น้องโบ...โตหรือยัง?
เชื่อไหม ว่าการไม่มีมือถือ ไม่นอนดึก ไม่ดูละคร ไม่ชอบดาราเกาหลี กรี้ดไม่เป็น ไม่ใส่กระโปรงสั้น ไม่มีเอ็มเอสเอ็น จะสามารถทำให้เด็กใกล้เป็นสาวคนหนึ่ง ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตไปอีกนาน!
ผู้เข้าชมรวม
424
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
น้องโบเป็นกำลังเรียนอยู่ชั้นป.5 คุณครูบอกว่าน้องโบเป็นเด็กซนที่เรียบร้อยน่ารัก น้องโบจะสพายกระเป๋าเป้สีน้ำเงินไปโรงเรียนทุกวัน น้องโบชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์พอลที่สุด รองลงมาก็วิชาพละเพราะจะได้เล่นแชร์บอลกับเพื่อนๆ พูดถึงเพื่อนๆ น้องโบก็มีเพื่อนเยอะแยะ ชื่อนิ้ง ชื่อออย ชื่อเบคกี้ แล้วก็ชื่อกัญ
หมากเก็บ แปะแข็งแล้วก็ซ่อนแอบคือสิ่งที่น้องโบชอบเล่นที่สุด น้องโบจะเล่นกับเพื่อนทุกวัน พอเหนื่อยแล้วก็จะมานั่งกินไอติมที่บันไดตึก ถึงคุณครูจะบอกว่าห้ามเอาขนมออกมากินนอกโรงอาหาร แต่ดูเหมือนคุณครูจะเตือนจนเบื่อแล้ว เพราะพวกน้องโบกินกันทุกวัน คุณครูเลยไม่มาว่ามาเตือนอีกเลย
แต่พอนานๆไป น้องโบก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาน้องโบชวนนิ้งกับออยเล่นหมากเก็บ นิ้งกับออยก็มองหน้ากันแล้วส่ายหน้าเหมือนกันว่าน้องโบชวนให้ไปอ่านหนังสืออย่างงั้นแหละ แล้วทั้งสองคนก็เดินหนีไปเลย ไปไหนก็ไม่รู้ไม่ยอมชวนน้องโบ ไม่เป็นไรน้องโบไปเล่นกับเบคกี้กับกัญก็ได้ ไม่ง้อหรอก....
แต่เบคกี้กับกัญไม่ยอมฟังน้องโบเลย เอาแต่นั่งอ่านหนังสืออะไรก็ไม่รู้ น่าแปลก ก็ทั้งคู่บอกเองนี่ว่าเบื่ออ่านหนังสือ หรือว่านี่เป็นหนังสือการ์ตูน น้องโบเลยชะโงกหน้าเข้าไปดูบ้าง ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ใช่รูปการ์ตูน มีแต่รูปผู้ชายทำผมสีแปลกๆที่กำลังทำสีหน้าเหมือนกำลังโกรธที่น้องโบไปมองเขา เพื่อนๆทั้งสองบอกว่านี่เป็นนักร้องเกาหลีชื่ออะไรก็ไม่รู้ ฟังแล้วพิลึกกึกกือเรียกยากจะตาย แถมเสียงก็ตลกด้วย น้องโบเลยเผลอหัวเราะออกไป เบคกี้กับกัญเลยพาลโกรธน้องโบซะเดี๋ยวนั้น
น้องโบไม่เข้าใจ
ปกติแล้วเวลาเรียนวิชาสังคมกับคุณครูอรทัย น้องโบไม่ชอบเรียนหรอก เลยจะชอบแอบคุยกับเพื่อนรอบๆตัว ส่วนใหญ่ก็จะคุยเรื่องการ์ตูนวันเสาร์อาทิตย์นั่นแหละ พอน้องโบเห็นจังหวะดีแล้ว น้องโบเลยหันไปคุยกับนิ้งที่อยู่ข้างๆ แต่นิ้งไม่ว่างเพราะกำลังคุยกับออยกับเบคกี้แล้วก็กันต์ น้องโบจะร่วมวงด้วยเลยพยายามเงี่ยหูฟัง
“พี่เอ็มน่ารักเนอะ”
“อืมๆๆ แต่เสียดายเข้ามีแฟนแล้ว”
“จริงอ่ะ! คนไหน”
“ก็พี่ลัคไง คนนั้นน่ะ ที่เดินกับพี่เอ็มบ่อยๆ ผมยาวๆตาโตๆ”
“อ๋อ....แหวะ! ไม่เห็นสวยเลย”
เพื่อนๆทั้งสามคนหัวเราะคิกคักเสียงแหลม น้องโบเอียงคอ เลยถามไปว่า พี่เอ็ม คือใคร ทำให้สายตาทั้งหกตู่เบนความสนใจมาที่น้องโบ แล้วหันกลับไปมองหน้ากันเองอีกสองสามทีเหมือนกับปรึกษากันเป็นรหัสลับ นิ้งก็โพล่งออกมาว่า “แฟนไอ้ออยมัน”
