ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #2 : Client:1 รวมพล (ตรวจสอบ100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      2
      21 ก.ย. 57

    บทที่ 1

                เสียงฝีเท้าของผู้คนเดินผ่านไปมาแสดงถึงความคึกครื้นของเมืองที่ปราศจากการรบและสัตว์ร้าย  ตลาดกลางเป็นศูนย์รวมใหญ่ที่ผู้เล่นส่วนมากจะมารวมตัวกันเพราะไม่ใช่เพียงแต่ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนไอเทมกันเท่านั้น   แต่ยังเป็นจุดนัดพบและค้นหาสมาชิกใหม่ๆเข้าสังกัดในกิลของตนเอง  

                “โห ไม่คิดว่าเมืองคริสตัลจะมีผู้เล่นและ NPC เยอะขนาดนี้นะเนี่ย”

                สาวน้อยร่างบางเจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนอุทานออกมาด้วยความตกใจเนื่องจากที่ผ่านมาพวกเธอทั้งห้าคนออกตระเวนหาไอเทมและเควสจากเมืองเล็กๆที่ห่างไกลทำให้ยังไม่ชินกับสภาพที่ใหญ่โตมากนัก

    “ตอนแรกมีคนบอกต่อกันมาว่าเป็นเมืองหลักของเกม  แต่ไม่คิดว่ามันจะกว้างขนาดนี้”

    หนุ่มน้อยร่างสูงที่ยืนแอบอยู่หลังของหญิงสาวร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงเริ่มมีอาการตื่นเต้น เนื่องจากภาพของเมืองที่เขาจินตนาการไว้มันน้อยกว่าที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเสียอีก

    “เดี๋ยววากับโยจะไปหาที่พักให้ก่อนนะ ซิลก็ไปรวมที่จุดนัดพบกับริสาละกัน”

    ใช่แล้วที่พวกเรามาที่เมืองหลักสุดแสนจะแออัดไปด้วยผู้คนนั้นไม่ได้มาเดินเล่นหรือเข้าร่วมกิจกรรมอะไร เพียงแต่ได้นัดเพื่อนอีกคนที่อยู่ในกิลไว้  เธอมีชื่อว่า นริศา  หรือ ริสา พวกเราทั้งห้าที่แยกย้ายกันไปผจญภัยและเก็บเลเวลนั้นตอนนี้จะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแล้ว   ซิลและนัทจึงล่วงหน้าไปหาริสาก่อน

    “โรงแรมนั่นน่ารักดีอ่ะ  มีรูปของหนูน้อยหมวกแดงด้วย”

    โยผู้เป็นน้องสาวซึ่งชอบของน่ารักๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นชี้ไปที่โรงแรมหลังหนึ่งซึ่งถูกตกแต่งให้คล้ายกับธีมของหนูน้อยหมวกแดงกับหมาป่า  ฉันจึงตัดสินใจว่าคืนนี้พวกเราจะค้างที่โรงแรมนี้กันด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า  มันน่ารักดี  เท่านั้นเอง

    “คนเยอะจริงๆเลย แบบนี้จะเดินไปไหนมาไหนก็ลำบาก”

    “นั่นสิโดยเฉพาะพวก TYPE Robot จะค่อยข้างตัวใหญ่เพราะชุดเกราะด้วย”

    โยหันไปมองร้านขายไอเทมฟื้นฟูที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเรา ที่ร้านนั้นเต็มไปด้วยบรรดาผู้เล่นสายโรบอทกรูมาซื้อไอเทมฟื้นฟูที่กำลังลดราคาอยู่ในขณะที่ทำให้พวกบรรดา TYPE Elf  และ TYPE  Human อย่างพวกเรายากที่จะเข้าไปขอร่วมวงด้วย  เมื่อตั้งท่าที่จะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนแต่ดูเหมือนว่า วาตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างที่ร้านประมูล

    “ทำอะไรหรอ วา?

