NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #29 : บทที่ 15 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.68K
      86
      30 ม.ค. 66

    เฟิงชิงถิงเรียบเรียงคำพูดยังไม่ทันเสร็จก็ถูกพามาที่ห้องอาหารแล้ว ถานเฟิงเชิญให้นางนั่งที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่ ส่วนเขานั้นยืนสำรวมอยู่ไม่ห่างเท่าใดนัก ไม่นานอาหารร้อนๆ ก็ถูกสาวใช้ลำเลียงมาวางบนโต๊ะ

    หลังจากนั้นไม่นานชายรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง เขาคารวะสือซานเหลียงคราหนึ่ง ดูเขาไม่ได้แปลกใจที่สือซานเหลียงไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย เจ้าของร่างสูงผอมมองมาทางเฟิงชิงถิง

    เขาคือผีสือเป็นหมอประจำพรรคโลหิตอัคคีและเป็นทูตขวาทำหน้าที่คุมกฎของพรรค ผีสือนี่คือแม่นางเฟิงชิงถิงที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง ยามนี้เขาคือฮูหยินของท่านประมุขถานเฟิงเอ่ยแนะนำ

    คารวะฮูหยิน ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาทท่าทางของผีสือนอบน้อมมากกว่าเก่า

    พวกท่านโปรดเรียกข้าว่าแม่นางเฟิงก็พอ ที่ท่านประมุขสือเรียกข้าว่าฮูหยินนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น โปรดอย่าเรียกข้าว่าฮูหยินอีกเลยเฟิงชิงถิงรีบอธิบาย

    ขอรับถานเฟิงตอบ

     ได้ข่าวว่าพวกเจ้าเปลี่ยนแผนการไปรับท่านประมุขกะทันหัน เกิดสิ่งใดขึ้นผีสือถามถานเฟิง

    มีคนแจ้งข่าวกับเหล่าสำนักใหญ่ว่าท่านประมุขอยู่ที่นั่น เหล่าชาวยุทธ์จึงไปรวมตัวกันที่โรงผ้าปัก เราจึงต้องเปลี่ยนแผน ดีที่แม่นางเฟิงฉลาดหลักแหลมใช้วิธีแปลงโฉมผู้อื่นให้มีหน้าตาคล้ายท่านประมุขจึงหลอกชาวยุทธ์ไปได้มาก แต่เพราะยังเหลือชาวยุทธ์อยู่จำนวนมาก ข้าจึงสั่งให้คนที่มีรูปร่างคล้ายท่านประมุข สร้างควันที่โรงเก็บฟืนล่อเหล่าชาวยุทธ์หน้าโง่พวกนั้นให้หลงทิศ ก่อนจะพาท่านประมุขกลับมา แต่ชาวยุทธ์ก็มีมากจึงสลัดหลุดยาก โชคดีที่มีผงยาของแม่นางเฟิง ทำให้ที่กบดานของเรายังคงปลอดภัยไม่มีผู้ใดตามมา 

    ผงยาแบบใดกันผีสือดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าผงยา

    ผงยานั้นเป็นยาที่ข้าปรุงขึ้นมาเอง เป็นผงผลัดผิวเทรวมกับผงกร่อนกระดูกแค่ได้ยินชื่อผีสือก็ก้าวเข้ามาใกล้เฟิงชิงถิงอย่างสนใจ พอนางอธิบายต่อ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายอีกครั้ง ผงผลัดผิวนั้นที่จริงข้าตั้งใจปรุงยาสูตรนี้เพื่อรักษาคนเป็นโรคผิวหนังแต่เพราะผลข้างเคียงนั้นรุนแรงข้าจึงไม่ได้ใช้รักษาคน เพิ่มตัวยาบางอย่างมากขึ้นก็เป็นยาที่ใช้ป้องกันตัวเอง หากผู้ใดโดนผงผลัดผิวเข้า ผิวที่ถูกผงนั้นสัมผัสจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ เบื้องต้นจะมีอาการแสบร้อนผิวหนัง แม้โดนเสียดสีเพียงเล็กน้อยก็จะรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มตำ หากถูกลมเย็นพวกเขาจะหนาวคล้ายถูกหิมะกัดและรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก หากถูกแสงแดดหรือถูกความร้อนผิวบริเวณนั้นก็จะไหม้และลอก อีกทั้งยังร้อนไปถึงภายใน”

