ตอนที่ 22 : บทที่ ๑๘ ตราประทับอมตะแห่งทะเลเมฆาคงถง (ฉบับร่าง 100%)
A/N 100% โอ้ชีวิต...ดุจนาวากลางทะเลหมอกจริงๆ พายโล้เล้ หวังว่านักอ่านที่รักจะยังรอเราเขียนเรื่องนี้ไม่โกรธที่อัพช้า นะจ้ะ
บทที่ ๑๘
ตราประทับอมตะแห่งทะเลเมฆาคงถง
ในสติคาบเกี่ยวระหว่างความจริงกับความฝัน กิเลนแห่งแสงเย่วเทียนหมิงและกิเลนแห่งความมืดเย่วเทียนอ๋าวได้มองเห็นสิ่งเดียวกัน
เงาร่างเลือนรางราวกับจะทับซ้อนกันของบุคคลผู้หนึ่งทอดตามองลงมาอย่างเงียบงัน ประกายนัยน์ตาสีเขียวที่แวววามในม่านหมอกสัมปชัญญะแลดูอบอุ่นคุ้นเคยเหลือจะกล่าว
ทว่าเมื่อพินิจให้ดี นัยน์ตาอีกข้างกลับเป็นสีแดงเพลิง ส่องประกายห่างเหินอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง ชวนให้สับสนยิ่งนัก
จากนั้นจึงปรากฏเงาร่างหญิงสาวขึ้นทางด้านหน้า เมื่อฝ่ามือเยียบเย็นหอมกรุ่นของบุคคลที่สองค่อยๆเลื่อนลงมาปิดดวงตาของโอรสกิเลน ทั้งคู่ก็จมลงสู่นิทราอีกครั้ง...
แสงแรกยามเช้านั้นอ่อนจางนัก ได้ยินเสียงสกุณาขับขานเป็นบทเพลงสดใส เย่วเทียนหมิงกระพริบตาปริบๆก่อน เงาภาพสั่นไหวจะรวมกันเป็นหนึ่ง พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนฟูกผ้าแพรนิ่ม เสาเตียงแลเพดานประดับตกแต่งด้วยพฤกษาทองคำ รายละเอียดประณีตบรรจงราวกับเถาวัลย์เหล่านี้คือต้นไม้ทองคำที่งอกเงยตามธรรมชาติกระนั้น
กิเลนแห่งแสงรู้สึกถึงลมหายใจอบอุ่นเป่ารดข้างใบหู เมื่อเหลียวมองจึงพบเย่วเทียนอ๋าวหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ มือข้างหนึ่งของพวกเขาเกาะกุมกันไม่ห่าง ความอบอุ่นแห่งสายเลือดชวนให้รู้สึกตื้นตัน ราวกับงานประลองที่เคยประหัตประหารกันนั้นเป็นเพียงความฝัน
เทียนหมิงโขกหน้าผากตัวเองกับน้องชายเบาๆเพื่อเรียกให้ตื่นจากภวังค์ เจ้าตัวร้ายจ้องตอบกลับมาด้วยดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่นสีดำสนิท
ลงโทษที่เทียนอ๋าวเป็นเด็กไม่ดี
เย่วเทียนหมิงไม่รู้ตัวเลยว่าได้เผยรอยยิ้มร้ายกาจไม่สมกับตนเองขึ้นมาทีหนึ่ง
เทียนอ๋าวยกมือขึ้นลูบหน้าผากราวกับเด็กขี้เซา จากนั้นจึงค่อยเบิ่งตากว้าง ลุกขึ้นพรวดพราด
เกอเกอ! งานประลอง! รางวัลล่ะ!
