ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนผึกทักษะผู้ใช้เทพอลเวง

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ภัยพิบัติครั้งใหญ่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 978
      2
      30 ก.ค. 58

    เมืองร้างแห่งหนึ่ง

           เจ้าหน้าที่กู้ภัยกลุ่มหนึ่งกำลังเดินสำรวจบริเวณซากอาคารซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นละออง เศษหินน้อยใหญ่ถูกวางกระจัดกระจาย ข้าวของพอนิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ล้มละเนละนาดแสดงถึงการมีอยู่ของอาคารที่ทันสมัยมาก่อน ซึ่งต่อมาไม่นานมานี้ที่นี่เกิดภัยพิบัติปริศนาที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเศษอิฐในพริบตา

           หัวหน้าหน่วยกู้ภัยเงยหน้าปาดเหงื่อเล็กน้อย การค้นหาผู้รวดชีวิตในช่วงกลางวันมันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนค่างทรมานเพราะความร้อน แต่พวกเขาต้องแข่งกับเวลา

    '' เจอผู้รอดชีวิตบ้างมั้ย ? '' หัวหน้ากู้ภัยวัยกลางคนหันมาถามลูกน้อง

    '' ไม่เห็นเลยแฮะ ฝุ่นโครตหนาเลย '' ลูกน้องเขาย่นจมูกเพราะสำลักฝุ่น 

           หัวหน้าหนุ่มจึงนำผ้าชุบน้ำปิดหมาดๆส่งให้ลูกน้องตนเอง ซึ่งลูกน้องเจ้าปัญหาของเขาก็รับผ้าชุบน้ำมาคาดปิดปากปิดจมูกอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยพิบัติธรรดาซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นฝีมือของมนุษย์

    '' นายคิดว่าเป็นฝีมือของพวกไหน '' หัวหน้าหนุ่มถาม

    ลูกน้องเขาใช้ฝ่ามือทาบไปที่พื้นดินเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างฉะฉาน '' อืม จับกลิ่นอายของมารไม่ได้เลย น่าจะเป็นผู้ใช้เทพมั้ง '' 

    '' บ้าน่า แล้วที่โรงเรียนนั่นจะไม่รู้เลยหรอ '' หัวหน้าหนุ่มแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อที่เพิ่งเช็ดไปใหลออกมาราวกับน้ำ

    '' ดูจากลักษณะแล้ว น่าจะอยู่ในกลุ่มร่างสถิตพิเศษ '' ลูกน้องพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

    '' แบบนี้แย่แน่ๆ แล้วเราจะทำไงดี '' ลูกน้องอีกคนที่ฟังอยู่ไม่ห่างมากพูดอย่างสับสน

    '' กลับไปรายงานหัวหน้าใหญ่ก่อน อย่าทำอะไรโดยพลการ ไม่แน่เจ้าตัวอาจจะอยู่แถวนี้ ติดต่อโรงเรียนนั่นให้ส่งคนมาตรวจสอบด้วย '' หัวหน้าหนุ่มกำชับ

    '' ครับ ''

    .............................................................................................................................................................

    10 ปีต่อมา

          ชายหนุ่มผมเขียวเข้ม หน้าเรียว กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมเอกสารของสำหรับการทำรายงาน ซึ่งกำหนดความเป็นความตายถ้าปีนี้เกรดเขายังเท่าเดิมอีก มีหวังได้ขายหน้ารุ่ง หญิงสาวที่เขาคบบมานานแน่ ซึ่งเขาก็ดันไปคุยโวซะใหญ่่โตในความสามารถตนเองซะได้

    '' เฮ้ คิลจะรีบไปไหน ''

          เสียงกวนๆอันคุ้นหูดังมาจากดันหลัง เขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันกลับไปมองต้นเสียง ปรากฏเป็นชายหนุ่มหน้าหวาน ตาตี่ รุ่นราวคราวเดียวกันกำลังยิ้มอย่างทะเล้นมาที่เขา

