NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #30 : บทที่ 16 (50%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.55K
      68
      3 ก.พ. 66

    ผ่านไปเพียงแค่ข้ามคืนข่าวการเจอตัวสือซานเหลียงก็แพร่สะพัดไปทั่ว ส่วนข่าวที่โด่งดังไม่แพ้กันนั่นคือ ข้างกายสือซานเหลียงมีนางมารนางหนึ่งที่ลงมือโหดเหี้ยม วางยาเหล่าชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะจนชาวยุทธ์เหล่านั้นต้องทรมานเจียนตายอยู่หลายวัน นางมารนางนั้นถูกชาวยุทธ์ตั้งฉายาให้ว่านางมารหมื่นพิษ แต่ฉายาของนางใช่ว่าจะได้มาอย่างไร้เหตุผลเสียทีเดียว

    ในวันต่อมาเหล่าเสี่ยวเอ้อร์ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งต่างได้ยินเสียงร้องโหยหวนช่วนน่าสยดสยองของศิษย์สำนักง้อไบ๊เข้าไปพัก อีกทั้งในตอนที่เขาเข้าไปส่งอาหารพวกเขาก็แทบจะวิญญาณออกจากร่าง เมื่อผ้าคลุมใบหน้าของศิษย์สำนักง้อไบ๊นางหนึ่งหลุดออกมา เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฝีและแผลจากหนองแตกอยู่เต็มไปหมด ใบหน้าที่เคยสวยงามอย่างเรียบง่ายกลายเป็นอัปลักษณ์ขนาดที่ว่าหากเห็นคราหนึ่งสามารถเก็บไปฝันร้ายได้หลายคืน ที่มือและแขนของพวกนางก็เช่นกัน ดูท่าทางพวกนางคงจะคันและแสบที่แผลไม่น้อยเพราะเมื่อเขาออกจากห้องพัก สตรีสำนักง้อไบ๊ต่างก็เผยเสียงร่ำไห้ด้วยความทรมานออกมา

    ชาวยุทธ์คนอื่นก็ไม่ต่างกัน บางคนถึงกับหมกตัวอยู่ในห้องโดยไม่สวมเสื้อผ้าเพราะแม้แต่เสื้อผ้าชั้นดีเสียดสีร่างกายก็คล้ายกับมีเข็มเป็นหมื่นเป็นพันเล่มแทงเข้ามา เมื่อถอดเสื้อผ้าจนหมดแล้วก็ใช่จะไม่เป็นปัญหา เพราะเมื่อผิวต้องลมร้อน ก็ร้อนจนอยากจะกระโดดน้ำ แต่ยามสัมผัสกับน้ำเย็นก็หนาวจนเข้ากระดูก ชาวยุทธ์เหล่านั้นจึงทำได้แค่นั่งโคจรลมปราณขับพิษโดยไม่ยอมขยับ เพราะหากขยับกายพวกเขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดทรมานไปถึงกระดูก พวกเขาจึงทำได้แค่ก่นด่านางมารนางนั้นด้วยความเคียดแค้นอยู่อีกหลายวัน

    อีกมุมหนึ่งของชายชายแดนต้าหลวน ณ โรงเตี๊ยมที่ใหญ่โตที่สุดและห้องพักที่แพงที่สุด บุรุษใบหน้างดงามในอาภรณ์หรูหราผู้หนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยท่าทางเกียจคร้านอยู่บนตั่งไม้ฉลุบุเบาะขนสัตว์ มือข้างหนึ่งของเขาถือจอกสุราใบ หน้างดงามนั้นดูซีดขาวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักหากมองภายนอกก็คงดูไม่ออกว่าเขาเจ็บป่วยที่ใด คิ้วได้รูปที่ขมวดมุ่นคลายออกหลังจากได้ยินชายที่คุกเข่าตรงหน้าตั่งรายงาน ใบหน้างดงามที่คล้ายจะกราดเกรี้ยวตลอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นพึงพอใจก่อนจะเอ่ยถาม

    พบร่องรอยนางแล้ว เหตุใดจึงไม่พานางมา

    เรียนท่านอ๋อง จากที่สืบข่าวมา ยามนี้นางอยู่กับประมุขพรรคมารนามว่าสือซานเหลียงพ่ะย่ะค่ะ

    ข้าไม่ต้องการรู้ว่านางอยู่ที่ใด หรืออยู่กับผู้ใด แต่ข้าถามเจ้าว่าเหตุใดไม่พานางมา!” คำท้ายนั้นตวาดด้วยความเดือดดาล

