังดูใจร้ายไปหน่อย แต่เด็กสาวก็ได้พูดออกไปแล้ว

           แววตาสีฟ้าซีดของเด็กหนุ่มเริ่มเผยความไม่พอใจอย่างชัดเจน

           “งั้นเหรอ เกรนเจอร์ ฉันก็ไม่ได้อยากจะคุยกับพวกเลือดสีโคลนโสโครกโสมมอย่างเธอนักหรอก!” เดรโกพูดอย่างดุดัน แต่เสียงก็ไม่ดังจนเกินไป เพราะเขาก็ไม่ได้อยากเป็นเป้าสายตาของใคร

           “เลือดสีโคลนแล้วยังไงล่ะ นายก็ได้เห็นแล้วนี่ว่า เลือดสีโคลนอย่างฉันก็มีดีกว่าพวกเลือดบริสุทธิ์ ที่ต่อให้บริสุทธิ์ยังไง ถ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้เสพความตายก็ชั่วร้าย และจุดจบก็อยู่ที่อัซคาบันอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ!”

           เดรโกคว้าต้นแขนเธอไว้ข้างหนึ่งด้วยความโมโห ทำให้ร่างของเธอต้องขยับมาใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้ เด็กหนุ่มร่างสูงกัดฟันกรอด

           “เธอหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!” แม้เขาจะเอ่ยเสียงเบา แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด 

           เขาโมโหที่เธอพูดจากระทบจิตใจเขา การที่เธอพูดคำว่า ‘อัซคาบัน’ มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด เดรโกต้องนึกถึงพ่อของเขาที่ต้องไปอยู่ในคุกนั่น ส่วนแม่ของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ จากการต่อสู้ในสงคราม และต้องรักษาตัว เป็นระยะเวลานานพอสมควร (ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ที่เซนต์มังโก) ตัวเขาเองก็เกือบจะต้องไปอยู่ในอัซคาบันเช่นเดียวกับพ่อของเขา ถ้าหากเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก ศาสตราจารย์ มิเนอว่า มักกอนนากัล ที่เป็นพยานให้เขาในการพิจารณาคดีที่กระทรวงเวทมนต์ว่า เขานั้นถูกบังคับให้เป็นผู้เสพความตาย อีกทั้งเขายังช่วยในการต่อสู้กับพวกผู้เสพความตาย ซึ่งในการพิจารณาคดี เขาก็รอดพ้นจากข้อกล่าวหาต่างๆ และตัวเขาเอง ก็ไม่ได้อยากเป็นผู้เสพความตายเลยสักนิด

           แต่ถึงเขาจะโมโห เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ นอกจากมองแววตาก้าวร้าวของเขา ความคิดของเธอที่ว่าเขาอาจจะกลับตัวกลับใจเลือนหายไปทันที เพราะต่อให้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นเดรโก มัลฟอยคนเดินนั่นแหละ 

    เด็กหนุ่มยังคงบีบแขนของเธอเอาไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเฮอร์ไมโอนี่เริ่มแสดงสีหน้าเจ็บปวด เดรโกที่เพิ่งรู้ตัวว่าเขาทำมากเกินไปแล้วก็สะบัดมือจากแขนเธอในทันที ร่างสูงเห็นว่าเธอใช้มือที่ว่างอยู่รูปต้นแขนของเธอเบาๆ ภาพนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เดรโกไม่มองเธอเลย ไม่กล้าสบตาเธอแม้แต่น้อย แม้จะรู้ว่าเด็กสาวมองเขาอยู่ก็ตาม เขาจึงทำเพียงแค่หันหลังให้เธอ เพื่อซ่อนความรู้สึกผิดที่แสดงออกผ่านแววตาของเขา

    เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นดังนั้น เธอรู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่มีวันจะกล่าวขอโทษเธอหรอก เด็กสาวจึงรวบรวมข้าวที่เธอต้องการซื้อไว้ในมือก่อนจะหันหลังเดินจากไปเงียบๆ ทว่าเดรโกกลับหันมา และคิดว่าเธอจะยังยืนอยู่ตรงนั้น

    “ฉันข – ”

    เสียงของเขาหายไปเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ก่อนจะมองไปยังชั้นล่างของร้าน เด็กหนุ่มได้เห็นร่างบางรีบเดินไปที่เคาท์เตอร์ของร้านเพื่อจ่ายเงิน และเดินออกไปจากร้านทันที

            เดรโกหันกลับมายังชั้นหนังสือ เขากำหมัดแน่น จากนั้นก็ทุบไปที่ชั้นโดยไม่สนใจว่าจะเจ็บหรือไม่

            อันที่จริงวันนี้ เขาอยากจะพูดดีๆกับเธอสักครั้ง เพราะนี่ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้เจอเธอ และอีกอย่างพวกเธอก็เคยช่วยเขาไว้ในตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องต้องประสงค์ แต่เธอมาด่าเขาก่อน และนั่นมันทำให้เขาควบคุมอารมณ์ความโกรธของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

    ............

           เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากร้านหนังสือนั่นอย่างหัวเสีย เธอไม่น่าเจอเดรโกเลย วันนี้เขาทำให้เธออารมณ์ไม่ดีเอามากๆ แถมยังฝากรอยช้ำไว้ที่แขนของเธออีก แค่เธอต้องเจอกับคอร์แม็คมันก็เกินพอแล้ว แต่นี่...เธอยังต้องมาเจอเดรโกด้วย

           นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย เธอคิด

           เฮอร์ไมโอนี่เดินมาจนถึงร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แต่เธอไม่เจอใครเลย เฮอร์ไมโอนี่พยายามมองหาเพื่อนๆของเธอไปทั่วร้าน จนเธอนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาตรอกไดแอกอนนั้น พวกเขาได้ตกลงกันว่า ถ้าซื้อของเสร็จแล้ว ให้ไปเจอกันที่ร้านเกมส์กลวิเศษวิสลี่ย์ เฮอร์ไมโอนี่จึงรีบเดินไปที่นั่น

            เด็กสาวร่างบางก้าวเข้ามาในร้านที่มีลูกค้าคับคั่ง จนเพื่อนผมดำของเธอเดินเข้ามาหา

           “อ้าว! เฮอร์ไมโอนี่ เธอซื้อของเสร็จแล้วหรอ?” แฮร์รี่ที่เจอเธอก่อน ถามขึ้น

           “อืม” เฮอร์ไมโอนี่ตอบมาสั้นๆ

           “เธอเป็นอะไรไป? ดูอารมณ์ไม่ดีเลย” รอนเดินมาหาเธอแล้วถามเธอบ้าง

           “ฉันเพิ่งไปเจอคอร์แม็คมาน่ะ...”

           “อะไรนะ! ให้ตายเถอะ...แล้วไงต่อ?” รอนมองหน้าเธอ แล้วถามต่อ

           “แล้วไง” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำ “ก็ไม่มีอะไร แต่ฉันเจอเดรโก”

           “นั่นยิ่งแย่ แล้วเขาทำอะไรเธอรึเปล่า?” แฮร์รี่ถาม พลางสำรวจตัวเธอ เพื่อหาจุดผิดสังเกต

    เฮอร์ไมโอนี่หยุดคิดไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับไป

           “เปล่า...เราแค่ทะเลาะกัน”

           “งั้นก็ดี เราจะได้กลับบ้านกัน” รอนพูด และเอ่ยเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ “อ่อ จริงสิ ฉันจะได้กลับไปจัดของใส่หีบให้เสร็จๆ พรุ่งนี้เราต้องไปฮอกวอตส์กันแล้ว”

           แล้วพวกเขาทั้งหมดก็เดินทางกลับไปยังบ้านโพรงกระต่าย เหลือเพียงแต่เฟร็ดกับจอร์จ ที่กำลังโฆษณาสินค้าของพวกเขา ที่ขายดียิ่งกว่าร้านอื่นๆ และธุรกิจของสองแฝดก็ไปได้สวยเลยทีเดียว

     

    TBC.

    ฮืออ บทนี้ปรับเยอะมากเลยค่ะ ทั้งเปลี่ยน ทั้งเพิ่มด้วย55555

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×