เทียนหมิงเพียงลูบศีรษะน้องชาย ไม่รู้สิ แต่คนที่รออยู่ด้านนอกคงรู้กระมัง
กิเลนจันทร์ทั้งสองเป็นผู้ไวต่อสัมผัส เพียงครู่เดียวเทียนอ๋าวก็รู้สึกได้ถึงพลังธาตุน้ำอ่อนจางแผ่มาจากด้านหลังประตูเลื่อนฉลุลาย มันคือสายน้ำเย็นเยียบที่ไม่คุกคาม
หรือจะเป็นมือในความฝัน? รำพึงเบาๆ
เทียนอ๋าวฝันเรื่องเดียวกับเกอเกองั้นเหรอ เทียนหมิงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
นัยน์ตาสองสี... น้องชายตอบเรียบๆ พี่ชายเพียงพยักหน้า
โอรสกิเลนสวรรค์จึงลุกขึ้นแล้วพร้อมใจกันเดินออกไปดูภายนอก
อ้ะ กิเลนน้อยตื่นแล้วหรือ
เยี่ยเย่ยิงในชุดกระโปรงสั้นคล้ายบัณฑิตเงยหน้าขึ้นจากตำราที่ง่วนเขียนไม่หยุด นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้มีพนักท่าทางน่าสบาย ด้านข้างหันออกมาทางสองพี่น้อง ติดกันคือหน้าต่างรูปทรงวงกลมขนาดใหญ่ประดับลวดลายวิหคชมพฤกษา ลำแสงสีทองใสบางลอดเข้ามาตกกระทบผิวนางจนดูเปล่งปลั่งนุ่มนวลราวกับเทพธิดาสวรรค์ แวบแรกใบหน้าของนางดูห่างเหินเย็นชา ทว่าต่อมากลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอันหาดูได้ยากยิ่ง
เทพพิทักษ์ปัญญาแห่งพิภพมนุษย์วางพู่กันในมือลงบนกระดาษอย่างแผ่วเบา
เมื่อตื่นแล้วก็จงไปชำระล้างร่างกายเถิด ข้าจะหาอะไรให้รับประทาน องค์จักรพรรดิกำลังรอพวกเจ้าอยู่
ณ. ท้องพระโรงหลวงแห่งเมืองฉางอันเทียนโกว จูเก่อเฟยเสวียนประทับอยู่บนบัลลังก์ ชุดพิธีการผ้าไหมสีงาช้างเดินดิ้นทองคำช่วยขับบุคลิกสูงสง่า รัศมีแห่งจอมจักรพรรดิเปล่งประกายภายใต้วงหน้าคมสัน ผมสีเงินราวเส้นไหมถูกรวบขึ้นไว้อย่างประณีต นัยน์ตาสีหางนกยูงจับจ้องผู้มาใหม่อย่างยากจะเอ่ยอารมณ์
แขกคู่สุดท้ายเดินทางมาถึงแล้วเช่นนี้ ก็สมควรเริ่มพิธีมอบรางวัลเสียที
มองไล่ไปตามสายตา ผู้เดินเข้ามาด้วยกิริยาสง่างามนั้นคือสองพี่น้องกิเลนจันทร์ในชุดคลุมสีขาวและดำ ตามด้วยเยี่ยเย่ยิงในชุดบัณฑิตสตรีสีขาวอมชมพูอ่อนหวาน
ด้านล่างบัลลังก์ปรากฏองค์ชายแห่งพิภพมารและรัชทายาทแห่งวังมังกรยืนรออยู่อย่างสงบนิ่ง สองพี่น้องหยุดยืนบนทางเดินอันปูลาดไปด้วยพื้นพรมสีแดงสดใส ท้องพระโรงหลวงคราคร่ำไปด้วยมหาอำมาตย์แลขุนนางใหญ่น้อย คะเนแล้วก็ดูกว้างใหญ่กว่าลานประชุมขุนนางแห่งอาณาจักรกิเลนอยู่หลายส่วน
งานประลองครั้งนี้แม้จะไม่มีผู้ชนะแต่เปิ่นหวาง[1]ได้ชมการต่อสู้ของพวกเจ้าก็ให้ประทับใจเป็นที่ยิ่ง จึงคิดจะตบรางวัลให้แก่ผู้กล้าทั้งสี่คน
กล่าวมาถึงตรงนี้จูเก่อเฟยเสวียนก็พลันกระตุกมุมปากวูบๆราวกับไม่อาจจะห้ามรอยยิ้ม
เย่วเทียนหมิงหรี่ตาลงอย่างพินิจ ระยะเวลาสั้นๆที่ได้พำนักอยู่ในพระราชวังหลวงแห่งฉางอันเทียนโกว กิเลนแห่งแสงได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยของจักรพรรดิแห่งพิภพมนุษย์ผู้นี้มามิใช่น้อย
แววตาสีเขียวเหลือบครามส่องประกายไม่น่าไว้วางใจ ทั้งการเจรจาที่ดูจะสำรวมสมฐานะจนเกินไปทำให้เทียนหมิงลอบหวั่นใจอยู่หลายส่วน
ไม่ทราบว่าเคยได้ยินถึงสิ่งวิเศษนามว่า ตราประทับคงถง หรือไม่?
