เป็นเรื่องจริงที่ว่า ทุกๆสิ่งนั้นไม่มีวันจะเหมือนเดิม ทุกอย่างล้วนเปลื่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องเปลื่ยน และการเปลื่ยนไป มันอาจจะไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมไว้อีก
เห็นได้ใกล้ตัวคงจะเป็นสภาพบ้านที่ปล่อยไว้นานวันยิ่งทรุดโทรมลงไป หรือสิ่งมีชีวิตที่นับวันยิ่งเติบใหญ่
แน่นอน ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
หากให้กล่าวถึงมนุษย์ละก็ มันก็เห็นได้ชัด ทั้งร่างกาย และจิตใจ
แต่ จิตใจ มันก็มีเงื่อนไขของมัน หากมันมีปณิธานที่แกร่งกล้า ก็ไม่อาจแปรเปลื่ยน
แล้ว?
ถ้าสิ่งที่มันได้รับ สาหัสเกินเยี่ยวยา
มันจะเป็นยังไง
รู้ไหม คำตอบมันอยู่ไม่ไกลเลย
ผลลัพธ์ของมัน ก็คง เหมือนชายคนนี้
ละมั้ง?
ปั้ง!!!
เสียงของอาวุธระยะไกลดังก้องไปหลายกิโล ในยามค่ำคืนที่แสงของดวงจันทร์คงจะสว่างที่สุดในเวลานี้
ไอควัณหนาวลอยออกมาจางๆจากการหายใจบางๆของผู้ดักซุ้ม ที่ตอนนี้ใช้แสงจันทร์ในการมองแทนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก
ร่างของเหยื่อที่เป็นเป้าหมายทรุดกองลงไปกับพื้นคอนกรีตเย็นๆในหน้าหนาว เกล็ดหิมะมากมายที่กำลังตกลงมาก็พลอยกลบร่างเหยื่อผู้ไร้ลม จนเลือดข้นผสมกับเกล็ดหิมะ เป็นสีบานเย็นจางๆ
"ฟู่....."
เสียงพ้นลมร้อนดังขึ้นเมื่อทุกอย่างจบลง
ชายผู้ดักซุ้มเสร็จสิ้นหน้าที่ เตรียมเก็บอุปกรณ์ให้พร้อมเตรียมตัวเดินทางออกจากเขตร้าง
เสื้อกันหนาวสีดำมีผ้าคุมหัว โผกผ้าสีดำปิดปากเอาไว้ แว่วแสงจันทร์ฉายลงมาจนเห็นผมสีขาวเทารางๆ
กึก กอบ กึก แก็ก!
อุปกรณ์ทุกอย่างถูกเก็บลงอย่างรวดเร็วก่อนชายผู้นี้จะขนมันแล้วเดินออกไปทางบันไดตัวอาคารนี้
*เสียงโทรศัพท์
(เป็นไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม)
(ครับ เรียบร้อยครับ)
(เอาละ กลับมาที่ฐานเถอะ)
(ครับ)
ชายผู้ปกปิดใบหน้าวางหูสายลง แล้วเริ่มออกเดินอย่างเร่งเท่าตัว
'เป็นการฆ่าที่ไม่คิดหน้าคิดหลังเอาสะเลย ถ้าถูกตามตัวเจอขึ้นมาจะเป็นไง ก็ยังดีที่ปืนที่ใช้มันยังพอมีคนใช้กัน'
'ทำไงได้ ลงมือไปแล้วด้วย ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ"
บึน!!!!