    “อ่อ แปปเดียวนะโย  ของตั้งราคาขายไอเทมก่อน”

    “ได้ๆ  แต่อย่าลืมแบ่งกันมั่งนะ”

    “เธอนี่นะ….ก็ได้เห็นว่าเป็นน้องนะเนี่ย”

    ปกติแล้ววามีนิสัยชอบเก็บเงินและหาไอเทมมากกว่าจะที่จะไปยืนต่อสู้กับคนอื่นๆ จุดประสงค์ที่พวกเธอสองพี่น้องและคนอื่นๆมาเล่นเกมนี้นั้นเป็นเพราะเมื่อสองปีที่แล้วได้รับเลือกให้เป็นกิลลำดับที่สามในบรรดากิลทั้งหมดหนึ่งพันกิล  ซึ่งรวมผู้เล่นต่างวัยไว้ถึงสามหมื่นคนเข้าร่วมทดสอบกับ ESP Project ถึงแม้จะไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเกมนี้สร้างมาเพื่ออะไรกันแน่  แต่ผู้เล่นกว่าสามหมื่นคนที่มีรหัสยืนยันไอดีก็เข้ามาเล่นเกมแบบปกติโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ   ซิลบอกว่ามันก็เหมือนกับเกมแนว MMORPG ทั่วๆไปแต่มีบางอย่างที่แตกต่างตรงที่ผู้เล่นจะได้รับการสุ่มพลังพิเศษขึ้นมาคนละหนึ่งอย่างและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ถึงแม้ว่าพลังบางอย่างจะมีผลกระทบอยู่บ้างก็ตาม

    “เมื่อไหร่ระดับพลังพิเศษมันจะเพิ่มขึ้นละเนี่ย พึ่งระดับสามเอง”

    “ของวาตอนนี้อยู่ที่ ระดับเจ็ดเองเห็นมีข่าวลือมาว่าสูงสุดอยู่ที่ระดับเก้าแล้ว”

    “โห คนนั้นเขาทำยังไงกันนะ”

    พลังพิเศษของแต่ละคนมีข้อจำกัดตรงที่วิธีการพัฒนาพลังนั้นต่างกันออกไปอย่างเช่นพลัง เทเลพาธีของวา  จะพัฒนาขึ้นก็ต่อเมื่อนำไปใช้ขยายความคิดการต่อสู้ให้คนอื่นในเกมหรือใช้ส่งกระแสจิตไปบอกเพื่อนๆที่อยู่อีกห้องเรียนมารวมตัวกัน  ซึ่งจะแตกต่างจากพลังของซิลที่เป็นการสร้างความคิดและข้อมูลที่รวบรวมมาก่อเกิดเป็นรูปภาพโดยส่งผ่านเทเลพาธีของวาอีกต่อหนึ่งจึงจะสามารถให้คนอื่นแชร์ความคิดด้วยได้

    “เอาละไปรวมกับคนอื่นๆทีร้านขายชุดแฟชั่นจินนี่ชายด์กัน”

    เมื่อวากับโยเดินเข้าไปในร้านดังกล่าวก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเพื่อนของตนทั้งสอง ริศาและซิลกำลังเลือกชุดแฟชั่นไว้เป็นกองภูเขาขนาดมหึมา  โดยมีนัท น้องชายสุดแสนจะดวงซวยเป็นคนลองชุดพวกนั้นแทน

    “เจ๊วา  ช่วยผมด้วยพวกพี่ๆเขาบ้าไปแล้ว!!

    นัทวิ่งมาหลบที่หลังของวาและโยเพราะเขาคาดว่าทั้งสองอาจจะช่วยห้ามปรามพี่สาวของเขาให้ยั้งมือได้

    “แต่ชุดอลิซนั่นก็เหมาะกับนายดีนะ”

    โยพูดล้อนัทที่ใส่ชุดผู้หญิงขึ้นมากกว่าบรรดาพี่ๆของตนเสียอีกเนื่องจากตอนสร้างตัวละครอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นกำให้ตัวละครของนัทหน้าหวานกว่าตัวละครชายคนอื่น

    “พวกเธอทำอะไรกันน่ะ?

    “อ้าว วาไม่ได้เจอกันนานเลยคิดถึงมาก!