น้องโบพูดอะไรต่อไม่ได้ เพราะครูอรทัยหันหลังให้กระดานดำซะแล้ว
วันต่อมา ที่ห้องวุ่นวายกันใหญ่เพราะว่าออยร้องไห้
น้องโบรีบวิ่งเข้าไปในวง ออยเป็นอะไรหรอ?โดนใครแกล้งมารึเปล่า หกล้มมา หรือว่าของหาย ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวน้องโบจะช่วยหาเอง ออยร้องไห้ทำไมล่ะ น้องโบพยายามอ้าปากจะปลอบออย แต่คนอื่นก็พากันพูดแทรกขึ้นมากันก่อน น้องโบเลยต้องเงียบไว้ เพราะครูสอนไว้เสมอว่าต้องรอให้คนอื่นพูดเสร็จก่อนแล้วค่อยพูด
“ไม่เป็นไรนะออย เรื่องแค่นี้เอง แม่เราก็จู้จี้แบบนี้แหละ”
“ใช่ๆ ไม่รู้ว่าห้ามอะไรนักหนา ใครๆเขาก็มีกันทั้งนั้น”
“แม่เราแค่เจาะหูเพิ่มอีกรูยังไม่ยอมให้เลย”
“เหมือนกัน แถมชอบซื้อเสื้อเชยๆป้าๆมาให้ใส่ตลอด อยากบอกกลับไปจะตายว่า นี่หนูไม่ได้อายุอย่างแม่นะ อยากให้หนูแก่เป็นเพื่อนหรือไง”
น้องโบไม่เข้าใจว่าคำพูดพวกนั้นจะช่วยให้ออยหยุดร้องไห้ได้ยังไง ตกลงออยโดนแม่ดุหรอ? น้องโบเลยหันไปถามกัญที่อยู่ใกล้น้องโบที่สุด กัญบอกว่าแม่ของออยไม่ยอมให้ออยใส่บิ๊กอาย
บิ๊กอาย ตาใหญ่ ตาโต? แล้วมันยังไงกันหรอ? น้องโบกำลังจะถามต่อ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าถามมากคงโดนเพื่อนดุอีกแน่ๆ เลยเก็บคำถามนี้ไปถามแม่หลังจากกลับบ้าน
แม่บอกว่าบิ๊กอายคือคอนแท็คเลนส์ชนิดหนึ่ง ใส่แล้วจะทำให้ดูตาโตขึ้น เป็นแฟชั่นมาจากญี่ปุ่น แล้วแม่ก็โชว์รูปในหนังสือพิมพ์ให้น้องโบดู ผู้หญิงหน้าขาวแก้มป่องคนนั้นดูเป็นการ์ตูนมากกว่าคนจริงๆ น้องโบเข้าใจแล้ว เพราะออยสายตาสั้นนี่เองก็เลยปวดหัวอยากใส่คอนแท็คเลนส์ แต่แม่น้องโบบอกว่าไม่ดีหรอกเพราะคอนแท็คเลนส์ทำให้ตาแห้ง ถ้าสายตาไม่สั้นมากๆก็ยังไม่จำเป็น แถมพวกน้องโบยังเด็กอยู่ด้วย ใส่แว่นไปเลยดีกว่า
น้องโบรีบไปบอกออยในวันรุ่งขึ้น แล้วออยก็ไม่พูดกับน้องโบอีกเลย
พอน้องโบขึ้นป.6 น้องโบก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพื่อนแต่ล่ะคนทำไมต้องไปตัดกระโปรงตัวเองให้สั้นลงเรื่อยๆจนเลยเข่า ทำไมต้องพยายามใส่เสื้อตัวเล็กรัดๆน่าอึดอัดอย่างนั้น ทำไมทรงผมต้องตัดให้ข้างหน้าทิ่มตาตัวเอง ทำไมต้องมีแหวนเต็มนิ้ว เจาะหูอย่างต่ำสามรู หรือไปเจาะสะดือ เจาะคิ้ว เจาะจมูก ทำไมต้องทาปากทาคิ้วดัดขนตา น้องโบงงไปหมดเหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องเรียนของตัวเอง
ทั้งๆที่หลายคนโดนครูดุทุกวัน แต่ไม่ยักมีใครจะแยแส สงสัยเพราะคิดว่าคงเหมือนตอนที่น้องโบนั่งกินไอติมนอกโรงอาหาร หลายวันเข้าเดี๋ยวอาจารย์ก็คงจะเบื่อไปเองล่ะมั้ง