จักรพรรดิถามเรียบเรื่อยทว่ากลับลอบสังเกตกิริยารัชทายาทมังกรไม่ห่าง
ตราประทับนี้เดิมทีเป็นสมบัติของเผ่ามังกรอมตะแห่งทะเลเมฆาคงถง คุณสมบัติวิเศษของมันเปรียบได้กับสุดยอดยาอายุวัฒนะ บันดาลความเป็นอมตะ เสกสรรความเยาว์วัย น่าเสียดายที่ไม่นานมานี้ตราประทับกลับถูกแย่งชิงเปลี่ยนมือเจ้าของ จับพลัดจับผลูมาตกอยู่ในพิภพมนุษย์ ข้าเห็นว่าของวิเศษมีค่าควรเมืองเช่นนี้ก็สมควรมอบให้แก่ผู้กล้าเปี่ยมปัญญาจึงได้จัดงานประลองขึ้น
เช่นนั้นก็วิเศษจงรีบส่งตราประทับมา พวกข้าจะได้กลับสู่พิภพกิเลนเสียที
เย่วเทียนอ๋าวเอ่ยขัดขึ้นอย่างหยิ่งผยองไม่สนใจสายตาของบรรดาขุนนางที่มองมาเชิงตำหนิ
ฮ่าฮ่า ใจร้อนเสียจริงโอรสกิเลน
จูเก่อเฟยเสวียนไม่เพียงมิถือโทษแต่กลับหัวเราะชอบใจ จากนั้นจึงแสร้งถอนหายใจอย่างทดท้อสุดแสนก่อนจะเอ่ย
น่าเสียดายที่ตราประทับคงถงนี้หาได้อยู่ในมือของข้าไม่ มันอยู่ภายใต้การอารักขาของสัตว์ปีศาจจากบรรพกาลตนหนึ่ง จึงได้แต่ไหว้วานให้พวกเจ้าทั้งสี่ที่เป็นผู้ยืนหยัดกลุ่มสุดท้ายในลานประลอง ไปทวงถามรางวัลเอากับมันเถิด
มุมปากจักรพรรดิปรากฏรอยยิ้มสว่างไสว สีหน้านัยน์ตาคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง
เย่วเทียนอ๋าวถึงกับกระตุกริมฝีปากแสดงรอยยิ้มเข่นเขี้ยว
นี่มันหลอกใช้งานคนอื่น โดยเอารางวัลที่ไม่ใช่ของตัวเองด้วยซ้ำมาล่อชัดๆ
ไม่ทันที่กิเลนแห่งความมืดจะประท้วงอันใด เทพพิทักษ์สงครามก็เอ่ย
เมื่อไม่นานมานี้พสกนิกรทางแดนเหนือต่างร่ำร้องระส่ำระสายเพราะถูกเจ้าสัตว์ร้ายยึดครองแย่งชิงบ้านเกิดไป ไม่ว่าจะส่งผู้กล้าไปเท่าใดก็ไม่อาจกำจัดมันลงได้ ได้แต่หวังว่าผู้กล้าจะโปรดเมตตา
ใบหน้าของนางน่ารักเว้าวอนอย่างสุดแสน
ด้วยฝีมือของท่าน หน้าที่นี้มิน่าหนักแรงมิใช่หรือ เหตุใดจึงไหว้วานพวกข้าเล่า?
องค์ชายแห่งพิภพมารถาม ยังจำเพลงยุทธเหนือชั้นของเอี้ยนเยี่ยนจี๋ได้ติดตา
ผิดแล้วองค์ชายการนี้มิใช่หน้าที่ของพิภพมนุษย์โดยตรง เหตุเพราะข้อจำกัดบางประการ
เย่ยิงตอบอย่างนอบน้อม หางตาเหลือบมองโอรสมังกร
หึหึ จะกังวลไปใย พวกเจ้าได้รางวัล แดนมนุษย์พบสันติ ประโยชน์ก็ตกอยู่แก่ทุกฝ่ายใช่หรือไม่
จูเก่อเฟยเสวียนปรบมือขึ้นทีหนึ่งหลังจากสรุปอย่างน่าฟัง(?) บรรดาขุนนางอำมาตย์น้อยใหญ่พากันคุกเข่าลงด้วยความตื้นตัน
จักรรพรรดิมหาบัณฑิตทรงปราดเปรื่องยิ่งนัก!
