ราวกับรู้ว่านั่น เป็นหน้าที่ของพวกตน ถึงแม้จะมีพลังมากมายถึงเพียงนั้น แต่เทพบรรพกาลเองก็ไม่ใช่ว่า
จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เพราะพลังงานมหาศาลในร่างกาย มันมากเกินกว่าจะควบคุมไว้ เมื่อเวลานานไป
เหล่าเทพบรรพกาลต่างก็ค่อยๆ สูญสลายทีละตนๆ ส่งมอบพลังงานมหาศาลเหล่านั้นคืนให้กับจักรวาล เสมือนหมดหน้าที่ของตนแล้ว จนกระทั่ง เหลือเทพบรรพกาลอยู่ตนสุดท้าย เมื่อรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาของตนแล้วเช่นกัน...
เทพบรรพกาลก็ได้สร้างดาวเคราะห์ ดวงสุดท้ายขึ้นมา และขนานนามดาวเคราะห์ดวงนั้นว่า "โลก"
จากนั้นก็รังสรรค์ สิ่งมีชีวิตให้เกิดขึ้นบนดาวดวงนั้น และสุดท้าย ก็ได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายกันกับตน
ออกมาเป็น 3 เผ่าพันธ์
1.มนุษย์ มากสติปัญญา ชอบคิดค้นสิ่งใหม่ๆเสมอ ใช้เวทย์มนต์ได้ ตาม ธาตุกำเนิดของตัวเอง
2.เซเลนเทียร์ เชี่ยวชาญเวทย์มนต์ ทว่า กลับ หยิ่งทะนง ส่วนมากจะมีปีก ร่างกายอ่อนแอ
3.ดีเวียร์ ร่างกายแข็งแกร่ง รวดเร็ว ว่องไว ทว่าไม่ถนัดด้านเวทย์มนต์
เมื่อได้ทำการสร้างโลกจนเสร็จสมบูรณ์ เทพบรรพกาลองค์สุดท้าย ได้จำแลงร่างของตนลงมาอาศัยอยู่บนโลก
และขึ้นปกครอง ในฐานะ พระเจ้า
โลกทำเนินไปอย่างสงบเป็นเวลากว่า4,000ปี แต่ทว่า เวลานั้นเทพพระเจ้าที่ปกครองพวกเขานั้นกลับหมดอายุขัย
และสูญสลายไป พลังแห่งเทพบรรพกาลได้ลอยขึ้นไป บนฝากฟ้า และแตกกระจายออกเป็น 12 ส่วน ปลิวหายไปตามส่วนต่างๆของโลก ....
ความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียพระเจ้ากินเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
หลังจากนั้นคำถามที่ว่า "แล้วใครควรที่จะได้ครอบครองตำแหน่งของพระเจ้า"
...ก็เกิดขึ้นตามมา
ทั้ง3เผ่าพันธ์ที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างปรองดอง บัดนี้ ...ได้หันคมดาบ อาวุธ และ เวทย์มนต์ เข้าหาซึ่งกันและกัน
มหาสงครามระหว่างเผ่าพันธ์
กินเวลายาวนานถึง 200 ปี จนดินแดนบนโลกถูกแบ่งออกเป็น 3 ทวีปหลักๆ
1.แผ่นดิน พื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
2.สรวงสวรรค์ ผืนแผ่นดินลอยฟ้า ดินแดนศักดิ์สิทธิ ของเซเลนเทียร์
3.แดนรกร้าง ดินแดนแห่งดีเวียร์
ท่ามกลางเลือดและศพมากมาย ในสมรภูมิ..
มหาสงครามได้สิ้นสุดลง เมื่อ สิ่งมีชีวิตปริศณาที่เรียกตนเองว่า ชิ้นส่วนแบ่งพระเจ้า ได้โจมตีสนามรบ ว่ากันว่า การโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้....
กองทัพของทั้ง3เผ่าพันธ์ สั่นคลอน และ แตกกระเจิง ....
สงครามที่กำลังปะทุหยุดชะงักลง ผู้นำของทั้ง 3 เผ่าพันธ์ลงความเห็นตรงกันว่า การสู้รบกันเองนั้น ไร้สาระสิ้นดี พวกเขาได้รับรู้ถึง การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด...
จึงตามมาด้วย สัญญาสงบศึก..
.........................................................................................................................................................................................................
"เป็นไงบ้างล่ะ ฮาฟ นิทาน ของโลกใบนี้หน่ะ"
"ฟังดูเวอร์ๆยังไงไม่รู้อะครับ.. ลุงไปเอาเรื่องเล่านี้มาจากไหนกัน.?? ถ้าไปฟังคนอื่นเล่ามาอีกทีล่ะก็
รับประกันได้เลยว่า มั่ว!!"
"ฮ่าๆๆๆๆ ก็นั่นสินะ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของชายสูงวัยดังขึ้น
สายลมจากทะเลพัดผ่าน สู่หน้าผาที่ตั้งตระหง่า เป็นศุนย์กลางการค้าขนาดใหญ่อีกแห่งของแผ่นดินมนุษย์
ส่งกลิ่นไอสดชื่นของทะเล โชยเข้ามาสู่โซนประสาทของชายหนุ่มและผู้สูงวัย
....ใช่แล้ว..... ณ ตอนนี้ คือโลกอันแสนสงบสุข.....โลกหลังจากสงคราม....
"อยากให้โลก มันเป็นแบบนี้ไปนานๆจังนะครับ"
"มันก็แน่นอนอยู่แล้ว.."
แล้วบทสนทนาของ ชายสูงวัยตัวอ้วน กับ ชายวัยรุ่นผมยาวมัดรวบผมไว้ด้านหลัง ในร้านขายผลไม้ ก็จบลง
เพียงแต่ว่า
ความบาดหมางของทั้ง3เผ่าพันธ์นั้นยังคงไม่เลือนหาย ความสูญเสียจากสงครามนั้นไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้
โศกเศร้า โกรธแค้น ความเจ็บปวด ยังไม่หายไปไหน แต่ยังคงหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจเพียงเท่านั้น
ความสงบสุขของโลกหลังสงครามนี้...จะยืนยาวสักเพียงไหนกันนะ..
ฮาฟคุง
ความคิดเห็น