ช่วงนี้น้องโบไม่ชอบอยู่ในห้องเรียนเลย เพราะในห้องทั้งน่าเบื่อแล้วก็หนวกหู ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนต้องคอยกรีดเสียงแหลมๆใส่กันด้วย แถมไม่เห็นจะเล่นอะไรกันเลยนอกจากส่องกระจก ถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ ดูนิตยสารเช็คดวงชะตา ส่งเพลงเอ็มพีสาม แล้วก็อะไรกันอีกก็ไม่รู้ ดูแล้วเล่นหมากเก็บยังสนุกกว่าเป็นไหนๆ พอน้องโบจะหันไปคุยกับใคร ทุกคนก็จะอุดหูด้วยหูฟังมั่ง คุยโทรศัพท์กันมั่ง
ในตอนนี้แม้แต่ตองตัวเหม็นที่เคยเป็นคนไม่น่าคบที่สุดในห้อง ยังมีเพื่อนมากกว่าน้องโบ
น้องโบขอแม่ให้ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ แม่มองหน้าน้องโบด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ ไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ แต่นั่นแหละ น้องโบไม่กล้าสบตาแม่
แม่ถามน้องโบว่าจะเอาไปทำอะไร น้องโบก็เงียบ แม่ถามว่าน้องโบต้องใช้หรอ น้องโบก็เงียบ แม่ถามว่าทำไมน้องโบถึงอยากให้แม่ซื้อ น้องโบก็เงียบ แม่ถามว่าน้องโบอยากจะโทรหาใคร น้องโบก็เงียบ แม่ถามว่าน้องโบอยากได้จริงๆหรอ น้องโบก็ได้แต่เงียบ
เพราะน้องโบรู้แต่ว่ามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้น้องโบมีเพื่อนอีกครั้ง
คืนนั้นน้องโบทะเลาะกับแม่เพราะไม่ยอมขึ้นนอนตามเวลา
“น้องโบโตแล้ว นอนดึกได้แล้ว น้องโบจะดูละคร!” น้องโบเถียงแม่ นับเป็นครั้งแรกที่น้องโบดึงดันจะนอนหลังสองทุ่มนับจากห้าปีมาแล้วที่น้องโบดึงดันจะรอพ่อกลับบ้าน
“ละคงละครอะไรกัน หนูไม่เคยดูซะหน่อย” แม่ยังคงถามด้วยเสียงเรียบปกติแม้ว่าน้องโบจะงอแงเสียงดังเกินจำเป็น ขัดกับคำพูดที่ว่า “หนูโตแล้ว”โดยสิ้นเชิง
“น้องโบอยากดู น้องโบจะดู” น้องโบสบตาแม่ไม่ได้อีกแล้ว
“ดูเรื่องอะไรล่ะ” แน่นอนว่าน้องโบตอบคำถามแม่ไม่ได้อีกแล้ว
แม่มองน้องโบที่นิ่งเงียบก้มหน้ามองเท้าตัวเองอยู่นาน น้องโบไม่กล้าเงยหน้า แม่ไม่พูดอะไรอีกเลยแม้ว่าจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆมาจากน้องโบ
“ตามใจก็แล้วกัน....” นั่นคือคำพูดสุดท้ายจากปากของแม่ แล้วแม่ก็เดินขึ้นนอนตามปกติราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทีวีถูกเปิดไว้เป็นแสงจ้า ภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวพูดคุยไปตามบทดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนห้าทุ่มครึ่งเข้าไปแล้วจอภาพก็ยังไม่ยอมฉาบด้วยความมืดดำ น้องโบไม่มีความสุขเลย น้องโบนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ทั้งเศร้า น้องโบไม่ชอบละครที่มีแต่เสียงทะเลาะกัน ไม่ชอบตัวอิจฉาที่ทาปากแดงเหมือนเลือด ไม่ชอบพระเอกที่ต้องถือปืนยิงปึงปัง น้องโบไม่อยากดู แต่ก็ต้องดูจะได้ไปคุยกับเพื่อนได้ ต้องดู....น้องโบต้องดู
น้องโบหลับไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าแม่แอบมองอยู่แทบจะตลอดเวลา แม่รู้ทุกอย่าง....แม้แต่เหตุผลที่น้องโบไม่ยอมพูดออกไป แม่เดินมาปิดโทรทัศน์ราวๆเที่ยงคืนกว่าก่อนที่พ่อของน้องโบจะกลับมาไม่นาน แม่มองน้องโบที่เอนตัวหลับไปในใบหน้าที่แดงก่ำเปื้อนคราบน้ำตา และรู้ว่าถึงน้องโบจะยังตื่นอยู่ก็คงไม่รู้ว่าโทรทัศน์ถูกปิดไปแล้ว เพราะน้องโบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูมันเลยแม้แต่ฉากเดียว