เย่วเทียนอ๋าวไม่อาจห้ามใบหน้าที่กระตุกเกร็งอย่างหงุดหงิดได้อีกต่อไป คติประจำใจที่ว่า ข้าเอาเปรียบผู้อื่นได้แต่ห้ามผู้ใดเอาเปรียบข้า วิ่งพล่านไปทั่วสามัญสำนึก
ก่อนที่โทสะจะระเบิดนั้นเองเงาร่างสีขาวก็เดินเข้ามาคั่นกลาง
เช่นนั้นแล้วโปรดชี้ทางเถิด ข้าจักไปทวงถามตราประทับอมตะจากสัตว์ร้ายตนนั้นเอง
เย่วเทียนหมิงประสานมือโค้งคำนับอย่างงดงามพร้อมส่งสายตาปรามน้องชาย
เทียนอ๋าวทำท่าฮึดฮัดครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวเดินจากไป
ก็ได้ๆ ข้าไปกับเกอเกอก็ได้ จื่อหงเจ้าด้วย ไปกัน!
กิเลนแห่งความมืดย่อมรู้ใจพี่ชายดีทั้งยังมีสติปัญญา เหตุใดจักไม่รู้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าส่อแววซับซ้อนอยู่ในที ยามนี้ก็ได้แต่ยอมรับการตัดสินใจของเกอเกอเท่านั้น
กงหยางจื่อหงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกเดินตามเย่วเทียนอ๋าวไป เมื่อช่วยเพื่อนมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด
เย่วเทียนหมิงรับฟังรายละเอียดอยู่กับหลงฟงหลาง ท้ายที่สุดแล้วโอรสมังกรก็มิได้กล่าวอะไร เพียงแค่ประสานมือคารวะจักรพรรดิมนุษย์ด้วยกิริยาสูงส่งสุดหล้าเท่านั้น
ผู้เยาว์ทั้งสี่ออกเดินทางสู่อุดรทิศ จุดมุ่งหมายคือเทือกเขาแห่งหมอกมายาซึ่งคั่นขวางระหว่างป่าศิลาและทะเลหยก
ทอดตามองจากบนฟากฟ้า ด้านหนึ่งคือผืนป่าสีเทาทมึน ฝั่งตรงข้ามปรากฏห้วงทะเลสีเขียวหยกสลับคราม กึ่งกลางคือปราการธรรมชาติอันได้แก่เทือกเขาขนาดมหึมากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สันเขาคดเคี้ยวทอดยาวราวกับมังกรทะยานจากใต้บาดาลสู่ผืนปฐพี
ทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่ง สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอชื้นเย็น เงาร่างของอาชาสวรรค์สี่ตัววิ่งทะยานเหยียบเมฆาอยู่บนนภาไม่ไกล
อาชาของเผ่ามนุษย์ช่างวิเศษ ตอนที่อาศัยนั่งกับเทียนอ๋าวข้าไม่ทันสังเกต พอได้มาควบขี่เองแล้วถึงรู้ว่าพวกมันเดินทางได้ในพริบตาจริงๆ
กงหยางจื่อหงเอ่ยด้วยความชื่นชม สังเกตเห็นสีหน้าข้องใจชั่วแวบหนึ่งของเย่วเทียนหมิง
กิเลนแห่งแสงเพียงชักม้าขึ้นตีคู่จื่อหงแทรกกลางระหว่างน้องชายและสหาย พลางอธิบายถึงจุดหมายปลายอย่างเรียบๆ
บนยอดเขานั้นคือ วังหมอกม่วงมรกต ได้ยินว่า เมื่อสี่ปีที่แล้วปรากฏสัตว์ประหลาดไม่ทราบที่มาตนหนึ่งบุกเข้าทำลาย บรรดานักพรตไม่อาจต้านทานมันได้ เจ้าวังที่เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีก็ตกตายหลังจากส่งข่าวไปยังเมืองหลวง สัตว์ร้ายใช้ราชวังเป็นรังหลบซ่อน ทุกๆสิบห้าค่ำจะบังเกิดเมฆฝนพายุกรดพัดแผดเผาแผ่นดินโดยรอบ เมืองในรัศมีหนึ่งร้อยลี้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายทั้งสิ้น