    ส่วนผงกร่อนกระดูกนั้นข้าคิดมาเพื่อจะช่วยให้กระดูกที่หักผสานกันง่ายขึ้น แต่เพราะใส่ตัวยาบางอย่างมากเกินไป ผงยานั้นจึงกลายเป็นโทษขึ้นมา หากผู้ที่ถูกผงกร่อนกระดูกสัมผัส ผงนั้นจะซึมเข้าสู่ร่างกายแทรกเข้าสู่ผิวหนังส่งผลให้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแรง เวลาขยับร่างกายเมื่อใดก็กระดูกส่วนนั้นก็จะปวดร้าวคล้ายกับถูกกร่อน สร้างความทรมานไม่น้อย แต่พวกท่านไม่ต้องกังวล ถึงแม้จะทรมานแต่ก็ไม่ถึงตาย ผงผลัดผิวนั้นแค่อาบน้ำใบชาหรือทิ้งไว้สักสี่ห้าวันยาเหล่านั้นก็หมดฤทธิ์ไปเอง

    แต่ข้าอยากให้คนพวกนั้นมันทรมานจนตายใบหน้าของถานเฟิงโหดเหี้ยมขึ้น

    ใช่ คนพวกนั้นอ้างว่าเป็นฝ่ายธรรมะแต่กลับทำตัวไม่ต่างกับหมาหมู่ผีสือเอ่ย แต่ก็มองเฟิงชิงถิงด้วยแววตาเลื่อมใสมากกว่าเดิม

    แต่ไม่คาดว่าแม่นางเฟิงจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ถานเฟิงเองก็อดที่จะเลื่อมใสในตัวนางไม่ได้ นางทั้งฉลาดหลักแหลมอีกทั้งยังดูแลท่านประมุขเขาอย่างดีอีกต่างหาก

    มนุษย์ทุกคนย่อมมีขีดจำกัดของตนเองผู้ใดใช้ให้พวกเขาเรียกนางว่านางมาร นังแพศยา นังตัวดี กันเล่า

    น่ายินดีที่เหล่าชาวยุทธ์พวกนั้นสามารถทำให้แม่นางเฟิงข้ามขีดจำกัดนั้นมาได้ถานเฟิงยิ้มใบหน้าที่ดูเหี้ยมเกรียมอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย

    เมื่ออาหารถูกลำเลียงมาจนเต็มโต๊ะ ถานเฟิงก็สั่งให้คนออกไปจนหมด ส่วนสือซานเหลียงก็ไม่สนใจผู้ใดคีบเนื้อปลาน้ำแดงชิ้นโตไว้ในชามข้าวตรงหน้าเฟิงชิงถิงชิ้นหนึ่งก่อนจะเริ่มกินอาหารของตนเอง

    เฟิงชิงถิงเห็นถานเฟิงและผีสือที่ยืนมองอยู่ห่างๆ นางก็คิดจะเอ่ยเรื่องอาการสติไม่ดีของสือซานเหลียง แต่คนทั้งสองกลับปัดชายเสื้อคุกเข่าให้กับนาง

    ข้าทั้งสองขอบคุณแม่นางเฟิงที่ช่วยเหลือท่านประมุข โปรดรับการคารวะจากพวกข้าด้วย

    พวกท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ โปรดลุกขึ้นเฟิงชิงถิงตกใจที่ชายตัวโตสองคนคารวะให้นางอย่างเต็มพิธี

    ชายทั้งสองยอมลุกขึ้นแต่ถานเฟิงยังเอ่ยต่อ เราออกตามหาท่านประมุขอยู่นานก็หาไม่เจอ จนมีคนมาสอบถามหาญาตินามว่าสือซานเหลียงที่สาขาสำนัก เพราะพวกข้าไม่ไว้ใจจึงออกมาสืบดู เมื่อรู้ว่าเป็นท่านประมุขจริงๆ ข้าเห็นว่าที่โรงผ้าปักนั้นดูปลอดภัยกว่าสาขาสำนักที่มีชาวยุทธ์จับตาอยู่ จึงให้คนที่ไว้ใจได้แอบคุ้มครองพวกท่านอยู่ห่างๆ จนมั่นใจว่าที่แห่งนี้ปลอดภัยจากเหล่าชาวยุทธ์จึงได้กล้าไปรับพวกท่านมา