    ชายที่คุกเข่าก้มหน้ารีบตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตอนที่พวกกระหม่อมติดตามเพื่อจะจับตัวนางมา ไม่คาดว่าหมอเทวดานางนั้นจะโปรยผงยาออกมาให้คนพรรคมารใช้เป็นอาวุธลับซัดลมปราณใส่เหล่าชาวยุทธ์และทหารที่แฝงตัวอยู่จนไม่สามารถติดตามไปจับตัวนางมาได้พ่ะย่ะค่ะ

    ดี ดีมาก พาคนมาไม่ได้ยังกล้าเสนอหน้ากลับมาชายบนตั่งแค้นเสียงต่ำ ดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม

    ท่านอ๋องโปรดอภัย ยามนี้พวกกระหม่อมกำลังตามสืบร่องรอยของคนพรรคมารอยู่ คาดว่าอีกไม่นานจะต้องได้ตัวนางแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ

    ข้าให้เวลาเจ้าอีกแค่สิบวัน หากยังนำตัวนางมาให้ข้าไม่ได้ เจ้าคงรู้ว่าข้าจะทำอย่างไรกับหน่วยของพวกเจ้า

    ชายที่คุกเข่ารีบประสานมือก้มหน้า กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย

    เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีเขาโบกมือไล่ ชายที่คุกเข่าอยู่ประสานมือคำนับอีกครั้งก่อนจะถอยออกจากห้องไป

    แท้จริงแล้วคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งนั้นก็คือเจิ้งหลู่หรือหลู่ชินอ๋องแห่งแคว้นเจิ้งนั่นเอง เมื่อรู้ข่าวว่าพบตัวหมอเทวดาแล้วเขาก็เร่งรีบมาที่ชายแดนเจิ้งทันที แต่ไม่คาดว่าทหารของเขาจะคว้าน้ำเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหนีออกจากแคว้นเจิ้งไปได้ สุดท้ายเขาจึงข้ามชายแดนแคว้นเจิ้งมายังต้าหลวนเพื่อตามข่าวเรื่องนางด้วยตนเอง

    ในขณะที่อารมณ์ของเจิ้งหลู่ยังคุกรุ่นไม่หาย ขันทีร่างผอมในชุดสามัญชนก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มีชามบรรจุน้ำสีน้ำตาลเข้ม

    ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะถึงเวลาเสวยโอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะขันทีคนสนิทวางถาดลงบนโต๊ะกลางห้องก่อนจะประคองชามยามายื่นให้คนบนตั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เมื่อชามยานั้นถูกปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี

    การกระทำของเจิ้งหลู่ทำเอาคนที่ประคองยามาต้องรีบคุกเข่าก้มหน้าพร้อมกับรีบเอ่ยอย่างกลัวตาย ท่านอ๋องโปรดประทานอภัยๆ

    ยาไม่ได้เรื่องพวกนี้ต่อไปอย่ามาให้ข้ากินอีก อาการของข้าไม่ได้ดีขึ้นสักนิด แล้วยังกล้ามาเป็นหมอหลวง เอาหมอหลวงผู้นั้นไปโบยห้าสิบครั้งแล้วส่งกลับแคว้นเจิ้งไป

    พ่ะย่ะค่ะขันทีรีบตอบก่อนจะรีบออกไปเพราะรู้ว่ายามนี้ท่านอ๋องของเขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว

    ยาที่หมอหลวงส่งเข้ามานั้นเป็นยาสำหรับบำรุงความเป็นชายของเขาให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม สาเหตุที่ความเป็นชายของเขาใช้งานไม่ได้นั้นเป็นเพราะว่าถูกมดรุมกัดอีกทั้งยัดถูกกระเบื้องบาดจนแทบขาด ยามนั้นเจิ้งหลู่ทั้งทรมานและคับแค้นคนที่ทำกับเขา คนผู้นั้นไม่ใช่ใคร นั่นคือหยุนซิงเย่พี่สาวร่วมสาบานของเฟิงชิงถิงนั่นเอง

    โชคดีที่ยามนั้นมีหมอผีมือดีช่วยต่อส่วนที่ถูกบาดจนเกือบขาดให้กลับมาได้ แต่แม้บาดแผลจะหายดีแล้วแต่สิ่งที่ต่อกันได้สำเร็จกลับไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ ส่วนนั้นของเขาไม่ผงาดเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้หมอหลวงจะเพียรหาเบาะแสเท่าใดก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

    ยามที่รู้ข่าวว่ามีหมอเทวดาอยู่ที่แคว้นต้าหลวน เจิ้งหลู่จึงส่งคนไปเชิญนางมาแต่กลับถูกปฏิเสธ เขาโกรธมากแต่เพราะหมดหนทางเขาจึงไม่ละความพยามยาม แต่ยามนี้ความอดทนของเขาใกล้หมดลงทุกที ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าจะใช้วิธีใดเพื่อได้ตัวหมอเทวดานางนั้นมา

    แม้ให้ทำมากกว่านี้เขาก็จะทำ!