    '' ว่าไงไอ้แดง จะชวนไปไหนอีกล่ะ ? '' คิลถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ซึ่งอีกผ่ายก็งอแงใส่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากชวนแบบทุกๆวัน

    '' ชื่อเรทเฟ้ย วันนี้ฉัน.. '' 

    '' ไม่ !! '' คิลปฏิเสธตัดบท

    '' อย่าเพิ่งตัดรอนเพื่อนแบบนั้นสิ วันนี้ข้าจะไปเที่ยวกับน้องจ๋าเชียวนะเฟ้ย แต่พอดีน้องเขาเยื่อนข้อเสนอมาว่าต้องเอาเอ็งไปด้วย ''

           เรทตามตื้อ เขาเกาะแขนคิลแน่นราวกับคู่รักแต่ชาติปานก่อน ซึ่งคนที่เดินผ่านไปมาก็มองมาที่เขาและหัวเราะคิกคัก คิลเห็นท่าไม่ดีจึงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนจะปฏิเสธอีกครั้ง

    '' ไม่ไป !! คือคำตอบสุดท้าย ''

           เรทยังตามตื้อไม่เลิก เพราะว่าเจ้าเพื่อนคนนี้มันถือคติว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก '' ไปหน่อยเถอะเพื่อนรัก '' คิลตอบกลับด้วยคำเดิม  '' ไม่ !! ''

    '' นะนะ ''

    '' มองปากดีๆนะ '' 
    เขาชี้มาที่ปากตนเองก่อนจะค่อยๆออกเสียง '' ไม่ !! '' 

    '' น้ำตาจะใหล ถ้าวันหลังมาขอยื้มยางลบฉันนะ อย่าหวังว่าจะได้ '' 

    '' แล้วทั้งตัวเอ็งมีอย่างอื่นนอกจากยางลบมั้งฟะ !! ''

    '' โห่ว งอล ''

    '' ไปไกลๆเลย ชิ้วๆ ''

    '' ชิ ไปก็ได้  เรื่องยางลบน่ะ อย่าหวัง !! ''

    '' เออ ไปเหอะ ฉันมีตังพอที่จะซื้อยางลบมาเป็นเชื้อเพลิงเผาบ้านเอ็งละกัน '' คิลไล่เตะเจ้าเพื่อนตัวดีให้รีบไปไกลๆ

           หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นก็กลับมานอนอย่างหมดแรง สำหรับเขาการนั่งทำรายงานในเวลา 5 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่เวลาน้อยๆ แถมเขาต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวอีก คิลมองเหม่อไปที่เพดานห้องก่อนจะปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย

    '' เฮ้อ ผ่านไปอีกวัน พรุ่งนี้คงจะวุ่นน่าดู ''

    ' เจ้าแน่ใจรึ ที่นี่จะพังพินาจในไม่ช้า หึหึ '

    '' นั่นเสียงใคร แล้วแกเป็นใคร ''

    ' ข้าคือเจ้า ตัวตนเจ้ามีอยู่เพื่อการทำลายเท่านั้น '

    '' อย่ามาพูดบ้าๆ ''

    ' เหอะ ข้าจะแสดงให้เจ้าดูเองว่าตัวเจ้าควรจะทำอะไร '

           ทันใดนั้นคิลก็รู้สึกกดดันบริเวณหน้าอก ความรู้สึกอึดอัดราวกับถูกบีบหัวใจ เป็นความรู้สึกที่กดดันและอึดอัดจนแทบจะขาดใจ เขาดิ้นทุรนทุรายราวกับตกนรกไร้ก้นบึ้น ความทรมารที่บอกได้ว่าตายตอนนี้ยังดีกว่าก่อนจะมีเสียงในหัวเขาดังขึ้นอีกครั้ง

    ' ถ้าไม่อยากทรมานไปมากกว่านี้หลับตา ทำจิตใจให้ว่างเปล่า แล้วเปลี่ยนตัวกับข้า '

    '' ว่าไงนะ ! ''

    ' ทำซะ '