รุ่งเช้าน้องโบปวดหัวมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนอนดึกหรือเป็นเพราะร้องไห้หนัก น้องโบไม่กล้าใช้ตาบวมๆของตัวเองมองหน้าแม่หรือพ่อ แต่ก็ต้องแปลกใจที่ทั้งคู่ไม่ได้ถามไถ่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม ก่อนรถโรงเรียนจะมารับน้องโบ ปกติแม่จะแค่บอกว่าโชคดีนะลูก แต่วันนี้แม่กลับเสริมต่อท้ายมาด้วยว่า
อะไรที่ทำแล้วไม่มีความสุข ก็อย่าไปฝืนทำเลยนะ
น้องโบจะไม่นอนดึกหรือดูละครอีกแล้ว......
แต่ถ้าอย่างนั้น....น้องโบจะทำยังไงล่ะ
น้องโบไม่มีเพื่อนเพียงเพราะน้องโบไม่มีมือถือ ไม่นอนดึก ไม่ดูละคร ไม่ฟังเพลง ไม่ชอบดาราเกาหลี กรี้ดไม่เป็น ไม่มีรุ่นพี่ในดวงใจ ไม่ใส่กระโปรงสั้น ไม่พยายามลดความอ้วน ไม่มีเอ็มเอสเอ็น ไม่เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นชั่วโมง ไม่ชอบทำแก้มป่อง ไม่ทำตาโต ไม่ชอบถ่ายรูป ไม่สนใจเสริมสวย ไม่ซอยผม ไม่อยากเจาะหูให้พรุน ไม่ชอบเดินชอปปิ้ง ไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยตกหลุมรัก
นั่นแปลว่าน้องโบสมควรถูกทอดทิ้งหรือ?
เพื่อนๆในห้องเรียกน้องโบว่า “โบราณ” หรือไม่ก็ “เด็กไม่ยอมโต” จนจบป.6 ถ้าอย่างนั้น ถ้าน้องโบโตขึ้นเรื่อยๆ จนทันคนอื่นเมื่อไรน้องโบจะมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นเองใช่ไหม? งั้นน้องโบก็คงไม่ต้องรีบพยายามอะไร เหมือนกับที่น้องโบไม่ได้รีบร้อนที่จะมีประจำเดือนหรือมีเอวสะโพกหน้าอกงั้นสินะ?
จากโรงเรียนประถม สู่โรงเรียนมัธยม ไปจนมหาวิทยาลัย แม้จะเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็นนางสาวมานานแล้ว แต่โบก็ยังชอบเรียกตัวเองว่า “น้องโบ” มากกว่า ลึกๆแล้วก็ยังนึกสงสัยว่าเพื่อนๆในตอนโน้นยังจะจำชื่อโบของเธอว่า “โบราณ” อีกหรือไม่
น้องโบยังคงรอวันที่จะเติบโตขึ้นให้ทันเพื่อนๆ จนกระทั่งน้องโบรูปร่างหน้าตาเป็นหญิงสาวเต็มๆตัว เรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองอย่างสง่าผ่าเผย แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งๆที่ผ่านไปเป็นสิบปีแล้วน้องโบก็ยังไม่ชอบดาราเกาหลี ยังกรี๊ดกร๊าดหรือทำตาโตแก้มป่องไม่เป็น ยังไม่ชอบใส่กระโปรงสั้น แถมยังไม่ชอบนอนดึกเหมือนเดิม!
วันที่น้องโบกำลังจะรับปริญญาบัตร น้องโบก็ยังอดนึกอยากจะเจอทั้งนิ้ง ทั้งออย ทั้งเบคกี้ ทั้งกัญ และเพื่อนคนอื่นๆไม่ได้ เพื่อที่จะถามเพื่อนๆทุกคนว่าในวันนี้ น้องโบ...โตหรือยัง?
ผลงานอื่นๆ ของ ไอหมอก ละอองแดด ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ไอหมอก ละอองแดด
ความคิดเห็น