    แล้วพวกท่านรู้หรือไม่ว่า ยามนี้สือซานเหลียงเขาเฟิงชิงถิงถาม

    ชายทั้งสองพยักหน้า

    “พวกเรารู้ว่ายามนี้ท่านประมุขมีอาการไม่ปกติ อีกทั้งยังสืบรู้ว่าแม่นางเฟิงเองก็ถูกทหารเจิ้งตามตัวอยู่ ดังนั้นแม่นางไม่ต้องกังวล ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นชาวยุทธ์หรือทหารแคว้นเจิ้ง ไม่มีผู้ใดตามตัวท่านหรือท่านประมุขเจอแน่นอน” ผีสือบอก

    เฟิงชิงถิงพยักหน้า รู้สึกสงบขึ้นมากเมื่อรู้ว่าพวกเขาสืบเรื่องของสือซานเหลียงและนางมาอย่างดี

    “เท่าที่ข้ารู้แม่นางเฟิงก็เป็นหมอเช่นกัน อีกทั้งยังมีฉายาถึงหมอเทวดาตัวน้อย ดังนั้นขอแม่นางเฟิงโปรดชี้แนะว่าอาการของท่านประมุขยามนี้เป็นอย่างไรบ้างและควรจะรักษาอย่างไรผีสือถาม

    พวกท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าสือซานเหลียงนั้นยามนี้ไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บธรรมดาเฟิงชิงถิงถามคนทั้งสองเพื่อความแน่ใจ

    เรารู้ว่าท่านประมุขสติของเขา... แต่เรื่องนี้พวกเราต้องเก็บไว้เป็นความลับ แม้แต่คนในพรรคก็บอกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นท่านประมุขอาจจะเป็นอันตรายได้ถานเฟิงตอบและละคำบางคำเอาไว้

    เฟิงชิงถิงพยักหน้า ถานเฟิงอธิบายต่อไปว่า หากมีผู้อื่นรู้เข้า พวกเขาอาจจะใช้โอกาสนี้ลอบสังหารท่านประมุขได้ ยามนี้จึงรบกวนแม่นางเฟิงช่วยพวกเราปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับอีกแรงหนึ่ง

    ข้าเข้าใจนางตอบสีหน้าจริงจัง เช่นนั้นข้าจะเล่าอาการโดยละเอียดของเขาให้พวกท่านรู้ก่อน

    หลังจากนั้นเฟิงชิงถิงก็สรุปสาเหตุและอาการต่างๆ ของสือซานเหลียงให้คนทั้งสองฟัง ชายทั้งสองพยักหน้าด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

    มีทางแก้หรือไม่ขอรับถานเฟิงถาม

    ลมปราณตีกลับมีทางเดียวคือทะลวงลมปราณเพื่อให้ลมปราณกลับมาหมุนเวียนได้สะดวกเช่นเดิม แต่เพราะท่านประมุขในยามนี้คงจัดการกับลมปราณของตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องให้ผู้ที่มีพลังลมปราณล้ำลึกเป็นผู้ช่วยทะลวงให้ผีสือลูบคางตอบก่อนจะหันมาทางเฟิงชิงถิง ใช่หรือไม่แม่นางเฟิง

    เฟิงชิงถิงพยักหน้า เรื่องนี้คงไม่เป็นเรื่องใหญ่เกินความสามารถของคนพรรคโลหิตอัคคีที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งเช่นพวกท่านเฟิงชิงถิงละคำว่าพรรคมารอันดับหนึ่งเอาไว้

    ถานเฟิงและผีสือมองหน้ากัน ก่อนที่ถานเฟิงจะหันมาตอบนางด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ตอบแม่นางเฟิงตามจริง หากเป็นเมื่อก่อนตัวข้าเองก็สามารถช่วยเหลือท่านประมุขได้ หากไม่ใช่เพราะไอ้พวกคนโฉดที่สวมหน้ากากว่าตนเองเป็นผู้มีคุณธรรมใช้แผนสกปรกกับพวกเรา ท่านประมุขก็ไม่เป็นเช่นนี้