    ริสากระโดดกอดวาและโยที่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่รู้จะตอบรับปฏิกิริยาของริสาอย่างไรดี

    “พอดีว่าฉันกับริสากำลังหาแบบเสื้อสวยๆมาเป็นเครื่องแบบของคนในกิลน่ะ”

    “เอ๋   น่าสนุกงั้นฉันเอาด้วย”

    “แล้วกัน พวกพี่นี่บ้าชุดแฟชั่นกันจริง”

    นัทเริ่มห่อเหี่ยวเพราะเขารู้ว่าคงไม่มีใครแล้วที่จะสามารถห้ามพวกพี่สาวและช่วยเหลือเขาจากการเป็นหนูทดลองเสื้อพวกนั้นได้  แต่ก็มั่นใจได้ว่าคงไม่ได้ลองเพียงคนเดียวเพราะตอนนี้โยก็อยู่ด้วย

    นัทถอดชุดที่ตัวเองใส่ก่อนหน้านี่กองไว้บนโต๊ะพลางขอโทษขอโพย NPC Jennie เจ้าของร้านเสื้อถึงพฤติกรรมการเลือกเสื้อแบบอลังการของบรรดาพี่สาว เขาจึงขอถอนตัวไปนั่งรออยู่บริเวณหน้าร้านแทนที่จะเข้าไปแล้วโดนจับใส่ชุดแทนในขณะที่ทอดสายตายมองไปรอบร้านเขาก็พบกับบางอย่างที่พับอยู่ในกล่อง นัทจึงนำสิ่งนั้นออกมาคลี่ดูแล้วจึงรีบนำกลับไปให้บรรดาพี่สาวเป็นคนตัดสินใจ

    “พี่ครับ ดูนี่สิ”

    “มีอะไร?

    นัทส่งชุดกี่เผ้าผสมแนวญี่ปุ่นให้กับซิลตัวผ้านั้นไม่ได้สวยอะไรมากเพียงแต่มันมีเครื่องประดับและทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่เนื่องจากมันมีอยู่เพียงแค่ตัวเดียวจึงไม่เหมาะที่จะซื้อเป็นเซต

    “ตัวนี้ใช้ได้นะ ซื้อแค่ตัวเดียวก็พอเดี๋ยวฉันออกแบบให้ใหม่”

    “อ้ะ ลืมไปเลยว่าคลาสรองของริสาคือช่างเย็บผ้า”

    “งั้นเอาตัวนี้ละกัน อ่ะวาเอาไปจ่ายสิ”

    “ว่าแล้วว่าฉันต้องเป็นคนจ่าย ”

    วาทำหน้าบูดเมื่อรู้มันต้องมาอีหรอบเดียวกับที่คิดไว้แน่นอน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเพราะซิลที่เป็นหัวหน้ากิลโอนสิทธิ์ให้เธอสามารถครอบครองคลังเก็บของและธนาคารกิลไว้ใช้เก็บบรรดาหิน  อาวุธและชุดราคาแพงของเธอแทนเพราะลำพังตัวละครเธอคนเดียวมีจำนวนช่องคลังเก็บไม่พอถึงแม้ว่าจะใช้บัตรขยายช่องเก็บของแล้วก็ตาม

    “เท่าไหร่คะ”

    12,350 ลีออนค่ะ”

    “แม่เจ้า! พะ พะ แพง อยู่นะเนี่ย”

    วาเริ่มเสียดายเงินอย่างสุดซึ้งเพราะไม่ใช่แพงแค่ราคาของชุดนี้แต่เธอยังต้องจ่ายค่าผ้าและอุปกรณ์สำหรับการตัดเย็บชุดให้คนในกิลถึงสองแสนกว่าลีออนเลยทีเดียว

    “วันนี้ฉันโดนปล้นมาเยอะแล้วขอทำใจกลับไปนอนก่อนดีกว่า”

    “ฮ่าๆ จ้างั้นวันนี้ไปรวมที่โรงแรมแล้วออกจากระบบกันดีกว่า ”

    “จ้า”

