ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักละมุนเต็มหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : เจอกันอีกแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 53


    2
    เจอกันอีกแล้ว
                และในที่สุดแม่ก็อนุญาตให้ฉันไปค่ายอาสาสมัครได้ เพราะว่าก้อยช่วยพูดให้กว่าจะพูดให้แม่ยอมปาไปสองถึงสามชั่วโมง ก้อยบ่นว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมช่วยฉันแล้ว
                ทำไงได้เกิดมาร่างกายไม่แข็งแรงจะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะว่าแม่ห่วงฉันเกินกว่าเหตุทั้งที่ฉันรู้ดีว่าร่างกายฉันไหวหรือไม่ไหว แต่ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของแม่เพราะว่าเรามีกันอยู่สองคนพ่อเสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้ 10 ขอบด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ฉันเสียใจเป็นเดือนๆ
                “ขอบใจเธอมานะที่ช่วยพูดกับแม่ให้” ฉันบอกก้อยในวันรุ่งขึ้นของการมาโรงเรียน
                “เกือบตายล่ะไม่ว่า ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีก” ก้อยบอก
                “ถ้าเธอไม่ช่วยฉันแล้วใครจะช่วยล่ะ” ฉันอ้อน
                “ฉันคิดผิดไหมที่ฉันมาคบเธอเป็นเพื่อนนี้” ก้อยบอกอย่างเหนื่อยใจ แต่ฉันรู้ว่าก้อยเต็มใจช่วยฉันเสมอ แต่ก็พูดไปอย่างนั้นเองและก็พูดมาตั้งแต่เราเป็นเพื่อนกันจนมาถึงเดี๋ยวนี้ก็เป็นคำพูดที่ติดปากก้อยไปแล้ว
                “ก็เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนที่น่ารักและใจดี” ฉันบอก
                “ไม่ต้องอ้อนเลย ไปเข้าเรียนกัน” ก้อยว่าและก็เดินกอดคอฉันเข้าห้องเรียนไป
                วันนี้เป็นวันที่อาจารย์โรงเรียนฉันกับโรงเรียนที่จะไปเป็นอาสาสมัครสร้างห้องสมุดให้เด็กทุรกันดารนัดประชุมการวางแผนและก็วันที่ออกเดินทางกันวันนี้
                “หวัดดี เจอกันอีกแล้วนะ” นิก ฉันดีใจที่ได้เจอเขาแต่ก็แสดงออกมากไม่ได้
                “หวัดดีนายก็ไปเหมือนกันเหรอ” ฉันถาม
                “ก็ใช่นะซิ” ถ้าจำไม่ผิดหมอนี้เป็นเพื่อนสนิทของนิก ชื่ออะไรก็ไม่รู้
                “นี้คีย์เพื่อนฉัน และอีกสองคนที่เดินเข้ามาคือ เซนและก็ทิกเกอร์” นิกแนะนำ
                “ฉันรู้มาว่าโรงเรียนนายมีตัวแทนหกคนไม่ใช่เหรอ”
                “อ้อ นั้นไงคนนั้นชื่อรวงข้าวเป็นแฟนเซน และโบว์เป็นแฟนทิกเกอร์” นิกบอก
                “มีแฟนกันหมด นายยังไม่มีเหรอ” ก้อยถามขึ้น
                “กลุ่มเรามีหมดยกเว้นหมอนี้ สงสัยรอเนื้อคู่อยู่” คีย์บอก
                “เราเข้าไปที่ห้องประชุมเถอะ” ฉันบอกและก็เดินนำพวกเขาไป
                “เราจะเริ่มออกเดินทางกันอาทิตย์หน้านะ ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อม บิวอย่าลืมเอายาไปด้วยนะ” อาจารย์หันมาบอกฉัน ซึ่งนิกก็หันมามองเหมือนกันเหมือนอยากจะถามว่าฉันเป็นอะไร
                “หนูว่าให้ตัวถ่วงไป งานคงไม่ราบรื่นแน่ๆ” และจ๋าก็ไม่วายแขวะฉันจนได้
                “เธอนั้นแหล่ะตัวถ่วง” ก้อยว่าจ๋าแทนฉัน
                “ไม่เอาน่าก้อย” ฉันรีบคว้าแขนให้ก้อยนั่งลง   
                “ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงหรอก ฉันดูแลตัวเองได้” ฉันบอกกับจ๋า แต่จ๋าทำเป็นไม่สนใจ แถมยังเชิดใส่อีก และการประชุมก็ปิดลง
                “เธอมีโรคประจำตัวเหรอ” นิกเดินมาถาม
                “เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันบอก
                “ที่ฉันถาม ไม่ใช่ว่าจะดูถูกเธอนะ แค่เป็นห่วงนะ” เป็นห่วงเหรอ ทำไมได้ยินแค่นี้ฉันต้องใจเต้นแรงด้วยนะ แค่คำพูดแค่ไม่กี่คำ
                “ขอบใจนะ”
                “เป็นอะไรเธอก็บอกฉันได้นะ เราไปด้วยกันก็ต้องช่วยดูแลกัน” นิกบอกและก็ยิ้มให้ฉัน ฉันก็เลยยิ้มให้เขา
                “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉัน” ฉันบอก
                “นี้ก็เที่ยงแล้ว พาไปโรงอาหารหน่อยซิ” นิกบอก
                “ได้ซิ” ฉันเดินนำไป ซึ่งเพื่อนๆของนิกก็เดินตามมาด้วย
