ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาลวงรัก ชุดทัณฑ์รักบุษบา

    ลำดับตอนที่ #7 : Love at first sight 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.98K
      17
      12 ต.ค. 60

    3

    Love at first sight

    สาวติดฝา กลายเป็นวาระของกลุ่ม ‘Family’ มีคนถึงขนาดจะออกตามล่าสาวนิรนามดังกล่าว กัลปพฤกษ์เข้าอ่านไลน์กลุ่มในเย็นวันถัดมาถึงกับเพลียใจ แม้จะเป็นแค่การพูดคุยเล่นหัวแต่พอเรื่องที่คุยเล่นดันกลายเป็นเรื่องจริงซึ่งทุกคนยังไม่รู้ ตัวเขาเกิดไม่สบายใจขึ้นมา พอความแตกอย่าว่าแต่พลับพลึงจะสับอีโต้ใส่หัวเขาเลย พวกญาติๆ เองก็คงด่ากันขรมแน่นอน

    Chilly: แซ็วกันตามสบาย

    Chilly: ความจริงก็คือความจริง

    ชายหนุ่มส่งข้อความแถไปเบอร์นี้ เขาไม่ได้โกหกสักนิดเดียว แค่ไม่แจงว่าเรื่องที่ทุกคนพูดเล่นใกล้เคียงความจริงไปมากแล้ว อาการนอนไม่หลับกระสับกระส่ายทั้งคืน ทำให้ชายหนุ่มรีบหาคำตอบให้กับอาการแปลกๆ เหล่านั้น ซึ่งวันนี้ทั้งวันชายหนุ่มก็อึ้งกับคำตอบที่ได้รับ

    ...พลับพลึงคือสาวติดฝาแน่แล้ว!

    ...เธอคือ Love at first sight ของเขา!

    ยายเอ๋อหน้าสวยมองโลกบวกขโมยหัวใจเขาไปซึ่งๆ หน้า กัลปพฤกษ์ตระหนักถึงความรู้สึกตัวเองในตอนนี้ดีกว่าครั้งแรกที่เจอกัน รักแรกพบ ที่จู่โจมเข้ามาในหัวใจผลักดันให้เขายื่นมือเข้าไปช่วยเธอ พาเธอมาอยู่ใต้ปีกอาณัติของเขา ซ้ำยังขุดหลุมฝังตัวเองด้วยการโกหกเธอสารพัดอย่าง ทั้งหมดเพื่อพันธนาการเธอไว้ข้างกาย

    ความขี้เล่นของเขาเหมือนดาบสองคมซึ่งมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง แต่ขึ้นหลังเสือไปแล้วย่อมลงยาก ครั้นจะนั่งต่อก็ไม่สบายใจนัก สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องมานั่งเฝ้าหาทางออก ว่าจะลงจากหลังเสืออย่างไรให้เข้าไปอยู่ในหัวใจหญิงสาวด้วยเวลาอันน้อยนิด

     

    ในขณะที่กัลปพฤกษ์ครุ่นคิดจนได้คำตอบ ทางฝ่ายพลับพลึงกำลังเผชิญหน้ากับวรนิตผู้เป็นน้า หญิงสาวพบวรนิตที่ชุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากที่พัก วรนิตปรี่เข้ามากุมมือหลานพร้อมทั้งร่ำไห้รำพันถึงความทุกข์แสนสาหัสที่กำลังได้รับซึ่งต้นตอของความทุกข์เหล่านั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องหนี้สินที่เจ้าตัวกับสามีก่อเอาไว้

    สาวดอกไม้มองใบหน้าที่เปรอะคราบน้ำตาหลังจากถูกพามานั่งหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ที่หญิงสาวตามผู้เป็นน้ามาเพราะเห็นว่าไม่ไกลจากซุปเปอร์ฯ ซ้ำแถวนี้ผู้คนยังพลุกพล่าน รอยน้ำตาที่เจ้าตัวพร่ำบอกว่าทุกข์เหลือหลายช่างขัดกับการแต่งตัวเหลือเกิน วรนิตในวันนี้ยังคงดูดีและสวยตามวัยเช่นเคย ผิดแผกแค่รอยน้ำตาที่เจ้าตัวแสร้งบีบนั่นแหละ

    “แกต้องช่วยน้านะ ตอนนี้เขาจะยึดบ้านน้าแล้ว น้าไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร” ผู้เป็นน้าแท้ๆ ฟูมฟายร่ำไห้ไม่เลิก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไม่ได้ทำให้หลานสงสารเมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าตัวปั้นแต่งให้ผู้คนเข้าใจในภาพลักษณ์ของตน

