ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เสียงที่ 2
แสงแดดยามเช้าทอประกายสีทอง เมฆสีขาวลอยเอื่อยๆอยู่บนท้องฟ้า
ลมเบาๆพัดต้นไม้ใบหญ้าข้างทางให้เอนไหวไปมา
มันเป็นวันที่อากาศสดใส เด็กชายคนหนึ่งขี่จักรยานอย่างร่าเริงอยู่บนถนนสายเล็กๆ
แถวบ้านของเขา เด็กชายชอบขี่จักรยานเล่นมาก
มีเวลาว่างไม่ได้เป็นต้องออกไปขี่จักรยาน เพราะถนนแถวบ้านของเขาไม่ค่อยมี
รถมากนัก ถนนที่เด็กชายขี่จักรยานเป็นถนนที่ตัดผ่านทางรกร้างจึงยังมีกอหญ้าสีเขียว
และต้นไม้เตี้ยๆขึ้นอยู่แน่นขนัดทั้งสองข้างทางของถนน ทำให้ดูสดชื่นไม่น้อยเวลา
ขี่จักรยานแล้วเห็นกอหญ้าสีเขียวปลิวไหวไปมา วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เด็กชายออกมา
ขี่จักรยานอย่างร่าเริงตามปกติ
เขาขี่จักรยานอย่างรวดเร็วไปตามถนนที่ทอดไปเป็นเส้นตรง
เด็กชายปั่นจักรยานอย่างรวดเร็วจนภาพรอบข้างกลายเป็นภาพที่เลือนลางเพราะความเร็ว
หูทั้งสองข้างได้ยินแต่เสียงอื้ออึงของลมที่กำลังประดังเข้ามา เขายังคิดดีใจว่าที่เขา
สามารถขี่จักรยานได้อย่างอิสระเพราะเขาอยู่ในย่านชนบทที่ห่างไกลความเจริญ
แต่ทว่า................ทันใดนั้นเองมีรถคันหนึ่งแล่นสวนมาอย่างรวดเร็ว
ถนนที่เด็กชายขี่จักรยานอยู่เป็นถนนแคบๆขนาดที่รถยนต์ไม่สามารถสวนกันได้
เด็กชายพยายามมองหาช่องทางที่จะหลบแต่ กระชั้นชิดเกินไปแล้ว หลบไม่ทัน
“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด โครม!!!!!!!!!!”
เสียงรถยนต์เบรกดังก้องไปทั้งถนนสายเปลี่ยวตามมาด้วยเสียงชนอะไรบางอย่าง
กลิ่นยางรถยนต์ไหม้ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว ทิ้งรอยยางไว้เป็นทางยาวบนท้องถนน
ทันทีที่สามารถควบคุมรถได้ ชายหนุ่มที่ขับรถอยู่รีบจอดรถแล้วลงมาดูทันที
สิ่งที่เขาเห็นคือ จักรยานที่บิดงอคันหนึ่งคว่ำอยู่ ล้อของมันกระเด็นออกไปไกลจากตัวรถ
บนซากจักรยานมีเลือดสดๆสีแดงติดอยู่เป็นหย่อมๆ เลือดสีแดงฉานที่ติดอยู่บนตัวซาก
จักรยานค่อยๆหยดลงสู่พื้นถนนหยดแล้วหยดเล่า จนกลายเป็นแอ่งเล็กอยู่บนพื้นถนน
สีดำ
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนชายหนุ่มต้องเอามือมาอุดจมูกเพราะ
ความสะอิดสะเอียน แล้วคนขับล่ะ? เขาคิดในใจแล้วคนที่ขี่จักรยานหายไปไหนกัน?