    ท่านหมายความว่าอย่างไร

    พวกเราเดินทางมาเพื่อฉลองครบรอบสองปีก่อตั้งสาขาที่ด่านชายแดนต้าหลวน โดยเดินทางเลียบชายแดนมาเรื่อยๆ เพราะต้องการรู้สถานการณ์ชายแดน แต่ไม่คิดว่าคนฝ่ายธรรมะจะรู้ข่าว พวกมันปลอมตัวเป็นชาวบ้านเปิดร้านน้ำชาอยู่ข้างทางเมื่อเราเข้าไปพักดื่มน้ำมันก็ใส่ยาพิษสลายลมปราณไว้ในน้ำชา เพราะน้ำแถวชายแดนทั้งมีกลิ่นและเฝื่อน เมื่อนำมาต้มน้ำชารสชาติฝืดเฝื่อนก็ไม่หาย พวกเราจึงไม่รู้ว่าในน้ำชานั้นมียาพิษ แต่เมื่อท่านประมุขดื่มเข้าไปแล้วเขาก็รู้ทันที แต่ก็สายไปแล้วเพราะพวกเราที่คอแห้งจากการเดินทางก็ดื่มน้ำชาไปไม่น้อยเช่นกัน

    หลังจากที่เราดื่มน้ำชาไปมาก พวกชาวยุทธ์ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีคุณธรรมก็ปรากฏตัวขึ้นมาจำนวนมาก คิดจะฆ่าล้างพรรค แต่เพราะท่านประมุขรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคนเหล่านั้นคือเขา ท่านประมุขจึงใช้ตัวเองเป็นตัวล่อและสั่งให้พวกข้าหนีไป หากท่านประมุขไม่ช่วยหลอกล่อคนเหล่านั้นให้ ท่านประมุขก็ไม่เป็นเช่นนี้ถานเฟิงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

    แต่ยามนี้เขาก็ใกล้จะหายแล้ว เหลือเพียงแค่การทะลวงลมปราณเท่านั้นเฟิงชิงถิงคิดจะปลอบ

    อย่างที่ข้าบอก พวกเราในสำนักต่างถูกพิษสลายลมปราณกันทุกคน ท่านประมุขดื่มชาไปน้อยจึงไม่เป็นอะไรมาก แต่พวกเราที่ดื่มไปมาก ลมปราณที่แก่กล้าจึงสลายไปจนเกือบหมด

    แม้ข้าจะพยายามปรุงยาที่ช่วยขับพิษนี้ให้สลายไป แต่เกือบสามเดือนแล้วลมปราณที่กลับมาก็ยังไม่ถึงครึ่งผีสือถอนหายใจ

    หากไม่ใช่เพราะถูกพิษ เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่ในโรงผ้าปักพวกนั้น แค่ใช้ระดับหัวหน้าหน่วยไม่กี่คนก็จัดการคนเหล่านั้นได้แล้วถานเฟิงกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น

    “พอจะมีผู้ใดช่วยเหลือได้หรือไม่” เฟิงชิงถิงเริ่มกังวลใจ

    “หากจะบอกว่าไม่มีก็คงไม่ใช่ แต่เกรงว่าท่านประมุขจะไม่ยินยอม”

    “แต่เรื่องนี้รอไม่ได้ เจ้าก็รู้” ผีสือค้าน

    กินเสียงห้วนดังขึ้นขัดการสนทนาของพวกนาง เสียงนั้นคือเสียงของสือซานเหลียงนี่เอง

    เขามองถานเฟิงและผีสือด้วยแววตาไม่พอใจก่อนจะหันมาสั่งเฟิงชิงถิงอีกครั้ง กิน

    ถานเฟิงหัวเราะ แต่ก็ต้องหยุดหัวเราะทันทีที่เห็นแววตาของท่านประมุขตวัดมาหา แม้ท่านประมุขยังสติไม่ดี แต่เขาที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ท่านประมุขมาหลายปี จึงพอจะรู้ว่ายามนี้ท่านประมุขนั้นไม่พอใจพวกเขา