กล่าวมาถึงตรงนี้ก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของหลงฟงหลางกลับขึงขังขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสี่พากันเคลื่อนขี่อาชาลงหน้าลานดินรกร้างไม่ห่างจากราชวังเท่าใดนัก พื้นดินที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมไปด้วยพฤกษาบัดนี้กลับแห้งผากทั้งยังแตกระแหง กลิ่นสนิมเหล็กคละคลุ้งไปทั่ว
เย่วเทียนอ๋าวสูดลมหายใจสั้นๆ เหวี่ยงตัวลงจากหลังอาชาคู่ใจ
กลิ่นพลังอิน[2]รุนแรงเสียจริง แผ่นดินนี้คงมีแต่ธารเลือดรดชโลม
หมอกสีม่วงเทาจับตัวหนาทั้งยังล่องลอยราวกับมีชีวิต บดบังการมองเห็นโดยรอบ ต้นไม้ที่ขึ้นเรียงรายมีสีเทาปะปนแลดูหมองหม่นอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
ที่เรียกว่าป่าศิลาก็เพราะธาตุโลหะใต้ผืนดินสินะ
เทียนหมิงพิจารณาคร่าวๆ
เมื่อสั่งให้เหล่าอาชาวิเศษถอยหลบไปแล้ว จื่อหงจึงเดินนำเข้าไปภายใน เพียงก้าวแรกแม้กระทั่งผู้มาจากเผ่ามารยังต้องผงะ เศษซากชิ้นส่วนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์ตกระเกะระกะไปทั่ว เลือดสีแดงแห้งกรังย้อมแผ่นดินจนกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้
ร่องรอยร่างกายที่ถูกฉีกกระชากโดยเขี้ยวเล็บแหลมคมเกลื่อนไปทั่วบริเวณ ราวกับอาหารที่ถูกกินทิ้งกินขว้างกระนั้น
ไอ้จักรพรรดิจอมเจ้าเล่ห์นั่นคิดจะส่งพวกเรามาเป็นอาหารสัตว์รึไง
เทียนอ๋าวเอ่ยตาขวาง
ถ้าเจ้ามีฝีมืออ่อนหัดก็คงเป็นเช่นนั้น
หลงฟงหลางตอบไร้น้ำใจ แววตาดุดัน เส้นผมสีแดงเพลิงพลิ้วเบาๆไปตามสายลม
จากตรงนี้แค่ข้าคนเดียวก็พอ ตัวเกะกะจงถอยกลับไป
อย่างไม่สนใจ โอรสมังกรเดินนำลิ่วเข้าไปภายใน เพียงพริบตาก็หายลับไปในสายหมอกสีม่วงเทา
เย่วเทียนอ๋าวเพียงหรี่ตาลงข้างหนึ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์เผยประกายอันตราย ในใจได้ร่างแผนการสั่งสอนเจ้าเด็กเผ่ามังกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กิเลนแห่งความมืดเดินตามเข้าไปในกลุ่มหมอก ก่อนที่แผ่นหลังเล็กๆในชุดคลุมสีดำจะจางหายไป จื่อหงก็ก้าวเท้าตามไปอีกคนทันที
อา ไปกันหมดซะแล้ว ไม่เอะใจกันเลยหรือไงนะ
เย่วเทียนหมิงระบายลมหายใจเบาๆ รู้สึกได้ถึงพลังกดดันรอบด้าน ราวกับกำลังถูกจับตามอง กิเลนแห่งแสงสะกิดใจในเงาหมอกที่ปกคลุมผืนฟ้าไปทั่วบริเวณอย่างผิดวิสัยธรรมชาติธรรมดา
ค่ายกลรึเปล่านะ? แต่ว่าให้ความรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ
เทียนหมิงรำพึงกับตัวเองเบาๆ แผ่พลังสัมผัสออกรอบกาย ทั้งร่างราวกับถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงใสกระจ่าง
ชีวิต...ดุจนาวากลางทะเลหมอก ยอกย้อน...ยากยล
เสียงท่องกลอนดังแว่วมาตามสายหมอก เสียงหวานทุ้มผะแผ่วจนไม่อาจระบุตัวตนของผู้เอ่ยได้
ชีวิต...ดั่งธุลีที่ปลิดปลิวในม่านฝน ฝุ่นฟ้า...