ชายหนุ่มพยายามค้นหาอยู่นานแต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เขาไม่เจอแม้แต่เงาของศพเด็กชาย
แต่ถึงยังงั้นชายหนุ่มที่ขับรถชน ก็ไม่ได้บอกคนอื่นแต่อย่างใด เพราะกลัวความผิด
เขาเดินตรงไปที่ซากจักรยานในใจคิดว่าจะเอามันโยนทิ้งไปข้างทางเพื่อกลบเกลื่อน
หลักฐาน
แต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาแทบต้องหยุดหายใจ เพราะจักยานทั้งคันกลายเป็นสีแดง
ของเลือดในชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาค้นหาศพ จักยานทั้งคันกลายเป็นสีเลือดมันโดน
ย้อมจากเลือดสดๆของเด็กชาย ชายหนุ่มขนลุกซู่สันหลังเย็นวาบไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไป
ใกล้มันเขาจึงกลับขึ้นรถแล้วขับกลับออกไปทันที
หลังจากนั้นไม่นานพิธีศพของเด็กชายได้ถูกจัดขึ้นตามธรรมเนียมแต่ทว่าในโลงศพนั้น
กลับว่างเปล่าไร้ซึงร่างที่ปราศจากลมหายใจของเด็กชาย.............................................
เย็นมากแล้วดวงอาทิตย์ทอแสงสีแดงเรื่อๆก่อนที่กำลังจะลับหายไปจากขอบฟ้าสีเทา
ความมืดค่อยๆโรยตัวอย่างเชื่องช้าเข้าครอบคลุมบริเวณถนนไว้
ถนนสายนี้จะมืดมากในเวลากลางคืนเพราะเสาไฟฟ้าที่มีอยู่สองข้างทางของถนนก็น้อย
เหลือเกิน นายตำรวจคนหนึ่งกำลังขี่จักรยานเพื่อลาดตระเวนบริเวณถนนเพราะเป็นถนน
สายเปลี่ยวซึงอาจจะเกิดอาชญากรรมขึ้นได้ง่ายๆ ขณะที่กำลังขี่จักรยานอยู่นั่นเอง
เขาได้ยินเหมือนเสียงจักรยานอีกคันวิ่งมาข้างหลังแต่มันเป็นเสียงที่แปลกประหลาดมาก
เพราะเสียงล้อจักรยานดัง กุกกัก กุกกัก ในใจคิดว่าจักรยานอะไรกันล้อเสียแล้ว
ยังไม่รู้จักซ่อม เสียงดังกล่าวเข้าใกล้เขามาเรื่อยๆ กุกกัก กุกกัก กุกกักใกล้เข้ามา กุกกัก
กุกกัก ใกล้เข้ามาอีกจนเขาทนไม่ไหวต้องหันไปมอง
ภาพที่เห็นคือจักรยานพังๆคันหนึ่งที่มีล้อบิดเบี้ยวกำลังแล่นตามหลังเขามา
ตัวจักรยานสีแดงฉานเหมือนเลือดกำลังปั่นเองโดยที่ไม่มีคนนั่งอยู่
เลือดสีแดงหยดแล้วหยดเล่า เยิ้มไหลลงมาจากตัวจักรยานเป็นทาง
นายตำรวจมองตาค้าง เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาตามมือของเขา
สันหลังเย็นวาบลำคอตีบตันจนรู้สึกว่าแทบจะหยุดหายใจ
เขาอยากจะเบือนหน้าหนี อยากจะหลับตาแต่ก็ทำไม่ได้
จนในที่สุดจักรยานคันนั้นได้แซงหน้าเขาไป มันยังปั่นไปด้วยเสียงกุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก ทางที่มันผ่านมันจะทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวทาทาบไปบนถนน
จนกลายเป็นเส้นตรงสีแดงสด มันทิ้งรอยเลือดไว้เหมือนจะบอกว่า
“ตามชั้นมาสิ”
รอยเลือดสีแดงเป็นเส้นตรงมุ่งหน้าหายเข้าไปในความมืดมิดที่น่ากลัว
รอยเลือดเป็นทางที่มันทิ้งไว้นำไปไหนกันแน่?
แล้วความมืดก็ได้กลืนมันหายเข้าไป มันยังคงวิ่งส่งเสียง กุกกัก กุกกัก กุกกัก
ไปเรื่อยๆในคืนที่เงียบงัน...................
