คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAP-3 = Mom, He is My Man.
NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ
CHAPTER 3 = Mom, He is My Man.
เสียงกดกริ่งดังขึ้นทำให้แบมแบมต้องดีดตัวขึ้นจากโซฟาที่ยังมีแมคบุ๊คเปิดหน้าจอโชว์แอพลิเคชั่นเฟซไทม์อยู่แต่ปลายสายกลับยังไม่ตอบรับสัญญาณ
เมื่อเสียงกดกริ่งย้ำขึ้นอีกครั้งแบมแบมจึงต้องผุดลุกขึ้น “ผมได้ยินแล้วคุณ
รอสักแปบนึง!” พร้อมวิ่งไปเปิดประตูทันที
มาร์คยืนยิ้มน้อยๆอยู่ในชุดที่เชยไม่ได้ต่างจากวันทำงานเลยวักนิด
แต่ก็ยังพอทนที่วันนี้เป็นเสื้อแขนยาวสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงผ้าลำลองขายาวสีเขียวขี้ม้า
แต่แว่นกรอบหนาเตอะนั้นก็ยังแขวนอยู่บนหน้าเช่นเดิมพร้อมผมปรกหน้ารกๆ
ผู้ช่วยหนุ่มกรอกตามองเพื่อนร่วมงานของตนตั้งแต่หัวจรดเท้าและเท้าจรดหัวอีกรอบก่อยจะเผยรอยยิ้มน้อยๆด้วยท่าทีกลั้นขำ
“อะไรคุณ...ทำไมยิ้มแบบนั้น” แบมแบมย่นคิ้วพร้อมหลีดทางเดินนำให้อีกฝ่ายที่เพิ่งมาเป็นผู้อยู่อาศัยตรงห้องตรงข้ามเขาได้ไม่นานได้เดินเข้ามาเยี่ยมเขาในวันหยุดแบบนี้
“ก็..” มาร์คกระแอมเล็กน้อย “ปกติผมเห็นคุณในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์คนเก่ง
แต่งตัวเต็มยศเลยนี่นา แล้วดูคุณในวันหยุดนี่สิ...” มาร์คยิ้มแล้วมองอีกฝ่ายครั้ง
วันนี้แบมแบมใส่เสื้อผ้าสบายแบบที่เรียกได้ว่าสบายจริงๆ
เสื้อยืดตัวย้วยสีครีมที่ซีดจนแทบจะมองไม่เห็นสี ที่เด็ดสุดคือกางเกงบ็อกเซอร์ต่างหากที่ลายพร้อยสีเหลืองและแดงพร้อมกับลายการ์ตูนสป็องบ๊อบ
แบมแบมชักจะสูญเสียความมั่นใจเล็กน้อย “โธ่คุณ...มันก็ต้องมีวันแบบนี้กันบ้างนั่นล่ะ...”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็น่ารักดี...”
พูดจบก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “นี่คุณทำอะไรอยู่หรอครับ”
แฟชั่นนิสต์ที่ยังรู้สึกอึ้งๆกับคำชมนั้นอยู่สะดุ้งเล็กน้อย
“อ๋อ...ผมกำลังจะโทรศัพท์หาแม่น่ะ แต่ทางนั้นยังไม่รับเลย สงสัยไม่ได้จับมือถืออยู่แน่ๆ”
มาร์คพยักหน้ารับแล้วมองไปรอบๆห้องอีกฝ่าย
“คุณแต่งห้องได้หลากสีสันดีนะครับ”
“แล้วห้องคุณล่ะ”
“สีขาว ดำ แล้วก็กรมท่า...”
“โมโนโทนมาก” แบมแบมเบะปาก “แต่ก็ดี ดูมีสไตล์ไปอีกแบบ” ขยับเข้ามายืนมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“อะไรหรอครับ” มาร์คเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“ผมหน้าม้าคุณยาวขนาดนี้ มองเห็นอะไรสะดวกหรอ”
ขมวดคิ้วอย่างสนใจรู้
มาร์คขำเล็กน้อย “เป็นห่วงผมหรอครับ”
“ใครจะเป็นห่วงคุณ”
“ก็คุณถามผมแบบนี้ แสดงว่าเป็นห่วงการมองเห็นของผมไงครับ”
“อะ..อ้อ...” แบมแบมยิ้มแหยแก้เก้อ “คุณนี่เก่งตีความจริงๆนะ”
มาร์คยิ้มก่อนจะทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นแบมแบมผุดเข้าไปในห้องอีกด้านหนึ่งก่อนจะออกมาพร้อมกับอะไรแปลกๆในมือ
“อะไรครับเนี่ย”
แบมแบมชูของในมือพร้อมรอยยิ้มกว้าง “หวีและหนังยาง!”