    ทุกคนจึงเดินทางกลับไปที่โรงแรมหนูน้อยหมวกแดงแล้วทำการออกจากระบบเกมกัน

    Log Out------------------

    “ปิดไฟนอนละนะ ตอนนี้มันตีหนึ่งแล้ว”

    “เอ้ะเอ่อ  ปิดได้เลยขอดูอะไรนิดหน่อยก่อนเดี๋ยวจะนอน”

    ถึงแม้ว่าเพื่อนๆและน้องสาวของตนจะนอนแล้วแต่ว่าก็ยังตั้งตาอ่านหนังสือต่อไปเพราะเธอรู้ว่าการเอาพลังที่ได้จากเกมมาใช้นั้นจะทำให้เธอเสียความจำของการเรียนและกิจวัตรประจำวันไปบ้างทำให้เธอต้องมานั่งทบทวนใหม่ทุกครั้งที่ออกจากเกม    เนื่องจากพลังเทเลพาธีที่ส่งผลกระทบต่อความทรงจำตัวเองเพราะแลกเปลี่ยนความคิด คำพูด และความทรงจำของคนอื่นทำให้เกิดการสับสนอยู่บ้างว่าจริงๆแล้วเธอทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน

    .

    .

    .

    ณ เวลาหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ของสองพี่น้องเนื่องจากพวกเธอสองคนตื่นสายกว่ากำหนดตั้งครึ่งชั่วโมงทำให้พวกเธออาจจะพลาดรถรับส่งของโรงเรียนได้  ที่บ้านในตอนนี้ทั้งสองอยู่กับคุณป้าเพียงสามคนพ่อและแม่ของทั้งสองเป็นนักวิชาการที่ต้องไปทำงานประจำสาขาอยู่ที่ต่างประเทศพวกเธอสองพี่น้องจึงจะพบพ่อกับแม่ได้แค่ปีละสองครั้งในวันเกิดและวันปีใหม่ ถึงแม้จะตั้งเป้าไว้ว่าเป็นชีวิตของมัธยมปลายสุดท้ายแล้วแต่พวกเขาก็ยังตื่นสายอยู่ดี

    “วา เร็วเข้าจะเจ็ดโมงแล้วเดี๋ยวรถมารอ”

    “ก็รีบอยู่นี่ไง ว้าก!เนคไทหายไปไหนเนี่ย”

    “วาเห็นถุงเท้าบ้างไหม”

    “ฉันพับไว้ในลิ้นชักด้านล่างอ่ะ”

    เป็นรุ่งเช้าที่วุ่นวายมากสำหรับพี่น้องทั้งสองคุณป้าของพวกเธอจะกลับมาในเวลาเที่ยงและออกไปทำงานอีกในเวลาสี่ทุ่มเนื่องจากเป็นงานของแพทย์แผนกผ่าตัดและคนไข้ฉุกเฉิน

    “ในที่สุดก็ทันรถพอดี”

    “วันนี้ตื่นสายสินะครับ พี่นฤนาถและ พี่หทัย

    นันทกร หรือนัท จะไม่เรียกชื่อพวกเราในเกมออกมาเพราะถ้าเกิดมีใครจำได้เข้าคงคิดว่าพี่น้องสองคนนี้ไม่ปกติแน่นอนถึงขนาดมีโค้ดเนมลับกันเลยทีเดียว

    “นันทกรนั่งดีๆเดี๋ยวก็ล้มหรอก”

    จิราภัทรที่นั่งอยู่ข้างๆน้องชายกล่าวตักเตือนผู้เป็นน้องที่กำลังจะลุกขึ้นถึงแม้ฟังดูเย็นชาและจอมบ่งการแต่จริงๆแล้วทุกคนรู้ดีว่าเธอเป็นพวกติดน้องยกเว้นแต่นันทกรคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าพี่เธอคิดอย่างไรจึงทำให้พลอยกลัวจิราภัทรอยู่ตลอดเวลา  จากนั้นจิราภัทรส่งเสียงจุ๊ปากให้ทุกคนและชี้ไปที่วา ซึ่งกำลังหลับเป็นตายเพราะอาการนอนดึกเป็นประจำ