           คิลกุมขมับตัวเองเองก่อนจะร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมกับข้าวของทุกอย่างในห้องเริ่มปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งข้าวของถูกทำลายมากเท่าไหร่ความเจ็บเขาก็ยิ่งมากขึ้น ความรุนแรงของพลังทำลายได้ลุกลามไปถึงพื้นห้อง ผนัง เพดาน ทุกอย่างล้วนค่อยๆแตกตัวออกจากกัน

    '' อ้ากกก !! ''  

    ' ฮ่าๆ สภาพแบบนี้สิ ช่างน่ารื่นรมยิ่งนัก '

    จากนั้นสติเขาก็ลอยหายไป

    ...............................................................................................................

           คิลลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในสภาพฝุ่นเต็มตัวความรู้สึกทรมารราวกลับฝันร้าย รอบๆตัวที่ควรจะเป็นเมืองที่เขาอาศัยกลับกลายเป็นเศษซาก เขามองไปรอบๆก็พบแต่เศษดินเศษหินที่เกิดจากการทำลายจากอะไรสักอย่าง ระหว่างที่เขากำลังสับสนอยู่จู่ๆก็มีชายชุดขาวเดินตรงมาที่เขาและมองสำรวจอย่างพิจารณา

    '' เป็นเทพที่น่าสนใจ เป็นเทพที่ไม่น่าจะใช่เทพด้วยซ้ำ ''

           คิลได้ยินเข้าก็เกิดความสงสัย ชายคนนี้เป็นใครเขาต้องการอะไร แต่ถ้าเขารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ก็คงจะประเสริฐแท้ ในสภาพโดยรอบที่ดูเหมือนนรกชายผู้นี้ก็คงเหมือนผู้ที่จะมาดึงเขาขึ้นไปสู่สวรรค์ แน่นอนอย่างแรกในหัวเขาก็คือเหตุการณ์โดยรอบเกิดขึ้นได้อย่างไร เทพที่เขาพูดที่คืออะไร?

    '' เทพที่นายพูดถึงคืออะไร ? '' คิลถามอย่างสงสัย

           ชายคนนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาควานหาของบองอย่างที่ซุกอยู่ใรกระเป๋าป้ เมื่อไม่พบเขาจึงหันมาตบกระเป๋ากางเกงตนเอง '' อ้อ อยู่นี่เอง '' ชายคนนั้นอุทานก่อนจะหยิบสร้อยสีเงินออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้คิลพร้อมกับแผ่นที่เล็กๆ

    '' เธอลองไปตามสถานที่นี้ ที่นั่นจะเป็นที่อยู่ใหม่ของเธอและคำตอบที่อยู่ในหัวของเธอก็อยู่ที่นั่น ''

    '' หะ ทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอก '' คิลถามลองเชิง ด้วยนิสัยรักสันโดดเพื่อนไม่เยอะของเขาทำให้ยากที่จะไว้ใจ ถึงอีกผ่ายจะดูน่าเชื่อถือก็ตาม เพราะเขาถือคติกันไว้ดีกว่าแก้

    '' ไปไม่ไปก็แล้วแต่เธอ แต่อย่าลืมใส่สร้อยนั่นไว้ตลอดเวลาด้วยถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก '' เขาพูดอย่างไม่แยแส

           พูดจบชายคนนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับคำถามมากมายที่คาใจเขาอยู่ เมื่ออีกผ่ายเดินลับสายตาไปคิลก็สวมสร้อยที่ได้มาตามคำพูดของชายคนนั้นก่อนจะดูแผนที่ในมืออย่างพิจารณา บริเวณจากที่เขาอยู่จนถึงจุดมุ่งหมายนั้นไกลไม่มาก แต่ทว่ามันอยู่กลางทะเลน่ะสิ

    '' แผนที่เกาะนี่ ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วลองไปดูดีกว่า '' คิลพูดปลอดใจตัวเอง