มาร์คยิ่งงหนักพร้อมกับจ้องไปที่ยางรัดผมลายหมีบราวน์
“เอามาทำไมหรอครับ”
“ก็ผมว่าไอ้ผมหน้าม้าของคุณเนี่ยมันเป็นอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างผมกับคุณมากๆเลย
ผมก็เลยจะจัดการให้มันเลิกเกะกะยังไงล่ะ” แบมแบมลงไปนั่งบนโซฟาหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมชันเข่าขึ้นมานั่งขัดสมาธิ
“เฮ้ยคุณครับ ไม่เอาครับ” มาร์คส่ายหัวเป็นพัลวันเมื่อแบมแบมหยิบหวีมาจัดการรวบผมหน้าอันรกหน้ารกตาขึ้นเพื่อที่จะมัดจุก
“อยู่เฉยๆสิคุณ อย่าดิ้น เดี๋ยวผมก็จิกหัวคุณเข้าให้ซะนี่”
แบมแบมเอ็ดพลางยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดทับหน้าตักอีกคนที่เผลอยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิเช่นกัน
ขยับมือค่อยๆมัดปอยผมจนเปิดหน้าผากของอีกฝ่ายจนได้ “เรียบร้อย”
“อะไรของคุณครับเนี่ย ผมไม่ค่อยชอบ...”
“ไม่ได้นะคุณ เนี่ยตอนเปิดผมขึ้นคุณดูดีจะตาย”
แบมแบมจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย “ถ้าเอาแว่นนี่ออก...”
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวผมมองไม่เห็น”
มาร์คจับขาแว่นที่หูทั้งสองข้างของตนแน่น
“นี่คุณอย่าส่ายหัวไปมาสิ หนังยางที่ผมมัดให้มันจะหลุดแล้วนั่น
อยู่เฉยๆ!” แบมแบมดุเข้าให้พลางขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเพื่อจัดการมัดจุกผมใหม่ให้อีกรอบและแน่นหนาขึ้นกว่าเดิม
มาร์ยกสองมือขึ้นมาจับบริเวณเอวอีกฝ่ายพยายามดันออก “พอเถอะครับ
ผมว่าสภาพผมตอนนี้คงจะตลกน่าดู”
แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับยังไม่ยอมคลายมือง่ายๆ “คุณน่ารักจะตาย
ไหนยิ้มหน่อยสิคุณ ยิ้มหวานๆเลยนะ”
“คุณ.....”
“ติ๊ดด....”
เสียงตอบรับสัญญาณแอพพลิเคชั่นดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอแมคบุ๊คที่เปลี่ยนเป็นวีดีโอคอลกับปลายทางที่อยู่อีกประเทศ
“ว่าไง ตาแบม...แบม....ว้ายยยยยยย!!!!!” เสียงกรี๊ดยิ่งกว่าแปดหลอดดังขึ้นจนทำให้อีกสองคนที่กำลังยื้อยุดฉุดแย่งกันอยู่ต้องหันไปมอง
“คุณแม่!!!” แข็งชะงักกันไปทั้งคู่ แบมแบมตกใจแม่ตัวเอง
ในขณะที่ฝั่งมาร์คก็ตกใจและฟังภาษาของทั้งคู่ไม่ออกด้วย
“นี่มันอะไรกันเนี่ยตาแบม!!!” คุณแม่แทบจะเป็นลมกับท่าทางของลูกชายที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของตน
ผู้ชายสองคนซึ่งในนั้นเป็นลูกชายของเล็กหัวแก้วหัวแหวนของตนกำลังนั่งอิงแอบแนบชิดอยู่กับผู้ชายแต่งตัวดูประหลาดๆอีกคน
แล้วดูผมจุกอะไรนั่นสิ เธออยากได้ยาดมสักโรงงานหนึ่งจริงๆ
แบมแบมอ้าปากค้างพยายามหาทางออกให้กับเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนที่ความคิดบางอย่างจะปิ๊งขึ้นมาในหัวของตนค่อยๆเลื่อนสองแขนของตนขึ้นโอบรอบคอของมาร์คพลางหันไปยิ้มให้แม่ของตนผ่านจอกล้อง
“แม่ครับ....”
มาร์คก้มมองท่าทีอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
ภาษาที่พูดก็ไม่เข้าใจ ไอ้แต่นั่งอยู่นิ่งๆ
“อธิบายให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้นะแบมแบม
ไอ้ผู้ชายคนนี้มันเป็นใครกัน!”