    “วา ชิงหลับไปก่อนแล้วอ่า  รีบนอนมั่งดีกว่า”

    “จ้า เดี๋ยวถึงแล้วจะปลุกนะ”

    บรรยากาศในการสนทนาก็เงียบลงเพราะคู่สนทนาอีกสองคนได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว  คงเป็นเพราะการนอนดึกสะสมที่ไม่มีคนคอยห้ามปราบทำให้พี่น้องสองคนไม่เคยนอนครบแปดชั่วโมงเลยซักครั้งเดียว

    เมื่อรถจอดที่ข้างโรงเรียนจิราภัทรก็สะกิดให้ทั้งสองคนตื่นจากฝันแล้วมารับรู้ความเป็นจริงด้วยกัน  การมาเรียนนั้นเป็นอะไรที่ยากกว่าการพิชิตบอสเสียอีกนี่เป็นคำพูดที่วาเคยกล่าวไว้เมื่อสองปีก่อนแต่เพื่อลบคำสบประมาทของบรรดาผู้ใหญ่ที่ว่า เล่นเกมแล้วจะโง่เรียนไม่เก่ง นั้นไม่จริง  ในห้องเรียนเองวาและโยถือว่าอยู่ในระดับท็อปของห้องเลยก็ว่าได้เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นเด็กติดเกม

    “อ่าวๆทำไมหน้าโทรมเนี่ยหทัย”

    ชายหนุ่มร่างสูงสองคนเดินมาทักทายตามประสาเพื่อนในเกมด้วยกันเพียงแต่อีกคนจะพูดมากกว่าแค่นั้น

    “ไม่มีไรนอนดึกไปหน่อยน่ะ วันนี้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แหะ”

    “ตอนพักไปแอบนอนที่ห้องพยาบาลดีกว่ามั้ง”

    ชายร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามว่า ไอ้ที หรือ คุณนทีที่เพื่อนเขาเรียกกัน นทีมีเพื่อนสนิทมากอยู่หลายคนแต่คนนี้จะเจอบ่อยหน่อยจำชื่อไม่ได้จริงๆขออภัยด้วยนะคุณเพื่อน

    “ไม่เป็นไร แอบนอนในห้องก็พอแล้ว”

    “นั่นสินะ กิจวัตรประจำวันของพวกเธอคือนอนในห้องสินะ เพราะนั่งอยู่แถวหลังสุดด้วยครูเลยไม่ค่อยเรียกเท่าไหร่”

    “ก็ดีกว่านั่งหน้าแบบนายเพราะเรียนไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน”   
           

    “เอาน่าๆอย่าทะเลาะกัน  อีกเดี่ยวจะเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วเตรียมตัวดีกว่า”

    ชายร่างสูงเจ้าของผมสีดำสนิทเพื่อนของไอ้คุณนทีห้ามปรามพวกเราทั้งสองไว้เพราะไม่อย่างนั้นได้มีทะเลาะกันข้ามชั่วโมงแน่นอน  จิราภัทรกับนริศาอยู่คนละห้องกับพวกเธอ   ในห้องบี นั้นที่นั่งของหทัยและนฤนาถนั้นอยู่แถวหลังสุดของห้องแต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากอยู่ใกล้โต๊ะครูหรอกนะเพียงแค่

    “ถึงจะแอบหลับในห้องก็เรียนรู้เรื่องกว่าเพื่อนที่ตื่นอยู่ซะอีกนะ” โยเอ่ยขึ้นมาลอยแต่มันก็แทงใจดำนทีไม่น้อยเลย

    เมื่อเคารพธงชาติแล้วนักเรียนห้องบี ต้องเจอกับวิชาที่โหดหินสำหรับพวกเขานอกจากวิชาคณิตศาสตร์แล้วนั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษ  คาบแรกนักเรียนห้องบีถึงกับปล่อยออร่าความหดหู่ออกมาตั้งแต่หัววัน

    “เหวอ ออร่าความหดหู่มาแล้ว”