ลมเบาๆพัดต้นไม้ใบหญ้าข้างทางให้เอนไหวไปมา
มันเป็นวันที่อากาศสดใส เด็กชายคนหนึ่งขี่จักรยานอย่างร่าเริงอยู่บนถนนสายเล็กๆ
แถวบ้านของเขา เด็กชายชอบขี่จักรยานเล่นมาก
มีเวลาว่างไม่ได้เป็นต้องออกไปขี่จักรยาน เพราะถนนแถวบ้านของเขาไม่ค่อยมี
รถมากนัก ถนนที่เด็กชายขี่จักรยานเป็นถนนที่ตัดผ่านทางรกร้างจึงยังมีกอหญ้าสีเขียว
และต้นไม้เตี้ยๆขึ้นอยู่แน่นขนัดทั้งสองข้างทางของถนน ทำให้ดูสดชื่นไม่น้อยเวลา
ขี่จักรยานแล้วเห็นกอหญ้าสีเขียวปลิวไหวไปมา วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เด็กชายออกมา
ขี่จักรยานอย่างร่าเริงตามปกติ
เขาขี่จักรยานอย่างรวดเร็วไปตามถนนที่ทอดไปเป็นเส้นตรง
เด็กชายปั่นจักรยานอย่างรวดเร็วจนภาพรอบข้างกลายเป็นภาพที่เลือนลางเพราะความเร็ว
หูทั้งสองข้างได้ยินแต่เสียงอื้ออึงของลมที่กำลังประดังเข้ามา เขายังคิดดีใจว่าที่เขา
สามารถขี่จักรยานได้อย่างอิสระเพราะเขาอยู่ในย่านชนบทที่ห่างไกลความเจริญ
แต่ทว่า................ทันใดนั้นเองมีรถคันหนึ่งแล่นสวนมาอย่างรวดเร็ว
ถนนที่เด็กชายขี่จักรยานอยู่เป็นถนนแคบๆขนาดที่รถยนต์ไม่สามารถสวนกันได้
เด็กชายพยายามมองหาช่องทางที่จะหลบแต่ กระชั้นชิดเกินไปแล้ว หลบไม่ทัน
“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด โครม!!!!!!!!!!”
เสียงรถยนต์เบรกดังก้องไปทั้งถนนสายเปลี่ยวตามมาด้วยเสียงชนอะไรบางอย่าง
กลิ่นยางรถยนต์ไหม้ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว ทิ้งรอยยางไว้เป็นทางยาวบนท้องถนน
ทันทีที่สามารถควบคุมรถได้ ชายหนุ่มที่ขับรถอยู่รีบจอดรถแล้วลงมาดูทันที
สิ่งที่เขาเห็นคือ จักรยานที่บิดงอคันหนึ่งคว่ำอยู่ ล้อของมันกระเด็นออกไปไกลจากตัวรถ
บนซากจักรยานมีเลือดสดๆสีแดงติดอยู่เป็นหย่อมๆ เลือดสีแดงฉานที่ติดอยู่บนตัวซาก
จักรยานค่อยๆหยดลงสู่พื้นถนนหยดแล้วหยดเล่า จนกลายเป็นแอ่งเล็กอยู่บนพื้นถนน
สีดำ
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนชายหนุ่มต้องเอามือมาอุดจมูกเพราะ
ความสะอิดสะเอียน แล้วคนขับล่ะ? เขาคิดในใจแล้วคนที่ขี่จักรยานหายไปไหนกัน?