ถ้อยคำคล้ายตัดพ้อต่อชะตาชีวิตทว่าน้ำเสียงกลับหนักแน่นดื้อรั้น เรียกความสนใจได้ไม่น้อย
สุดท้าย กิเลนแห่งแสงก็มีอันต้องเดินตามหาต้นเสียง หายลับไปในม่านหมอกอีกคนหนึ่ง
เย่วเทียนหมิงเสยเส้นผมสีเงินราวเกล็ดแก้วทัดใบหู ตั้งสติสดับสำเนียงที่คล้ายบทสวดอันฟังไม่ได้ศัพท์ ลึกเข้าไปภายในราชวังที่แสนวังเวง ระเบียงหินสีเทาปกคลุมไปด้วยธารหมอก ละอองน้ำล่องลอยเป็นเส้นสายอยู่กลางอากาศ ม้วนวนราวกับสายน้ำมีชีวิต
ยิ่งเดิน พลังเย็นปะปนธาตุอินก็ยิ่งแผ่กระจายเข้มข้น สุดปลายทางปรากฏม่านน้ำแข็งเคลือบฉาบไปทั่ว
เทียนหมิงผลักบานทวารเบาๆ ห้องโถงกว้างใหญ่เต็มไปด้วยไอหมอก เพียงก้าวแรกก็รู้สึกผิดปกติ พื้นหินเยียบเย็นถูกแทนที่ด้วยแผ่นน้ำแข็ง ใต้กระจกน้ำแข็งใสบางคือท้องฟ้ากว้าง ต่ำลงไปคือแผ่นดินและทะเลจำลอง กึ่งกลางปรากฏราชวังสร้างจากหินสีม่วงอมเขียวงดงาม
แม้กระทั่งในภาพมายา ทะเลหมอกก็ยังปกคลุมยอดภูเขาไปทั่ว
นี่มัน...วังหมอกม่วงมรกต
มีแขกมาเยี่ยมเยือนเช่นนี้ นับว่าน่าประหลาดใจ
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น โทนเดียวกับเสียงที่กล่าวขับขานบทกลอนไม่ผิดเพี้ยน เสียงนั้นดังมาจากด้านบน
เมื่อเทียนหมิงเงยหน้าขึ้นมองก็พบเงาร่างงดงามร่างหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งที่ลอยอิสระกลางอากาศ เส้นผมสีดำเป็นประกายยาวระเรื่อยถึงปลายเท้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูแล้วน่าจะมากวัยกว่าตนเพียงไม่กี่ปี บุคคลแปลกหน้ากำลังยิ้มแย้มทั้งตาและปาก พลางเอียงคอน้อยๆ
เด็กผู้หญิง? เทียนหมิงรำพึงเบาๆ
อ้าวๆ มีตาหามีแววไม่ ข้าว่าเจ้ายังดูเหมือนอิสตรีมากกว่าข้าอีกนะ
ร่างบนบัลลังก์หน้าตึงขึ้นทันที นัยน์ตาของเด็กหนุ่มจับจ้องมาที่กิเลนแห่งแสง ดวงตาคู่สวยสีเทาสะท้อนประกายกระเพื่อมไหวหมุนวนราวกับพายุ
ไอหมอกจางลงเล็กน้อยเผยให้เห็นเจ้าของสถานที่ชัด ผู้เยาว์คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านบน กิริยาสง่างามบ่งบอกชาติตระกูลสูงส่ง แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือเสื้อชายยาวตัวนอกซึ่งห่มคลุมทับชุดเกราะอ่อน ลวดลายบนเสื้อนั้นคือมังกรห้าเล็บทะยานเวหาไม่ผิดแน่
ไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้ เป็นคนสกุลหลงใช่หรือไม่
เทียนหมิงถามอย่างสำรวม ลอบแผ่พลังสัมผัสเพื่อจับกลิ่นไอสัตว์ปีศาจ ในใจนึกทบทวนเหตุผลที่จักรพรรดิจูเก่อเฟยเสวียนบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบนี้มาให้พวกตน
บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับชนเผ่ามังกร
เจ้าของนัยน์ตาพายุเพียงยิ้มกว้าง ใบหน้าของเขาในยามนี้มิได้ดูคล้ายสตรีอีกต่อไป เพราะมันส่งประกายแกร่งกร้าวไม่ปิดบัง
สมแล้วที่เป็นกิเลนแห่งแสง ไหวพริบไม่เลวทีเดียว ข้าจะให้เจ้าดูอะไรสนุกๆเป็นรางวัล
ว่าพลางยกมือขึ้นทีหนึ่ง ท่อนแขนเพรียวยาวยกเหยียดไปด้านหน้า ฝ่ามือคว่ำลง ในอุ้งมือปรากฏเกล็ดน้ำค้างสีขาวร่วงหล่นสู่พื้นน้ำแข็งด้านล่าง
ภาพใต้กระจกน้ำแข็งพลันแปรเปลี่ยน หมู่บ้านริมทะเลสาบแห่งหนึ่งกำลังถูกพายุฝนโจมตีอย่างหนักหน่วง เสียงกรีดร้องระงมไปทั่ว
พิโรธแล้ว เทพเซียนแห่งเทือกเขาหมอกมายาพิโรธอีกแล้ว!