แบมแบมยิ้มออดอ้อนเล็กน้อยก่อนจะโน้มลำคอของมาร์คกับมาแตะปากครั้งหนึ่งท่ามกลางเสียงร้องลั่นของผู้เป็นแม่อีกครั้งหนึ่ง
“แบม!!!....”
มาร์คดูเหมือนจะช็อกซะยิ่งกว่า “คุณ!”
“MOM,
HE IS MY MAN”
พูดจบก็ยังไม่วายหอมแก้มมาร์คหนักๆซ้ายขวาสลับไปมาอีกหลายที
เสียงดังฟอดยังสามารถเล็ดลอดผ่านลำโพงเครื่องมือสื่อสารไปได้
“แบมแบม!!” เหมือนคุณแม่จะพูดอะไรไม่ออกแล้ว
เจ้าของชื่อกลับยิ้มหวานเยิ้มให้คนตรงหน้าพลางเอนหัวซบไหล่อีกฝ่ายเบาๆพร้อมกระซิบ
“ยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะคุณ แม่ผมเข้าใจว่าคุณเป็นแฟนผมแล้ว”
มาร์คเข้าใจภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแล้วจริงๆในตอนนี้
ได้แต่กระซิบตอบอย่างเข่นเขี้ยว “นี่คุณวางแผนไว้ตั้งแต่แรกเลยใช่มั้ย”
แบมแบมหัวเราะคิก “เข้าใจแล้วก็ยิ้มสักทีสิคุณ เดี๋ยวแม่ผมก็ไม่เชื่อหรอก”
ผู้ช่วยหนุ่มจำต้องยิ้มออกมาอย่างขัดไม่ได้แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยก็ตามเถอะ
“แบมแบม!
แม่ไม่คิดเลยนะว่า...”
แบมแบมจัดการกดจูบปากมาร์คไปอีกที “แต่ผมกับเขาเรารักกันนะครับแม่”
“แบม!!”
จูบที่สามเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มปีศาจน้อยของแฟชั่นนิสต์คนเก่ง
“แม่ก็เห็นความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้วไม่ใช่หรอครับ”
“ไม่....”
แต่เมื่อจูบที่สี่กำลังจะบังเกิดมาร์คกลับยกฝ่ามือขึ้นมาแตะปิดปากแบมแบมเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับพูดเบาๆ
“พอเถอะครับ แกล้งผู้ใหญ่แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”
แบมแบมส่งสายตาขัดใจไปให้อีกฝ่าย
มาร์คหันไปมองหน้าจอแมคบุ๊คที่ยังคงมีสายตาโกรธเกรี้ยวจ้องกลับมาพลางก้มศีรษะลงเบาๆ
“I’m so sorry”
ฝั่งคุณนาย ณ ฝั่งเมืองไทยพยายามหายใจเข้าลึกๆ
จ้องดุมายังลูกชายตัวดีของตน พร้อมกับสั่งเสียงเฉียบ
“ยังไงงานแต่งตาเบียร์น่ะ
ลูกก็ต้องพาเจ้าผู้ชายคนนี้มาด้วยให้ได้นะตาแบม ไม่งั้นมีเรื่องแน่!!!” จบแล้วหน้าจอก็มืดดับลงทันที
พร้อมๆกับเสียงถอนหายใจของแบมๆ “เฮ้อ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
“คุณไม่ควรทำแบบนี้เลยนะครับ” มาร์คเอ่ยเสียงเรียบๆ
“ก็ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่นา ขอให้คุณช่วยดีๆคุณก็ไม่ยอม
ให้คุณช่วยหาคนอื่นคุณก็ไม่ช่วย แล้วนี่ผมก็ตกอยู่ในภาวะคับขันมากๆเลยด้วย”
“ก็เลยต้องลากผมเข้ามาร่วมแสดงโกหกคุณแม่ของคุณด้วยแบบนี้น่ะหรอครับ”
มาร์คยังดุต่อไป
“คุณก็เห็นแล้วนี่นาว่าคุณแม่ของผมน่ะเป็นยังไง เถอะนะ
ผมรู้ว่าผมทำไม่ดี แต่คุณก็ถือว่าลงเรือลำเดียวกับผมแล้วนี่นา
อย่ามาทิ้งกันกลางทางแบบนี้สิ”
“ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ” มาร์คส่ายหัว
แบมแบมเม้มปากอย่างขัดใจ “ทำไมคุณถึงเอาแต่ปฏิเสธผมนักเนี่ย
ผมมีความจำเป็นจริงๆนะคุณก็เห็น”
มาร์คเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ
“อะไรที่มันเริ่มต้นจากการโกหกน่ะ มันมักจะจบไม่สวยหรอกนะครับ”
ชายหนุ่มจ้องมองบทสนทนาอันจริงจังของคนตรงหน้าผ่านใบหน้าที่มัดจุกด้วยหนังยางอันแสนน่ารักซึ่งทั้งหมดไม่มีอะไรเข้ากันเลยสักนิด
“งั้นพอผมจะไปจ้างคนที่บาร์ หรือไปหาใครที่ไหนมาช่วยผมทำไมคุณถึงไม่ยอมล่ะ”
แบมแบมเชิดหน้าอย่างเอาแต่ใจ ก็วันนี้คนตรงหน้าขัดใจเขาเป็นสิบรอบแล้วนี่นา
มาร์คส่ายหัวไปมา “มันอันตรายนะครับ
คุณลองเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงดูก็ได้
ถ้าเกิดว่าคุณได้คนที่ไม่จริงใจขึ้นมา...”