ชายหนุ่มพยายามค้นหาอยู่นานแต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เขาไม่เจอแม้แต่เงาของศพเด็กชาย
แต่ถึงยังงั้นชายหนุ่มที่ขับรถชน ก็ไม่ได้บอกคนอื่นแต่อย่างใด เพราะกลัวความผิด
เขาเดินตรงไปที่ซากจักรยานในใจคิดว่าจะเอามันโยนทิ้งไปข้างทางเพื่อกลบเกลื่อน
หลักฐาน
แต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาแทบต้องหยุดหายใจ เพราะจักยานทั้งคันกลายเป็นสีแดง
ของเลือดในชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาค้นหาศพ จักยานทั้งคันกลายเป็นสีเลือดมันโดน
ย้อมจากเลือดสดๆของเด็กชาย ชายหนุ่มขนลุกซู่สันหลังเย็นวาบไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไป
ใกล้มันเขาจึงกลับขึ้นรถแล้วขับกลับออกไปทันที
หลังจากนั้นไม่นานพิธีศพของเด็กชายได้ถูกจัดขึ้นตามธรรมเนียมแต่ทว่าในโลงศพนั้น
กลับว่างเปล่าไร้ซึงร่างที่ปราศจากลมหายใจของเด็กชาย.............................................
เย็นมากแล้วดวงอาทิตย์ทอแสงสีแดงเรื่อๆก่อนที่กำลังจะลับหายไปจากขอบฟ้าสีเทา
ความมืดค่อยๆโรยตัวอย่างเชื่องช้าเข้าครอบคลุมบริเวณถนนไว้
ถนนสายนี้จะมืดมากในเวลากลางคืนเพราะเสาไฟฟ้าที่มีอยู่สองข้างทางของถนนก็น้อย
เหลือเกิน นายตำรวจคนหนึ่งกำลังขี่จักรยานเพื่อลาดตระเวนบริเวณถนนเพราะเป็นถนน
สายเปลี่ยวซึงอาจจะเกิดอาชญากรรมขึ้นได้ง่ายๆ ขณะที่กำลังขี่จักรยานอยู่นั่นเอง
เขาได้ยินเหมือนเสียงจักรยานอีกคันวิ่งมาข้างหลังแต่มันเป็นเสียงที่แปลกประหลาดมาก
เพราะเสียงล้อจักรยานดัง กุกกัก กุกกัก ในใจคิดว่าจักรยานอะไรกันล้อเสียแล้ว
ยังไม่รู้จักซ่อม เสียงดังกล่าวเข้าใกล้เขามาเรื่อยๆ กุกกัก กุกกัก กุกกักใกล้เข้ามา กุกกัก
กุกกัก ใกล้เข้ามาอีกจนเขาทนไม่ไหวต้องหันไปมอง
ภาพที่เห็นคือจักรยานพังๆคันหนึ่งที่มีล้อบิดเบี้ยวกำลังแล่นตามหลังเขามา
ตัวจักรยานสีแดงฉานเหมือนเลือดกำลังปั่นเองโดยที่ไม่มีคนนั่งอยู่
เลือดสีแดงหยดแล้วหยดเล่า เยิ้มไหลลงมาจากตัวจักรยานเป็นทาง
นายตำรวจมองตาค้าง เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาตามมือของเขา
สันหลังเย็นวาบลำคอตีบตันจนรู้สึกว่าแทบจะหยุดหายใจ
เขาอยากจะเบือนหน้าหนี อยากจะหลับตาแต่ก็ทำไม่ได้
จนในที่สุดจักรยานคันนั้นได้แซงหน้าเขาไป มันยังปั่นไปด้วยเสียงกุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก ทางที่มันผ่านมันจะทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวทาทาบไปบนถนน
จนกลายเป็นเส้นตรงสีแดงสด มันทิ้งรอยเลือดไว้เหมือนจะบอกว่า
“ตามชั้นมาสิ”
รอยเลือดสีแดงเป็นเส้นตรงมุ่งหน้าหายเข้าไปในความมืดมิดที่น่ากลัว
รอยเลือดเป็นทางที่มันทิ้งไว้นำไปไหนกันแน่?
แล้วความมืดก็ได้กลืนมันหายเข้าไป มันยังคงวิ่งส่งเสียง กุกกัก กุกกัก กุกกัก
ไปเรื่อยๆในคืนที่เงียบงัน...................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น