เทียนหมิงได้กลิ่นแสบร้อนบางเบาจึงอุทานอย่างลืมตัว
พายุกรด!? ว่าพลางรีบกระโดดลอยตัวไปยื้อยุดข้อมือเด็กหนุ่มทันที
พอได้แล้ว ท่านสินะสาเหตุของมหันตภัย ทำให้ผู้คนทุกข์ทนเช่นนี้ไม่คิดว่าโหดร้ายเกินไปหรือไร
เทพผู้ร้ายกาจเพียงสะบัดข้อมือออกอย่างไว้ตัว
นั่นน่ะเป็นเครื่องสังเวยต่อสัตว์ร้ายของข้า ก็แค่อาหารของมัน
เทียนหมิงทำหน้างุนงงก่อนถาม
ท่านหมายถึงสัตว์ร้ายจากบรรพกาลที่ครอบครองตราประทับคงถง?
เด็กหนุ่มเขม้นมอง ก่อนเรียกแท่งน้ำแข็งขนาดเท่าท่อนแขนนับสิบแท่งเข้าโจมตีเทียนหมิง ร่างเล็กๆที่ไม่ทันตั้งตัวจึงถูกหอกน้ำแข็งซัดจนกระเด็น
ไวมาก คิดพลางเกร็งปราณต้านรับ
ข้าน่าจะรู้ เจ้าก็คิดแย่งชิงตราประทับอมตะสินะ
นัยน์ตาสีเทาวาวโรจน์ ใบหน้าเครียดขึ้ง ราวกับมังกรถูกกระตุ้นเกล็ดย้อนกระนั้น
ข้าเข่นฆ่าพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมานักต่อนักแล้ว เพิ่มกิเลนศักดิ์สิทธิ์อีกสักตัวจะเป็นไรไป
จบคำพายุดาบน้ำแข็งก็ซัดมาจากทุกทิศ ไอปราณผสานพลังอินเย็นเฉียบเสียดแทงกระดูก
กิเลนแห่งแสงรีบเปล่งพลังหยางแทนม่านคุ้มกายทันที
ข้ามาเพื่อตราประทับคงถงก็จริง แต่ไม่ได้คิดแย่งชิง เพียงจักขอยืมเท่านั้น
คิดง่ายเกินไปแล้วกิเลนแห่งแสง ตราประทับมีเจ้าของได้เพียงหนึ่ง ยามนี้มันอยู่ในอาณัติของข้า ไม่ใช่สิ่งที่เปิ่นหวางจะยอมให้ใครหยิบยืม
พลันก็บังเกิดเงาดำนับร้อยสายแผ่พุ่งขึ้นด้านหลังเด็กหนุ่ม ปรากฏเป็นมังกรสีน้ำเงินล้ำลึกขนาดมหึมาพุ่งเข้าโจมตีเทียนหมิงอย่างไม่ปรานี
ไม่ทันที่กิเลนแห่งแสงจะตั้งตัว เงาร่างมังกรก็ถูกตัดผ่าออกเป็นสองส่วนด้วยพลังปราณมังกรสุริยะอัคคี
หลงฟงหลางกระโดดมาจากที่ใดไม่ทราบได้ ร่างในชุดเกราะสีแดงเพลิงหยุดยืนประจันหน้าเด็กหนุ่มบนบังลังก์ทันที ใบหน้าคมเหยียดตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างดูแคลนสุดแสน
ยังน่ารังเกียจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ เสด็จพี่
---------------------------------------------------------
A/N เย้ๆๆๆๆ องค์ชายมังกรคนล่าสุด อิอิ เป็นพี่ชายของฟงหลางจ้า พี่น้องคู่นี้มีปมบุญคุณความแค้นอะไรกัน ตอนต่อไปได้รู้กันค่ะ! จริงๆน่าจะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า Brothers นะเนี่ย มีแต่คู่พี่น้อง =.=
ภาพภูเขาหมอกจ้ะ มองจากยอดเขาเห็นทะเลหมอกแบบนี้เริ่ดจริงๆนะเนี่ย XD