            คิลจัดข้าวของที่คิดว่าจำเป็นที่หลบอยู่ในซากอาคารจัดใส่กระเป๋าเป้สีฟ้าแต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง คิลหันหน้ากลับมามองที่เมืองร้างก่อนจะนั่งจิตนาการถึงภาพเหล่าบรรดาคนในเมืองที่เคยพลุ่งพล่าน ลุงร้านขายของผู้ใจดีที่เคยให้เนื้อที่เหลือจากการขายให้เขาตลอด เด็กจอมก่อกวนที่อยู่หอข้างๆ เพื่อนรักที่ควรจู้จี้แต่เรื่องไร้สาระแต่มันก็ทำให้เขาสนุกไม่น้อย รุ้งหญิงสาวผู้แสนดีที่เขารักที่สุดหาใครเทียมไม่ได้

    ' หวัดดี ฉันชื่อเรทนะโว้ย นายชื่อไร '

    ' เฮ้ยคิล ฉันชอบน้องจ๋าว่ะ '

    ' เย้ ฉันได้คบกับน้องจ๋าละ เมื่อเอ็งจะสมหวังสักทีวะ มัวแต่ไม่กล้าอยู่นั่นแหละ '

    ' เฮ้ยคิล อย่ายอมแพ้สิวะ ลูกผู้ชายเขาไม่ถอยกันหรอกชอบเขาก็จีบเขาไปเลย '


           ภาพเพื่อนรักที่สุดผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ก่อนจะตามมาด้วยคนสำคัญที่สุดสำหรับเขา ผู้หญิงผู้มีจิตใจงดงามที่สุด ผู้อ่อนโยนที่สุด ผู้ที่รักเขาที่สุด 

    '  ส..สวัสดีครับ เอ่อ ผมชื่อ..ค..คิล  ผมขอนังด้วยได้หรือเปล่า แหะๆ ' ภาพที่นึกขึ้นคือคิลในตอนแรกที่พยายามเข้าไปคุยกับรุ้งโดยมีเรทเป็นคนยุ

    ' เอ่อตามสบายค่ะ ฉันชื่อรุ้งยินดีที่ได้รู้จัก '

           หลังจากนั้นทั้งสองก็ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์อย่างช้าๆ เนื่องจากคิลเป็นคนขี้อายแต่ทำขรึม วางฟอม ถ้าเขาไม่ได้เรทช่วยกระตุ้นบ่อยๆป่านนี้เขาไม่ได้คบกับรุ้งหรอก เขาสบัดหัวสลัดภาพในหัวออกก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับทิ้งความพินาทของเมืองและความโศกเศร้าไว้ข้างหลัง 

    ' เรื่องบ้าๆนี่ ฉันจะต้องหาคำตอบให้ได้ '


    .........................................................................................................................................................



    เสียงคลื่นลมดังเบาๆพัดผ่านเรือทำให้คิลรู้สึกผ่อนคลายจนเกือบจะคล้อยหลับ ถ้าเขาไม่บังเอินไปทำความรู้จักกับชาวประมงเขาก็คงไม่มานั่งอย่างสบายแบบนี้ เพราะเรือโดยสารที่เขาจะขึ้นเพิ่งจะออกจากท่าเรือไม่นานและก็คงไม่พ้นต้องมานั่งรออีก 8 ชั่วโมงกว่าเรือจะกลับมาเทียบท่าอีกครั้ง

    '' เฮ้ เจ้าหนุ่มถึงแล้ว ''

    คิลละสายตาจากวิวทิวทัศน์ท้องทะเลเบื้องหน้าและหันไปหิ้วกระเป๋าเป้ใบสีเขียวของเขา จากนั้นเขาก็ค่อยเดินลงจากเรืออย่างระมัดระวังเพราะกระแสคลื่นที่ค่องข้างจะแรงทำให้การเดินทรงตัวนั้นยากพอสมควรบวกกับความเก่าของเรือ ถ้าเผลอไปเตะอะไรพังเข้ามีหวังได้โดนลุงแกบ่นแหงๆ เมื่อเท้าเตะหายทรายเรียบร้อยเขาก็หันกลับมาขอบคุณบุคคลที่มาส่ง

    '' ขอบคุณมากครับคุณลุง ''