    “แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “ใช่ ไอ้ดาวิดมันพาลูกน้องมาที่บ้าน บอกจะยึดบ้านถ้าน้าไม่มีเงินส่งดอกให้มัน คิดเป็นเงินไทยก็สามเกือบสี่แสนแน่ะพลับพลึง แกต้องช่วยน้านะ”

    “น้านิตจะให้หนูช่วยอะไร” สาวดอกไม้เลิกคิ้วเอียงคอถาม

    “แกช่วยไปคุยกับดาวิดให้น้าหน่อยสิ” วรนิตบอกทั้งน้ำตา ในใจโลดแล่นยินดีที่หลานสาวสนใจปัญหาของเธอ ตอนแรกที่เธอคิดใช้แผนนี้เกิดลังเลนิดหน่อย กลัวว่าหลานจะมีอุปนิสัยค่อนไปทางพ่อมากกว่าแม่กับยาย เพราะพี่เขยเธอมันฉลาดมองออกว่าเธอสร้างภาพ ไม่เหมือนแม่กับพี่สาวที่พูดอะไรทำอะไรให้ดูก็เชื่อไปหมด

    “ไปคุยกับดาวิด?”

    “ใช่ ไปทานข้าวกัน แล้วคุยเรื่องหนี้สินให้น้าที บอกเขาว่าขอเวลาอีกนิดแล้วน้ากับสามีจะรีบหาเงินมาให้เร็วที่สุด”

    “เดี๋ยวค่ะน้านิต ก่อนอื่น...น้าต้องตั้งสตินะคะ” พลับพลึงแทรกกลางป้องก่อนที่วรนิตจะพล่ามมากไปกว่านี้ แล้วเธอจะถูกลากเข้าไปรวมอยู่ในหนี้สินนั้นด้วย

    “ตะ ตั้งสติอะไรของแกยายพลับพลึง” คนถูกเบรกถึงกับติดอ่างไปชั่วขณะ ตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมหลานเต็มที่แต่ดันถูกอีกฝ่ายห้ามไว้เสียนี่ ตกลงมันซื่อเหมือนแม่มันไหมเนี่ย

    “หนูไม่รู้ว่าน้านิตเมาเหล้าหรือเมากาวมากันแน่ แต่น้านิตต้องตั้งสติ”

    ดวงตาวรนิตวาววับกับคำพูดเหมือนด่ากระทบของหลานสาว

    “อะไรของแก!

    “ตั้งสติค่ะตั้งสติ เย็นเข้าไว้...” สาวดอกไม้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ สีหน้าหญิงสาวยังคงนิ่งขรึมเช่นเดิม

    “แล้วยังไง แกให้ฉันตั้งสติแล้วไง เจ้าหนี้มันจะมายึดบ้านฉันอยู่วันสองวันนี้แล้ว”

    “หนูถึงบอกให้ตั้งสติไงคะ น้านิตต้องใจเย็นไว้ เรียกหาสติด้วย ให้คิดตรองถึงทางแก้ปัญหาให้ถี่ถ้วน”

    วรนิตพยักหน้าขึ้นลงด้วยท่าทางอ่อนลง ก่อนจะโปรยยิ้มให้หลานสาว

    “ใช่ น้าทำแล้ว ตั้งสติแล้วคิดแก้ปัญหา วันนี้น้าถึงมาหาแกไง”

    สาวดอกไม้ส่ายหน้าพรางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อยังไม่เห็นสีหน้าสำนึกของอีกฝ่าย

    “สติยังไม่มาค่ะ ถ้าน้ายังคิดแต่จะเอาหนูไปขายใช้หนี้ น้านิต... หนูไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนี้สินของน้ากับสามีเลยนะคะ เงินทองที่น้าหยิบยืมมาหนูก็เคยใช้จ่ายกับน้าสักบาท ถ้าน้ายังมีสติและสำนึกน้าจะไม่คิดเรื่องให้หนูไปคุยกับเจ้าหนี้น้าหรอกค่ะ”

    วรนิตฟังแล้วถึงกับร้อนวาบในอก มือกำเข้าหากันแน่น อยากลุกไปกระชากหัวนังหลานเนรคุณแล้วจัดการตบมันให้เลือดกลบปากให้สมกับความปากดีของมันเหลือเกิน

    “แกจะไม่ช่วยน้าเหรอ” แม้จะโมโหแค่ไหนก็ต้องข่มใจกัดฟันถาม ท่าทางของหลานสาวตอนนี้เหมือนพี่เขยเธอไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นแววตากับสีหน้ารู้ทันของมัน

    “ไม่ใช่ไม่ช่วยค่ะ แต่หนูช่วยไม่ได้ นี่มันชีวิตหนูนะ น้าจะเอาหนูไปขัดดอกใช้หนี้ใครไม่ได้”

    “แต่แกเป็นหลานฉัน แกต้องช่วยฉัน”