     

     ด้านพรรคโลหิตอัคคี ถานเฟิงก็ได้กระจายข่าวการกลับมาของประมุขสือไปยังคนในพรรคสาขาต่างๆ แต่นอกจากข่าวการกลับมาของท่านประมุขแล้วยังมีข้อความลับที่แจ้งให้แก่คนพรรคโลหิตอัคคีมารวมตัวกันที่สาขาด่านชายแดนต้าหลวนเพื่อคุ้มครองท่านประมุขที่บาดเจ็บ ส่วนเรื่องอาการสติไม่ดีขอสือซานเหลียงนั้น ถานเฟิงตั้งใจปิดบังเอาไว้ มีเพียงคนไว้ใจได้ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

    โชคดีที่แม้สือซานเหลียงจะยังคงสติไม่ดี แต่กลิ่นอายความดุดันของเขานั้นกลับไม่ได้ลดน้อยลง อีกทั้งโดยปกติแล้วสือซานเหลียงไม่ค่อยชอบให้มีผู้ใดติดตามยุ่มย่าม บริเวณที่พักของเขาจึงไม่มีบ่าวหรือสาวใช้ หากเขามีเรื่องใดเพียงแค่สั่นกระดิ่งไม่นานบ่าวหรือสาวใช้ก็เข้ามารับคำสั่งของเขาทันที และเพราะช่วงนี้ถานเฟิงบอกกับทุกคนว่าท่านประมุขยังบาดเจ็บไม่หาย จึงประกาศว่าทุกเช้าไม่ต้องให้คนมารวมพลคารวะท่านประมุขอย่างเช่นทุกครั้ง นั่นยิ่งทำให้มีน้อยคนที่จะสังเกตว่าสือซานเหลียงมีบางอย่างผิดปกติ

    ตลอดเวลาหลายวันที่อยู่ในเคหาสน์ของคนพรรคโลหิตอัคคี แม้สือซานเหลียงจะอยู่แต่ในเรือนพักของเขา แต่เขาก็ไม่ได้อาละวาดหรือทำเรื่องเดือดร้อนแต่อย่างใด เพราะดูเหมือนเขาจะหาสิ่งที่ถูกใจได้ซึ่งก็คือหุ่นไม้ขนาดเท่าคนจริงในห้องข้างๆ ห้องนอนของเขานั่นเอง เฟิงชิงถิงมารู้ทีหลังจากถานเฟิงว่า หุ่นเหล่านี้จะมีอยู่ในเรือนพักของสือซานเหลียงทุกสาขา อีกทั้งยังมีหลายแบบ

    ดูจากอาการของสือซานเหลียงที่เอาแต่ซัดฝ่ามือใส่หุ่นไม้เหล่านั้นพร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆ ทุกครั้งที่เห็นมันหมุนติ้วๆ นางก็รู้แล้วว่าเขาคงจะถูกใจมันมาก อีกทั้งเขายังเพลิดเพลินกับมันอยู่หลายชั่วยามไม่ต่างกับตอนที่เขาฝ่าฟืนไม่มีผิด ดังนั้นเฟิงชิงถิงจึงมีเวลาชั่วยามกว่าที่สือซานเหลียงเอาแต่เล่นอยู่กับหุ่นไม้ ปรึกษากับผีสือเรื่องยาแก้พิษสลายลมปราณที่ค้างอยู่ในตัวของพวกเขา

    วันหนึ่งขณะที่เฟิงชิงถิงกำลังปรุงยาอยู่กับผีสืออยู่นั้น สาวใช้นางหนึ่งก็วิ่งมาด้านในห้องปรุงยาด้วยอาการกระหืดกระหอบ

    แย่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ท่านผี แย่แล้ว

    เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต อยากตายหรือไร!” ผีสือตวาดสาวใช้เสียงเข้ม

    ขออภัยเจ้าค่ะ แต่ว่าท่านประมุข ท่านประมุขสาวใช้ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    เกิดเรื่องใดขึ้นเฟิงชิงถิงวางมือจากตัวยาหันไปถามสาวใช้

    ท่านประมุข ท่านประมุขเจ้าค่ะ

    เพราะสาวใช้พูดไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเฟิงชิงถิงก็ไม่รอ รีบตรงกลับไปยังเรือนของสือซานเหลียงทันที

    ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่เขายังเพลินอยู่กับหุ่นไม้หรอกหรือ แล้วเกิดสิ่งใดขึ้นกัน เฟิงชิงถิงคิดไปพลางรีบตรงไปยังห้องหุ่นไม้ ยังไม่ทันไปถึงก็ได้ยินเสียงหวีดร้องของหญิงสาวนางหนึ่ง ก่อนที่ร่างอรชรในสภาพกึ่งเปลือยจะวิ่งออกมาจากห้องนั้น

    เฟิงชิงถิงชะงักเท้าด้วยความตกใจ สตรีที่วิ่งออกจากห้องนั้นคือสาวใช้ที่ทำหน้าที่ยกอ่างล้างหน้ามาให้ทุกเช้านั่นเอง แต่เหตุใดใบหน้าของสาวใช้จึงมีรอยฟกช้ำเช่นนั้น ร่างของนางยามนี้แม้จะมีอาภรณ์ปิดบังอยู่แต่ก็มีเพียงช่วงด้านล่างเท่านั้นส่วนด้านบนนั้นเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกปิด นางเห็นเฟิงชิงถิงชะงักนิ่งก็รีบวิ่งมาหาพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น

    ฮูหยินโปรดช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะนางใช้แขนที่มีรอยฟกช้ำปิดบังทรวงอกเอาไว้ เห็นสือซานเหลียงย่างสามขุมออกมาจากห้องหุ่นไม้ด้วยใบหน้าดุร้าย นางก็มาหลบอยู่ด้านหลังเฟิงชิงถิงด้วยความหวาดกลัว ช่วยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ

    ยามนี้ร่างท่อนบนของสือซานเหลียงก็เปลือยเปล่าเช่นกัน แต่ก็เพราะเขาไม่สบายตัวเพราะเหงื่อออกมากเท่านั้น ซึ่งเฟิงชิงถิงก็รู้ดี ตอนที่เห็นสือซานเหลียงคิดจะเข้ามาทำร้ายคนนางจึงขวางเอาไว้ สือซานเหลียงที่ดุร้ายเห็นเฟิงชิงถิงเข้ามาขวางก็ลดความดุร้ายลง แต่ไม่วายมองสาวใช้ด้านหลังเฟิงชิงถิงด้วยสายตาอาฆาต เฟิงชิงถิงเห็นแววตานั้นจึงดึงแขนสือซานเหลียงเอาไว้ ทำให้เขาไม่คิดตรงเข้าไปทำร้ายนาง แต่สือซานเหลียงกลับดึงชายแขนเสื้อของนางถูปากของเขาด้วยท่าทางเดือดดาลปนรังเกียจก่อนจะเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า สกปรก หญิงสกปรก

    เกิดสิ่งใดขึ้นผีสือตามมาทีหลังเอ่ยถาม

    สาวใช้นางนั้นเมื่อเห็นว่าผีสือเดินเข้ามา นางก็ก้มหน้าย่อกายกอดอกปิดบังเรือนร่างงดงามท่อนบนตนเองเอาไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงสั่นเครือ ข้าน้อยเพียงแค่นำน้ำชามาเปลี่ยนให้ท่านประมุขเท่านั้น เห็นว่าหลังจากออกกำลังกายท่านประมุขคงจะกระหายจึงนำน้ำรากบัวมาให้เจ้าค่ะ แต่หลังจากท่านประมุขดื่มน้ำรากบัวไปแล้วก็มีอาการแปลกๆ ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของบ่าวอีกทั้งพยายามจะใช้กำลังกับบ่าวเจ้าค่ะ”

    เรื่องนี้ข้ามอบให้ท่านผีเป็นคนจัดการก็แล้วกันเฟิงชิงถิงเห็นว่าตัวของนางไม่มีตำแหน่งหรือความสำคัญใด จึงคิดให้ผีสือเป็นคนจัดการเรื่องราว แต่สาวใช้นางนั้นกลับไม่ยินยอม นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจก่อนจะขยับกายมากอดขาเฟิงชิงถิงเอาไว้

    ไม่ได้นะเจ้าคะ ฮูหยิน ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่...เอ่ยยังไม่ทันจบก็ถูกเท้าข้างหนึ่งถีบร่างกึ่งเปลือยเปล่านั้นหงายหลังกระโปรงที่ปิดร่างกายส่วนล่างตลบมาปิดลำตัวและใบหน้าของนางเอาไว้ ดูอนาถไม่น้อย นางรีบขยับลุกขึ้นพร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก

    ประมุขสือเฟิงชิงถิงรีบจับสือซานเหลียงเอาไว้ 

    อยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางต้องเรียกให้เกียรติเขาว่าประมุขสือเพื่อไม่ให้คนอื่นส่งสัย 

    เฟิงชิงถิงเห็นเขาตั้งท่าจะเดินเข้าไปกระทืบสาวใช้นางนั้นซ้ำ นางจึงรีบรั้งแขนของเขาเอาไว้ แม้นางจะไม่เชื่อว่าสือซานเหลียงจะคิดลวนลามสาวใช้จริงๆ แต่นางก็ไม่ชอบที่เห็นเขาทำร้ายสตรีอ่อนแอเช่นนี้

    แล้วคิ้วของเฟิงชิงถิงก็ต้องขมวดแน่นเมื่อนิ้วของนางสัมผัสไปโดนตำแหน่งของชีพจรสือซานเหลียงแล้วพบว่าสือซานเหลียงถูกพิษ นางมองไปยังสาวใช้ที่ยามนี้สภาพดูไม่ได้ด้วยแววตาไม่ไว้ใจ เจ้าบอกว่านำสิ่งใดให้ท่านประมุขดื่ม

    เอ่อ น้ำรากบัวเจ้าค่ะสาวใช้ตอบอึกอัก

    มีสิ่งใดหรือฮูหยินผีสือถามเมื่อเห็นแววตาของเฟิงชิงถิงแปลกออกไป

    ท่านประมุขได้รับพิษ

    ผีสือได้ยินเช่นนั้นก็ส่งสัญญาณเสียง เพียงแค่เสียงสัญญาณนั้นจบลง บุรุษร่างสูงใหญ่สามนายก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอ่ยประสานเสียง

    ท่านผี

    จับตัวนางไว้ เตรียมทรมานผีสือเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่ร่างสาวใช้ตัวปัญหา

    สาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่สนใจเรือนร่างที่เปลือยเปล่า คลานเข่าเข้ามาหาผีสือ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงแขนสองข้างก็ถูกคนตรึงเอาไว้ นางพยายามดิ้นพร้อมกับเอ่ยอย่างร้อนรน บ่าวไม่ได้ใส่ยาพิษในน้ำรากบัวเจ้าค่ะ ไม่ได้ใส่

    เฟิงชิงถิงไม่สนใจสาวใช้นางนั้น นางเดินเข้าไปในห้องหุ่นไม้ เห็นคราบน้ำและรากบัวที่หล่นอยู่บนพื้นปนกับเศษชาม ก็ก้มลงตรวจดู จึงรู้ว่าไม่ใช่พิษร้ายแรง ไม่มีกลิ่น แต่สีของรากบัวที่เปลี่ยนไปทำให้เฟิงชิงถิงสังหรณ์ใจไม่ดี นางเดินไปจุดเทียนแล้วนำรากบัวไปลนบนเปลวไฟ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงผีสือตวาดเสียงเข้ม

    พิษใด บอกมาว่าเจ้าใส่ยาพิษใดลงไปในน้ำรากบัวเสียงผีสือตวาดลั่น

    ไม่ได้ใส่เจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้เรื่องจริงๆ

    ลากนางไปทรมาน

    อย่าเจ้าค่ะ ฮูหยินช่วยข้าด้วยเสียงของสาวใช้นางนั้นตะโกนเสียงดังเข้ามา

    ดวงตาคู่หวานเย็นชาขึ้นเมื่อเห็นประกายไฟที่เปลี่ยนสี นางเดินออกจากห้องไปยังสือซานเหลียงที่ยามนี้ยืนนิ่งใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบแรงขึ้นทีละน้อย นางหันไปสั่งสาวใช้สองนางที่ยืนดูเหตุการณ์ด้วยใบหน้าซีดขาว

    พวกเจ้าสั่งคนให้ต้มน้ำร้อนเตรียมน้ำอาบให้ท่านประมุข

    เจ้าค่ะเหล่าสาวใช้เห็นสีหน้าจริงจังของเฟิงชิงถิงก็ไม่กล้าถามสิ่งใด รีบยอบกายแล้วหมุนตัวออกไปทันที

    ยามนี้เหลือเพียงผีสือคนของเขาและสาวใช้นางนั้น ผีสือจึงเอ่ยถาม ท่านประมุขโดนพิษใด

    เฟิงชิงถิงมองสาวใช้นางนั้นด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะตอบผีสือ นางใส่พิษปลุกกำหนัดให้แก่ประมุขสือ


    แก้ตัวที่หายไป สี่ทูุ่มมาอีกรอบจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×