    เช่นนั้นพวกข้าไม่รบกวนแล้ว”

    “เรื่องผู้ที่จะมาช่วยสือซานเหลียงคงต้องให้พวกท่านจัดการ เพราะข้านั้นไม่ค่อยรู้เรื่องยุทธภพ”

    “ข้าจะรีบจัดการ เชิญพวกท่านกินอาหารกันตามสบายถานเฟิงบอกก่อนจะออกจากห้องอาหารไปพร้อมกับผีสือ

    หลังจากกินอาหารมื้อดึกเสร็จ สาวใช้สองนางก็เข้ามาเชิญเฟิงชิงถิงและสือซานเหลียงไปยังเรือนนอน นางรู้จากสาวใช้ว่าเรือนนอนของนางแยกกับเรือนนอนของสือซานเหลียง แต่ยามที่จะต้องแยกกันไปเรือนนอนของแต่ละคนสือซานเหลียงกลับไม่ไปไหน

    ท่านประมุขเจ้าคะ เรือนของท่านประมุขอยู่ทางนี้เจ้าคะสาวใช้นางหนึ่งเรียกสือซานเหลียงด้วยน้ำเสียงสั่น นางเกรงว่าจะทำให้ท่านประมุขโกรธ

    โชคดีที่สือซานเหลียงเป็นคนไม่พูดมาก อีกทั้งท่าทางของเขายังคล้ายกราดเกรี้ยวตลอดเวลา จึงไม่มีใครกล้าสบตาหรือเงยหน้ามอง ทำให้ไม่มีคนสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา

    ท่านประมุขสือ เรือนนอนของท่านอยู่ทางนั้น ข้าจะพาท่านไปเองเฟิงชิงถิงคิดว่าหากนางพาเขาไปเองเขาคงยอมไป และก็เป็นดังคาด เขายอมเดินตามนางมาอย่างง่ายดาย สาวใช้เห็นเช่นนั้นก็รีบบอกทางเฟิงชิงถิงด้วยความยินดี

    เรือนพักของสือซานเหลียงถูกประดับด้วยเครื่องเรือนอย่างดี ดูโอ่อ่าและหรูหราไม่น้อย นางเดินมาส่งเขาถึงห้องโถงก็คิดจะให้สาวใช้อีกคนพานางไปยังเรือนของนาง แต่กลายเป็นว่าสือซานเหลียงเดินตามนางออกมา เอ่ยเรียกนางตามคำพูดที่เริ่มจะเคยชิน

    ฮูหยิน

    เฟิงชิงถิงกุมขมับ สาวใช้ที่ได้ยินต่างหน้าแดง

    เช่นนั้นพวกเราจะไปแจ้งกับทูตซ้ายถานว่าท่านประมุขต้องการให้แม่นางเฟิงพักอยู่ที่เรือนนอนเดียวกับท่านประมุขนะเจ้าคะ

    ยังเรียกฮูหยินว่าแม่นางเฟิงอีกหรือสาวใช้อีกคนหันไปดุสาวใช้ที่ดูอ่อนวัยกว่าก่อนจะหันมาขอโทษเฟิงชิงถิง ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน โปรดอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ

    ไม่ๆเฟิงชิงถิงโบกมือรัว คิดจะแก้ความเข้าใจผิดกับสาวใช้ทั้งสอง แต่เมื่อคิดว่าต้องปิดบังเรื่องที่สือซานเหลียงสติไม่ดีนางจึงคิดว่าไม่อธิบายจะดีกว่า

    เพราะท่านประมุขไม่ชอบให้มีคนพลุกพล่าน ดังนั้นในเรือนแห่งนี้จึงมีแค่ท่านประมุขกับฮูหยิน แต่ฮูหยินไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ เพียงแค่สั่นกระดิ่งพวกเราจะมาทันทีเจ้าคะ เช่นนั้นพวกเราขอตัวเจ้าค่ะสาวใช้รู้ว่าท่านประมุขเป็นคนไม่พูดมากเกี่ยวกับเรื่องจุกจิก นางนี้จึงอธิบายเรื่องต่างๆ ให้เฟิงชิงถิงฟังก่อนจะขอตัวออกไป