    '' บ๊ะ ! ข้าบอกให้เรียกพี่ เห็นข้าแก่นักหรือไง ข้าน่ะเคยล่าฉลามร้อยตัวในวันเดียวด้วยนะขอบอก '' พี่ชาวประมงยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

    '' คร้าบพี่ การล่าครั้งนี้ก็ขอให้ปลอดภัยนะคร้าบบบบ ''

    คิลแกล้งลากเสียงกวนประสาทจนลุง(พี่)ชาวประมงมองค้อน พี่ชาวประมงพิจารนาคิลอย่างถี่ถ้วนก่อนจะสะดุดสายตาไปที่สร้อยสีเงินอันที่คิลสวมอยู่

    '' นี่เอ็งได้สร้อยนั่นมาจากไหน '' ชาวประมงถามด้วยความสงสัย

    '' มีคนให้ผมมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว '' คิลตอบ

    '' เรอะ เอ็งทำให้ข้านึกถึงเด็กคนหนึ่งที่ข้าเคยมาส่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เด็กนั่นก็ใส่สร้อยแบบเดียวกะเอ็งเนี่่ยแหละ ''

    ลุง(พี่)ชาวประมงคนนั้นพูดจบก่อนจะยกสมอเรือขึ้นพร้อมจะออกเดินทาง เขานึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะหยิบมีดสั้นขนาดประมาณ 30 เซนติเมตรที่เหน็บข้างเอวแล้วโยนให้คิลที่ยืนอยู่บนฝั่ง

    '' ส่วนคนที่ควรปลอดภัยน่ะนั่นมันเอ็งไอหนุ่ม ข้าไปล่ะรอดชีวิตกลับมาก็คืนมีดข้าด้วย ''

    '' หะ หมายความว่าไง '' คิลอุทานออกมาเบาๆก่อนจะก้มเก็บมีดสั้นที่นอนนิ่งอยู่บนทรายตรงเบื้องหน้า

    หลังจากที่ชาวประมงแล่นเรือออกไป คิลก็เดินสำรวจไปรอบๆพลางมองแผนที่ไปด้วย ลักษณะเกาะค่องข้างจะทันสมัยพอสมควร มีถนนรถยนต์วิ่งไปมา ต่างจากที่เขาคิดเอาไว้มากพอสมควร ระหว่างที่เขากำลังเดินคิดไปเพลินๆก็มีรถเมย์คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าเขาพร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่งชะเง้อหน้ามาทักจากหน้าต่างรถ

    '' คิลใช่มั้ย ถ้าใช่รีบขึ้นมาให้ไว ''

    '' ห๋า ทำไมคุณรู้จักชื่อ.. ''

    คิลพูดไม่ทันจบ ผู้หญิงคนนั้นก็เอื้อมมือจับผมคิลและกระชากเขาขึ้นมาผ่านหน้าต่าง พาเขาลงไปอัดกับพื้นอย่างแรง เขาขยับคอตัวเองอย่างช้า '' โอ้ยคอฉัน ''

    '' เฮ้ยยย !! เธอทำอะไรของเธอฟะ '' คิลโวยวายใส่หญิงคนนั้น แต่เธอหาสนได้ใจไม่

    '' ไม่มีเวลาแล้ว รีบออกรถเร็วๆเลยค่ะ '' เธอหันไปบอกกับคนขับ

    จากนั้นรถเมย์สายมรณะก็วิ่งไปด้วยความเร็วสุดขีด ทำเอาคนที่อยู่ในรถต้องจับเบาะแน่น คิลทนการขับแบบหวาดเสียวไม่ไหวจึงพยายามลุกขึ้นยืนบนรถอย่างยากลำบาก


    '' รีบขับไปไหนฟะ เดี๋ยวก็พากันตายทั้งคัน '' คิวพยายามเดินไปหาคนขับ แต่ผู้หญิงที่น่าโมหโหคนเดิมมาขวางเขาไว้และกล่าวกับเขาอย่างฉุนเฉียว