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านไปอ่านมาอยากให้มี Dark Side Story เรื่องที่ไม่เกี่ยวกะเนื้อเรื่อง
แต่งเพื่อนจิ้นอะไรประมาณนั้น 555 หลายคู่เกิ๊นนนน เลือกไม่ถูก
อะแหม เรื่องชักจะเข้มข้น เดี๋ยวไว้ตามาอ่านต่อ
ปล. หนูฟงหลางมาว่าเทียนอ๋าว 'ฝีมืออ่อนหัด' แถมยังเป็น 'ตัวเกะกะ' แบบนี้ได้ยังไงแม่ยกรับไม่ด๋ายยยย +0+ เทียนอ๋าวจ๋าแผนการ 'สั่งสอน' เจ้าเด็กเผ่ามังกรนี้ต้องเอาให้หนัก จัดไปชุดใหญ่เลยนะลูก !!!!! แล้วอย่าลืมไปช่วย
เกอเกอเทียนหมิงด้วยนะ อย่าให้หนูฟงหลางแย่งซีนเด็ดขาด ^0^ (555 ไม่รู้ว่าจะแสดงอาการหลงเทียนอ๋าวมากไปรึเปล่านะค่ะแต่ทำไงได้ก็เด็กมันน่ารักเนอะคุณฟารา)
รอดูรูปค่ะ น่าจะต้องหล่อมาก
ทีเรียกว่า - ตกไม้เอกครับ
มารับไปอีกตอน ^ ^
ชอบเทียนหมิงมาก ๆ เทียนอ๋าวก็น่ารัก
เทียนหมิงแอบหวงน้องด้วยยิ่งน่ารักไปใหญ่
ฟงหลางกับพี่ชายมีความแค้นอะไรกันอยากรู้มาก ๆ
เทียนอ๋าวจะตามมาช่วยพี่ชายด้วยไหมน้อ
รอ รอ ฟาราอัพน้า ยังแวะมาดูบ่อย ๆเหมือนเดิม
ณ ตอนนี้ขอบอกว่าติดฟิคฟารามากกว่าเดิม
จนถึงขั้นต้องพกโน้ตบุ๊คไปเผื่อฟาราอัพจะได้อ่าน
กันเลยทีเดียว ฟาราสู้ๆ เป็นกำลังใจให้จ้า
แจ้งข่าวค่ะ คือฟาราลืมเอาflash drive ที่เซฟนิยายที่เหลือมาจากบ้าน >_<
ต้องรอจนกว่าจะค่ำค่ะถึงจะอัพนิยาย 100% ได้ ขอโทษจริงๆ จ้า
เดี๋ยวจะรีบเขียนให้ขึ้นตอนต่อไปได้ แล้วอาจจะโพสเพิ่มเป็นโบนัสจ้ะ ^^a
ตามสังขารน้อ
ขอโทษที่ทำให้ฟาราตกใจกับเม้นเค้าน้า
แต่ความจริงเค้าเม้น 2 เม้นแล้วนะไม่รวมเม้นนี้ = 3 =
เพิ่งเจอฟิคเรื่องนี้เมื่อวานซืนแต่อ่านแล้วเกิดอาการ
ติดฟิคนี้อย่างแรงขึ้นมากะทันหัน ฟาราไม่ต้องรีบก็ได้
เพราะฟิคก็ไม่ได้แต่งกันง่าย ๆ นี่นา : )
แค่แต่งฟิคสนุก ๆ มาให้อ่านแบบนี้เค้าก็ดีใจแย่แล้ว
ยังรอได้จ้า ไม่รีบ ๆ แต่เร็วก็ดีน้า (เอ๊ะยังไง)
ฟาราสู้ ๆ
ชอบนิยายของฟารามาก ๆ แวะมาดูทุกช.ม.
ที่เล่นคอมเลย รอเมื่อไหร่จะอัพเพิ่ม
อัพไวๆน้า รอแย่แล้ว ฟาราสู้ๆ
สองพี่น้องยิ่งโตยิ่งน่ารักทั้งคู่
อดใจรอไม่ไหวแล้ว ที่เหลือจะเป็นยังไง
อัพเถิด ก่อนที่จะลงแดงตายกันเป็นแถวๆ TT
มาให้ครบร้อยไวๆนะจ้ะ
ป.ล. เรื่องนี้จะได้ตีพิมพ์ไหมอะคะ อยากให้ออกมาเป็นรูปเล่มจังเลย
กระโดดตบ แปะๆ ฮิ้ววว เลิศที่สุด !! เริ่มเข้าสู่ความระทึก อะเอ๊ยยย น่ารักจริงๆ เท่ที่ซู๊ดด
หลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่า!>///<
น้องเทียนหมิง เทียนอ๋าว น่ารักจริงๆ