“ผมแค่หาคนมาแกล้งเป็นแฟนผม ไม่ได้ตั้งใจจะหาแฟนจริงๆสักหน่อย
คุณจะจริงจังทำไมเนี่ย”
“ในเรื่องของความรักน่ะ ทำเป็นเล่นไม่ได้หรอกนะครับ”
“นี่คุณยังไม่เข้าใจอีกหรอเนี่ยว่าผมไม่ได้มองหาความรักซะหน่อย”
แบมแบมขกแขนสองข้างขู่จะทุบไหล่คนพูดไม่รู้เรื่องสักที
แต่มาร์คกลับใช้สองแขนจับข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ซะก่อน
พลางสบตานิ่ง “แล้วถ้าไอ้คนที่คุณอยากจะหลอกใช้เนี่ย เขาไม่ได้คิดแค่เล่นๆล่ะครับ”
แบมแบมจำต้องเม้มปากนิ่งเพราะเถียงคำถามนี้ไม่ได้
“ถ้าคนที่คุณให้รับเชิญมารับบทแฟนคุณเขาไม่ได้อยากจะแค่เล่นละครล่ะ
ถึงเวลานั้นแล้วคุณจะรับผิดชอบความรู้สึกเขายังไง”
คนเก่งจากไทยแลนด์รู้สึกตัวเองตัวหดเล็กลงไปทุกทีๆ
“นี่คุณ...อย่าดุผมนักสิ”
“ผมไม่ได้ดุคุณนะครับ
ผมแค่ชี้ให้คุณเห็นมุมที่ต่างออกไปก็เท่านั้นเอง”
“สรุปว่าจนถึงขั้นนี้คุณก็จะยังไม่ตกลงช่วยผมใช่มั้ยเนี่ย”
มาร์คหันไปมองทางอื่นพลางปล่อยข้อมือของแบมแบมลง
“คุณทำให้ผมลำบากใจนะครับ”
แบมแบมเบะปากอย่างหมั่นไส้ “เล่นตัวจังเลยนะคุณน่ะ”
“ผมไม่ได้เล่นตัว แบบนี้ไม่เรียกว่าเล่นตัวครับ”
แบมแบมคิดอะไรแผลงๆขึ้นมาในหัวอีกรอบยกขาอีกข้างขึ้นไปพาดบนตักของมาร์คบ้างขยับตัวเข้าไปเบียดแนบชิดอีกฝ่าย
สองแขนค่อยๆไต่ขึ้นจนโอบรอบคอมาร์คอีกครั้ง
“คุณคิดจะแกล้งอะไรผมอีกครับ”
แบมแบมเอียงคอยกยิ้มให้อีกฝ่าย
“นี่ใกล้ขนาดนี้คุณยังไม่หลงสเน่ห์ผมบ้างหรอ”
มาร์คจับช่วงเอวอีกฝ่ายดันออก
“ผมไม่ตลกกับอะไรแบบนี้นะครับ”
หากแต่แบมแบมยังขืนตัวไว้
ค่อยๆยื่นใบหน้าไปแตะปากอีกฝ่ายบางเบา กระซิบแผ่วๆแนบชิดริมฝีปาก
“ผมน่ารักออก...ไม่ชอบผมหรอ...”
มาร์คเหลือบตามองแพขนตาหนาที่ใกล้จนแนบจะแนบชิดกับใบหน้าตัวเองพลางกลอกตามองเพดานห้องไปมา
“คุณไปเรียนรู้วิธีการแบบนี้มาจากคอลเลจไหนกันนะ”
แบมแบมหัวเราะคิกขยับบดเบียดจนแทบจะขึ้นไปเกยอยู่บนตักของมาร์คแล้วตอนนี้
“ผมไม่น่ารักหรอ สเป๊คคุณไม่มีอะไรใกล้เคียงกับที่ผมมีบ้างหรอ”
วางแล้วก็กดจูบแตะปากแผ่วๆบนริมฝีปากของมาร์คอีกหลายที
ฝ่ามือหนึ่งค่อยๆขยับแว่นกรอบหนาเตอะนั่นของมาร์คออกก่อนจะชะงักด้วยความตะลึง
“คุณ...หล่อ...ชะ...มัด.......”