พาหนะความเร็วสูงถูกขี่ออกไปด้วยความเร็วราว80กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากตอนนี้เขาขับเข้าเมือง คงได้โคนตำรวจไล่ดักเป็นแน่
เครื่องยนต์ทำความเร็ว ฝ่าลมเย็นตรงดิ่งไปตามขอบชานเมือง
ภายในแววตาสีเทา ยังคงฉายวนภาพชวนสยองอยู่ซ้ำๆกับเลือดที่ผสมกับหิมะ ร่างของมาเฟียเป็นเหยื่อที่นอนแน่นิ่งดับอนาต ที่ศีรษะฝังไว้ด้วยกระสุนที่ยังระอุอยู่
'หวังว่า คงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้อีกนะ"
"ตายสนิท"
ชายผมดำทรง อันเดอร์คัดเฟริด ไว้เคราบางเป็นทรงขอบกราม ที่ดูยังไงก็น่าจะเป็นต่างชนชาตินั่งฟังคำพูดของคนที่ได้ทำภารกิจเสร็จไปเมื่อครู่
"ทำได้ดีมากจริงๆ"
"ขอบคุณครับ"
"เสียดายจริงๆที่กลุ่มมาเฟียวองโกเล่แฟรมมิลี่เรียกตัวคุณกลับไป"
"มันก็....ช่วยไม่ได้"
"ไม่เป็นไร..."
ชายผู้มอบหมายงาน หรือที่เรียกว่า หัวหน้า ในตอนนี้ ลุกขึ้นจากที่นั่งเก้าอี้ล้อเลื่อน เดินอ้อมตรงดิ่งมาที่ชายสวมเสื้อคุม ด้วยท่าทางที่พินิจพินัย
"คืนนี้เลยเหรอ"
"ครับ"
"เสียใจจริงๆ ที่คุณจะต้องกลับไป"
"ผมหวังว่าเราคงจะได้เจอกัน"
"ตั้งแต่ร่วมงานมา คุณเป็นคนเข้าขากับผมได้มากที่สุดเลยนะ เรียวเฮ"
"หึ you lie."
"I'm honest."
"ไม่เชื่อหรอก คุณมันbulls*ut."
"เกินไป๊"
"คงไม่เกินไปหรอก กับความเจ้าเล่ห์ของคุณ"
"ตามใจ แต่ที่พูดนี่จากใจ"
ไม่พูดเปล่า มืออีกฝ่ายกำปันแล้วทุบอกตัวเองย้ำๆให้เห็น
"เราต้องได้เจอกันอีกแน่"
"ถ้าคุณกลับไปที่ญี่ปุ่น คงมีเรื่องวุ่นเยอะแน่"
"ผมก็ว่าอย่างนั้น"
"ว่าแต่ เขาจะเรียกคุณกลับไปทำไม"
"ผมก็ไม่รู้"
"...."
"และก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ"
"...."
"Okay?"
"ใจช้ำหมดแล้วนะ อย่ารุนแรงสิ"
"ไว้ถ้าเกิดมีเวลา ผมจะติดต่อคุณ"
"ถ่ายรูปส่งมาด้วยจะดีมาก"
"โชคดีครับ"
"Goodluck"
กระเป๋าเป้สีดำสะพายออกไป ร่างของชายผู้ร่วมงาน ค่อยๆหายลับไปด้วยพาหนะความเร็วตัวเดิม
สายตาสีเทาจดจ่อมองทางข้างหน้าอย่างมีสติ ในรอบนี้บูลทูธเป็นสิ่งที่ใช้ในการรับฟังข่าวสารในขณะขับยานยนต์
(ฮาโหลครับ ผมจานินิครับ)
"ครับผม"
(คุณเรียวเฮได้ยินชัดไหมครับ)
"ครับ"
(ตอนนี้ทางคุณรีบอร์นติดต่อให้คุณกลับมาที่ฐานทัพเราด่วนน่ะครับ)
"เกิดอะไรขึ้น"
(เอ่อ..คือเรื่องมันค่อนข้างจะ...อธิบายยากหน่อยน่ะครับ)
"ได้ ไว้เจอกัน"
การสื่อสารจบลงด้วยความกังขาของผู้เดินทางในตอนนี้
'ปกติ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปด้วยซ้ำ'
'มีอะไร แน่ๆ ถึงได้เรียกมารวมพล'
'ปวดหัวเปล่า คิดไปก็เท่านั้นแหละ'
ยานพาหนะทำความเร็วสูงจนหน้าใจหาย เพื่อมุ่งตรงไปข้างหน้า
'ก่อนถึงสนามบิน คงแข็งตายก่อนละมั้ง'
ความคิดเห็น