                “อ้าว ไม่อยู่กินด้วยกันเหรอ” นิกถาม
                “ไม่ล่ะ ฉันมีธุระนะ ตามสบายนะ” ฉันบอกและก็เดินออกไปจากโรงอาหาร ที่จริงไม่มีธุระหรอกแค่อยากจะอยู่ห่างเขาเพราะกลัวหัวใจตัวเองที่มันเต้นแรงจนฉันเองยังตกใจเลย แค่อยู่ใกล้เขาแค่นี้ฉันตื่นเต้นและก็ดีใจขนาดนี้เลยเหรอ หัวใจฉันเป็นอะไรนะ
                “ฉันจะกลับแล้วนะ” นิกเดินมาบอกฉัน นี้เขาเห็นฉันได้ไงนะอุตส่าห์มานั่งไกลๆแล้วนะ
                “อืม” ฉันพยักหน้าให้เขา
                “ไม่เป็นไรนะ”
                “ไม่นี้” ฉันรีบบอก
                “เดินไปส่งหน่อยได้ไหม” อะไรนะ เขาให้ฉันเดินไปส่งเหรอ
                “ไปซิบิว” ก้อยก็รีบสนับสนุนอย่างเร็ว ฉันก็ได้แต่แอบค้อนเพื่อน
                “ได้ซิ” ฉันว่าและก็เดินตามเขาไป
                “โรงเรียนเธอสวยดีนะ”
                “เอาไว้วันหลังเราชวนบิวไปกินเค้กที่ร้านพี่ไกด์ซิ” รวงข้าวว่า
                “เอาซิ” เซนบอก แต่สีหน้าเขาราบเรียบไป
                “เอาไว้เจอกันนะ” นิกบอกฉันก็พยักหน้าให้เขาและก็มองรถของโรงเรียนขับออกไปจนลับตา
                “นี้วันนี้ไปกินไอติมกันไหม” ก้อยชวน
                “จะดีเหรอ ฉันบอกแม่ว่าจะกลับเร็ว” ฉันบอก
                “ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง” ก้อยบอก
                “ก็ได้ แต่โทรบอกแม่ก่อนนะ” ฉันว่าและก็โทรไปบอกแม่
                “ว่าไง”
                “อืม รีบไปเถอะ” ฉันบอกและก้อยก็พาฉันไปกินไอติมร้านโปรดของเธอที่อยู่ห่างจากโรงเรียนไม่มากนัก
                “บิว นั้นมันนิกนี้” ก้อยชี้ไปที่ร้านไอติมที่เราจะเข้าไป
                “งั้นเราไปกินที่อื่นดีกว่า” ฉันบอกแต่ก้อยก็คว้าแขนฉันและก็ลากเข้าไปโดยไม่ยอมให้ฉันหนีไปได้
                “อ้าว บังเอิญจังนะ” ก้อยบอก
                “มากินไอติมเหมือนกันเหรอ” นิกถาม
                “อืม บิวเขาชอบกินนะ” เธอต่างหากไม่ใช่เหรอ
                “นั่งด้วยกันซิ” นิกชวน
                “ขอบใจ นั่งซิ” และก้อยก็จับให้ฉันนั่งข้างนิก
                “ชอบกินรสอะไรเหรอ” นิกถาม
                “รสชาเขียวนะ” ฉันบอก
                “เอารสชาเขียวที่หนึ่งครับ” นิกบอก
                “ฉันนึกได้ว่ามีธุระด่วน ไปก่อนนะ” ทิ้งกันซะงั้นเพื่อนบ้า
                “ก้อย ก้อย” ฉันเรียกเอาไว้
                “นั่งกินก่อนซิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” นิกบอก
                “ไม่เป็นไร ฉันกลับเองดีกว่า” ฉันรีบบอก
                “ไม่ได้ ฉันบอกไปส่งก็ต้องไปส่ง” นิกพูด ฉันก็เลยเงียบทำตามที่เขาบอก
                “ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันบอกนิก
                “ถ้าช้าฉันจะไปตามนะ” นิกยิ้มให้ ฉันรีบเดินเข้าห้องน้ำไป เพราะว่ากลัวเขาเห็นว่าฉันหน้าแดง
                “เสร็จแล้วไปเถอะ” ฉันออกมาก็เจอกับนิกที่รออยู่ แต่เพราะว่าเดินไม่ระวังเลยสะดุดร้องเท้าตัวเอง 
                “ว๊าย” แต่ฉันไม่ล้ม และรู้สึกว่าฉันอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน
                “เป็นอะไรหรือเปล่า” นิกถาม
                “ไม่เป็นไร นายปล่อยฉันได้แล้ว” ฉันว่าและก็รีบทำสีหน้าให้ปกติ
                “ขอโทษ”
                “ไม่เป็นไร ก็นายช่วยฉันนี้” ฉันว่า
                “กลับกันเถอะ” นิกว่าและก็พาฉันไปที่รถมอเตอร์ไซค์
                “ขึ้นมาซิ” 
                “อืม” ฉันขึ้นไปนั่ง แต่นิกก็ไม่ยอมออกรถสักที และที่ทำให้ฉันอึ้งและก็ใจเต้นแรงคือนิกเขาจับมือฉันไปกอดเอวเขา
                “เดี๋ยวตกน่ะ” นิกบอก ฉันก็ได้แต่กอดเขาเอาไว้หลวมๆ
                “เธออยู่ที่นี้เหรอ” นิกถามเมื่อถึงหน้าบ้านฉัน
                “อืม จะเข้าไปกินน้ำไหม” ฉันถาม
                “ไม่ล่ะ เข้าบ้านไปเถอะ” นิกบอกฉันก็เลยเดินเข้าบ้านไป โดยหันมามองเขาซึ่งเขาก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะขับรถเขาออกไป 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×