    “เสียใจด้วยค่ะ ช่วยแบบนี้หนูช่วยไม่ได้ แต่ถ้าให้หนูช่วยพูดขอยืมเงินแม่กับยายหนูพอทำได้นะ” พลับพลึงบอกอย่างใจเย็น

    วรนิตสะดุ้งเหมือนงูถูกตีขนดหาง การขอความช่วยเหลือจากพี่สาวคือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำ ก่อนหน้านี้เธอพยายามกดอีกฝ่ายให้ต่ำกว่าด้วยการมีสามีชาวต่างชาติ สร้างภาพร่ำรวยมีชีวิตหรูหราในต่างประเทศ ในขณะที่ผานิตมีแค่สามีชาวไร่ที่พากันใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่บ้านนอก ครอบครัวของผานิตแม้ไม่เข้าขั้นเศรษฐีแต่ก็พอมีพอกินพอเก็บ พี่สาวมีลูกกับชายคนรักในขณะที่เธอไม่มี ความสุขสงบที่พานพบทุกครั้งที่กลับบ้านยังให้ใจเธอร้อนรุ่มจนต้องหาทางออกด้วยการอวดร่ำอวดรวย ยกตนข่มท่านกดพี่สาวให้ต่ำลง

    “ไม่! แกห้ามบอกทางบ้านเด็ดขาด” วรนิตปฏิเสธเสียงสั่น เนื้อตัวสั่นสะท้านยามนึกถึงใบหน้าปลาบปลื้มของผู้เป็นแม่ พลับพลึงเห็นท่าทางของผู้เป็นน้าจึงใจอ่อนลง

    “มันคือทางแก้ปัญหาทางเดียว ถึงแม่จะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่เงินที่พ่อหาไว้ให้ก็พอมีบ้าง” เงินหลักล้านในบัญชีที่ผู้เป็นพ่อฝากให้ไว้ยามเมื่อครั้งมีชีวิต พลับพลึงไม่เสียดายหากมันช่วยแก้ปัญหาให้ผู้เป็นน้าได้ แต่ก่อนถึงตอนนั้นวรนิตควรมีสำนึกเสียก่อน

    วรนิตทำหน้าบิดเบี้ยวเมื่อคิดถึงเงินของพี่เขย คนที่เธอเคยกดเอาไว้เหมือนที่ทำกับพี่สาว คนที่ทำให้เธอเกลียดผาณิต เกลียดหลานสาวตัวน้อยที่เป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจทั้งสอง คนที่ผลักดันให้เธอหาสามีต่างชาติ วรนิตเคยมีสามีเป็นคนไทยแต่เลิกรากันไปเพราะฝ่ายชายไม่เอาถ่าน วันๆ เอาแต่กินเหล้าเมามายพร้อมทั้งด่าทอเธอ ชีวิตคู่ในตอนนั้นทุกข์ทนแสนสาหัส ต่างจากครอบครัวพี่สาวที่มีแต่ความสุข ซ้ำเวลานั้นผู้เป็นแม่ยังออกปากด่าเธอกับสามีทุกวัน ค่าที่ไม่ช่วยกันทำมาหากิน เอาแต่กินเหล้าทะเลาะกันไปวันๆ

    พลับพลึงมองเห็นความรู้สึกบางอย่างที่ฉายวาบบนใบหน้าผู้เป็นน้า ตั้งแต่เล็กแล้วที่เธอไม่เป็นที่เอ็นดู น้าสาวผู้นี้มักหาโอกาสค่อนแขวะครอบครัวเธออยู่เสมอ ซึ่งแม่ที่เป็นผู้หญิงมองโลกในแง่ดีจนเกินไปก็ไม่เคยระแคะระคายได้แต่ยิ้มรับไปหน้าซื่อๆ ผิดกลับพ่อที่โต้ได้เป็นต้องโต้กลับจนหลายครั้งต้องผิดใจกับภรรยาและแม่ยาย

    การได้เจอเหตุการณ์ทำนองนี้ในทุกปีทำให้พลับพลึงซึ่งเป็นลูกพ่อได้แต่แอบวิเคราะห์ถึงการกระทำของผู้เป็นน้า แม้ตอนยังเด็กกว่านี้จะไม่เข้าใจว่าน้านิตทำไมต้องรังเกลียดครอบครัวเธอนัก พอโตขึ้นมาหน่อยความคิดที่ว่าน้ารังเกลียดค่อยๆ ปลาสนาการไปสิ้น

    “หนูรู้นะ น้านิตไม่ได้รักเอ็นดูหนูเท่าไหร่ แต่หนูอยากขอ...ไม่รักก็อย่าทำลายหนู”

     

    ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจ้า

    1. gibbsfreeenergy 

    2.   MeimyBHY

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×