มาร์คถอนหายใจอย่างหนักหน่วงจ้องมองริมฝีปากนิ่มหยุ่นนั้นไม่วางตา
“เฮ้ย!” เสียงร้องด้วยความตกใจของแบมแบมดังขึ้นเมื่อฝ่ามือและวงแขนแกร่งของมาร์ครวบดันสะโพกของตนให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์
“อะไรของคุณนี่”
มาร์คยังคงสีหน้าซื่อไว้ได้แบบเดิม แต่น้ำเสียงที่พูดนั้นกลับยียวนกวนประสาทหนักข้อขึ้นจนสัมผัสได้
“ผมก็แค่อยากเห็นชัดๆไง
ที่ว่าน่ารักน่ะ...น่ารักแค่ไหน”
“คุณ...”
แบมแบมดันไหล่อีกฝ่ายออกแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไร “ผมไม่เล่นแล้ว จะลงแล้ว”
“ผมก็ไม่เล่นเหมือนกัน”
“คุณ!” แบมแบมร้องอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายกอดรัดแผ่นหลังตนอย่างแนบแน่นแล้วก้มลงฉกชิงริมฝีปากของเขาอย่างดูดดื่ม
นั่นยังไม่เท่าเรียวลิ้นที่ถูกสอดเข้ามาในปากของเขาด้วย
มันทั้งอ่อนนุ่มและอุ่นร้อนไปพร้อมๆกัน
ลีลาที่เกี่ยวกระหวัดไปรอบๆโพรงปากของเขาทำให้ต้องตอบรับจังหวะนั้นตามได้ไม่ยาก
ฝ่ามือของแบมแบมสอดขยุ้มกลุ่มผมด้านหลังของมาร์คพอๆกับที่สองมือของมาร์คนั้นลูบไล้แผ่นหลังเนียนที่มีเสื้อตัวย้วยกั้นอยู่
เสียงแลกเอนไซม์ดำเนินต่อไปอยู่สักพักใหญ่
ผ่อนปรนให้กันและกันได้โกยอากาศเข้าปอดบ้าง
แต่ชั่ววินาทีมันก็เชื่อมต่อเข้าหากันอีกครั้ง
จนกระทั่งแบมแบมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้
ถอนใบหน้าออกมาก้มหน้าคางชิดอก เป็นสัญญาณว่าตนยกธงขาวเรียบร้อยแล้ว
มาร์คเอื้อมมือไปหยิบแว่นตามาสวมไว้แบบเดิมพลางถอยหลังให้อีกฝ่ายลงจากตักของตนไปนั่งบนพื้นโซฟาเหมือนเดิม
แบมแบมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
อุตส่าห์ไปทำซ่าส์ใส่เขาก่อนซะเยอะ
ใครจะไปรู้ว่าไอ้เฉิ่มบ้าบอนี่มันจะจูบได้เก่งขนาดนี้
นี่มันจูบแรกในรอบเกือบสองปีของเขาเลยนะ!!
มาร์คขยับลุกขึ้นยืนพลางมองอีกคนที่ยังนั่งหอบหายใจบนโซฟา
เอ่ยขึ้นเบาๆ
“ผมหวังว่าคุณจะได้บทเรียนบ้างนะ”
แบมแบมสะบัดหน้าไปอีกทาง กอดอกประท้วงด้วยอีกต่างหาก
มาร์คเดินไปยังประตูแต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายประโยคสั้นๆแต่คล้ายหมัดฮุคส่งท้าย
“ถ้าไม่อยากถูกจับกินน่ะ คุณไม่ควรมองเสือหลับเป็นแค่แมวนะครับ”
- - - - - -
#ผู้ชายของแบม on twitter : )
คราวนี้จะเริ่มตกหลุมรักคุณผู้ช่วยกันรึยังเอ่ย :D
อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ฟิคเรื่องนี้โดยการโหวตและเม้นเยอะๆ
หรือสกรีมลงแท็ก #ผู้ชายของแบม กันนะคะ
ขอสปอยด์ว่า ตอนหน้าคุณแฟนเก่าคนแรกจะกลับมาแล้ว ^^
สวนจีน.
ความคิดเห็น