    เด็กนักเรียนห้องซีที่จิราภัทรอยู่นั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติของห้องบีก็ตามแต่พวกนักเรียนห้องอื่นๆก็ยังเห็นว่ามันเป็นเรื่องประหลาดอยู่ดี

    นักเรียนห้องบีทั้งหญิงและชายขณะที่เดินเข้าห้องและนั่งประจำที่ตัวเองได้แต่ภาวนาว่าวันนี้ไม่อยากจะโดนเรียกเลยเพราะเมื่อมีคำถามเมื่อไหร่ครูก็จะให้นักเรียนตอบ แต่ถามไม่มีใครตอบก็จะมีการสุ่มชื่อและเลขที่ขึ้นมาแทน  วันนี้เลขผู้โชคร้ายตกเป็นของนทีเพื่อสุดกวนของหทัยและนฤนาถนั่นเอง

    “ตอบอะไรจ้ะ?

    ครูสาวสุดสวยเอ่ยถามนายนทีที่ยืนนิ่ง เหงื่อตกเพราะไม่ทราบจริงๆว่าต้องตอบว่าอะไรกันแน่ ทั้งๆที่คำนั่นมันเป็นคำง่ายๆที่ปีรากฎอยู่ในเกมบ่อยครั้งเพียงแค่ว่านทีไม่ค่อยได้สังเกตเท่านั้นเอง

    “ถ้างั้นจะให้ใครเป็นตัวช่วยดีละจ้ะ ไหนลองเรียกเพื่อนสนิทผู้หญิงซักคนมาตอบสิ”

    ตอนแรกถ้าครูไม่เน้นว่าเป็นผู้หญิงคาดว่าคงเรียกเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆมาตอบแน่ ได้ยินมาจากนฤนาถว่านายคนนั้นฉลาดใช่ย่อยเหมือนกันเผลอๆเก่งกว่าทุกคนในห้องเสียอีก

    “หทัย กับ นฤนาถครับใครก็ได้”

    “งั้นเป็นคนพี่ดีกว่าเนอะ ทหัยจ้ะตื่นมาช่วยเพื่อนก่อนลูก”

    นฤนาถเห็นว่าหทัยกำลังเฝ้าพระอินทร์อย่างสบายก็รีบสะกิดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะปลุกยากไปกว่านี้  หทัยที่ถูกสะกิดก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็แล้วมองไปรอบๆพลางขยี้ตา  วันนี้รู้สึกแย่จริงๆคงเพราะความเหนื่อยสะสมหรือเปล่านะที่ทำให้เรามักจะหลับเป็นตายขนาดนี้  เมื่อมองไปที่กระดานหทัยรู้เลยว่าควรจะตอบอะไรจึงเดินไปที่หน้าห้องพร้อมกับหยิบปากกาเคมีสีน้ำเงินขึ้นมา

    ในขณะที่เธอกำลังเขียนคำตอบลงไปบนกระดานไวท์บอร์ดเสร็จแล้วนั้นก็ตั้งใจจะเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองผ่านทางโต๊ะครูแต่ก็หยุดนิ่งอยู่ซักพักโดยที่มองหน้าเพื่อนของนทีที่อยู่ข้างๆโต๊ะครู  แล้วก็เป็นลมหมดสติไปโดยที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

    หทัย---

    ตื่นสิ หทัย----

    เป็นอะไร วา---


    ..........................................................................................................

    Funtom ค่ะขอตัดจบที่ตอนนี้ก่อนละกันเนอะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นอย่างการแอบหลับเนี่ยเราก็ทำเป็นประจำเลยค่ะพวกเด็กติดเกมมักเวลานอนไม่ค่อยพออยู่ด้วย   ยังไงก็ขอฝากติดตามต่อนะคะ   อัพเดทใหม่วันศุกร์หน้าค่ะ
    ปล.ตรวจสอบเรียบร้อยคะ ขอบคุณคุณเพื่อนมากๆที่คอยเตือนว่าเราพิมพ์ชื่อผิดตลอดเลย อิอิ แต่ถ้ามีตรงไหนที่เราพลาดไปรบกวนแจ้งทีนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×