    '' พวกเราสายเพราะนายคนเดียว ถ้าฉันพลาดเรียนปรับพื้นฐานละก็นายเตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย '' เธอบ่นใส่คิลเป็นชุด

    '' สายไม่สายก็เรื่องของเธอเดะ คนเขาเดินอยู่ดีๆก็มาลากขึ้นรถแถมมาบ่นว่าสาย ถามหน่อยว่ากระผมรู้เรื่องกับ(ไอ้) คุณเธอมั้ยครับ '' คิลถามอีกผ่ายอย่างอารมณ์เสีย เพราะว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวเลยสักนิด

    '' นี่นายเข้าสมัครเรียนที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยหรอ ? ข้อมูลรายชื่อนายมาก่อนใครเพื่อนเลยนะยะ !! ''

    '' ห๋า ผมจะไปลงสมัคได้ยังไงก็ในเมื่อผมเพิ่นมาถึงเกาะนี้ในไม่กี่นาทีนี้เอง '' คิลพูดออกมาอย่าง งงๆ

    '' คำถามไร้สาระของนายไว้ทีหลังละกัน เราใกล้ถึงโรงเรียนละ '' ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่สนใจ เธอเดินตรงไปนั่งกับเพื่อนสาวอีกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หลังรถอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวสภาพการขับที่เสี่ยงตาย

    '' ยัยเบื้อกเอ้ย ทำตัวไม่น่ารักเลย '' คิลแอบด่าเธอเบาๆ แต่บังเอินเจ้าตัวได้ยินและหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะเดินมาดึงคอเสื้อของเขา (คิลยืนโหนรถเมย์อยู่)

    '' ตะกี้นายพูดว่าไงยะ ! '' เธอถาม สายตาจ้องมาที่เขาแบบตาไม่กระพริบ

    '' ป..เปล่า '' คิลหลบสายตาก่อนจะตอบ

    '' แล้วไป งั้นทำตัวให้ดีๆหน่อยละกัน ''

    '' คร้าบบบ '' คิลตอบกลับแบบลากเสียงพลางคิดในใจประมาณว่าอย่าไปเสวนากับยัยนี่มากจะดีกว่าไม่งั้นได้เดือดร้อนแหงๆ
     

    เอี๊ยดดดด !!

    เสียงล้อรถเมย์เสียดสีกับถนนอย่างกะทันหันส่งผลให้บุคคลพุ่งไปข้างหน้าตามกฏของแรงเฉื่่อย แน่นอนว่าคิลรับมือปัญหานี้ได้อย่างสบายแต่ทว่า หญิงสาวที่เพิ่งปะทะฝีปากกับคิลเสร็จมาหมาดๆกำลังพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูง

    '' เฮ้ยยย !!! '' คิลตะโกนอย่างตกใจ

    '' ลิขิต !! '' สาวแว่นที่นั่งข้างหลังตะโกนเรียกชื่อเพื่อนเธอ

    '' กรี๊ดดด !! '' หญิงสาวร้องเสียงหลง

    '' จับมือผมไว้เร็ว '' 

           แน่นอนถึงแม้คิลจะคว้าตัวผู้หญิงคนนั้น(ลิขิต)ไว้ทันแต่ด้วยความแรงในการเบรกกะทันหันทำให้ทั้งคู่ลงไปนอนกับพื้นในตำแหน่งริมฝีปากทั้งสองประทับกันแบบลงตัว 

    (0.0) สายตาคนทั้งรถ

    (- - )( - -)(- - )( - -) คิล (ไม่เกี่ยวนะเฟร้ย)

    ลิขิต(แสดงสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด)

    '' กรี๊ดดด !! จูบแรกฉ้านนน  ''


    *************************************************************************************************************************************



    กราบแทบเท้าอภัย รู้สึกผมจะชุ่ยไปหน่อย

    ส่วนที่คาดว่าผิดพลาดผมทำการแก้ไขแล้วครับ


    ในเรื่องของย่อหน้านี่อันนี้แก้ไม่ได้อ่ะ ยังงงอยู่


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×