    เมื่อเหลือกันแค่สองคน เฟิงชิงถิงก็เลิกใส่ใจเรื่องต่างๆ นางเริ่มทำสิ่งที่ตนเองเคยชินคือการสางผมให้สือซานเหลียงไปพร้อมกับฝังเข็ม ระหว่างนั้นนางก็เอ่ยกับเขาอย่างเคยชิน บริเวณศีรษะที่มีเลือดคั่งยามนี้คงสลายไปหมดแล้ว ความจำของท่านคงกลับมาแล้วใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่อยู่นิ่งหากมีคนแปลกหน้าพกอาวุธเข้ามาใกล้ เช่นนั้นก็เหลืออีกเพียงอาการเดียว ท่านไม่ต้องห่วง อีกไม่นานพวกข้าจะต้องหาวิธีให้ท่านกลับมาเป็นปกติให้ได้

    หลังจากถอนเข็มออกจากศีรษะเขาจนหมด นางก็รู้สึกง่วงขึ้นมาจับใจ เฟิงชิงถิงเดินไปนั่งที่เตียงกว้าง มองสือซานเหลียงที่โยกตัวไปมาอย่างอารมณ์ดีก็อดจะเอ่ยไม่ได้ หากท่านหายแล้วห้ามเรียกข้าว่าฮูหยินอีกรู้หรือไม่ ยามนี้เพราะท่านสติไม่ดีข้าจึงไม่ถือสา

    นางปิดปากหาวพร้อมกับดวงตาปรือปรอย ไม่นานเปลือกตาที่หนักอึ้งก็ปิดลงช้าๆ นางแอนกายพิงเสาปลายเตียงพร้อมกับเอ่ยว่า หากท่านหายแล้วห้ามจับมือข้าต่อหน้าผู้อื่นด้วย ยามนี้เพราะท่านสติไม่ดีจึงไม่ถือสา เข้าใจหรือไม่คำท้ายเสียงเบาลงมาก ก่อนจะขาดหายพร้อมกับรางเล็กที่หายใจอย่างสม่ำเสมอเพราะหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย

    ร่างใหญ่ที่โยกตัวไปมาหยุดนิ่ง ดวงตาที่เหม่อลอยเบนมามองหญิงสาวที่หลับไม่รู้เรื่องด้วยแววตาแน่นิ่ง ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นมาเดินตรงไปยังเตียงตัวใหญ่ มองภาพหญิงสาวนั่งหลับตาโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เห็นปากอวบอิ่มของนางขยับไปมาเล็กน้อยคล้ายกับละเมอสิ่งใดอยู่เขาก็ยื่นมือออกมาคิดจะสัมผัสกลีบปากอวบอิ่มนั้น แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส ภาพของนางที่ปากเต็มไปด้วยเลือดก็ทำให้มือที่ขยับเข้าใกล้ค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะหดกลับไปอย่างสั่นเทา

    สือซานเหลียงเปลี่ยนการกระทำเป็นขยับไปนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้านในข้างร่างบาง เขานั่งนิ่งอยู่นานก็ไม่เห็นว่านางจะเอียงกายมาพิงเสียที คิ้วหน้าก็ขมวดอย่างไม่พอใจ สุดท้ายคนที่มีความอดทนต่ำก็ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบแขนเสื้อของเฟิงชิงถิงไว้ ดึงแขนเสื้อที่คีบเอาไว้เบาๆ ด้วยสีหน้าตั้งใจสุดฤทธิ์ เห็นหัวไหล่ของนางเอียงมาทางเขาเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากก็ผุดขึ้นมาเล็กน้อยและดึงอีกครั้งอย่างบรรจง จนนางขยับไหล่มาพิงหัวไหล่ตนเอง เขาจึงยอมคลายนิ้วออกจากเสื้อของนาง หัวเราะเฮอะๆ ออกมาสองคำเมื่อรู้สึกว่าร่างบางที่พิงตนนั้นขยับศีรษะซบลงมาที่หัวไหล่ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับมุมปากที่หยักโค้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×